Windows 7
Windows 7 จะหมดระยะซัพพอร์ตในเวลาอีกประมาณ 1 เดือนกว่าๆ (14 มกราคม 2020) ล่าสุดมีข้อมูลยืนยันบนเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์แล้วว่า บริการแอนตี้ไวรัส Microsoft Security Essentials (MSE) ที่มาพร้อมกับ Windows 7 จะหยุดให้บริการไปพร้อมกัน
ถึงแม้ประกาศนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก แต่ตอนสมัย Windows XP หมดระยะซัพพอร์ต ไมโครซอฟท์ยังอัพเดตฐานข้อมูลไวรัสให้ Microsoft Security Essentials ต่ออีกหลายเดือน ซึ่งคราวนี้ไม่ทำแล้ว ตรงนี้จึงกลายเป็นความเสี่ยงของผู้ที่ยังจะใช้ Windows 7 ต่อไป ที่อาจต้องหาแอนตี้ไวรัสยี่ห้ออื่นมาใช้งานแทน
ส่วนบริการแอนตี้ไวรัสแบบเดียวกันคือ Windows Defender บน Windows 8 และ Windows 10 ยังใช้งานได้ตามปกติ
ไมโครซอฟท์ประกาศปิดการทำงานของ VBScript บน Internet Explorer 11 ด้วยเหตุผลว่าเป็นฟีเจอร์ที่ล้าสมัย (deprecated) ไปนานแล้ว แต่ยังเปิดให้ใช้งานต่อมาอีกระยะหนึ่งเพื่อรักษาความเข้ากันได้ (backwards compatibility) โดยเฉพาะกับเว็บไซต์เก่าๆ ภายในองค์กร
ล่าสุดไมโครซอฟท์บอกว่าถึงเวลาอันสมควรแล้ว จึงออกอัพเดตปิดการทำงานของ VBScript ของ IE11 บน Windows 10 ไปตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม และ Windows 7, 8, 8.1 จะตามมาในวันที่ 13 สิงหาคมนี้
ผู้ที่ยังจำเป็นต้องใช้ VBScript จริงๆ ยังสามารถเปิดกลับมาได้ผ่านการแก้ไข Registry หรือ Group Policy ของระบบปฏิบัติการ
ไมโครซอฟท์ออกเว็บเบราว์เซอร์ Microsoft Edge ยุค Chromium สำหรับ Windows รุ่นเก่าคือ 7, 8, 8.1 โดยตอนนี้ยังมีสถานะเป็นรุ่น Canary channel และจะออก Dev channel ตามมาในเร็วๆ นี้
ฟีเจอร์ของ Edge บน Windows 7, 8, 8.1 ก็เทียบเท่ากับ Edge บน Windows 10 เกือบทุกประการ โดยจะมีฟีเจอร์แสดงผลด้วยเอนจิน IE เพื่อซัพพอร์ตเว็บไซต์เก่าๆ ด้วยเช่นกัน
ไมโครซอฟท์เคยประกาศไว้ว่า Windows 7 จะแสดงข้อความเตือนให้อัพเกรดเป็น Windows 10 ก่อนหมดอายุซัพพอร์ต ตอนนี้เริ่มมีผู้ใช้เห็นข้อความแจ้งเตือนที่ว่าแล้ว
ผู้ใช้ชื่อ u/IneptOrange บน Reddit เผยภาพข้อความเตือนบน Windows 7 ที่บอกว่า ระยะซัพพอร์ตยาวนาน 10 ปีกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว ผู้ใช้จะไม่ได้รับการอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยอีก พร้อมปุ่มให้กดอ่านข้อมูลเพิ่มเติม (Learn More) และสามารถเลือกได้ว่าไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีก (Do not remind me again)
การแจ้งเตือนของไมโครซอฟท์รอบนี้ดูไม่น่ารำคาญเหมือนรอบก่อนที่เปิดให้อัพเกรด Windows 10 ฟรี ที่ปิดไม่ได้และหลายกรณีคือแอบเนียนอัพเกรดระบบปฏิบัติการให้เลยเสร็จสรรพ
ไมโครซอฟท์ประกาศว่าจะเริ่มขึ้นข้อความแจ้งเตือนบน Windows 7 ให้ทราบว่าจะหมดอายุซัพพอร์ตในเดือนมกราคม 2020 และเชิญชวนให้อัพเกรดไปเป็น Windows 10
ไมโครซอฟท์ยังไม่โชว์หน้าตาของข้อความแจ้งเตือนนี้ โดยบอกเพียงแค่ว่าจะเริ่มแสดงข้อความในเดือนหน้า (เมษายน) และแสดงอีกหลายครั้ง (a handful of times) ตลอดปี 2019 แต่ผู้ใช้ก็สามารถสั่งปิดถาวรไม่ให้แสดงอีกได้เช่นกัน
จุดขายสำคัญอีกประการหนึ่งของ Windows 10 คือใช้สถาปัตยกรรมกราฟิก DirectX เวอร์ชัน 12 ที่เหนือกว่าเวอร์ชัน 11 หลายด้าน ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์คงนโยบายจำกัด DirectX 12 ไว้กับ Windows 10 เพียงอย่างเดียว
แต่วันนี้ ไมโครซอฟท์ช็อควงการด้วยการประกาศพอร์ต DirectX 12 กลับมายัง Windows 7 เพื่อให้เกมเมอร์ที่ยังใช้ Windows 7 ได้ประโยชน์จากกราฟิกที่พัฒนาขึ้นด้วย โดยเกมแรกที่จะได้ DirectX 12 บน Windows 7 คือ World of Warcraft: Battle for Azeroth กับแพตช์เวอร์ชัน 8.1.5 เป็นต้นไป
Google รายงานช่องโหว่ zero-day 2 ตัวบน Chrome และ Windows พร้อมแจ้งเตือนให้ผู้ใช้รีบอัพเดตทันที
ช่องโหว่แรก (CVE-2019-5786) เกิดใน FileReader API ของ Chrome ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดในการจัดการหน่วยความจำ ทำให้ Chrome เข้าไปอ่านหน่วยความจำในตำแหน่งที่ไม่ใช้งานแล้ว เปิดช่องให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดทางไกลได้ โดย Google ได้อัพเดต Chrome เวอร์ชัน 72.0.3626.121 เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมาเพื่ออุดช่องโหว่นี้แล้ว
ส่วนอีกช่องโหว่ที่ทีมความปลอดภัยของ Google ค้นพบเป็นช่องโหว่บนวินโดวส์ที่เป็นการใช้ NULL pointer ผิดพลาดในฟังก์ชั่น NtUserMNDragOver ในบางกรณี นำไปสู่การเพิ่มสิทธิของไดรเวอร์เคอร์เนล win32k.sys ซึ่งอาจทำให้โค้ดที่มุ่งร้ายหลบการตรวจสอบจากแซนด์บ็อกซ์ได้
จากกรณี Windows 7 จะหมดระยะซัพพอร์ตในเดือนมกราคม 2020 โดยไมโครซอฟท์เปิดให้องค์กรซื้อแพตช์ความปลอดภัยเพิ่มได้อีก 3 ปี ภายใต้โครงการชื่อ Extended Security Updates (ESU)
ล่าสุดไมโครซอฟท์ประกาศราคาออกมาแล้ว โดยราคาคิดต่อจำนวนอุปกรณ์ และราคาจะแพงขึ้นทุกปี ไมโครซอฟท์ยังแบ่งราคาออกเป็น 2 แบบคือ ลูกค้า Windows 7 Pro ไลเซนส์ปกติ และลูกค้าที่มีไลเซนส์ Windows 10 Enterprise อยู่แล้ว สามารถซื้อแพตช์ของ Windows 7 ESU ได้แบบ add-on ในราคาถูกลงครึ่งหนึ่ง
สถิติจาก Net Applications ในเดือนธันวาคม 2018 ระบุว่าส่วนแบ่งตลาดระบบปฏิบัติการของผู้ใช้เน็ต Windows 10 แซงหน้า Windows 7 ได้สำเร็จแล้ว
ตัวเลขล่าสุดของ Windows 10 ในเดือนล่าสุดอยู่ที่ 39.22% ของระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปทั้งหมด ส่วน Windows 7 อยู่ที่ 36.90%
ถ้าแยกตามระบบปฏิบัติการอย่างเดียว (รวมทุกเวอร์ชัน) Windows มีส่วนแบ่งตลาด 86.20%, mac OS 10.65%, Linux 2.78%, Chrome OS 0.32%
อย่าลืมว่า Windows 7 เหลืออายุซัพพอร์ตปีสุดท้ายแล้ว โดยจะหมดอายุอย่างถาวรในวันที่ 14 มกราคม 2020
ประเด็นสำคัญของโลกไอทีปี 2019 ที่ต้องจับตาคือ Windows 7 จะหมดระยะซัพพอร์ตในวันที่ 14 มกราคม 2020 เท่ากับว่าเราเหลือเวลาอีก 1 ปีพอดีก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะหมดอายุ
ตามปกติแล้วไมโครซอฟท์มีระยะเวลาซัพพอร์ตระบบปฏิบัติการนาน 10 ปี โดยแบ่งเป็นช่วง mainstream support ที่แก้บั๊ก-ออกแพตช์-เพิ่มฟีเจอร์ ในช่วง 5 ปีแรก และช่วง extended support ที่ออกแค่แพตช์ความปลอดภัยในช่วง 5 ปีหลัง
กรณีของ Windows 7 ออกตัวจริงในเดือนกรกฎาคม 2009 มาถึงตอนนี้ก็เกือบครบ 10 ปีแล้ว โดยไมโครซอฟท์ยืดระยะซัพพอร์ตให้อีกเล็กน้อย ไปจบที่เดือนมกราคม 2020
ไมโครซอฟท์ให้รายละเอียดเพิ่มเติมของแผนการ เปลี่ยนเอนจินของ Edge มาใช้ Chromium ดังนี้
ในที่สุดไมโครซอฟท์ก็เข้ามาลุยตลาด virtual desktop infrastructure (VDI) ด้วยตัวเอง ผ่านบริการใหม่ Windows Virtual Desktop ที่รันบน Azure เพียงอย่างเดียว ไม่ต้องติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ใดๆ ในองค์กรเลย
Windows Virtual Desktop เป็นบริการเดสก์ท็อปเสมือนดังเช่น VDI ค่ายอื่นๆ ส่วนฟีเจอร์ที่สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งมีดังนี้
Adobe ประกาศว่า Creative Cloud เวอร์ชันหน้าที่จะออกในเร็วๆ นี้ (น่าจะเปิดตัวในงาน Adobe MAX เดือนหน้า) จะไม่ซัพพอร์ตระบบปฏิบัติการรุ่นเก่าแล้ว ได้แก่
ส่วน Windows 7 ที่ยังมีผู้ใช้เป็นจำนวนมากจะยังซัพพอร์ตต่อไป ยกเว้นแอพพลิเคชันสายวิดีโอได้แก่ Adobe Media Encoder, After Effects, Audition, Character Animator, Prelude, Premiere Pro จำเป็นต้องใช้ Windows 10 v1703 ขึ้นไปเท่านั้น ไม่สามารถใช้บน Windows 7 ได้อีกแล้ว
ผู้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นเก่ายังสามารถใช้ Creative Cloud เวอร์ชันปัจจุบันได้ต่อไป แต่จะไม่สามารถติดตั้งแอพเวอร์ชันใหม่ได้แล้ว
Windows 7 จะหมดระยะซัพพอร์ตแบบระยะสุดท้าย (extended support) ในวันที่ 14 มกราคม 2020 แต่ด้วยจำนวนผู้ใช้ Windows 7 ที่ยังเยอะอยู่มาก โดยเฉพาะในตลาดองค์กร ส่งผลให้ไมโครซอฟท์ตัดสินใจต่ออายุซัพพอร์ตแบบเสียเงินให้อีก 3 ปี
ซัพพอร์ตแบบใหม่มีชื่อเรียกว่า Windows 7 Extended Security Updates (ESU) มีอายุถึงเดือนมกราคม 2023 โดยมีให้แค่สำหรับ Windows 7 Professional และ Windows 7 Enterprise เท่านั้น การคิดราคาจะตามจำนวนอุปกรณ์ และราคาจะแพงขึ้นทุกปี
นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ยังจะขยายระยะซัพพอร์ตของ Office 365 ProPlus (เวอร์ชันขายไลเซนส์ผูกกับเครื่อง ไม่ใช่ผูกกับบัญชีผู้ใช้) ให้หมดอายุเดือนมกราคม 2023 พร้อมกัน
Windows 7 ยังคงเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับไมโครซอฟท์ ยิ่งวันหมดระยะซัพพอร์ทที่กำหนดเอาไว้เดือนมกราคม 2020 ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ด้วยแล้ว โดยตัวเลขอย่างเป็นทางการจากไมโครซอฟท์ระบุว่า ยังคงมีพีซีในองค์กรขนาดกลางและเล็กใช้งาน Windows 7 อีกกว่า 184 ล้านเครื่อง (ไม่รวมจีน) และ 1 ใน 4 ของจำนวนนี้อยู่ในสหรัฐ
ขณะที่ตัวเลขคร่าวๆ จาก ComputerWorld ถึงจำนวน Windows 7 ทั่วโลกทั้งองค์กรทุกขนาดและผู้ใช้ทั่วไปอยู่ที่ราว 709 ล้านเครื่อง โดยฝั่งผู้ใช้ทั่วไปอยู่ที่ราว 390 ล้านเครื่อง โดยไม่รวมตัวเลขในจีนเช่นกัน
เมื่อปลายเดือนที่แล้วไมโครซอฟท์ได้เริ่มทยอยอัพเดตความสามารถใหม่ให้กับ OneDrive desktop ในชื่อ Known Folder Move (KFM) ฟีเจอร์ซึ่งจะช่วยซิงค์โฟลเดอร์ที่ Windows เตรียมไว้ให้ผู้ใช้จัดเก็บข้อมูลทั้ง Desktop, Documents และ Pictures ขึ้นไปเก็บบน OneDrive ได้ง่ายๆ ผ่านการตั้งค่าเพียงไม่กี่คลิก
โดยปกติแล้วการซิงค์โฟลเดอร์ข้างต้นกับ OneDrive ต้องอาศัยการย้ายตำแหน่งของแต่ละโฟลเดอร์ไปวางไว้ภายใต้ OneDrive ด้วยตัวเอง แต่ด้วยฟีเจอร์ KFM สิ่งที่ผู้ใช้ต้องทำเหลือเพียงแค่คลิกเลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการจากหน้าตั้งค่า Auto Save ในเมนู Setting ของ OneDrive เท่านั้น
Frank K. Dickman จากเมืองแอลบูเคอร์คี รัฐนิวเม็กซิโกได้ยื่นฟ้องไมโครซอฟท์ หลังแล็บท็อป ASUS 54L ของเจ้าตัวที่มาพร้อมกับ Windows 7 แบบ OEM ถูกบังคับอัพเดตเป็น Windows 10 แล้วไม่สามารถใช้งานได้ และกระบวนการอัพเดตทำให้แคชไฟล์และแบ็คอัพของ Windows 7 หายไปด้วย
Dickman ระบุว่าเรียกร้องให้ไมโครซอฟท์ส่งลิงก์ดาวน์โหลด Windows 7 เวอร์ชัน OEM สำหรับติดตั้งบนแล็บท็อปของเขา แน่นอนว่าไมโครซอฟท์ปฏิเสธ Dickman จึงฟ้องไมโครซอฟท์ พร้อมเรียกร้องให้ผู้พิพากษามีคำสั่งให้ไมโครซอฟท์ปฏิบัติตามคำร้องภายใน 30 วัน มิเช่นนั้นจะต้องจ่ายค่าเสียหายกว่า 600 ล้านเหรียญ
ไมโครซอฟท์มี 'บริการ' ความปลอดภัยชื่อ Windows Defender Advanced Threat Protection (เรียกย่อๆ คือ Windows Defender ATP) ที่เริ่มนำมาใช้กับ Windows 10 Fall Creators Update
ล่าสุดไมโครซอฟท์ประกาศว่าจะขยาย Windows Defender ATP ไปใช้กับ Windows 7 และ Windows 8.1 ด้วย เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ยังมี Windows เวอร์ชันเก่าใช้งานอยู่
StatCounter ผู้เก็บสถิติการเยี่ยมชมเว็บไซต์ทั่วโลก รายงานว่าผู้ใช้ Windows 10 แซงหน้าระบบปฏิบัติการรุ่นพี่ Windows 7 ได้แล้วในเดือนมกราคม 2018
สถิติของ StatCounter ระบุว่า Windows 10 มีสัดส่วน 42.78% ของผู้ใช้วินโดวส์ทั้งหมด ส่วน Windows 7 ค่อยๆ ลดลงมาจนตอนนี้เหลือ 41.86% อันดับสามตามมาห่างๆ ด้วย Windows 8.1 ที่ 8.72%
ส่วนสถิติของผู้ใช้ในไทย Windows 10 ยังตาม Windows 7 อยู่เยอะพอสมควร โดย Windows 7 มี 47.61% และ Windows 10 มี 37.8%
หลังจากที่ Windows 7 ส่วนใหญ่โดน WannyCrypt โจมตี ล่าสุดได้พบบั๊กใหม่ที่ทำให้เครื่องที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 และ Windows 8 ช้าลงจนค้างได้
Ars Technica ระบุว่าเว็บไซต์ไม่ประสงค์ดีสามารถใช้บั๊กดังกล่าวในการเรียกไฟล์รูปในโฟลเดอร์ "$MFT" โดย Windows ใช้ "$MFT" สำหรับเก็บ metadata บนระบบไฟล์แบบ NTFS ทำให้ Windows 7 และ Windows 8 มีปัญหากับโฟลเดอร์ชื่อนี้
Costin Raiu นักวิจัยจาก Kaspersky Lab เปิดเผยผลการศึกษาพบว่าคอมพิวเตอร์ที่ถูกโจมตีจากมัลแวร์ WannaCry นั้น 98% ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 ไม่ได้มาจากระบบปฏิบัติการเวอร์ชันเก่ากว่านั้นอย่างที่เข้าใจกัน โดย Windows XP และ 2008 R2 Server นั้นมีรวมกันเพียง 1% เท่านั้น
โดยส่วนใหญ่ของ Windows 7 ที่ถูกโจมตีเป็นเวอร์ชัน Windows 7 x64
ตัวเลขนี้ถือว่าสมเหตุสมผลเพราะ Windows 7 ปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้งานสูงกว่า Windows 10 ถึง 4 เท่า ถือเป็นระบบปฏิบัติการยอดนิยมตอนนี้ก็มีโอกาสที่จะมีจำนวนการถูกโจมตีที่สูงกว่าระบบปฏิบัติการอื่น
ที่มา: The Verge
ข่าวร้ายของแฟนๆ AMD ที่ยังใช้ Windows 7 เพราะล่าสุดมีข่าวว่า AMD จะไม่ออกไดรเวอร์ของซีพียู Ryzen อย่างเป็นทางการให้กับ Windows 7 ซะแล้ว
AMD ระบุว่าบริษัททดสอบ Ryzen กับทั้ง Windows 7 และ Windows 10 แต่บริษัทจะออกไดรเวอร์และซัพพอร์ตเฉพาะ Windows 10 เท่านั้น แนวทางนี้ตรงกับอินเทล ที่กำหนดว่าซีพียูรุ่นใหม่ๆ อย่าง Kaby Lake จะต้องใช้ Windows 10 ขึ้นไปเช่นกัน
สถานะของ Windows 7 ตอนนี้หมดระยะ mainstream support ไปตั้งแต่ปี 2015 และเข้าสู่ระยะ extended support ที่จะไม่มีฟีเจอร์ใดๆ เพิ่มเข้ามาอีกแล้ว ผู้ที่อยากใช้ Ryzen บน Windows 7 จะสามารถบูตขึ้นมาใช้งานได้ แต่ไม่มีอะไรการันตีว่าระบบปฏิบัติการจะมองเห็นฟีเจอร์ของ Ryzen ได้ครบ หรือได้ประสิทธิภาพเต็มที่อย่างที่โฆษณา
ปัจจุบัน Windows 7 ยังมีคนใช้งานอยู่มาก แต่ตัวระบบปฏิบัติการก็เข้าสถานะ extended support คือไม่มีฟีเจอร์อะไรใหม่อีกแล้ว มีเฉพาะแพตช์ความปลอดภัยไปจนถึงเดือนมกราคมปี 2020 (มีอายุอีก 3 ปี) ล่าสุดไมโครซอฟท์ออกมาประกาศให้ลูกค้าเริ่มอัพเกรด Windows 7 กันได้แล้ว
ประกาศนี้มาจากบล็อกของ Microsoft Germany โดยไมโครซอฟท์ให้เหตุผลว่าสถาปัตยกรรมความปลอดภัยของ Windows 7 ล้าสมัยแล้ว ไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดของระบบรักษาความปลอดภัยยุคปัจจุบัน และไมโครซอฟท์แนะนำให้ลูกค้ารีบอัพเกรดเป็น Windows 10 ที่มีระดับความปลอดภัยดีกว่ากันมาก
หลังไมโครซอฟท์ประกาศไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ตอนนี้ Windows 7 Pro ร่วมกับ Windows 8.1 หมดระยะการขายให้กับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ (OEM) แล้วตั้งแต่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ดังนั้นหากพบเห็นแล็บท็อปที่ติดตั้งมาพร้อม Windows 7 Pro หรือ Windows 8.1 แสดงว่าเป็นเครื่องสต๊อคที่ยังขายไม่หมด
การหมดระยะดังกล่าว ทำให้ตอนนี้มีเพียง Windows 10 เท่านั้นที่จะถูกติดตั้งบนอุปกรณ์มาตั้งแต่โรงงาน ขณะที่ไมโครซอฟท์ระงับการขาย Windows 8 ให้กับ OEM ตั้งแต่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา
เมื่อเร็วๆ นี้ Shad Larsen หัวหน้าฝ่ายวางแผนธุรกิจของไมโครซอฟท์ ได้ออกมาประกาศนโยบายใหม่ของบริษัท หลังจากที่ประกาศเรื่องการปรับให้ซีพียูรุ่นใหม่ๆ ต้องทำงานบน Windows 10 ได้เท่านั้นไปก่อนหน้านี้ ซึ่งประกาศล่าสุดไมโครซอฟท์ได้ตัดสินใจขยายระยะเวลาการสนับสนุน Windows 7 และ Windows 8.1 ออกไปเพิ่มเติมแล้ว แต่เฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้ Skylake เท่านั้น
โดยเรื่องหลักๆ ที่ ไมโครซอฟท์ประกาศออกมามีทั้งหมด 3 ข้อ ดังต่อไปนี้ครับ