หลังจาก YouTube เจอปัญหาแบรนด์โฆษณาทยอยบอยคอต ไม่ลงโฆษณาเพราะไม่อยากให้แบนเนอร์ของตนไปปรากฏบนคลิปที่มีเนื้อหาสนับสนุนก่อการร้าย ล่าสุดบรรดายูทูบเบอร์บ่นกันเป็นแถวว่าได้รับผลกระทบเต็มๆ เพราะรายได้หดหายไป เรียกได้ว่า YouTube ตอนนี้โดนบีบจากสองปัจจัยสำคัญบนแพลตฟอร์มเลยทีเดียว
จากการบอยคอต มีแบรนด์ระดับท็อปกว่า 300 แบรนด์ที่ถอนโฆษณา มีการคาดการณ์กันว่า YouTube เสียรายได้เป็นล้านดอลลาร์ต่อวันในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา Google เจรจากับแบรนด์ได้ข้อสรุปว่า แบรนด์จะไม่นำโฆษณาลงคู่กับคลิปที่เนื้อหามีความรุนแรงทางการใช้ภาษา เพศ มีคำหยาบคาย เนื้อหามีความโศกเศร้า มีประเด็นขัดแย้ง และเป็นประเด็นอ่อนไหวในสังคม
AT&T, Verizon, Johnson & Johnson และบริษัทรายใหญ่อื่นๆ ในสหรัฐฯทยอยถอนโฆษณาออกจาก YouTube เหตุเพราะบน YouTube มีคลิปวิดีโอสุดโต่งและหัวรุนแรงมากเกินไป
AT&T ให้เหตุผลว่าที่ต้องถอดเพราะไม่อยากให้โฆษณาของเราปรากฏควบคู่ไปพร้อมกับคลิปวิดีโอสุดโต่งรุนแรงที่สนับสนุนการก่อการร้ายและความเกลียดชัง จนกว่า Google จะแก้ปัญหาอย่างจริงจังและไม่ทำให้คอนเทนต์รุนแรงมาปรากฏบนแพลตฟอร์มอีก ด้าน Sanette Chao ฝ่ายการตลาดของ Verizon บอกเหตุผลว่า ได้รับแจ้งว่าโฆษณาของเราไปปรากฏบนเว็บไซต์ที่เราไม่ได้รับอนุญาต จึงระงับโฆษณาและดำเนินการสอบสวน
วันนี้ 9 มีนาคม 2017 YouTube ประเทศไทยจัดงาน YouTube Summit 2017 ประกาศรางวัล Ads Leaderboard หรือแบรนด์ที่ทำคอนเทนต์โฆษณาลง YouTube แล้วมียอดรับชมสูงสุด พร้อมทั้งให้รางวัล Gold Button แก่ 32 ช่อง YouTube ที่มีคนติดตามเกินล้านคนในปี 2016 ที่ผ่านมา
หลังจากรอคอยกันมานาน วันนี้ Facebook เปิดให้ผู้ใช้และเพจ (ตอนนี้ยังเฉพาะในสหรัฐ) แสดงโฆษณาใน Facebook Live ได้แล้ว โดยโฆษณาเรียกว่า Ad Breaks
ผู้ใช้หรือเพจที่จะแสดงโฆษณาใน Facebook Live จะต้องมีผู้ติดตามมากกว่า 2,000 คน และมีผู้ชมพร้อมกัน (concurrent viewers) มากกว่า 300 คนในวิดีโอไลฟ์อันล่าสุด
รูปแบบของโฆษณาจะแสดงเป็นเวลานานสูงสุด 20 วินาที ผู้ไลฟ์เป็นคนกดแสดงโฆษณาเอง ("พักชมสิ่งที่น่าสนใจกันนะครับ") โดยสามารถกดแสดงโฆษณาได้ทุก 5 นาทีที่ไลฟ์ (การแสดงโฆษณาครั้งแรกต้องไลฟ์ไปแล้ว 4 นาที) การแสดงโฆษณาจะทำได้ต่อเมื่อมีผู้ชมพร้อมกันมากกว่า 300 คนเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ทาง Square Enix ได้ร่วมมือกับ Nissin ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นบะหมี่สำเร็จรูป Cup Noodle ในธีมของบอส 15 ตัวจากซีรีส์ Final Fantasy ซึ่งในวิดีโอล้อเลียนจะเห็นว่ามีฉากที่ Noctis ใส่หมวกถ้วย Cup Noodle อยู่ด้วย ล่าสุดหมวกดังกล่าวกลายเป็นไอเทม DLC สวมใส่ในเกมไปจริง ๆ แล้ว
วิธีการได้มาของหมวกดังกล่าวคือ ต้องซื้อชุด Cup Noodle 15 ถ้วย ธีมบอส Final Fantasy ในราคา 6,048 เยน (ประมาณ 1,860 บาท) รหัสที่ใช้ปลดล็อกหมวกจะอยู่ในชุด 15 ถ้วยนี้ และผู้ที่ซื้อจะมีสิทธิลุ้นรับส้อมสุดเก๋ “Ultima Weapon Fork” ขนาด 60 ซม. ทั้งหมด 30 รางวัล แต่หมวกจะได้ทุกคนที่ซื้อ
ผลสำรวจจาก Marketing Land ในการแข่งขัน Super Bowl ปีล่าสุด พบแนวโน้มที่น่าสนใจของโฆษณาระหว่างการแข่งขัน โดยมีหนังโฆษณาเพียง 30% เท่านั้นที่แสดง Hashtag ประกอบกับผลิตภัณฑ์ในโฆษณา เทียบกับปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 45% และเคยสูงสุดถึง 57%
ในทางตรงกันข้าม วิธีการแสดงข้อความในโฆษณาเพื่อให้ลูกค้าติดตามผลิตภัณฑ์ต่อที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น กลับกลายเป็นการแสดง URL โดยพบว่ามีโฆษณา 39% เลือกใช้วิธีนี้
อัตราค่าโฆษณาใน Super Bowl นั้นมีราคาสูงมาก ทำให้สินค้ามีเวลาที่จำกัดในการนำเสนอโฆษณา ลูกเล่นในการใช้คำสำคัญเพื่อให้ผู้ชมไปติดตามต่อจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ที่มา: Marketing Land
หลายคนคงทราบว่าสีสันหนึ่งของการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล Super Bowl นอกจากการแสดงช่วงพักครึ่งเวลา ก็คือโฆษณาระหว่างการแข่งขันที่มีอัตราค่าโฆษณาแพงมหาศาล โดยปีนี้บริษัทด้านเทคโนโลยีหลายแห่งก็ลงทุนซื้อโฆษณาในช่วงเวลาดังกล่าวเช่นกัน มาดูกันว่าแบรนด์ใดบ้าง และมีเนื้อหาอย่างไร
โดยบริษัทที่ทำเนื้อหาโฆษณาน่าจะเรียกว่าใกล้เคียงกับประเด็นสกัดกั้นผู้อพยพมากที่สุด ก็คือ Airbnb #weaccept โดยเน้นเรื่องการยอมรับในความแตกต่าง พร้อมปิดท้ายว่าโลกจะสวยงาม เมื่อเรายอมรับซึ่งกันและกันมากขึ้น
อีกบริษัทที่สั้นๆ แต่ได้ผล ก็คือ Amazon ซึ่งโปรโมตการส่งสินค้าผ่านโดรน พร้อมบอกสั้นๆ ว่าเตรียมให้บริการเร็วๆ นี้
โฆษณาของบริษัทด้านเทคโนโลยีทั้งหมด รวบรวมไว้แล้วท้ายข่าวครับ
ที่มา: Business Insider
เราเคยเห็นข่าว หายนะเกิดในหลายบ้าน เมื่อ Alexa สั่งซื้อของตามเสียงของผู้ประกาศข่าวในทีวี กันไปแล้ว ล่าสุดปัญหาเดียวกันเกิดกับคู่แข่ง Google Home บ้าง
เรื่องเกิดจากกูเกิลซื้อโฆษณาทีวีในการแข่งขัน Super Bowl ปีนี้ และเลือกโฆษณาแสดงความสามารถของ Google Home ที่ในคลิปมีการพูดว่า "OK Google" เต็มไปหมด เมื่อโฆษณานี้ถูกฉายในการแข่งขัน Super Bowl ที่มีผู้รับชมเป็นจำนวนมาก ก็ส่งผลให้ลำโพง Google Home ในหลายบ้านทำงานตามเสียงจากทีวี
ที่มา - The Verge
Facebook เริ่มทดสอบโฆษณาในแอพ Messenger แล้ว โดยเริ่มจากประเทศไทยและออสเตรเลียเป็น 2 ประเทศแรก
รูปแบบของโฆษณาจะแสดงอยู่ในหน้าหลักของแอพ Messenger โดยมีลักษณะคล้ายกับ Sponsored News Feed ที่ผู้ใช้คุ้นเคยจากแอพ Facebook ตัวหลัก ส่วนตำแหน่งที่แสดงผลโฆษณาจะอยู่ใต้ไอคอนเพื่อนในกลุ่ม Favorites และอยู่เหนือกลุ่ม Active Now (ตำแหน่งเดียวกับที่แจ้งเตือนวันเกิดของเพื่อน)
Facebook ระบุว่าจะไม่แสดงโฆษณาในหน้าแชทอย่างแน่นอน โฆษณาสามารถกดซ่อนได้ และผู้ลงโฆษณาไม่สามารถส่งข้อความหาผู้ใช้ได้เอง จนกว่าผู้ใช้จะเป็นฝ่ายเริ่มกดสนทนากับแบรนด์เท่านั้น
โฆษณาแบบนี้จะเริ่มทดสอบกับ "ผู้ใช้กลุ่มเล็กๆ" ในไทยและออสเตรเลียในเร็วๆ นี้ ถ้าใครได้แล้วรบกวนแจ้งในคอมเมนต์ครับ
Facebook มีเครือข่ายโฆษณาของตัวเองที่เรียกว่า Facebook Audience Network (FAN) มาได้สักระยะ ผู้ที่ลงโฆษณากับ FAN จะถูกแสดงผลในเว็บและแอพอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของ Facebook เอง แต่มาร่วมระบบโฆษณาของ FAN เพื่อสร้างรายได้ (แต่กระบวนการลงโฆษณาใช้หน้าจอเดียวกับลงโฆษณาใน Facebook)
ล่าสุด Facebook ประกาศว่า FAN เข้าถึงผู้ใช้งานจำนวน 1 พันล้านคนต่อเดือนแล้ว โดยระบุว่าเป็นจำนวนผู้ใช้งานจริงๆ ไม่ได้ตามตามคุกกี้หรือจำนวนอุปกรณ์ ที่หนึ่งคนอาจมีได้หลายอุปกรณ์ บริษัทยังประกาศความร่วมมือกับเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Washington Post และ Daily Mirror ในการใช้ระบบโฆษณาของ FAN อีกด้วย
สิ่งที่ทุกคนคิดว่าจะต้องเกิดขึ้นกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว เว็บไซต์ Recode รายงานข่าววงในว่า Facebook เตรียมออกโฆษณาสำหรับวิดีโอในระบบของตัวเอง รูปแบบจะเรียกว่าเป็น mid-roll คือแทรกโฆษณาไว้ตรงกลางวิดีโอ หลังวิดีโอเล่นไปแล้วอย่างน้อย 20 วินาที
ตามข่าวบอกว่าคลิปจะต้องยาวอย่างน้อย 90 วินาทีจึงจะมีโฆษณาได้ โฆษณาจะยาวได้ไม่เกิน 15 วินาที และจะมีเฉพาะช่วงกลางคลิปเท่านั้น เนื่องจาก Mark Zuckerberg ยืนยันว่าจะไม่อนุญาตให้มีโฆษณาก่อนคลิป (pre-roll) แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าวิดีโอแบบ Live จะมีโฆษณาหรือไม่
Facebook จะหักส่วนแบ่งรายได้ 45% ที่เหลืออีก 55% เป็นของผู้โพสต์คลิป ซึ่งสัดส่วนนี้เท่ากับส่วนแบ่งรายได้ของ YouTube ในปัจจุบัน
ในโลกของการโฆษณา การเกาะกระแสบางอย่างเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ของตนเองก็ถือว่าเป็นการเรียกความสนใจได้ในระดับหนึ่ง ซึ่ง Nissin ก็ทำโฆษณาล้อเกม FFXV โดยเพิ่มและเปลี่ยนวัตถุบางอย่างในโฆษณาเป็นถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป Cup Noodles พร้อมทั้งเปลี่ยนตอนจบของโฆษณาเป็น Cup Noodles XV
นอกจากนั้นแล้ว ในเกมก็มีเควสให้ไปล่าวัตถุดิบเพื่อเอามาปรุงกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วย หวังว่าไม่มีใครทำเควสนี้ตอนกำลังหิวนะครับ
Google เริ่มหาวิธีรับมือกับเว็บที่เสนอข่าวปลอม บ้างแล้ว และหลังจากที่มีประเด็นเรื่องข่าวปลอมเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ล่าสุด Google เพิ่มมาตรการป้องกันเว็บเหล่านี้หารายได้จากโฆษณาแล้ว ด้วยการไม่แสดงโฆษณา AdSense บนเว็บข่าวปลอมแล้ว
ก่อนงานเปิดตัว Microsoft Teams แพลตฟอร์มติดต่อสื่อสารภายในองค์กร ซึ่งมองได้ว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Slack นั้น ทาง Slack ก็ไม่ได้อยู่เฉย โดยซื้อโฆษณาในหนังสือพิมพ์ New York Times หนึ่งหน้าเต็ม เป็นจดหมายเปิดผนึกถึงไมโครซอฟท์
เนื้อหาสำคัญที่ Slack ต้องการบอกไมโครซอฟท์คือ การที่ Slack เติบโตมาและมีองค์กรเลือกใช้มากขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เพราะคุณสมบัติต่างๆ ที่ Slack มี ซึ่งเป็นสิ่งที่ไมโครซอฟท์สามารถลอกเลียนได้ แต่การใช้เวลาศึกษาและเข้าถึงสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ ทำให้ Slack ปรับปรุงพัฒนาต่อเนื่องและทุกคนก็ชื่นชอบต่างหาก
ในรอบ 3-4 ปีให้หลัง เว็บสื่อใหญ่ๆ ของโลก (รวมถึงของไทยด้วย) มักติด widget แนะนำบทความที่เกี่ยวข้อง ที่ใช้ชื่อว่า Recommended Content, Related Content, Sponsored Stories หรือ Around the Web ซึ่งดึงเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่นๆ และโฆษณามาแสดงเพื่อให้ผู้อ่านคลิกไปอ่านต่อ
ระบบ widget กึ่งโฆษณาลักษณะนี้มีผู้ให้บริการหลายราย รายใหญ่ที่รู้จักกันดีคือ Taboola และ Outbrain แต่ก็มีบริษัทอื่นๆ อย่าง Revcontent และ Adblade ด้วย ผลการสำรวจของเว็บไซต์ ChangeAdvertising.org พบว่าเว็บข่าว Top 50 ของโลก มีเว็บไซต์ถึง 82% ติดโฆษณาลักษณะนี้ ซึ่งเหตุผลก็เป็นเรื่องรายได้จากการโฆษณานั่งเอง
YouTube ออกโฆษณาแบบใหม่ชื่อ TrueView for Action โดยจะเป็นโฆษณาแบบ TrueView (วิดีโอตอนต้นคลิปที่ผู้ใช้กดข้ามได้) ที่มาพร้อมกับปุ่มให้ผู้ใช้กดเพื่อกระทำการบางอย่าง (call-to-action) เช่น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม, โทรศัพท์หาร้านค้า หรือซื้อสินค้า
โฆษณาแบบใหม่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานบนอุปกรณ์พกพาโดยเฉพาะ การเพิ่มปุ่ม call-to-action ช่วยให้แบรนด์หรือสินค้าที่ต้องใช้การตัดสินใจสูงในการซื้อ เช่น จองโรงแรม, รถยนต์, บริการด้านการเงิน สามารถสร้างเส้นทางสู่การตัดสินใจซื้อ (path to purchase) ของลูกค้าได้ละเอียดกว่าเดิม
ที่มา - Inside AdWords
Google, Facebook, บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าอุปโภคบริโภคอย่าง P&G, Unilever และสมาคมด้านโฆษณาหลายแห่ง รวมตัวกันตั้งกลุ่ม Coalition for Better Ads เพื่อพัฒนามาตรฐานของวงการโฆษณาออนไลน์ให้ดีขึ้น
กลุ่ม Coalition for Better Ads จะศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค และร่วมกับห้องแล็บของ Interactive Advertising Bureau (IAB) พัฒนามาตรฐานโฆษณาออนไลน์ที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง เพื่อแก้ไขปัญหาการบล็อคโฆษณา (ad blocking) จากผู้บริโภคที่รู้สึกรำคาญโฆษณาในรูปแบบเดิมๆ
ทางกลุ่มยอมรับว่าผู้บริโภคไม่พอใจกับโฆษณาแบบปัจจุบัน และมองว่าถ้าไม่ฟังเสียงผู้บริโภคก็ไม่มีทางอยู่รอดได้ ในขั้นแรก กลุ่มจะทำวิจัยผู้บริโภคโดยให้คะแนนโฆษณาและเผยแพร่ผลการวิจัยในไตรมาสที่สี่ของปีนี้
ที่มา - Coalition for Better Ads, Business Insider
สำนักงานอัยการนิวยอร์คสืบสวนสี่เว็บไซต์ใหญ่ Viacom, Mattel, JumpStart, และ Hasbro ว่าฝ่าฝืนกฏความเป็นส่วนตัวของเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี พบหลักฐานละเมิดจริงเป็นเหตุให้จำเลยต้องจ่ายค่าปรับกว่า 8 แสนดอลลาร์
อัยการพบหลักฐานว่าทั้งสี่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและข้อมูลส่วนตัวเด็กในโลกออนไลน์ของสหรัฐฯ (COPPA) ที่จำกัดวิธีการของบริษัทในการให้บริการสู่เด็ก ผู้ฟ้องร้องรายหนึ่งสังเกตเห็นว่ามีการใช้โฆษณาติดตามและขอข้อมูลของเด็กโดยไม่ได้ขออนุญาตผู้ปกครอง
ในการสืบสวน อัยการสำรวจเว็บไซต์เด็กต่างๆ เช่น Barbie, Dora the Explorer และอีกหลายเว็บ ปรากฏว่าเจอโฆษณาจากสี่บริษัทดังกล่าว เป็นโฆษณาแบบเจาะกลุ่มลูกค้า หรือ targeted ads
วันนี้ บริษัทดิจิทัลเอเจนซี่ Rabbit's Tale ที่กำลังมาแรงและเติบโตอย่างรวดเร็ว แถลงข่าวร่วมทุนกับบริษัทโฆษณา TYO จากประเทศญี่ปุ่น และก่อตั้ง Rabbit Digital Group เพื่อขยายธุรกิจด้านการสื่อสารดิจิทัลให้ครบวงจร
TYO เป็นบริษัทโฆษณารายใหญ่ของญี่ปุ่น อยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว และกำลังจะควบรวมกับบริษัทโฆษณาอีกแห่งของญี่ปุ่นคือ AOI Pro เพื่อให้มีขนาดใหญ่ขึ้นไปอีก
Google ประเทศไทยประกาศผล YouTube Ads Leaderboard ประจำครึ่งปีแรกของปี 2016 จัดอันดับโฆษณาบนยูทูปที่คนให้ความสนใจมากที่สุด 10 อันดับ ซึ่งโฆษณาแชมพูซันซิลได้อันดับหนึ่งไปในรอบนี้ ขึ้นมาจากอันดับสองจากปีที่แล้ว
ลำดับทั้งหมดมีดังนี้
ไม่นานนักหลัง Twitter เปิดตัวฟีเจอร์สติ๊กเกอร์ เพื่อตกแต่งรูปภาพก่อนโพสต์ วันนี้ Twitter ก็แปรเปลี่ยนมันเป็นตัวสร้างรายได้ทันที โดยเพิ่มสติ๊กเกอร์ของสปอนเซอร์ (Promoted Stickers) เข้ามาเพิ่มจากสติ๊กเกอร์ปกติ
แบรนด์สามารถสร้างสติ๊กเกอร์ได้ชุดละ 4 หรือ 8 ลาย โดยแบรนด์แรกที่ร่วมเปิดตัวสติ๊กเกอร์แบบใหม่คือ Pepsi ที่มีสติ๊กเกอร์ทั้งหมดเกือบ 50 ลาย ทำตลาดใน 10 ประเทศ
ระบบสติ๊กเกอร์ของ Twitter ไม่ได้แปะลงไปบนตัวภาพตรงๆ แต่ลอยทับภาพอีกทีหนึ่ง มันยังทำหน้าที่เป็นเหมือน #hashtag ด้วย ผู้ใช้สามารถค้นหาโพสต์ที่มีสติ๊กเกอร์นั้นๆ ได้แบบเดียวกับการค้นหาจาก #hashtag เลย
AdBlock Plus ซอฟต์แวร์บล็อคโฆษณาชื่อดัง โดนบล็อคซะเองแล้วในประเทศจีน ด้วยเหตุผลว่ารัฐบาลจีนออกกฎ Internet Advertising Interim Rules ที่มีข้อหนึ่งระบุห้ามไม่ให้มีซอฟต์แวร์บล็อคโฆษณาด้วย
กฎใหม่ของรัฐบาลจีน ออกมาเพื่อปราบปรามโฆษณาด้านการแพทย์หรือยาผิดกฎหมาย โดยกำหนดให้ผู้โฆษณาต้องขออนุมัติจากรัฐบาลก่อน และผู้ลงโฆษณาต้องรับผิดชอบกับเนื้อหาของโฆษณาตัวเอง
แต่ในกฎชุดนี้กลับมีเงื่อนไขพ่วงอยู่หนึ่งข้อ (มาตรา 16) ที่ห้ามดัดแปลงหรือบล็อคโฆษณา โดยไม่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลจีนก่อน ส่งผลให้ซอฟต์แวร์บล็อคโฆษณาทุกตัว กลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายในทันที
จากข่าว Facebook รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ที่ออกมาเมื่อคืนนี้ มีประเด็นน่าสนใจคือ ซีเอฟโอ Dave Wehner เตือนนักลงทุนว่า "ไม่ควรคาดหวังเห็นรายได้เติบโตในระดับสูงต่อไปเรื่อยๆ เพราะตอนนี้ปริมาณโฆษณาที่ปรากฎใน News Feed ก็มีจำนวนสูงมากแล้ว"
ประโยคดังกล่าวถูกนักลงทุนจำนวนไม่น้อยตั้งคำถามว่าหมายถึงอะไรกันแน่ ซึ่งเว็บไซต์ Recode อธิบายว่าพื้นที่โฆษณาบน News Feed ของ Facebook ใกล้เต็มแล้วเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ใช้ในปัจจุบัน
Tumblr ประกาศเปิดระบบโฆษณาบนบล็อกทุกอันบนเว็บไซต์ โดยมีผลวันนี้ (พฤหัสที่ 28) ตามเวลาสหรัฐ แต่ขณะที่เขียนข่าวยังไม่พบโฆษณา
โฆษณาจะถูกเปิดเป็นค่าดีฟอลต์ แต่ผู้ใช้สามารถปิดได้จากหน้าจอตั้งค่า และในอนาคต Tumblr จะออกโครงการพาร์ทเนอร์ แบ่งปันรายได้จากโฆษณาระหว่างบริษัทกับเจ้าของบล็อกด้วย
ที่มา - Tumblr
ต่อเนื่องจากข่าวเมื่อ 2 เดือนก่อนเรื่องป้ายโฆษณาข้างทางด่วนของ Dentsu ที่จะเปลี่ยนเนื้อหาอิงตามผู้ที่ขับรถผ่าน ตอนนี้ก็มีข้อมูลจากการทดลองใช้งานเปิดเผยว่าระบบของป้ายดังกล่าวสามารถแยกแยะยี่ห้อ, โมเดล และปีที่ผลิตของรถที่แตกต่างกันได้ 200 รุ่นแล้ว โดยมีความแม่นยำในการระบุข้อมูลของรถถึง 94%
Couldian ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 บริษัทไอทีที่ร่วมพัฒนาป้ายโฆษณาอัจฉริยะของ Dentsu นี้ เปิดเผยว่าทีมพัฒนาได้ทำการสอนให้ปัญญาประดิษฐ์รู้จักจำแนกภาพของรถยนต์ยี่ห้อและรุ่นต่างๆ โดยใช้ภาพถ่ายรถยนต์จากเว็บขายรถมือสองหลายแสนภาพ โดยมีภาพรถยนต์ที่แตกต่างกันทั้งยี่ห้อ, โมเดล และปีที่ผลิตของรถ ปะปนกันไป (เฉลี่ยแล้วปัญญาประดิษฐ์จะได้เรียนรู้ภาพรถยนต์แต่ละรุ่นประมาณ 4,000 ภาพ)
หลังผ่านการทดสอบมาตั้งแต่ช่วงต้นปี Dentsu จะเปิดใช้งานป้ายโฆษณาอัจฉริยะนี้อย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้ โดยจะรับลงโฆษณาแบบเน้นกลุ่มเป้าหมายอิงตามข้อมูลรถของผู้ขับขี่สัญจรไปมา
ที่มา - CNN Money