อีกฟีเจอร์ของ Android 4.4 KitKat ที่ไม่ได้ประกาศออกมาตอนเปิดตัว คือ กูเกิลจะใส่ Quickoffice ที่ซื้อมาปีที่แล้วมาตั้งแต่แรก ทำให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขไฟล์ออฟฟิศได้ทันที

เมื่อรวมแนวทางนี้เข้ากับฟีเจอร์การเปิดไฟล์บน Google Drive ผ่านทาง API ชุดใหม่ Android 4.4 ก็นับว่าใช้สำหรับงานสำนักงานเบื้องต้นได้ครบถ้วน แถมยังพิมพ์ไฟล์ออกมาได้เมื่อใช้กับพรินเตอร์ที่ซัพพอร์ต

Quickoffice มีแจกฟรีบน Google Play มานาน แต่การใส่ไปกับเครื่องตั้งแต่แรกทำให้โทรศัพท์และแท็บเล็ตแอนดรอยด์ที่ออกใหม่ในปีหน้าน่าจะใช้ Quickoffice เป็นมาตรฐานในการส่งไฟล์และจัดหน้าเอกสารกันมากขึ้น

Calxeda ผู้ผลิตซีพียู ARM สำหรับเซิร์ฟเวอร์ตัวแรกๆ ที่วางตลาดทั่วไปผ่านทาง HP Moonshot ตอนนี้ประกาศอัพเกรดโมดูลซีพียูรุ่นใหม่ในชื่อ ECX-2000

ความสามารถสำคัญของ ECX-2000 คือการอัพเกรดจากเดิมใช้ Cortex-A9 ขึ้นเป็น Cortex-A15 แม้จะยังใช้สถาปัตยกรรม ARMv7 เหมือนกัน แต่ ECX-2000 จะรองรับแรมเพิ่มเป็น 16 กิกะไบต์ แม้สถาปัตยกรรมจะเป็น 32 บิตที่อ้างแรมได้ 4 กิกะไบต์ก็ตาม (ARM มีความสามารถรองรับแรมส่วนขยายแบบเดียวกับ PAE ใน x86 แต่ไม่นิยมใช้นัก)

Linus Torvalds เริ่มหารือกับชุมชนผู้พัฒนาเคอร์เนลลินุกซ์ ในการปรับเลขเวอร์ชันของเคอร์เนลจาก 3.x เป็น 4.0

เคอร์เนล 4.0 ยังใช้ระบบการนับเลขแบบเดียวกับเคอร์เนล 3.0 ทำให้เคอร์เนล 4.0 จะไม่แตกต่างกับเคอร์เนลเวอร์ชันล่าสุดคือ 3.12 มากนัก คาดว่าตัวเลขเวอร์ชันของเคอร์เนลสาย 3.x จะขึ้นไปถึง 3.19 แล้วปรับขึ้นเป็น 4.0 ในอีกประมาณหนึ่งปีข้างหน้า

ตอนนี้ไอเดียเรื่องการปรับเลขเวอร์ชันยังเป็นแค่การหารือเท่านั้น ยังไม่ถือเป็นการตัดสินใจขั้นสุดท้ายครับ

การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของ Android 4.4 KitKat คือแถบ notification bar ด้านบนของหน้าจอ และแถบควบคุมด้านล่างของหน้าจอเปลี่ยนเป็นแถบใสเห็นภาพพื้นหลัง

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าแถบใสแบบนี้จะมีปัญหาบน Nexus 10 เพราะส่งผลให้เกิดปัญหาประสิทธิภาพ (กูเกิลไม่ได้บอกชัดแต่อาจเป็นเพราะ Nexus 10 จอละเอียด พอต้องแสดงเอฟเฟคต์ใสเลยมีปัญหา?) จนล่าสุดกูเกิลต้องออก Android 4.4.1 เพิ่มตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถปิดแถบใสลักษณะนี้ได้

ตอนนี้ซอร์สโค้ดของ Android 4.4.1 เผยแพร่ออกมาแล้ว ส่วนตัวอัพเดตจริงๆ ยังไม่บอกว่าจะออกเมื่อไรกันแน่

รางวัล YouTube Music Awards ปีนี้ประกาศผลรางวัลแล้ว โดยรางวัลสำคัญคือ ศิลปินแห่งปีตกเป็นของ Enimem โดยวัดคะแนนจากยอดชม, ยอดไลค์, คอมเมนต์, และจำนวนคนที่ติดตามช่องนั้นๆ ขณะที่รางวัลวิดีโอยอดเยี่ยมเป็นของ Girls' Generation ด้วยวิดีโอ I Got A Boy โดยวัดจากจำนวนเข้าชมวิดีโอ, คอมเมนต์, และยอดไลค์

สำหรับหมวดอื่นๆ จะเป็นการให้รางวัลรูปแบบเฉพาะของ YouTube ได้แก่

Android 4.4 นั้นมีการโฆษณาความสามารถใหม่ๆ ไว้มากมาย แต่ฟีเจอร์หนึ่งที่ไม่ถูกพูดถึงคือ Gallery ใหม่ที่มีความสามารถในการปรับแต่งรูปภาพสูงมาก ทั้งการปรับค่าสีและการใส่เอฟเฟคต่างๆ ก็มีอย่างครบถ้วน

เท่าที่ดูหน้าจอของโปรแกรมแล้ว ฟีเจอร์เหล่านี้น่าจะมาจาก Snapseed ที่กูเกิลซื้อมาปีที่แล้ว และเพิ่งนำฟีเจอร์มาใส่ใน Google+ เมื่อไม่กี่เดือนก่อน

ข่าวดีสำคัญของเรื่องนี้ คือ Gallery จะอยู่ในโครงการ AOSP ด้วย ดังนั้นเราจะเห็นซอร์สโค้ดของตัวปรับแต่งภาพจำนวนมาก แต่ฟีเจอร์บางส่วนจะถูกตัดออกไปจาก AOSP

Henri Lamiraux รองประธานฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ iOS ได้เกษียณจาก Apple แล้ว ภายหลังการเปิดตัว iOS 7 ไม่กี่สัปดาห์

Lamiraux เริ่มเข้าทำงานกับ Apple ตั้งแต่ปี 1990 และได้ร่วมพัฒนาระบบปฏิบัติการ iOS เคียงบ่าเคียงไหล่กับ Scott Forstall อดีตประธานฝ่ายซอฟต์แวร์ iOS มาตั้งแต่ช่วงพัฒนา iPhone รุ่นแรก และมีส่วนร่วมกับสิทธิบัตรชิ้นสำคัญของ Apple หลายรายการ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือระบบการอ่าน voicemail ก่อนที่จะมาทำงานกับ Craig Federighi หัวหน้าทีม iOS คนใหม่ ภายหลังจากที่ Forstall ถูกบีบให้ออกจาก Apple ในช่วงปลายปีก่อน

Google ให้ข้อมูลยืนยันว่าในอนาคต Google Web Designer ซึ่งเป็นเครื่องมือสร้างเว็บด้วย HTML5 จะมีรุ่นสำหรับระบบปฏิบัติการ Linux ให้ใช้งาน

จากที่เริ่มเปิดให้ใช้งานได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา Google Web Designer นั้นยังคงจำกัดการใช้งานบนระบบปฏิบัติการเพียง 2 ตัวเท่านั้น คือ Windows และ OSX จึงทำให้ผู้ใช้หลายคนสอบถามเรื่องการใช้งานบน Linux ซึ่งล่าสุด Sean Kranzberg ผู้จัดการด้านวิศวกรรมของ Google Web Designer ได้ออกมายืนยันชัดเจนว่าในอนาคตจะสามารถใช้เครื่องมือสร้างเว็บตัวนี้บน Linux ได้ด้วย โดยตั้งเป้าจะให้ใช้งานได้ทั้ง Ubuntu 12.04, Debian 7, OpenSuSE 12.2 และ Fedora Linux 17 เป็นต้นไป

มีการค้นพบว่าระบบสแกนลายนิ้วมือของ iPhone 5s หรือ Touch ID มีการเข้าคู่รหัสกับชิป A7 แต่ละตัวไว้โดยเฉพาะ ซึ่งจากการพิสูจน์ของทีมงาน iMore ก็คือการถอดเอา Touch ID ของ iPhone 5s ทั้งสองเครื่องมาสลับกัน พบว่า Touch ID ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ แต่หากนำมาใส่คืนจะสามารถใช้ได้ตามปกติ

ที่มา: iMore ผ่าน Macthai

แม้ว่าดีลที่โนเกียตัดสินใจขายส่วนอุปกรณ์และบริการให้ไมโครซอฟท์เกิดขึ้นแล้ว แต่ดีลนี้ยังไม่เสร็จสิ้นดีนัก ล่าสุดมีกลุ่มนักลงทุนในประเทศฟินแลนด์ นำโดย J. Parda โดยเขาตั้งเป้าว่าจะระดมทุนให้ได้มากถึง 5 พันล้านยูโร เพื่อทำการเข้าซื้อกิจการอุปกรณ์และบริการของโนเกียแทนไมโครซอฟท์ โดย J. Parda และกลุ่มนักลงทุนเรียกโครงการนี้ว่า "Nokita"

ทั้งนี้กลุ่มนักลงทุนนี้เปิดเผยถึงแผนการภายหลังจากการระดมทุน และเข้าขวางการซื้อกิจการของไมโครซอฟท์สำเร็จแล้วว่า จะมีงานที่ยิ่งใหญ่ทั้งบนโลกออนไลน์และออฟไลน์, สร้างมูลค่าของแบรนด์ให้มากขึ้น, โทรศัพท์รุ่นใหม่และผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองด้านความบันเทิง

ภายหลังจากที่ผู้คนต่างสิ้นหวัง (และอยากจะโยน Galaxy Nexus ทิ้ง) เนื่องจากเพราะกูเกิลตัดสินใจไม่ให้ Galaxy Nexus ไปต่อ

ไมโครซอฟท์ประกาศจะตัดการสนับสนุนด้าน desktop API สำหรับนักพัฒนาภายนอกในเดือนธันวาคมนี้ โดยไมโครซอฟท์ให้เหตุผลว่า เนื่องจากแอพ Skype นั้นรองรับทุกระบบปฏิบัติการแล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องสนับสนุนนักพัฒนาภายนอกอีกต่อไป

ทั้งนี้ไมโครซอฟท์เปิดเผยว่า ภายหลังจากการตัดการสนับสนุนนักพัฒนาภายนอกแล้ว ไมโครซอฟท์จะพัฒนาระบบการสนทนาด้วยเสียงให้ดีขึ้นกว่าเดิม และระบบการส่งข้อความในแอพ Skype จะเร็วขึ้นกว่าเดิม แน่นอนงานนี้นักพัฒนาที่ทำแอพสนทนากับผู้ใช้ Skype ปวดหัวแน่นอนครับ

Paul Thurrott คอลัมนิสต์ไอทีชื่อดังด้านข่าวไมโครซอฟท์ เผยเอกสารภายในของไมโครซอฟท์ที่ระบุแผนการทำตลาดแท็บเล็ตวินโดวส์ช่วงปลายปีนี้

กูเกิลประกาศปิดบริการ iGoogle ไปตั้งแต่ช่วงกลางปี และแล้วก็ครบกำหนดปิดตัว iGoogle เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ข้อมูลทั้งหมดของ iGoogle จะถูกลบทิ้งออกจากเซิร์ฟเวอร์ ยกเว้น gadget ที่ฝังบนหน้าเว็บ iGoogle ที่สามารถใช้ได้กับบริการ Google Sites ด้วย ก็จะยังใช้งานได้ต่อไป

กูเกิลให้เหตุผลของการปิด iGoogle ว่าวิธีการเข้าถึงบริการของกูเกิลนั้นเปลี่ยนไปจากเดิม และขอให้ผู้ใช้เข้าหน้าเว็บของบริการแต่ละตัวโดยตรงแทน แต่ถ้ายังอยากได้บริการลักษณะเดียวกันก็อาจใช้ตัวเลือกอื่นอย่าง NetVibes หรือ My Yahoo! แทนได้ (รายชื่อผลิตภัณฑ์ทางเลือก)

ใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีกับแท็บเล็ต Galaxy Note ขนาด 12.2 นิ้ว โดยล่าสุดซัมซุงยื่นเอกสารทางเทคนิคให้ FCC (กสทช. สหรัฐ) ตรวจสอบแล้ว

ข้อมูลสเปกที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้คือ หน้าจอ 12.2" 2560x1600, ซีพียู Snapdragon 800 2.3GHz ควอดคอร์, แรม 3GB, ความจุ 32GB, กล้องหลัง 8MP, กล้องหน้า 2MP

ที่มา - Phone Arena

กูเกิลเผยสถิติเวอร์ชันแอนดรอยด์รอบใหม่ (นับถึง 1 พฤศจิกายน) ล่าสุด Jelly Bean ทุกเวอร์ชันรวมกันมีส่วนแบ่งตลาดเกินครึ่งของแอนดรอยด์ทั้งหมดแล้ว

• Jelly Bean 52.1%
• Ice Cream Sandwich 19.8%
• Honeycomb 0.1%
• Gingerbread 26.3%
• Froyo 1.7%

แต่ถ้าแตกเวอร์ชันย่อยของ Jelly Bean จะแบ่งได้เป็น 4.1 37.3%, 4.2 12.5%, 4.3 2.3%

ที่มา - Android Developers Dashboard, Android Police

สมาชิก The Verge Forum ที่ชื่อว่า Britoid ประกาศว่าเขาค้นพบรูปภาพแท็บเล็ตตัวใหม่บนเว็บไซต์ Android.com ของกูเกิล (ลิงก์ไปยังไฟล์ภาพ) หน้าตาของมันคล้ายกับ Nexus 7 รุ่นล่าสุด แต่ขอบรอบจอมีขนาดเล็กกว่า Nexus 7

ภาพแท็บเล็ตตัวนี้จึงถูกมองว่ามันอาจเป็น Nexus 8 แท็บเล็ตตัวใหม่ของตระกูล Nexus และเป็นไปได้ว่าอาจเปิดตัวพร้อม Nexus 10 รุ่นใหม่ในเร็วๆ นี้ครับ

ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตเฟิร์มแวร์ให้ Surface Pro 2 (เฉพาะรุ่น Pro นะครับ รุ่น Surface 2 ไม่ได้อัพเดต) ช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นกว่าเดิม

เว็บไซต์ AnandTech ลองรันชุดทดสอบเดิมอีกครั้ง พบว่าแบตเตอรี่ของ Surface Pro 2 ใช้งานได้เยอะกว่าเดิมพอสมควร

Flipboard แอพอ่านข่าวยอดนิยมแอพหนึ่ง ได้ออกอัพเดตเวอร์ชัน 2.2 บน iOS โดยมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลง ดังนี้

• ปรับปรุงประสิทธิภาพของตัวแอพ ทุกส่วนของแอพจะใช้งานได้เร็วขึ้น
• ปรับหน้าตาให้เข้ากับ iOS 7 (ก่อนหน้าได้เพิ่ม Parallax ไปแล้ว)
• ปรับเปลี่ยนขนาดตัวอักษรได้ในเมนูตั้งค่าของแอพ
• เพิ่ม tile ในหน้าแรกสำหรับ iPhone 5/5c/5s
• เพิ่มการแจ้งเตือนบนหน้าจอเมื่อมีสิ่งใหม่ใน feed

ดาวน์โหลดแอพได้ที่ App Store

ที่มา - 9to5Mac

หลังจากปล่อย CyanogenMod 10.2 รุ่น nightly ออกมาไม่กี่เดือน ก็ถึงคิวที่จะได้ปล่อยรุ่น M1 (SNAPSHOT Milestone 1) ที่เสถียรกว่า ตอนนี้โครงการก็ปล่อยให้ดาวน์โหลดรุ่น M1 แล้วและรองรับอุปกรณ์มากกว่า 70 รุ่น (นับรวมรุ่นย่อย)

สามารถดาวน์โหลดผ่าน get.cm หรือ อัพเดตผ่าน CyanogenMod updates (OTA) ครับ

ที่มา - Cyanogenmod Blog

สำหรับแอปเปิลแล้ว ตลาดอินเดียคงไม่ง่ายนักที่จะเจาะเข้าไปได้ ยอดการจำหน่าย iPhone ก็ยังน้อยนิดทำได้เพียงแค่ 5% สาเหตุหลักก็มาจากราคาเครื่องที่ขายแบบไม่ติดสัญญาแต่ก็ยังแพงเกินไปสำหรับคนอินเดีย

ล่าสุดแอปเปิลได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์อันดับสามในอินเดียอย่าง Reliance Communications เปิดจำหน่าย iPhone 5s และ 5c แบบติดสัญญา 2 ปี โดยจ่ายรายเดือนผ่านบัตรเครดิตเท่านั้น ซึ่ง iPhone 5s มีราคา 2,999 รูปี (48.5 ดอลลาร์สหรัฐ) และ iPhone 5c ราคา 2,599 รูปี โดยราคานี้สามารถโทรได้ไม่จำกัดรวมบริการอินเทอร์เน็ตด้วย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

เหลือเวลาอีกแค่ 2 วัน สัญญาที่ทำไว้กับ Fairfax Financial ก็จะเป็นผลแล้ว แต่ทว่าดูเหมือนจะส่อเค้าล่มแล้วเรียบร้อย หลังจากที่ธนาคารหลายๆ แห่งที่ Fairfax จะขอเงินทุนนั้นส่ายหน้าไม่เอาด้วยกับดีลนี้

โดย Reuters ระบุว่าธนาคารหลายๆ แห่งที่ Fairfax จะขอให้มาเป็นที่ปรึกษาเพื่อปิดดีลนี้ในวันที่ 4 พฤศจิกายนนั้น ตอบรับต่อดีลนี้ในทางลบพอสมควร ซึ่งบางแห่งเช่น Bank of America, Merrill Lynch และ BMO Capital Markets ถึงกับให้ความเห็นกลับว่า "มันเป็นไปไม่ได้หรอก ที่บริษัทที่มีปัญหาล้นตัวจนเข้าขั้นวิกฤตนั้น จะมีโอกาสกลับมาเติบโตได้"

โนเกียประกาศผ่านบล็อกอย่างเป็นทางการของโนเกีย (Nokia Conversations) ว่าตอนนี้ผู้ใช้โนเกียในประเทศมาเลเซีย, เวียดนาม และประเทศไทย (ข่าวเก่า) สามารถใช้บริการ Nokia Music ได้อย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้ใช้สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ซื้อเพลง, ฟัง Mix Radio รวมถึงสามารถสมัครบริการ Nokia Music+ ได้อีกด้วย (ค่าบริการในไทย 30 บาทต่อเดือน)

หลังจากที่มีคนไปพบว่ามีการจดเครื่องหมายการค้าชื่อ Moto G เมื่อสัปดาห์ก่อน มาขณะนี้ก็มีข้อมูลสเป็กและภาพเครื่องหลุดมาจากภาพถ่ายสิ่งพิมพ์เพื่อการโฆษณาของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้

Moto G จะมีหน้าจอขนาด 4.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ 1280*720 พิกเซล ใช้หน่วยประมวลผล Qualcomm แบบควอดคอร์ ความถี่สัญญาณนาฬิกา 1.2GHz และจะใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.3 Jelly Bean มาพร้อมพื้นที่เก็บข้อมูล 8GB มีกล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้า 1.3 ล้านพิกเซล สามารถใช้งาน Wi-Fi, HSPA+ และบลูทูธ 4.0

แถมลูกเล่นอีกอย่างตามแนวทาง "มือถือตามสั่ง" ของ Motorola คือ Moto G นี้จะเปิดให้ผู้ใช้สามารถเลือกสีด้านหน้าและหลังของตัวเครื่องได้

หลังจากมีข้อห้ามเรื่องการใช้งานอุปกรณ์ไอทีต่างๆ (ข่าวเก่า) ระหว่างเครื่องบินขึ้น-ลง ในที่สุด สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐฯ (FAA) ก็ประกาศข้อบังคับอนุญาตให้ผู้โดยสารสามารถใช้งานได้แล้ว ไม่ว่าขณะเครื่องจะขึ้นหรือลง แต่ยังจำกัดเฉพาะสายการบิน Delta และ JetBlue ในสหรัฐอเมริกา

อุปกรณ์ไอทีที่อนุญาตให้ใช้งานได้นั้นมีทั้ง มือถือ, แท็บเล็ต และ อีบุ๊ก รวมทั้งแกดเจ็ตอีกมากมาย แต่ก็ยังมีข้อจำกัด คือ ในขณะเครื่องบินขึ้น-ลง ให้เปลี่ยนเป็นโหมด airplane ในโทรศัพท์ก่อนหรือเปลี่ยนมาเชื่อมต่อกับสัญญาณ Wi-Fi ของสายการบินแทน ส่วนสายการบินอื่นๆ ยังไม่มีประกาศจากทาง FAA แต่อย่างใด