Automattic บริษัทของ Matt Mullenweg ผู้สร้าง WordPress (และเป็นผู้ให้บริการบล็อก WordPress.com ด้วย) ประกาศเข้าซื้อกิจการบริษัท Cloudup เจ้าของบริการซิงก์ไฟล์มัลติมีเดียขึ้นบนกลุ่มเมฆ

จุดเด่นของ Cloudup คือเทคโนโลยีการซิงก์ไฟล์แบบง่ายๆ เพียงลากแล้ววางก็สามารถแชร์ให้เพื่อนๆ ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ทันที (ดูวิดีโอประกอบท้ายข่าว)

Automattic ประกาศชัดเจนว่าซื้อ Cloudup เพื่อไปใช้กับระบบอัพโหลดและคลังมัลติมีเดียของ WordPress (WordPress Media Library) นอกจากนี้ยังจะเพิ่มเทคโนโลยีด้านการเขียนบล็อกร่วมกัน (collaborative editing) ที่ใช้เทคโนโลยีของ Cloudup ด้วย อีกไม่ช้าเราคงได้เห็นบริการเหล่านี้เปิดตัวครับ

ยักษ์ออนไลน์จีน Tencent (เจ้าของเดียวกับ WeChat) เข้าซื้อหุ้น 36.5% ของเว็บค้นหาจีน Sogou คิดเป็นเงินมูลค่า 448 ล้านดอลลาร์ (เจ้าของเว็บแห่งนี้คือบริษัท Sohu.com Inc. ซึ่งยังถือหุ้นใหญ่ของ Sogou อยู่)

Sogou ถือเป็นเว็บค้นหาอันดับสามของจีน มีส่วนแบ่งตลาด 5.5% รองจาก Baidu ที่นำห่าง 82% และอันดับสอง Qihoo 360 ครองตลาด 9%

การที่ Tencent เข้าซื้อหุ้นของ Sogou ทำให้บริษัทเริ่มเข้ามาในตลาดเว็บค้นหาอย่างจริงจัง (โดยเฉพาะบนอุปกรณ์พกพาที่ Tencent ทำได้ดี) และภาวะการแข่งขันระหว่าง Tencent กับ Baidu ร้อนแรงขึ้น

ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่าเบอร์สอง Qihoo สนใจซื้อเบอร์สาม Sogou แต่สุดท้ายการเจรจาล้มเหลว จนกลายมาเป็น Tencent เข้าซื้อหุ้นบางส่วนในที่สุด

กูเกิลประกาศเข้าซื้อกิจการบริษัท Bump Technology ผู้ทำแอพส่งไฟล์ระหว่างเครื่องโทรศัพท์ชื่อดัง Bump บนแพลตฟอร์ม iOS และ Android (รวมถึงโยนไฟล์ลงคอมได้ด้วย) หลักการการใช้งานของแอพคือ มันจะอาศัยวงแลนเดียวกัน และเวลาจะส่งทำง่าย ๆ เพียงเขย่าเครื่องเท่านั้น

ทั้งนี้ David Lieb ซีอีโอของ Bump Technology บอกว่าแอพ Bump และแอพแชร์ภาพ Flock ยังคงเปิดให้บริการอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ตอนนี้ทีมงานของ Bump กำลังทำงานกับกูเกิลเพื่อพัฒนาระบบต่าง ๆ และจะปล่อยฟีเจอร์ใหม่ให้ใช้เร็ว ๆ นี้ครับ

ที่มา: Bump Blog ผ่าน Engadget

ชื่อบริษัทอาจดูคุ้นๆ แต่เป็นคนละบริษัทกับ Synnex ประเทศไทย (ซึ่งถือเป็นบริษัทร่วมทุนของ Synnex Technology International Corp ของไต้หวัน) นะครับ อันนี้เป็นบริษัทชื่อ Synnex Corporation ของอเมริกาที่อยู่ในเครือเดียวกับ Synnex Technology ของไต้หวันเช่นกัน (รายละเอียดเผื่อคนสนใจ)

สำหรับข่าวนี้คือ Synnex Corporation ของอเมริกา ประกาศเข้าซื้อธุรกิจ "รับเอาต์ซอร์สด้านการบริการลูกค้า" (customer care services business - CRM BPO) จากยักษ์สีฟ้า IBM ด้วยมูลค่า 505 ล้านดอลลาร์ เพื่อมาเสริมทัพในส่วนของ BPO ของตัวเอง

เว็บไซต์ AllThingsD เผยเบื้องหลังการซื้อกิจการโนเกียของไมโครซอฟท์ โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้

ภายหลังจากข่าวดีลครั้งมหึมาของไมโครซอฟท์กับโนเกีย สำนักข่าวบลูมเบิร์กก็รายงานว่า ไมโครซอฟท์ยังคงพิจารณาที่จะซื้อกิจการ BlackBerry อีกหนึ่งราย โดยจากรายงานระบุว่า ไมโครซอฟท์กำลังรอเวลาที่เหมาะสมถึงจะจัดการซื้อกิจการ BlackBerry

ข่าวเด่นประจำสัปดาห์ ไมโครซอฟท์ประกาศเข้าซื้อโนเกีย 7.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ บทความนี้เป็นการเก็บรายละเอียดการซื้อกิจการ + บทวิเคราะห์แบบเร่งด่วนนะครับ

อย่างแรกสุดเลยต้องย้ำก่อนว่า ไมโครซอฟท์ไม่ได้ซื้อโนเกียหมดทั้งบริษัท ซื้อเฉพาะส่วนมือถือเท่านั้น โนเกียยังอยู่ไม่หายไปไหนในฐานะบริษัทอิสระ เพียงแต่จะไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่มือถือแทนเท่านั้นเอง

ไมโครซอฟท์อธิบายเรื่องการซื้อกิจการรอบนี้ไว้ค่อนข้างละเอียด มีสไลด์ประกอบอย่างดี ผมแปะสไลด์เวอร์ชันเต็มไว้ด้วยจะได้อ้างอิงกันง่ายๆ ส่วนรูปที่ใช้ประกอบบทความจะคัดมาเฉพาะสไลด์สำคัญๆ เท่านั้น

ภายหลังดีลครั้งใหญ่แห่งปีอย่างที่ไมโครซอฟท์ซื้อกิจการโนเกีย ล่าสุดไมโครซอฟท์เปิดเผยสาเหตุที่บล็อก TechNet ว่า ไมโครซอฟท์ต้องการเสริมความแข็งแกร่งในยุทธศาสตร์ "อุปกรณ์และบริการ" พร้อมทั้งจะช่วยพัฒนาประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานของระบบในไมโครซอฟท์ ขณะเดียวกันโนเกียในส่วนที่ไม่ถูกซื้อ (HERE และ NSN) จะช่วยให้โนเกียสามารถโฟกัสในส่วนนี้ได้ดีขึ้น

ไมโครซอฟท์ประกาศเข้าซื้อส่วนอุปกรณ์และบริการจากโนเกียแล้วด้วยมูลค่า 5.44 พันล้านยูโร แบ่งเป็นส่วนของอุปกรณ์และบริการ 3.79 พันล้านยูโร และสิทธิ์การใช้งานสิทธิบัตรในการผลิตของโนเกีย รวมถึงส่วนที่เกี่ยวกับการทำแผนที่อีก 1.65 พันล้านยูโรป โดยไมโครซอฟท์จะจ่ายทั้งหมดเป็นเงินสด และคาดว่าการเข้าซื้อจะเสร็จสิ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2557

หลังจากการเข้าซื้อเสร็จสิ้น พนักงานของโนเกียจำนวนกว่า 32,000 คน จะถูกย้ายไปทำงานกับไมโครซอฟท์ ซึ่งจะรวมถึงทีมออกแบบ และผู้บริการอย่าง Stephen Elop ด้วย และไมโครซอฟท์ยังประกาศอีกว่าจะใช้ฟินแลนด์เป็นที่ตั้งของศูนย์ข้อมูลสำหรับบริการลูกค้าในยุโรปอีกด้วย

ในที่สุดไมโครซอฟท์ก็ประกาศเข้าซื้อธุรกิจโทรศัพท์มือถือของโนเกียมูลค่า 7.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (5.44 พันล้านยูโร) โดยดีลนี้คาดว่าจะเสร็จได้ในไตรมาสแรกปีหน้า โดยจะต้องผ่านความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นรวมถึงกระบวนการอนุญาตทางกฏหมายด้วย

ที่มา : Reuters

อัพเดตเพิ่มเติม:

เว็บไซต์ GigaOm รายงานว่ากูเกิลเข้าซื้อกิจการ WIMM Labs ผู้ผลิต smart watch แบบเงียบ ๆ โดยโฆษกของกูเกิลออกมายืนยันข่าวนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ไม่มีรายงานเกี่ยวกับมูลค่าที่ในการซื้อกิจการ

สำหรับ WIMM Labs นั้นเป็นผู้ผลิต smart watch ที่เคยมีผลงานอย่าง WIMM One แต่เมื่อออกมากลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ภายหลังก็พยายามหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ก่อนที่ถูกกูเกิลซื้อกิจการไป

จากรายงานของ GigaOm ระบุว่าทีมงาน WIMM Labs จะเข้าไปทำงานในทีม Android ซึ่งนี่อาจจะเป็นสัญญาณว่า กูเกิลเตรียมทำ smart watch ในเร็ว ๆ นี้

Trendrr บริษัททำซอฟต์แวร์สำหรับผู้ผลิตรายการทีวีและโฆษณา ประกาศเมื่อวานนี้ว่าบริษัทได้ถูกซื้อโดย Twitter เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Trendrr มีผลิตภัณฑ์หลัก 2 ตัว อย่างแรกคือ Trendrr.TV ซึ่งเป็นเครื่องมือติดตามผลว่าผู้รับชมรายการมีปฏิกิริยา และมีความผูกพันกับรายการหรือโฆษณาที่เพิ่งเผยแพร่ไปอย่างไรบ้าง โดยจะรวบรวมข้อมูลกล่าวถึงรายการและโฆษณาที่กำหนดจากระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์หลายแห่ง รวมทั้งจาก Twitter ด้วย

ส่วนผลิตภัณฑ์อีกตัวหนึ่งคือ Curatorr ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เรียบเรียงและทำให้ง่ายต่อการค้นหาข้อความทวีตของแฟนรายการทีวีที่โดดเด่น และน่าสนใจเพียงพอที่จะทำให้บัญชีทวีตทางการของรายการนั้นๆ นำมาบอกต่อ หรือนำไปออกอากาศ

Apple เข้าซื้อกิจการของ AlgoTrim ผู้เชี่ยวชาญด้านการบีบอัดข้อมูลดิจิทัล โดยไม่เปิดเผยมูลค่าในการทำสัญญา

AlgoTrim เป็นบริษัทที่ตั้งในเมือง Malmo ประเทศสวีเดน เริ่มต้นจากการพัฒนาอัลกอริทึ่มสำหรับการใช้งานฟีเจอร์โฟน ก่อนจะขยายผลงานมาลงสู่อุปกรณ์สมาร์ทโฟนในที่สุด มีพนักงานเพียง 2 คน คือ Anders Holtsberg ผู้จบดอกเตอร์ด้านการประมวลผลสัญญาณโซนาร์ของเรือดำน้ำ รับหน้าที่ด้านการทำซอฟต์แวร์ และ Martin Lindberg ผู้เคยทำงานวิจัยด้านการประมวลผลข้อมูลภาพสำหรับเรดาร์ รับหน้าที่เป็น CTO

คำว่า Internet of Things หรือ IoT เป็นคำที่เริ่มฮิตในวงการไอที มันหมายถึงโลกที่อุปกรณ์ต่างๆ มีหน่วยประมวลผลขนาดเล็กฝังอยู่ และติดต่อสื่อสารระหว่างกันผ่านอินเทอร์เน็ต (เครือข่ายเหล่านี้จึงเรียกว่า "อินเทอร์เน็ตสำหรับสิ่งของ" ตามชื่อ บางที่เรียก M2M หรือ machine-to-machine)

ยาฮูยังคงเดินหน้าซื้อกิจการเสริมทัพต่อเนื่อง ล่าสุดเป็นสตาร์ทอัพ IQ Engines ซึ่งให้บริการ API ในการค้นหา จัดหมวดหมู่จำแนกรูปภาพ โดยทีมงาน IQ Engines เผยว่าพวกเขาจะเข้าร่วมทีมส่วน Flickr เพื่อสร้างระบบจัดการและค้นหาภาพที่ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้บริการ API ของ IQ Engines ทั้งหมดจะปิดให้บริการภายใน 30 วันนับจากนี้ครับ

ที่มา: The Next Web และ IQ Engines

Instagram ซื้อกิจการบริษัทอื่นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัทเอง โดยประกาศซื้อบริษัท Luma ผู้พัฒนาแอพถ่ายวิดีโอที่มี stabilizer ป้องกันสั่นระหว่างถ่าย

Luma ประกาศถอดแอพออกจาก App Store ทันที ผู้ใช้เก่ายังสามารถใช้งานได้ถึงสิ้นปีนี้ และสามารถดาวน์โหลดวิดีโอที่เคยแชร์ไว้กลับได้

การซื้อกิจการรอบนี้ชัดเจนว่าเป็นการซื้อทีมและเทคโนโลยีด้านกันสั่น มาใช้กับฟีเจอร์ถ่ายวิดีโอของ Instagram นั่นเองครับ

ที่มา - TechCrunch

แอปเปิลยืนยันข่าวการซื้อบริษัท Embark Inc. เจ้าของแอพด้านแผนที่การขนส่งมวลชนสำหรับหลายเมืองใหญ่ของสหรัฐ

แอพ Embark ช่วยวางแผนการเดินทางด้วยการขนส่งสาธารณะทั้งรถไฟ-รถเมล์ โดยใช้ข้อมูลเรียลไทม์เพื่อให้ตรงกับสภาพการเดินทางจริงๆ ตอนนี้แอพมีเฉพาะบน iPhone (เคยมีบน Android แต่ถอดออกไปแล้ว) และเปิดให้ใช้บริการฟรี ดูวิดีโอสาธิตได้ท้ายข่าว

บริษัท Embark Inc. เปิดเมื่อปี 2011 โดยมีทีมงานไม่เยอะนัก แอปเปิลไม่ระบุว่าจ่ายเงินซื้อ Embark ไปเท่าไร (ยืนยันแค่ว่าซื้อจริงๆ) แต่ก็คงหนีไม่พ้นการนำเทคโนโลยีของ Embark ไปเสริมทีม Apple Maps นั่นเองครับ

GoDaddy บริษัทขายโดเมนรายใหญ่เข้าซื้อบริษัทค้นหาธุรกิจท้องถิ่น Locu ด้วยมูลค่าไม่เปิดเผย แต่ AllThingsD ระบุว่าอาจจะมีมูลค่าถึง 70 ล้านดอลลาร์

Locu เปิดให้ธุรกิจอัพเดตข้อมูลของตัวเองบนบริการต่างๆ ทั้ง Yelp, Foursquare, TripAdvisor, YP.com, และ Facebook ได้พร้อมกันโดยเสียค่าบริการ 25 ดอลลาร์ต่อเดือน ตอนนี้ Locu มีรายการธุรกิจมากกว่าหนึ่งล้านราย และมีธุรกิจที่ใช้ Locu เป็นเพจหลักถึง 30,000 ราย

ทุกวันนี้ Locu ทำงานร่วมกับ GoDaddy อยู่แล้วด้วยการให้บริการสร้างเว็บไซต์ผ่านบริการ Website Builder ของ GoDaddy

ที่มา - AllThingsD

Baidu บริษัทค้นหาในจีนประกาศเข้าซื้อบริษัท NetDragon ผู้ให้บริการหน้าร้านขายแอพพลิเคชั่นรายใหญ่จากฮ่องกง ด้วยมูลค่า 1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

NetDragon เป็นผู้ให้บริการเว็บ HiAPK.com และพอร์ทัลเกม 91.com รวมถึงพอร์ทัลเกมออนไลน์ใหญ่ที่สุดของจีน 17173.com นอกจากตัวเว็บแล้ว NetDragon ยังพัฒนาเกมออนไลน์ของตัวเองอีกหลายเกม และกำลังขยายฐานจากจีนออกไปยังประเทศอื่นๆ

ที่มา - 91.com (PDF), Reuters

วันนี้ทวิตเตอร์ได้ประกาศว่าบริษัทได้เข้าซื้อกิจการของ Marakana บริษัทที่เน้นการสอนคอร์สโอเพนซอร์สต่างๆ จำพวก Android, Java, HTML5, Python ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในละแวกเดียวกับสำนักงานใหญ่ของทวิตเตอร์ใน San Francisco

หลังจากนี้ Marakana จะหยุดให้บริการสอนแก่บุคคลภายนอกทั้งหมดและเตรียมเข้าร่วมกับทวิตเตอร์อย่างเต็มตัว คาดว่าการเสริมทัพครั้งนี้เป็นไปเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนด้านเทคนิคภายในองค์กรกับโครงการ Twitter University หลังจากที่บริษัทเติบโตขึ้นมาก นับตั้งแต่เปิดตัวไปเมื่อปี 2006

Facebook ประกาศว่าได้เข้าซื้อบริษัท Mobile Technologies ผู้พัฒนาแอพแปลภาษาแบบใช้เสียง Jibbigo ไปแล้วด้วยจำนวนเงินที่ไม่เปิดเผย พร้อมกับทีมงานส่วนหนึ่ง โดย Facebook บอกว่าจะยังคงสนับสนุนแอพ Jibbigo ต่อไป

Jibbigo เป็นแอพแปลภาษาบน iOS และ Android ที่สามารถป้อนข้อมูลได้ทั้งตัวหนังสือและเสียง รองรับ 25 ภาษารวมทั้งภาษาไทย มีรูปแบบการหารายได้โดยขายส่วนแปลภาษาแบบออฟไลน์

จากข่าวก่อนหน้านี้ที่โนเกียประกาศซื้อหุ้นของ Siemens คืนในธุรกิจ Nokia Siemens Networks (หรือ NSN) ล่าสุดโนเกียประกาศว่าตอนนี้โนเกียได้ซื้อหุ้นอีกครึ่งหนึ่งของ Siemens คืนเรียบร้อยแล้ว พร้อมเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Nokia Solutions and Networks (ตัวย่อเหมือนเดิมคือ NSN)

ด้านตำแหน่งผู้บริหาร อย่างเช่นซีอีโอ และประธานบอร์ดของ NSN จะยังอยู่ในตำแหน่งต่อไป เพียงแต่คณะผู้บริหารที่มาจาก Siemens ได้ลาออกไปแล้ว

ที่มา: โนเกีย

ยาฮูประกาศซื้อกิจการบริษัท RockMelt อดีตผู้สร้างเบราว์เซอร์โซเชียลที่ผันตัวเองไปทำเว็บแอพ

การซื้อครั้งนี้เป็นการซื้อทีมงานไปพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของยาฮูเอง ซึ่ง RockMelt จะปิดบริการทุกอย่างของตัวเองในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ใครที่ใช้บริการของ RockMelt ก็สามารถดาวน์โหลดข้อมูลส่วนตัวกลับคืนในรูปไฟล์ OPML ได้

ยาฮูไม่ได้เปิดเผยตัวเลขของการซื้อกิจการ แต่ AllThingsD ระบุว่าอยู่ระหว่าง 60-70 ล้านดอลลาร์ การซื้อกิจการครั้งนี้เป็นประโยชน์กับทั้ง RockMelt ที่ไปไม่ค่อยรอดในระยะหลัง และยาฮูที่ยังขาดแคลนทีมงานเทคนิคระดับหัวกะทิอยู่อีกมาก

แอปเปิลยังคงเข้าซื้อบริษัทอย่างต่อเนื่อง รายล่าสุดเป็น Passif Semiconductor บริษัทที่เด่นในแง่การพัฒนาชิปเชื่อมต่อไร้สายกินไฟต่ำ

อย่างไรก็ตามแอปเปิลไม่ได้เผยวงเงินที่เข้าซื้อ Passif Semiconductor แต่อย่างใด สิ่งที่ได้จากการเข้าซื้อครั้งนี้คาดว่าจะถูกนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพกพาของแอปเปิลทั้งแท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน หรือแม้แต่ของที่ยังไม่ออกอย่างนาฬิกาด้วยก็เป็นได้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามไปยังโฆษกของแอปเปิล ก็ได้รับคำตอบว่าซื้อจริง แต่ไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเหมือนเมื่อครั้งก่อน

ที่มา - AllThingsD

แอปเปิลซื้อกิจการบริษัทด้านข้อมูลภูมิศาสตร์ 2 บริษัทในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน

• บริษัทแรก Locationary อยู่ในแคนาดา เป็นบริษัท startup ที่เก็บข้อมูลเชิงภูมิศาสตร์ด้วยวิธีการแบบ crowdsourcing โดยเน้นไปที่ข้อมูลร้านค้าหรือธุรกิจ
• บริษัทที่สอง HopStop เน้นที่ข้อมูลด้านการขนส่งมวลชน ปัจจุบันแอพ HotStop มีผู้ใช้ต่อเดือนประมาณ 2 ล้านคน (iOS+Android) และมีระบบ crowdsourcing ข้อมูลลักษณะเดียวกับ Waze แต่เน้นที่การเดินทางด้วยขนส่งมวลชนเป็นหลัก

แอปเปิลไม่ได้ประกาศข่าวการซื้อกิจการทั้งสองบริษัทนี้ แต่เมื่อนักข่าวสอบถามไปยังโฆษกของแอปเปิล ก็ได้รับคำยืนยันว่าซื้อจริงทั้งคู่ แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดมากกว่านี้