หลังจากเปิดตัวกันมานานข้ามปี และปล่อยให้ Android ขโมยความโดดเด่นอยู่คนเดียว ทางกูเกิลก็เริ่มพูดถึง Chrome OS แล้วว่า เราจะได้เห็นตัวเครื่องเน็ตบุ๊กที่รัน Chrome OS กันในปีนี้

Sundar Pichai รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ของกูเกิล กล่าวในงาน Computex 2010 ที่ไต้หวันว่าเน็ตบุ๊ก Chrome OS จะวางตลาดได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณปลายปี) เขาไม่ได้ระบุว่าบริษัทใดจะเป็นเจ้าแรกที่วางขาย Chrome OS แต่มีข่าววงในมาว่าอาจเป็น Acer ครับ

ที่มา - DigiTimes

Facebook มีปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวอยู่เรื่อยๆ แม้แต่ Mark Zuckerberg เองก็ยอมรับปัญหานี้ ล่าสุด Facebook ปล่อยเครื่องมือจัดการความเป็นส่วนตัวใหม่ที่ใช้ง่ายขึ้น ออกมากู้หน้า ผู้ใช้อย่างเราๆ ก็ควรรีบเรียนรู้วิธีใช้งานเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของตัวเองอย่างเต็มที่

ผมเชื่อว่าผู้อ่าน Blognone คงไม่มีใครไม่รู้จัก Norton โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ยอดนิยม Norton Antivirus (หรือถ้าใครแก่พอจะทัน Norton Commander ก็ไม่ว่ากันนะครับ :P)

แม้ว่าจะเป็นเจ้าตลาดมานาน แต่ภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ตรา Norton ในสายตาของพวกเรา คงหนีไม่พ้นประโยคทำนองว่า "ช้า กินแรงเครื่องมาก น่ารำคาญ จับไวรัสได้น้อย" อันเนื่องมาจากความประทับใจใน Norton รุ่นเดิมๆ ที่สร้างชื่อ (เสีย) ไว้มาก

หลายคนจึงหนีไปใช้ผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัส (หรือรักษาความปลอดภัยที่เป็นมากกว่าแอนตี้ไวรัส) ค่ายอื่นๆ ซึ่งก็มีตัวเลือกมากมายในตลาด รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ฟรีอย่าง Microsoft Security Essentials, AVG หรือ Avast! เป็นต้น

รวบข่าวเทคโนโลยีจอภาพ 2 ข่าวเป็นข่าวเดียวเช่นกันนะครับ

ข่าวแรก ที่งาน Computex 2010 มีคนเอาจอของบริษัท Pixel Qi (บริษัทของนักวิจัยที่ทำจอให้ OLPC) ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการแสดงผลใต้แสงอาทิตย์ ไปเทียบกับจอ iPad ในบริเวณด้านนอกห้องประชุมที่จัดแสดงงาน Computex ผลก็เป็นไปตามคาดว่า Pixel Qi ชนะ iPad หลายช่วงตัว (แอปเปิลน่าจะซื้อไปใช้บ้างนะ) วิดีโอดูด้านใน - Gizmodo

หลังจากอันดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก TOP500 ประกาศออกมา (ดูข่าว ซูเปอร์ คอมสายเลือดจีนแซง Roadrunner ได้แล้ว) ทางเว็บไซต์ BBC ได้นำข้อมูลของ TOP500 รอบล่าสุดมาทำเป็นกราฟิกให้เข้าใจกันง่ายๆ

แนวโน้มที่ดำเนินมายาวนานแล้ว และยังเป็นความจริงอยู่ก็คือ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ส่วนมากใช้ลินุกซ์เป็นระบบปฏิบัติการ และสัดส่วนตอนนี้คือ 91% ของคอมพิวเตอร์ทั้ง 500 ระบบ

ข่าว Android เล็กๆ หลายอัน ขอรวบเป็นอันเดียว

ทุกวันนี้เราอยู่ในโลกยุค mobile application กันอย่างไม่มีข้อกังขา แต่ถ้าถามว่า mobile app ตัวไหนได้รับความนิยมสูงสุด อาจตอบยากสักนิด ตอนนี้สำนักวิจัย Nielsen ให้คำตอบมาแล้วว่าเป็น Facebook

โปรแกรม Facebook บนมือถือได้รับความนิยมสูงสุดบน iPhone, BlackBerry และสมาร์ทโฟนอื่นๆ จะมีแค่บน Android เท่านั้นที่พ่ายให้กับ Google Maps (ซึ่งเป็นอันดับสองในแพลตฟอร์มอื่นๆ) โปรแกรมที่ได้รับความตามมาเป็นอันดับสามและสี่คือ Weather Channel และ Pandora

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอื่นๆ เช่น 21% ของคนอเมริกันมีสมาร์ทโฟนใช้แล้ว, 14% ของผู้ใช้มือถือเคยดาวน์โหลด app ในรอบ 30 วัน, เจ้าของสมาร์ทโฟนมี app เฉลี่ย 22 ตัว ถ้าเป็นมือถือธรรมดาจะมี 10 ตัว

หลังจากมีข่าว กูเกิลห้ามพนักงานใช้วินโดวส์ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ไมโครซอฟท์ก็ออกมาตอบโต้ตามความคาดหมาย

Brandon LeBlanc พนักงานของไมโครซอฟท์ได้เขียนชี้แจงลงใน Windows Blog เขาบอกว่าข้อกล่าวหาว่า "วินโดวส์ไม่ปลอดภัย" นั้นไม่จริง โดยอ้างคำให้สัมภาษณ์ของแฮกเกอร์บางคน และรายงานจากองค์กรบางแห่ง (เช่น Cisco) นอกจากนี้ยังยกประเด็นเรื่องมัลแวร์ของแมคที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มาเทียบ

สุดท้ายเขายังยกกรณีของ มหาวิทยาลัยเลิกใช้ Gmail เหตุเพราะกลัวปัญหาความเป็นส่วนตัว มาเทียบให้เห็นว่ากูเกิลก็มีปัญหาเหมือนกัน

กระบวนการสรรหาผู้อำนวยการคนใหม่ของ SIPA มาถึงจุดสิ้นสุด (ข่าวเก่า สรรหาผู้อำนวยการ SIPA เข้มข้น, 7 สมาคมยื่นจดหมายร้องบอร์ด, เผย ชื่อผู้สมัคร ผอ. SIPA 6 รายที่ผ่านคุณสมบัติ) โดยบอร์ด SIPA ได้เลือก นาวาตรีวุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ รองผู้อำนวยการถ่ายทอดเทคโนโลยี SIPA เอง (และอดีตรักษาการ ผอ.) ดำรงตำแหน่ง ผอ. คนใหม่

ผู้สมัครอีกคนที่เข้ารอบสุดท้าย (แต่ไม่ได้รับเลือก) คือนายรอม หิรัญพฤกษ์ อดีตผู้อำนวยการเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย

ที่มา - ไทยรัฐ

หนังสือพิมพ์ FT ของอังกฤษอ้างข้อมูลจากพนักงานกูเกิลว่า ตอนนี้กูเกิลกำลังพยายามลดการใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์กับคอมพิวเตอร์ภายในองค์กรอยู่ โดยเหตุผลที่สำคัญคือการที่กูเกิลถูกแฮกจากจีนเมื่อปีที่แล้ว

ตอนนี้พนักงานเข้าใหม่ของกูเกิลสามารถเลือกได้ว่าจะใช้แมคหรือลินุกซ์ ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าพนักงานยังสามารถลงวินโดวส์ได้บนโน้ตบุ๊ก แต่ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจะไม่สามารถลงได้แล้ว ถ้าพนักงานคนไหนอยากลงวินโดวส์จริงๆ ต้องทำเรื่องขออนุมัติจากผู้บริหารระดับสูงเสียก่อน

นอกจากนี้ยังมีประเด็นว่า กูเกิลพยายามผลักดันให้พนักงานบางส่วนใช้ Chrome OS เพื่อทดสอบระบบด้วยเช่นกัน

ที่มา - FT

หลังจากซีพียูมือถือแตะระดับ 1 GHz ไปเมื่อปีที่แล้ว และเราเห็นมือถือที่ใช้ซีพียู 1 GHz วางขายกันแพร่หลายในปีนี้ หลายคนอาจสงสัยว่าอนาคตของมือถือจะเป็นอย่างไรต่อไป

คำตอบอาจอยู่ที่งาน Computex ที่ไต้หวัน เพราะผู้นำในการผลิตซีพียูสำหรับอุปกรณ์พกพาอย่าง Qualcomm ได้โชว์ซีพียู Snapdragon รุ่นใหม่ที่มีความถี่สัญญาณนาฬิกา 1.2 GHz แถมยังเป็นดูอัลคอร์ในตัว

ซีพียูตัวนี้ออกแบบมาสำหรับมือถือไฮเอนด์ แท็บเล็ต และโน้ตบุ๊กตระกูล smartbook มันมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟิกที่รองรับ OpenGL ES 2.0 และเล่นวิดีโอ 1080p ได้ เรื่องการบริโภคพลังงานนั้นทาง Qualcomm บอกว่าไม่ใช่ปัญหา

เมื่อวานนี้ผมได้ลองเล่น HTC Desire แบบแป๊บ ๆ เลยมาเขียนไว้หน่อยเผื่อจะมีใครประกอบการตัดสินใจซื้อ เนื่องจากว่ามันแป๊บจริง ๆ นี่ไม่ใช่รีวิวนะครับ ก่อนซื้อควรหารีวิวจากที่อื่นประกอบอีกที

รายละเอียดอื่นๆ เช่น สเปก ลองอ่านในข่าวเก่าๆ ของ Blognone เกี่ยวกับ HTC Desire ละกันนะครับ คงไม่ต้องย้อนละ

ขอรวบข่าวการ์ดจอใหม่ของ NVIDIA เป็นสองข่าวเลยละกันนะครับ ทาง NVIDIA ได้ออกการ์ดจอในตระกูล Fermi สองตัวที่จับคนละตลาดกัน

ตัวแรกคือ GeForce GTX 465 เรียกง่ายๆ ว่าเป็นการ์ดจอตระกูล Fermi ในราคาที่ (พอ) เอื้อมถึง ถ้านับตามศักดิ์แล้ว มันเป็นการ์ดจอ Fermi อันดับสามรองจาก GTX 480 รุ่นท็อป และ GTX 470 รุ่นรองท็อป (รายละเอียดของ GTX 480/470 รวมถึงสถาปัตยกรรม Fermi อ่านได้ใน ในที่สุดมันก็มา NVIDIA GTX 480 การ์ดจอตัวแรกตระกูล Fermi)

ความแตกต่างที่สำคัญคือ GTX 465 ลดจำนวนห้องเครื่องภายในลง

นอกจาก "กองทัพแท็บเล็ตถล่มโลก" แล้ว ในงาน Computex ยังมี "กองทัพ 3D" มาชิงตำแหน่งพระเอกของงาน และเจ้าแห่ง 3D บนพีซีอาจไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก NVIDIA?

ในงานแถลงข่าวของ NVIDIA ทางบริษัทได้ประกาศแนวคิด "3D PC" หรือคอมพิวเตอร์พีซีที่สามารถเล่น 3 มิติได้ การที่พีซีใดๆ จะแบรนด์ 3D PC ไปแปะจะต้องมีองค์ประกอบดังนี้

อันนี้เป็นเครื่องมือใหม่ของ Facebook ที่เพิ่งเริ่มทดสอบ และยังไม่เปิดให้คนทั่วไปใช้ ชื่อของมันคือ Facebook Questions

แนวคิดของมันเหมือนกับ Google Answers, Yahoo! Answers หรือบริการที่ใกล้เคียงกันอย่าง Quora ซึ่งก็คือการตั้งคำถาม-ตอบคำถามในหมู่ผู้ใช้ Facebook ด้วยกัน แต่ด้วยจำนวนผู้ใช้เกือบ 500 ล้านคน มันจะกลายเป็นเครื่องมือระดมสมองขนาดใหญ่อย่างแน่นอน

ถ้าให้ผมเดา มันจะไปเชื่อมกับ Community Page ของ Facebook ด้วย (ถาม-ตอบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือหัวข้อนั้นๆ) ซึ่งมันจะทำให้ Facebook กลายเป็น Wikipedia ขนาดย่อมๆ ไปเลย

ข่าวเดิม แอปเปิลอาจโดนข้อหาผูกขาดจากการขายเพลงออนไลน์

ล่าสุดหนังสือพิมพ์ New York Post อ้างแหล่งข่าวหลายรายบอกว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ติดต่อบริษัทสื่อและบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ เพื่อขอข้อมูลและมุมมองที่มีต่อแอปเปิล

แหล่งข่าวจากฮอลลีวู้ดรายหนึ่งบอกว่า ไม่มีใครสามารถกำหนดอุตสาหกรรมได้เพียงลำพัง กรณีของ Adobe ยิ่งแต่สร้างความขุ่นเคืองให้กับบริษัทอื่นๆ ส่วนบริษัทสื่ออีกแห่งบอกว่า ถ้าแอปเปิลอยากผูกขาดตลาด ก็ควรจะศึกษาผลลัพธ์ของผู้ที่เคยผูกขาดหรือควบคุมอย่างเข้มงวดคนอื่นๆ ว่าจบลงอย่างไร

คนที่เคยอยากได้ Microsoft Courier อาจหันมามองตัวนี้ ในงาน Computex อีกเหมือนกัน ASUS ได้เปิดตัว Eee Tablet (อย่าสับสนกับ Eee Pad) ซึ่งเป็นแท็บเล็ตแบบใช้ปากกา และออกแบบมาสำหรับการจดโน้ตโดยเฉพาะ

แนวคิดของ Eee Tablet จะต่างไปจากแท็บเล็ตแบบ iPad พอสมควร (จะคล้ายกับ Kindle มากกว่า) เพราะใช้จอขาวดำแบบ TFT ที่ไม่มี backlight (ไม่ใช่ E-Ink) แสดงระดับสีเทาได้ 64 ระดับ หน้าจอขนาด 8" ความละเอียด 1024x768

ช่องต่อเชื่อมมี MicroSD, USB และเว็บแคม 2 ล้านพิกเซล ใช้งานได้นาน 10 ชั่วโมง ราคาขายน่าสนใจมาก 199-299 ดอลลาร์ (6,500-9,700 บาท) วางขายเดือนกันยายนนี้

ฝั่ง ASUS ก็ไม่น้อยหน้า เปิดตัวแท็บเล็ตของตัวเองเช่นกัน ชื่อรุ่นเดาได้ไม่ยากว่าเป็น Eee Pad ตามแบรนด์ Eee PC ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก

แท็บเล็ตตัวนี้ต่างจากของ MSI WindPad อยู่หลายจุด รุ่นใหญ่ EP121 หน้าจอ 12" ใช้ซีพียู Core 2 Duo CULV แบบประหยัดพลังงาน (ต่างจาก MSI ที่ใช้ Atom) และทาง ASUS อ้างว่ามันอยู่ได้ถึง 10 ชั่วโมง ข้อมูลตามสไลด์ของ ASUS บอกว่ามี USB, SD, เว็บแคม อีกจุดที่น่าสนใจคือมันมี docking station พร้อมคีย์บอร์ดด้วย

ส่วนระบบปฏิบัติการเป็น Windows 7 ถ้าดูจากภาพประกอบจะเห็นว่า ASUS เขียนส่วนติดต่อผู้ใช้ของตัวเองครอบลงไปเช่นกัน ราคาขายจะอยู่ที่ 399-499 ดอลลาร์ วางขายต้นปี 2011

แฝดคนละฝากับ MSI WindPad 100 (ตัวนี้ใช้เลข 110 อ่านดีๆ ระวังตาลาย) หน้าจอมีขนาด 10" เหมือนกัน แต่ไส้ในเป็น NVIDIA Tegra 2 และใช้ระบบปฏิบัติการ Android รุ่นปกติไม่ได้แก้ไข (อาจเปลี่ยนได้) ส่วนฮาร์ดแวร์มีจุดน่าสนใจคือ "หูจับ" ด้านข้าง ด้านพอร์ตเชื่อมต่อจะด้อยกว่า WindPad 100 อยู่บ้าง เพราะมี USB แค่พอร์ตเดียว และไม่มี HDMI (เข้าใจว่าน่าจะเป็น DVI แทน)

ข้อมูล ณ ตอนนี้ยังสับสนว่า MSI จะทำตลาด WindPad 110 หรือไม่ โดยผู้บริหารคนหนึ่งบอกว่าอาจไม่ส่งลงทำตลาดจริง ส่วนอีกคนบอกว่าจะขายปลายปีในราคา 399 ดอลลาร์หรือประมาณ 13,000 บาท

ตอนนี้ที่ไต้หวันเริ่มงาน Computex 2010 แล้ว สิ่งที่เราจะได้เห็นกันอย่างแน่นอนคือ "กองทัพแท็บเล็ตไต้หวันถล่มโลก" และตอนนี้มันเริ่มมาแล้ว

MSI เป็นเจ้าแรกเปิดตัวแท็บเล็ตหน้าจอขนาด 10" ความละเอียด 1024x600 สองตัวในตระกูล WindPad (ซึ่งใช้แบรนด์ตามเน็ตบุ๊ก MSI Wind) รุ่นแรกคือ WindPad 100 ใช้ซีพียู Atom Z530 มีพอร์ท USB ให้ 2 พอร์ต (ไม่ต้องซื้อหัวแปลงเพิ่ม) และพอร์ต HDMI 1 พอร์ต รวมถึงเว็บแคมด้วย

ฝั่งซอฟต์แวร์จะใช้ Windows 7 Ultimate พร้อม Wind Touch UI ที่ทาง MSI ทำเอง น้ำหนักประมาณ 0.77 กิโลกรัม (หนักกว่า iPad เล็กน้อย) วางขายภายในปีนี้ด้วยราคาประมาณ 499 ดอลลาร์

ความเดิม: ทดลองจับ Samsung Galaxy S

ผมได้รับเชิญจากซัมซุงประเทศไทย ให้ไปร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว Samsung Galaxy S ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ประเทศสิงคโปร์ เลยมาเล่าบรรยากาศของงานให้อ่านกันครับ

งานจัดขึ้นในวันที่ 26 พฤษภาคม 2553 ที่ห้องประชุม SUNTECH ใจกลางเมืองสิงคโปร์ โดยผู้บริหารระดับสูงของซัมซุงมากันพร้อมหน้า เช่น รองประธานของซัมซุงสำนักงานใหญ่ที่เกาหลี ประธานซัมซุงภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมตลาดเกาหลี) และประธานของซัมซุงสิงคโปร์

นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจากองค์กรพันธมิตรอื่นๆ ไปร่วมงานอย่างพร้อมหน้า เช่น กูเกิลในฐานะเจ้าของ Android, เครือข่ายมือถือระดับภูมิภาคอย่าง SingTel และ AIS ที่เป็น launch partner

Dell Streak แท็บเล็ตขนาด 5" ของ Dell ที่เป็นข่าวมาเรื่อยๆ มีจุดขายอีกอันหนึ่งคือจอภาพชนิดพิเศษที่เรียกว่า Gorilla Glass ซึ่งทนต่อการขีดข่วนมาก

ล่าสุดทางเว็บไซต์ Engadget ได้ทดสอบความแข็งแกร่งของจอนี้ โดยเอาปากกาจิ้มจอของ Streak อย่างรุนแรง ผลคือไม่สะทกสะท้าน ยกเว้นแค่เปื้อนหมึกจากปากกาเป็นจุดๆ เท่านั้น

ข้อมูลเท่าที่หาได้บอกว่า Motorola Droid กับ Dell Adamo ก็มีจอชนิดนี้ (แต่ไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ) ใครมี Milestone แล้วกล้าพอ ถ่ายวิดีโอทดสอบมาลง Blognone ได้ครับ

ที่มา - Engadget

ที่งาน SID 2010 (งานแสดงเทคโนโลยีของผู้ผลิตจอภาพ) ซัมซุงได้โชว์จอ LCD ขนาด 18.5" ความสามารถพิเศษของมันคือกินไฟต่ำมาก 6.3 วัตต์ และสามารถใช้ไฟเลี้ยงด้วยสาย USB 2.0 เพียงเส้นเดียว (แต่ต่อสองหัวนะครับ)

ซัมซุงบอกว่าเทคโนโลยีนี้เป็นไปได้ เพราะปรับปรุงประสิทธิภาพของการแสดงผล และประสิทธิภาพของ backlight ที่ช่วยส่องสว่าง แต่บริษัทก็ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดอื่นมากไปกว่านี้ บอกเพียงแค่ว่าจะวางขายจริงได้ในปี 2011

อีกไม่นาน สายต่อจอจะมีเพียงแค่สายเดียว?

ที่มา - Tech-On! ผ่าน Engadget

วันนี้เมื่อปีที่แล้ว ในงาน Google I/O คราวก่อน กูเกิลได้เปิดตัว Google Wave อย่างยิ่งใหญ่ เกิดกระแสพูดถึง Wave มากมาย และ invitation สำหรับ Google Wave กลายเป็นที่ต้องการอย่างมาก

ในโอกาสครบรอบหนึ่งปีของ Wave กูเกิลได้เปิดให้ทุกคนสามารถใช้งาน Wave ได้แล้ว

ในบล็อกของกูเกิลได้กล่าวถึงคุณประโยชน์ของ Wave ในแง่มุมต่างๆ แต่เว็บไซต์บางแห่งเช่น Download Squad ตั้งคำถามว่ามีคนใช้ Wave จริงๆ เหรอ เพราะแนวคิดน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่เป็นอย่างนั้น

ถ้าใครยังจำข่าว พนักงาน Foxconn ทำต้นแบบไอโฟนหายฆ่าตัวตาย กันได้ อาจจะจำชื่อ Foxconn ได้เช่นกัน ที่น่ากลัวคือในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2010 นี้ มีพนักงานของ Foxconn ในประเทศจีน พยายามฆ่าตัวตายไปแล้วถึง 12 คน (สำเร็จ 10 คน) ซึ่งสาเหตุตามที่สำนักข่าวจากโลกตะวันตกระบุคือ ชั่วโมงการทำงานยาวนาน ค่าแรงต่่ำ และปฏิบัติกับพนักงานอย่างโหดร้าย (มีรายงานว่าทำร้ายร่างกายคนงาน)