แอปเปิลเคยมีบริการพิเศษ เพิ่มเงินอีก 99 เซนต์เพื่อแปลงเพลงที่ซื้อจาก iTunes Store มาเป็นริงโทนบน iPhone มันอาจไม่ใช่ฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมมากนัก (เพราะต้องเสียเงิน) ทำให้ iTunes 10 แอบถอดฟีเจอร์นี้ออกไปแบบเงียบๆ แล้ว

แต่ถ้าใครยังอยากทำริงโทนแบบ 99 เซนต์ บน iTunes 9.2.1 ยังสามารถทำได้ครับ

ที่มา - MacLife

นานๆ ทีโซนี่จะเอาชนะแอปเปิลได้เสียที แต่ผลสำรวจเครื่องเล่นเพลงพกพาในญี่ปุ่นประจำเดือนสิงหาคม Walkman มีส่วนแบ่งตลาด 47.8% ส่วน iPod อยู่ที่ 44.0%

นี่เป็นครั้งแรกที่โซนี่เอาชนะแอปเปิลได้ นับตั้งแต่แอปเปิลเปิดตัว iPod ครั้งแรกเมื่อปี 2001 เหตุผลส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผู้บริโภคชะลอซื้อ iPod เพื่อรอดูการเปิดตัว iPod รุ่นใหม่นั่นเอง

ที่มา - AFP

NVIDIA ออกหน่วยประมวลผลกราฟิกสำหรับโน้ตบุ๊กรุ่น GeForce 400M ซึ่งรวมเทคโนโลยีรุ่นล่าสุดของ NVIDIA มาครบถ้วน สถาปัตยกรรมพื้นฐานเป็น Fermi รองรับ DirectX11, CUDA, PhysX, 3D Vision นอกจากนี้ยังสลับการ์ดจอด้วยเทคโนโลยี Optimus

NVIDIA บอกว่ามันทำงานเร็วกว่า GeForce 300M อยู่ 40% และเร็วกว่าการ์ดจอของอินเทล 5 เท่าสำหรับการแต่งภาพ ส่วนการท่องเว็บเร็วกว่าการ์ดจอของอินเทล 50%

GeForce 400M ออกมา 7 รุ่นย่อย โดยรุ่นต่ำสุดคือ GeForce GT 415M มีหน่วยประมวลผลย่อย 48 คอร์ และรุ่นสูงสุด GeForce GTX 470M มี 288 คอร์

ใน Skype 5.0 Beta 1 ได้เพิ่มฟีเจอร์ groups video call ที่สนทนาได้พร้อมกัน 4 คน (รีวิวโดยคุณ hisoft) สำหรับรุ่น Beta 2 ทาง Skype ได้เพิ่มจำนวนเป็น 10 คนแล้วครับ

ข้อจำกัดในการคุย 10 คนคือทุกคนต้องใช้ Skype 5.0 Beta 2 ขึ้นไป และตอนนี้มีเฉพาะบนวินโดวส์เท่านั้น

ที่มา - Skype Blog

ในงานแถลงข่าวของแอปเปิลวันก่อน สตีฟ จ็อบส์ เปิดศึกสงครามน้ำลาย โดยเกทับตัวเลขผู้ใช้ใหม่ (activating) ของ Android ที่เคยระบุว่า 200,000 รายต่อวัน ด้วยยอดของ iOS ที่ 230,000 รายต่อวัน พร้อมแซวกูเกิลว่า

"We think some of our friends are counting upgrades in their numbers"

ล่าสุดโฆษกของกูเกิลออกมาค้านแล้วว่า ยอดนี้ไม่รวมอัพเกรด และนับเฉพาะอุปกรณ์ Android ที่ต่อเชื่อมกับบริการของกูเกิลเท่านั้น ยังไม่ได้นับอุปกรณ์บางชนิด (เช่น แท็บเล็ต) ที่กูเกิลยังไม่ให้ต่อกับบริการของตัวเอง

สงครามบลัฟกันแบบนี้คงมีไปอีกนานครับ

ทาง Twitter ได้ออก official client สำหรับ iPad มาแล้ว โดยอิงจากโปรแกรม Tweetie และทีมงานเดิมที่ซื้อกิจการมานั่นเองครับ

Twitter for iPad จะหน้าตาคล้ายกับ Tweetie บนแมค นั่นคือแบ่งจอเป็น 3 ส่วนคล้ายกับโปรแกรมอีเมล มีฟีเจอร์อย่างการพรีวิววิดีโอและรูปภาพในตัว รองรับ gesture และสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องล็อกอิน เพราะโปรแกรมจะแนะนำบัญชี Twitter คนดังมาให้เราลองเล่นดูก่อน

มีรีวิวให้อ่านที่ Engadget

ที่มา - Twitter Blog

ต่อจากข่าวเก่า HP กับ Dell แย่งกันซื้อบริษัทสตอเรจ 3PAR สรุปว่า Dell ยื่นข้อเสนอสุดท้ายที่ราคา 2 พันล้านดอลลาร์ และบอกว่าขอหยุดแค่นี้ ทำให้ HP ที่เสนอ 2.4 พันล้าน ได้ 3PAR ไปเรียบร้อยแล้ว

ราคาเริ่มต้นคือ 1.13 พันล้านครับ

ที่มา - TechCrunch IT

เมื่อสองปีที่แล้ว กูเกิลได้เปิดตัว Chrome รุ่นเบต้าแรก และได้สร้างความฮือฮาให้วงการเบราว์เซอร์อย่างมาก ความเร็วของ Chrome เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามจาวาสคริปต์ที่เบราว์เซอร์ทุกตัวต้องลงมาเล่น ทำให้เบราว์เซอร์พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในรอบสองปีให้หลังนี้

ในโอกาสครบรอบสองปี กูเกิลได้ออก Chrome 6 รุ่นจริง (ตามรอบการออกรุ่นที่เร็วขึ้น) ส่วนรายการฟีเจอร์ใหม่อ่านได้จากข่าวเก่า มีอะไรใหม่ใน Chrome 6 และ Chrome 6 เข้าสู่สถานะ Beta

ที่มา - Chrome Blog

หนึ่งในประกาศของแอปเปิลเมื่อคืนที่ผ่านมา คือการลดราคา "เช่า" รายการทีวี จากเดิมตอนละ 2.99 ดอลลาร์ลงมาเหลือ 99 เซนต์ โดยใช้ดูกับ Apple TV ได้ หรือจะดูผ่านคอมด้วย iTunes ก็ได้

คู่แข่งในวงการอย่าง Amazon ซึ่งมีบริการ Video on Demand ก็ไม่หวั่น โดยเพิ่มบริการดูทีวีในราคา 99 เซนต์เท่ากัน แต่เหนือกว่าตรงที่เป็น "ซื้อขาด" ไม่ใช่เช่าแบบของแอปเปิล

เราไม่เห็นการประกาศ iTunes Cloud ในงานแถลงข่าวรอบล่าสุดของแอปเปิล แต่ในวันเดียวกัน โซนี่ได้ตัดหน้าประกาศบริการ "Music Unlimited" ซึ่งจะอยู่ใต้แบรนด์ร้านขายสื่อออนไลน์ Qriocity ที่ขายหนังแบบ video on demand มาก่อนหน้านี้

Qriocity นั้นเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของโซนี่ (หลังจากล้มเหลวมาหลายรอบ) ในการรุกตลาดสื่อมัลติมีเดียผ่านอินเทอร์เน็ต โดยมันจะเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์ของโซนี่ทุกตัว (ตอนนี้เน้นหนักที่ Bravia รุ่นต่อเน็ตได้และ PS3) โดยในสหรัฐได้เปิดบริการ “Video On Demand powered by Qriocity” มาสักระยะแล้ว และในโอกาสเดียวกันนี้โซนี่ได้ขยายบริการไปยังฟากยุโรปแล้ว

แม้ว่า Silverlight จะยังโดน Flash ทิ้งอยู่ไกล แต่ตัวเทคโนโลยีเองก็มีฐานผู้ใช้ระดับหนึ่ง และเริ่มเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม Silverlight (รวมถึง Flash) เริ่มถูกคุกคามโดย HTML5 ซึ่งมีความสามารถมากกว่า HTML4 มาก และเริ่มขึ้นมาทาบรัศมีกับโปรแกรมจำพวก RIA ทั้งหลาย

ทางทีมงานของไมโครซอฟท์จึงให้ข้อมูลผ่านบล็อก Silverlight ว่า แม้ไมโครซอฟท์จะสนับสนุน HTML5 เช่นกัน แต่ Silverlight ก็มี "ที่ยืน" ของตัวเอง โดยเน้นไปที่ 3 เรื่องที่ HTML ยังสู้ลำบาก (ผมอ่านดูแล้วใช้กับ Flash ก็ได้เช่นกัน)

เมื่อคืนนี้ตามเวลาเมืองไทย แอปเปิลได้จัดงานแถลงข่าวผลิตภัณฑ์ใหม่ ตามที่ประกาศไว้ล่วงหน้า โดยสิ่งที่ประกาศก็ตรงกับข่าวลือก่อนงานเกือบทั้งหมด ไม่มีอะไรพลิกโผมากนัก

สรุปสิ่งที่แอปเปิลเปิดตัว

ในที่สุดไมโครซอฟท์ก็ประกาศว่า Windows Phone 7 ได้เข้าสู่สถานะ release to manufacturing (RTM) หรือพูดง่ายๆ แปลว่ามันเสร็จสมบูรณ์แล้วนั่นเอง ขั้นตอนจากนี้ไปจะเป็นฝั่งของผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ในการนำ WP7 ไปประกอบร่างเข้ากับตัวโทรศัพท์มือถือ พร้อมปรับแต่งและทดสอบก่อนวางขาย

ไมโครซอฟท์บอกว่าได้แจกจ่าย WP7 ให้นักพัฒนาภายนอก "หลักพัน" ทดสอบ ซึ่งก็น่าจะช่วยให้มีซอฟต์แวร์สำหรับ WP7 พร้อมออกได้เยอะขึ้น

ที่มา - Windows Phone Blog

หลังจากปล่อยให้แฟนๆ webOS ต้องเงียบเหงามานาน ก็เริ่มมีข่าวของ webOS 2.0 บ้างแล้ว เมื่อ Palm ได้ปล่อย webOS 2.0 SDK รุ่นเบต้าให้กับนักพัฒนาบางกลุ่ม ของใหม่มีดังนี้

ไม่รู้ว่ามาช้าไปหรือเปล่า เพราะผู้ใช้ต้องรอกันถึง 11 ปีหลังจากการเกิดของ Blogger โดยกูเกิลได้เพิ่มบริการเก็บสถิติคนเข้าบล็อกมาให้ในตัวในชื่อ Blogger Stats

ผู้ใช้ Blogger ทุกคนสามารถใช้งานได้ทันที โดยจะมีแท็บ Stats เพิ่มเข้ามาใน Dashboard ส่วนความสามารถก็เท่าเทียมกับบริการเก็บสถิติตัวอื่นๆ เช่น คีย์เวิร์ด เบราว์เซอร์ ประเทศของผู้เข้าชม นอกจากนี้มันยังเก็บสถิติแบบเรียลไทม์ ไม่ต้องรอดูสถิติอีกหนึ่งวันแบบบริการบางตัว

ที่มา - Blogger Buzz

หลังมีข่าวมานานแล้วว่า Motorola จะแยกบริษัทออกเป็นฝ่ายมือถือ กับฝ่ายอุปกรณ์เครือข่าย ตอนนี้มีความคืบหน้าแล้ว

ฝ่ายมือถือหรือ Motorola Mobility ซึ่งรวมอุปกรณ์พวกเซ็ตท็อปบ็อกซ์ด้วย ได้ยื่นเอกสารขอแยกบริษัทกับตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กแล้ว โดย Motorola บริษัทแม่จะสนับสนุนเงินสด 3.5 พันล้านเหรียญสำหรับดำเนินกิจการ ซีอีโอของบริษัทนี้คือ Sanjay Jha ซีอีโอร่วมคนปัจจุบันที่ดูแลกิจการด้านมือถือมาโดยตลอด

ส่วนซีกที่เหลือจะเรียกว่า Motorola Solutions ประกอบด้วยอุปกรณ์เครือข่าย วิทยุ บาร์โค้ด นำโดย Greg Brown ซีอีโอร่วมอีกคน

ที่มา - BusinessWeek

ก่อนอื่นก็ขอโทษด้วยนะครับที่เว็บล่มไปเมื่อวาน สาเหตุมาจากดิสก์ของเซิร์ฟเวอร์มีปัญหา ซึ่งก็เป็นเหตุสุดวิสัย ตรงนี้ต้องขอบคุณ Cyberbeing.biz โฮสต์ของเราที่ช่วยแก้ไขให้อย่างเต็มที่ (ใครสนใจโฮสต์อาจพิจารณาใช้บริการ โฮสต์ที่ Blognone อยู่มาเป็นเวลา 6 ปี)

แต่เมื่อทราบว่าการแก้ไขต้องใช้เวลาพอสมควร เราเลยตัดสินใจดำเนินงานที่กินเวลาพอกัน นั่นคือการย้าย DNS มายังเซิร์ฟเวอร์ใหม่ (ตามแผนการที่ประกาศไปแล้ว) เพื่อให้ประหยัดเวลาไม่ต้องรออัพเดต DNS อีกครั้ง

หลังจากปล่อยให้ Amazon, Apple, Barnes & Noble ขโมยความเด่นในวงการเครื่องอ่านอีบุ๊กมาสักระยะ ทางเครือร้านหนังสือ Borders ก็ร่วมวงสงครามราคาด้วยเช่นกัน

Borders ไม่มีเครื่องอ่านของตัวเองแบบเดียวกับ NOOK หรือ Kindle แต่ใช้วิธีจับมือกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องอ่านรายเล็ก เช่น Kobo หรือ Aluratek แทน โดยเครื่องอ่านเหล่านี้จะสามารถซื้อหนังสือจากร้านออนไลน์ของ Borders ได้

สำหรับ Kobo eReader เดิมราคา 149 ดอลลาร์ ตอนนี้ลงมาเหลือ 129 ดอลลาร์ และ Aluratek Libre Reader เดิมราคา 119 ดอลลาร์ ราคาเหลือ 99 ดอลลาร์ แม้ว่าจะราคาถูกกว่าคู่แข่ง แต่ทั้งสองตัวไม่มี 3G หรือ Wi-Fi ครับ

หลังจากกูเกิลประกาศปิดฉาก Google Wave ไป ก็มีความคืบหน้าล่าสุด คือกูเกิลประกาศว่าจะยังเปิดให้บริการ Wave แน่ๆ ไปจนถึงสิ้นปีนี้ (ต่อจากนั้นไม่แน่) และกูเกิลสัญญาว่าจะออกเครื่องมือ export ข้อมูลที่อยู่ใน Wave ก่อนสิ้นปี

กูเกิลยังย้ำว่าจะนำเทคโนโลยีจาก Wave ไปใส่ในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของตัวเองต่อไป

ที่มา - Google Wave Blog

จริงๆ ข่าวนี้ควรจะเป็นข่าวขำๆ แต่พอเป็นเรื่องของ Wikileaks ซึ่งกำลังโด่งดังในฐานะศัตรูกับรัฐบาลทั่วโลก มันเลยเป็นเรื่องที่น่าสนใจขึ้นมาทันที

เรื่องมีอยู่ว่าเซิร์ฟเวอร์บางส่วนของ Wikileaks ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพรรคโจรสลัดของสวีเดน (ทั้งคู่อยู่ในสวีเดน) ได้ย้ายไปอยู่ในศูนย์ข้อมูลชื่อ White Mountains ของบริษัท Bahnhof ความน่าสนใจอยู่ที่ White Mountains เป็นอดีตหลุมหลบภัยนิวเคลียร์สมัยสงครามเย็น ทำให้เซิร์ฟเวอร์ของ Wikileaks ได้ไปอยู่ในสภาวะใต้ดินลึก 30 เมตร มีประตูเหล็กหนาครึ่งเมตร และมีระบบปั่นไฟสำรองที่นำมาจากเรือดำน้ำของเยอรมัน

MySpace ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ Sync with Facebook โดยสามารถอัพเดตสถานะบน MySpace แล้วให้ไปโผล่บน Facebook ได้ (แต่จาก Facebook กลับมายัง MySpace ยังทำไม่ได้)

ก่อนหน้านี้ MySpace รองรับ Twitter อยู่แล้ว โดยสามารถอัพเดตได้แบบไป-กลับ

ฟีเจอร์นี้มีใน Yahoo!, AOL และ Windows Live มาก่อนแล้ว แต่สำหรับ MySpace ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Facebook มันแสดงให้เห็นชัดเจนว่า "แพ้" ในศึก status update เรียบร้อยแล้ว

กูเกิลยังลงทุนด้านเกมอย่างต่อเนื่อง หลังแอบไปลงทุนใน Zynga ก็เข้าซื้อบริษัท SocialDeck ผู้พัฒนาเกมบน iPhone

ปัจจุบันเกมของ SocialDeck ที่ปรากฎบนหน้าเว็บมี 4 เกม ส่วนมากเป็นเกมพัซเซิลน่ารักๆ ที่เน้นการเล่นกับเพื่อนๆ ใน social network ตัวอย่างเกมได้แก่ Shake & Spell, Color Connect และ Pet Hero เป็นต้น นอกจากเกมแล้ว SocialDeck ยังมีซอฟต์แวร์กลางชื่อ Spark เสมือนเป็นมิดเดิลแวร์สำหรับ mobile social games อีกด้วย

ที่มา - Inside Social Games

ในที่สุดไมโครซอฟท์ก็ไม่สามารถเพิกเฉยกับ Android ได้ (เช่นเดียวกับที่ไม่สามารถเพิกเฉย iPhone ได้มาก่อนหน้า) และออกแอพ Bing for Mobile เวอร์ชัน Android มาแล้ว

ฟีเจอร์ของ Bing for Mobile มีหลายอย่าง

• เปลี่ยนภาพพื้นหลังของ Homescreen เป็นภาพพื้นหลังของ Bing (ย้อนหลังได้ 7 วัน)
• ค้นหารูปภาพ
• สั่งงานด้วยเสียงได้
• ค้นหาสถานที่บน Bing Maps

น่าเสียดายว่าไมโครซอฟท์มีข้อตกลงกับ Verizon ตอนนี้เลยมีเฉพาะลูกค้า Verizon ที่ใช้งานได้ ตัวแทนของไมโครซอฟท์ให้ข้อมูลว่ามีแผนจะขยายไปยังมือถืออื่นๆ แต่ยังไม่ระบุว่าเมื่อไร

ช่วงนี้เราเห็นข่าวลักษณะนี้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดสำนักพิมพ์ HarperCollins ออกมาให้ข้อมูลว่า นิยายสยองขวัญชื่อ “I’d Know You Anywhere” ของ Laura Lippman ซึ่งเริ่มวางขายเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม มีตัวเลขยอดขาย 5 วันแรกดังนี้

• ฉบับกระดาษปกแข็ง (hardcover) 4,000 เล่ม
• ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 4,739 เล่ม

สำนักพิมพ์ระบุว่านี่เป็นครั้งแรกที่ยอดขายฉบับอิเล็กทรอนิกส์แซงหน้าฉบับกระดาษในสัปดาห์แรก และเสริมว่าถ้ารีวิวออกมาดี คนจะซื้อเวอร์ชันอิเล็กทรอนิกส์กันเยอะเพราะซื้อสะดวกกว่า ชนิดว่าอ่านรีวิวจบแล้วกดสั่งได้ทันที

ที่มา - Wall Street Journal

ซัมซุงประกาศความสำเร็จของ Galaxy S ในสหรัฐ โดยขายได้ 1 ล้านเครื่องด้วยเวลา 45 วัน

ในสหรัฐนั้น Galaxy S วางจำหน่ายเป็น 4 รุ่นย่อยกับ 4 เครือข่าย แต่ยอดขาย 1 ล้านมาจาก 2 เครือข่ายแรกที่วางขายคือ AT&T กับ T-Mobile เท่านั้น (Sprint เพิ่งเริ่มขายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่วน Verizon ยังไม่วางขาย) นักวิเคราะห์จาก Fortune มองว่านี่เป็นความสำเร็จของซัมซุง เพราะ AT&T แทบไม่โฆษณาให้เลย (เนื่องจากเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ iPhone 4)

นอกสหรัฐนั้น Galaxy S ก็ขายดี โดยใช้เวลา 3 สัปดาห์ในการขาย Galaxy S ทั่วโลกได้ 1 ล้านเครื่อง แต่อย่าลืมว่า iPhone 4 ทุบสถิติ 3 วันขายไปแล้ว 1.7 ล้านเครื่อง