Slack รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงินบริษัท 2020 สิ้นสุดเดือนตุลาคม รายได้รวมเพิ่มขึ้น 60% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน เป็น 168.7 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนสุทธิ 87.8 ล้านดอลลาร์
Allen Shim ซีเอฟโอ Slack อัพเดตตัวเลขฐานลูกค้า โดยมีลูกค้า 821 รายที่มีค่าใช้จ่ายรายปีสูงกว่า 1 แสนดอลลาร์ และมีลูกค้า 50 ราย ที่มีค่าใช้จ่ายต่อปีมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ สะท้อนว่าลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ตัดสินใจใช้ Slack มากขึ้น ภาพรวมนั้น จำนวนลูกค้าแบบเสียเงินรวมมีมากกว่า 1.05 แสนราย
ที่มา: Slack
Slack ประกาศปรับโฉมส่วนแอปใหม่ในงานสัมมนานักพัฒนา Spec โดยเปิดตัวเครื่องมือแบบใหม่ที่ช่วยให้การพัฒนาแอปเข้าถึงผู้ใช้งานได้ง่ายขึ้น รวมถึงประสบการณ์ใช้งานดีขึ้นหลายส่วน
ปัจจุบัน Slack เองรองรับแอปกว่า 1,800 แอป และนักพัฒนาสร้างขึ้นมาอีก 5 แสนแอป เนื่องจาก Slack เป็นเครื่องมือสำหรับทำงาน ดังนั้นเวิร์คโฟลวที่เกิดขึ้นภายในจึงสำคัญ และแอปต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยให้เวิร์คโฟลวในการทำงานง่ายขึ้น และสะดวกขึ้น ทำให้มีการใช้งานแอปอย่างแพร่หลายบนแพลตฟอร์ม
Slack ประกาศอัพเดตแอปเพิ่มฟีเจอร์ Dark Mode ให้ทุกแพลตฟอร์ม ทั้งเดสก์ท็อป Mac, Windows, Linux และมือถือ
วิธีเปิด Dark Mode บน Slack ให้เปิด sidebar กดชื่อตัวเอง เลือกเมนู Preferences > Themes จากนั้นให้เลือก Dark โดยเมื่อเลือก Dark Mode แล้ว Slack ก็จะมีธีมอีกชุดหนึ่งซึ่งทำมาเพื่อ Dark Mode โดยเฉพาะให้ใช้งานด้วย โดยการตั้งค่า Dark Mode นี้จะไม่ซิงค์กันระหว่างอุปกรณ์
ฟีเจอร์ Dark Mode บน Slack เปิดให้ใช้งานแล้ววันนี้ และในอนาคต Slack จะเพิ่มฟีเจอร์ซิงค์ Dark Mode กับการตั้งค่า OS ให้ใช้งานด้วย
ที่มา - Slack
Slack รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2020 สิ้นสุดเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นการรายงานผลประกอบการครั้งแรกตั้งแต่บริษัทเข้าตลาดหุ้นเมื่อเดือนมิถุนายน รายได้รวม 145.0 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 58% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และขาดทุนสุทธิ 51.5 ล้านดอลลาร์
Allen Shim ซีเอฟโอ Slack กล่าวว่าบริษัทจะคงโฟกัสที่การเติบโตทั้งจากฐานลูกค้าปัจจุบัน และเพิ่มลูกค้าระดับองค์กรขนาดใหญ่เข้ามาเพิ่ม ไตรมาสที่ผ่านมามีลูกค้าที่จ่ายเงินระดับ 1 แสนดอลลาร์ต่อปีเพิ่มขึ้นเป็น 720 รายแล้ว ส่วนภาพรวมจำนวนลูกค้าที่เสียเงินมีเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนรายแล้ว
Google Assistant รองรับการอ่านและตอบข้อความด้วยเสียงมานานแล้วแต่จำกัดเฉพาะบน Android Message หรือ Hangout เป็นหลักเท่านั้น ล่าสุดฟีเจอร์นี้รองรับแอปแชทแห่งยุคอย่าง Telgram, Slack และ WhatsApp เพิ่มเติมแล้ว
Google Assistant จะอ่านข้อความเหล่านี้ได้ก็ต่อเมื่อผู้ใช้อนุญาตให้มันเข้าถึงการแจ้งเตือน (Notification Access) ก่อน แล้วจึงสั่ง Read my messages ตัว Google Assistant จะอ่านข้อความให้จากแอปเหล่านี้ที่รองรับจากหน้าแจ้งเตือน ก่อนจะให้เราตอบกลับได้ทั้งผ่านเสียงหรือพิมพ์ก็ได้ โดยกรณีของ Slack ตัว Google Assistant จะบอกชื่อ Workspace แทนที่จะเป็นชื่อผู้ส่งข้อความ
แน่นอนฟีเจอร์นี้เบื้องต้นน่าจะรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษก่อน
ตั้งแต่ช่วงก่อนสี่ทุ่มที่ผ่านมาบริการแชตองค์กร Slack ก็ล่มไปทั้งหมดจนไม่สามารถรับส่งข้อความได้
แอป Slack ในช่วงแรกจะมีอาการไม่ตอบสนอง ไม่โหลดข้อความใหม่แม้จะเพิ่งส่งข้อความไปในแชต แต่หลังจากนั้นระยะหนึ่งตัวแอปก็โหลดหน้าสถานะบริการแจ้งเตือนว่าตอนนี้มีปัญหา
ประวัติบริการ Slack จะมีปัญหาประมาณเดือนละครั้ง เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาก็มีปัญหาล่มยาวจน uptime เหลือเพียง 99.83% จากเดือนก่อนๆ ที่มักทำได้เกิน 99.95% มาตลอด ยังไม่แน่ชัดว่าเดือนนี้จะเหลือ uptime เท่าใด
ที่มา - แอป Slack
Slack ออกแอปเวอร์ชันใหม่บนเดสก์ท็อป ทั้ง Windows และ macOS โดยอัพเดตนี้เป็นการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพครั้งใหญ่ ซึ่ง Slack ระบุว่าแอปใหม่จะเร็วขึ้นถึง 33% และใช้แรมน้อยลง 50% เมื่อเทียบกับเวอร์ชันก่อน
Slack ระบุว่า แอปใหม่นี้เกิดจากการ rebuilt ใหม่ให้โค้ดทันสมัยขึ้น ทำให้ตัวแอปใช้ทรัพยากรได้น้อยลงซึ่งส่งผลให้การทำงานโดยรวมเร็วขึ้น รวมถึงโค้ดรูปแบบใหม่สามารถทำงานในเชิง multi-workspace ได้ดี สามารถ reuse component ได้ จึงไม่ต้องทำ standalone copy ในแต่ละ workspace ผลลัพธ์ที่ได้คือตัวแอปจะประหยัดการใช้ทรัพยากรมากกว่าเดิม
Slack ประกาศว่าได้ทำการรีเซ็ตรหัสผ่านของผู้ใช้งาน จำนวนประมาณ 1% ของผู้ใช้งาน ซึ่งหากอ้างอิงตัวเลขจำนวนผู้ใช้ที่ Slack เคยรายงาน จะอยู่ราว 1 แสนบัญชี
บัญชีผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบนั้น Slack บอกว่าต้องมีเงื่อนไขตรงกัน 3 ข้อ คือ เป็นบัญชีที่สร้างก่อนมีนาคม 2015 และ ไม่เคยเปลี่ยนรหัสผ่านเลย และ ไม่ถูกกำหนดให้ต้องล็อกอินผ่าน single-sign-on (SSO)
Stewart Butterfield ซีอีโอ Slack ให้สัมภาษณ์กับ Fortune โดยพูดถึงการแข่งขันของแอป Slack กับคู่แข่งที่มาแรงมากอย่าง Microsoft Teams โดยเขาเชื่อว่า Slack ยังมีข้อได้เปรียบเหนือกว่าหลายอย่าง
เขายกตัวอย่างการแข่งขันในอดีตว่า บริษัทที่เล็กกว่าในเวลานั้น ถ้าหากสามารถเจาะและแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้ถูกต้องตรงจุด ก็จะกลายเป็นข้อได้เปรียบมาก จนสามารถสู้กับบริษัทใหญ่ที่มีผลิตภัณฑ์บริการหลายอย่างได้ อย่างเช่นกูเกิลที่ก็ใช้เสิร์ชเอาชนะไมโครซอฟท์ได้เป็นต้น
ไมโครซอฟท์อัพเดตตัวเลขของ Microsoft Teams บริการแชทสำหรับที่ทำงาน ซึ่งออกมาเพื่อแข่งกับ Slack โดยบอกว่ามีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (Daily Active Users - DAUs) เกิน 13 ล้านคนแล้ว ขณะที่ตัวเลขผู้ใช้เป็นประจำทุกสัปดาห์ (WAUs) จะเพิ่มเป็น 19 ล้านคน
นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ยังระบุรายชื่อลูกค้าองค์กรดัง ที่ใช้ Microsoft Teams เป็นเครื่องมือหลัก อาทิ Emirates, FedEx, Lexmark, กลุ่ม Adecco เป็นต้น
จำนวนผู้ใช้งานนี้น่าจะแซง Slack ไปเรียบร้อย โดยตัวเลขจำนวนผู้ใช้งานล่าสุดที่ Slack เปิดเผยคือ 10 ล้านคน
Slack รายงานว่าระบบมีปัญหาตั้งแต่เวลา 18:54น. ของวันที่ 28 มิถุนายน 2019 ตามเวลาในประเทศไทย ซึ่งเข้าสู่ช่วงเช้าของฝั่งตะวันตกพอดี โดยเบื้องต้นผู้ใช้งานรายงานว่าพบปัญหาส่งข้อความได้บ้างไม่ได้บ้าง หรือหากส่งได้ก็เกิดการส่งข้อความซ้ำ
โดยในหน้า Status ของ Slack ล่าสุด ระบุว่าพบปัญหาในทุกฟังก์ชันของระบบ ทั้งการล็อกอิน การส่งข้อความ การแสดงพรีวิวลิงก์ ไปจนถึงการแนบไฟล์ โดยพบปัญหากับผู้ใช้งานบางส่วน
ทั้งนี้ Slack บอกว่ายังคงตรวจสอบและพยายามแก้ไขปัญหาอยู่ โดยยังประเมินไม่ได้ว่าปัญหาทั้งหมดจะแก้ไขเสร็จสิ้นเมื่อใด
Slack หนึ่งในสตาร์ทอัพไอทีที่มาแรงและมูลค่ากิจการสูง ได้นำบริษัทเข้าซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเรียบร้อยแล้ว โดยราคาหุ้นวันแรกปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาเริ่มต้น 26 ดอลลาร์ ปิดที่ 38.62 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 48.54% มูลค่ากิจการจึงเพิ่มเป็น 19,500 ล้านดอลลาร์
ประเด็นสำคัญคือ Slack นำบริษัทเข้าตลาดหุ้นด้วยวิธี Direct Listing ไม่มีการขายหุ้นเพิ่มทุนแบบไอพีโอ เท่ากับไม่มีสถาบันการเงินรับประกันการขาย ราคาหุ้นจึงอาจปรับลงมากได้เช่นกัน แต่เมื่อราคาปรับเพิ่มสูงตั้งแต่วันแรก ก็ช่วยเรียกความเชื่อมั่นในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่จะทยอยเข้าตลาดหุ้นอีกในปีนี้
ในที่สุดบริษัทสตาร์ทอัพไอทีขนาดใหญ่อีกราย Slack ก็เตรียมนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นแล้ว หลังจากยื่นไฟลิ่งไปเมื่อเดือนก่อน โดยจะเริ่มซื้อขายในหุ้นนิวยอร์กวันที่ 20 มิถุนายน หรือคืนนี้ตามเวลาในไทย ตัวย่อหุ้นคือ WORK
Slack ใช้วิธีนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นแบบ Direct Listing กล่าวคือ ไม่มีการออกเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายต่อสาธารณะ (ไอพีโอ) หุ้นเดิมทั้งหมดจะถูกนำมาซื้อขายทันทีไม่มีระยะเวลาห้าม ทั้งนี้ Slack กำหนดราคาหุ้นตั้งต้นไว้ที่ 26 ดอลลาร์ต่อหุ้น มูลค่ากิจการอยู่ที่ 15,700 ล้านดอลลาร์
Slack แพลตฟอร์มสำหรับคุยงานตามงาน ที่ได้ยื่นเอกสาร S-1 ก่อนหน้านี้เพื่อเตรียมนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น ได้แจ้งขอแก้ไขตัวย่อหุ้นในการซื้อขาย จากเดิมจะใช้ตัวย่อ SK มาเป็นตัวย่อใหม่ WORK แทน เพื่อให้สื่อถึงรูปแบบบริการของแพลตฟอร์ม
การเลือกชื่อย่อเพื่อสื่อถึงรูปแบบสินค้าบริการ แทนที่จะเป็นชื่อบริษัทนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนหน้านี้ Atlassian บริษัทซอฟต์แวร์ด้านการทำงานร่วมกัน อาทิ Jira, Confluence จนถึง HipChat ที่สุดท้ายขายให้ Slack ไป ก็ใช้ตัวย่อซื้อขายหุ้นว่า TEAM (ถ้าใครมีหุ้นสองบริษัทนี้ ก็จะเป็น TEAM WORK ...)
Slack ได้ยื่นเอกสาร S-1 ต่อ ก.ล.ต. ของสหรัฐฯ เพื่อเตรียมเข้าตลาดหุ้นเรียบร้อยแล้ว โดย Slack จะใช้วิธีการเข้าตลาดหุ้นแบบ direct listing เหมือนกับ Spotify โดยหุ้นของ Slack จะเข้าเทรดในตลาด NYSE โดยใช้สัญลักษณ์การซื้อขายว่า SK
ส่วนข้อมูลทางการเงินของ Slack ระบุว่าในปี 2018 (ซึ่งตามปีงบประมาณของ Slack จะสิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2019) ทางบริษัทมีรายได้ 400.6 ล้านดอลลาร์ และมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ 138.9 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้าที่บริษัทมีรายได้ 220.5 ล้านดอลลาร์และมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ 140.1 ล้านดอลลาร์ ก็จะพบว่าในส่วนของรายได้นั้นเพิ่มสูงขึ้นมาก แต่ผลขาดทุนไม่ได้ลดลงมากนัก
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Slack พรีวิวฟีเจอร์ใหม่ชุดใหญ่ที่จะทยอยปล่อยภายในปีนี้
Shared Channel สำหรับองค์กรที่ต้องคุยกับลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ สามารถสร้าง Shared Channel ที่ให้คนจากหลายองค์กรมาคุยกันในห้องแชทเดียวกันได้ (เป็นฟีเจอร์สำหรับลูกค้าระดับ Enterprise Grid ที่จะเปิดช่วงกลางปีนี้)
จากภาพจะเห็นห้องแชทที่เป็น Shared Channel มีสัญลักษณ์อยู่ด้านท้ายให้เห็น ส่วนพนักงานที่มาจากองค์กรอื่นก็มีสัญลักษณ์แปะด้วยเช่นกัน
Slack อาจมอง Microsoft Teams เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว ถึงขั้นซื้อโฆษณาหนังสือพิมพ์ ในวันที่ Microsoft Teams เปิดตัว แต่เมื่อโลกธุรกิจหมุนรอบบริการต่างๆ ของไมโครซอฟท์ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่ Slack จะต้องเชื่อมต่อกับบริการของไมโครซอฟท์ให้แนบแน่นขึ้น
วันนี้ Slack จึงประกาศทำ integration กับบริการแอพในชุด Office 365 ของไมโครซอฟท์หลายตัว ดังนี้
ใดๆ ในโลกล้วน Dark Mode ล่าสุด Slack แอพคุยงานเวอร์ชันมือถือก็เตรียมจะมีโหมดกลางคืนกับเขาบ้าง ล่าสุดเปิดใช้งานแล้วในกลุ่มผู้ใช้เบต้า ทั้งใน iOS และแอนดรอยด์
หรือถ้าใครไม่ได้เป็นเบต้า ก็สามารถเข้าไปที่เมนูสามจุดด้านขวาบน กดตั้งค่า และเข้าร่วมเบต้า จากนั้นก็กรอกข้อมูลอีเมลที่ใช้งาน รอระบบอนุมัติก็สามารถไปตั้งค่าใช้งานโหมดกลางคืนได้ในเมนูตั้งค่า และ Advanced
Slack ได้รีแบรนด์เปลี่ยนโลโก้ไปเมื่อเดือนที่แล้ว โดยนอกจากโลโก้ที่เปลี่ยนไป Slack ยังเลือกใช้สีพื้นหลังของไอคอนมาเป็นสีม่วงด้วย แต่ดูเหมือน Slack คิดว่าพื้นหลังแบบนี้อาจจะไม่ลงตัวนัก เลยอยากเปลี่ยนอีกรอบ
ล่าสุด Slack ได้ประกาศว่าแอปเวอร์ชันล่าสุดทั้งบน Android และ iOS ตัวไอคอนจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยเปลี่ยนสีพื้นหลังจากสีม่วงมาเป็นพื้นหลังสีขาว ส่วนเหตุผลนั้น Slack บอกกันตรง ๆ ว่า ผู้ใช้งานจะได้หาแอปเจอในหน้าโฮมง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีผู้ใช้แจ้งว่ามองไม่ค่อยเห็นปุ่มแจ้งเตือน เนื่องจากสีม่วงไปกลืนกับตัวแจ้งเตือนสีแดงนั่นเอง
เป็นไปตามข่าวลือก่อนหน้านี้ Slack แพลตฟอร์มสำหรับคุยงานตามงาน ได้ยื่นเอกสารเพื่อเตรียมนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นแล้ว โดยเป็นเอกสารแบบ Confidentially ที่ไม่ต้องเปิดเผยรายละเอียดทางการเงินต่อสาธารณะ จนกว่าจะถึง 15 วัน ก่อนนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหุ้น (Dropbox ก็ทำแบบนี้) ซึ่งวิธีการนี้จะไม่มีการเพิ่มทุนออกหุ้นใหม่ แต่เป็นการนำหุ้นเดิมทั้งหมดเข้าตลาดฯ โดยตรง
Slack ประกาศยอดผู้ใช้งานต่อวัน daily active users (DAU) แตะหลัก 10 ล้านรายแล้ว เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2018 ที่มี DAU เกือบ 8 ล้านราย
สถิติอื่นที่ Slack เปิดเผยมีดังนี้
Slack แอปสื่อสารภายในองค์กรประกาศรีแบรนด์ใหม่จากเดิมที่เป็นเครื่องหมาย # (pound sign / hashtag) มาเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงคล้ายๆ เครื่องหมายบวกแทน (มีคอมเม้นท์เมืองนอกบอกนึกถึงสวัสดิกะด้วยซ้ำ)
Slack ให้เหตุผลในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ว่า โลโก้เก่าออกแบบมาตั้งแต่ก่อนบริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์ แต่หากมันถูกเอาไปวางบนสีพื้นหลังที่ไม่ใช่สีขาว หรือวางผิดองศาหรือใช้สีผิดไปเพียงนิดเดียว (จาก 11 สีบนโลโก้) Slack บอกว่ามันพินาศไปเลย ขณะเดียวกันแม้บริษัทจะออกโลโก้มาหลายแบบ เช่นเวอร์ชันบนวินโดวส์ที่เป็นสีโทนดำ หรือโลโก้บนสมาร์ทโฟนที่เป็นตัว S แต่มันก็กลายเป็นคนละโลโก้และไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีผู้ใช้ Slack รายงานว่าถูกบล็อคการเข้าใช้งาน โดยระบุว่าเนื่องจากบริษัทต้องปฏิบัติตามกฎการคว่ำบาตรทางการค้าและการลงโทษทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งมีประเทศที่ได้รับผลกระทบคือ อิหร่าน, เกาหลีเหนือ, คิวบา, ซีเรีย และไครเมีย แต่กลับมีผู้ใช้บางรายที่ไม่ได้มีอยู่ในประเทศเหล่านี้โดนไปด้วย
TechCrunch ระบุไว้ว่า ผู้ใช้ที่ถูกบล็อค Slack บางคนเคยเดินทางไปยังซึ่งเป็นประเทศที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร จึงคาดว่า Slack น่าจะใช้ข้อมูลไอพีแอดเดรสตอนเดินทางมาพิจารณาด้วย ซึ่งหลังจากมีผู้ใช้ร้องเรียนกันเป็นจำนวนมาก Slack จึงได้กล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่าเป็นการแบนที่มีขอบเขตกว้างเกินไป
ตลาดซอฟต์แวร์สื่อสารภายในทีมกำลังดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะคู่ระหว่าง Slack กับ Microsoft Teams เพราะหลัง Microsoft Teams เปิดตัว ฝั่งของ Slack ถึงกับซื้อโฆษณาเต็มหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อเตรียมสกัดคู่แข่ง
ไม่มีใครรู้ว่าตัวเลขผู้ใช้จริงๆ ของโปรแกรมแต่ละตัวเป็นอย่างไรบ้าง แต่ผลสำรวจจาก Spiceworks บริษัทด้านผู้เชี่ยวชาญไอที ก็พอให้เราเห็นภาพของตลาดนี้มากขึ้น
April Underwood หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ (Chief Product Officer) ของ Slack พูดในงานสัมมนา Frontiers ของบริษัทเอง เผยว่ากำลังพัฒนาไคลเอนต์เดสก์ท็อปตัวใหม่ที่ทำงานได้เร็วกว่าเดิม กินแรมน้อยกว่าเดิม
Underwood บอกว่าไคลเอนต์ตัวใหม่จะทำงานเร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน (significantly faster) ในระดับว่าเราจะได้เวลาชีวิตคืนมาครั้งละ 4 วินาทีเมื่อรัน Slack
ฟีเจอร์อีกอย่างของไคลเอนต์ตัวใหม่คือทำงานออฟไลน์ได้ สามารถอ่านข้อความ สลับแชนเนล เลือกข้อความที่ยังไม่ได้อ่านได้ แม้ไม่ได้เชื่อมต่อเน็ตในตอนนั้น
ไคลเอนต์ตัวใหม่จะเปิดให้ใช้งานทั่วไปช่วงต้นปีหน้า 2019