Dexmo คือชื่อของอุปกรณ์ exoskeleton (อุปกรณ์สวมใส่คล้ายเกราะที่มีโครงสร้างสอดรับตามกายวิภาคของร่างกายผู้ใช้) สำหรับสวมใช้งานที่มือ มันสามารถใช้ประโยชน์เพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวมือและนิ้วของผู้ใช้เพื่อนำไปควบคุมมือของหุ่นยนต์ได้ และยังสามารถให้การตอบสนองด้านสัมผัสแก่ผู้ใช้เมื่อมีการใช้งานกับระบบ VR (virtual reality) เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกถึงสัมผัสของวัตถุในโลก VR นั้นได้

กูเกิลเพิ่งมีข่าวว่าจะลงทุนใน Magic Leap ผู้พัฒนาระบบสร้างภาพเสมือนจริงแบบภาพยนตร์ (Cinematic Reality) เป็นเงินกว่า 500 ล้านเหรียญ ฝั่งของ Oculus ภายใต้ Facebook ก็ดูเหมือนจะมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันด้วยสิ่งที่เรียกว่า Oculus Cinema นั่นเอง

Oculus Cinema เป็นแอพสำหรับดูภาพยนตร์ที่จำลองแวดล้อมราวกับว่าผู้ใช้นั้นอยู่กลางโรงหนังดิจิทัลขนาดใหญ่ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกขนาดของโรงได้ตั้งแต่เท่ากับทีวีในบ้าน ไปจนถึงหน้าจอโรงภาพยนตร์ IMAX ซึ่งในอนาคตจะสามารถเพิ่มความสมจริงได้มากขึ้นด้วยการดูไปพร้อมๆ กับสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ แม้ว่าจะอยู่คนละซีกโลกกันก็ตาม หรือแม้แต่จำลองเอาตัวละครในแอนิเมชันมานั่งอยู่ข้างๆ ก็ยังได้!

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา Facebook จับเทรนด์ไอทีโลกไอทีด้วยการเข้าซื้อ Oculus VR บริษัทผู้พัฒนาอุปกรณ์สู่โลกเสมือนจริงที่รู้จักกันในชื่อ Oculus Rift ฝั่งกูเกิลจึงไม่ยอมแพ้ และมีข่าวว่าจะลงทุนในเทคโนโลยี Virtual Reality ในบริษัท Magic Leap เป็นเงินกว่า 500 ล้านเหรียญด้วยกัน

Magic Leap เป็นบริษัทผู้พัฒนาฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์เพื่อสร้างภาพสามมิติเสมือนจริงแบบภาพยนตร์ "Cinematic Reality" (Magic Leap เรียกสิ่งนี้ว่า 3-D light sculpture) ซึ่งเก็บตัวเงียบมาตลอด แม้ว่าจะได้เงินลงทุนก้อนแรกไปแล้วกว่า 50 ล้านเหรียญ และได้รับความสนใจจากฝั่งฮอลลีวูดอย่างมากก็ตาม

สมรภูมิแว่นสามมิติเสมือนจริง (VR) เริ่มคึกคัก ผู้เล่นรายล่าสุดที่บุกเข้ามาในตลาดนี้คือ Carl Zeiss ผู้ผลิตเลนส์กล้องชื่อดัง จับมือกับพาร์ทเนอร์ Total 3D Solutions ผลิตแว่น Zeiss VR One ขายในราคา 99 ดอลลาร์

แว่น Zeiss VR One จะคล้ายกับ Gear VR ของซัมซุง คือใช้หน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นจอภาพของแว่น มีช่องให้วางถาดใส่โทรศัพท์เข้ามาได้ (รองรับหน้าจอใหญ่ 4.7-5.2 นิ้ว) ตัวเลนส์ย่อมเป็นเลนส์ Carl Zeiss ส่วนตัว SDK รองรับเอนจิน Unity ทั้งบน Android และ iOS

ตอนนี้ Carl Zeiss เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าแล้ว ของจะเริ่มส่งช่วงคริสต์มาส และจะวางขายในวงกว้างมากขึ้นปีหน้า

หลังจากเปิดตัวที่ IFA สำหรับ Samsung Gear VR (ชื่อเต็มคือ Samsung Gear VR Innovator Edition) วันนี้ Samsung ประเทศไทย นำเอา Gear VR เอามาให้ลองเล่นที่งาน Thailand Mobile Expo ซึ่งเอามาเท่าที่เห็นให้เล่นมีทั้งหมด 3 อันครับ เลยได้มีโอกาสลองเล่นคราวนี้ด้วย

สำหรับคนที่อยากเข้าใจเบื้องต้น ลองอ่านรีวิว Oculus Rift DK1 ได้ครับ พร้อมแล้วก็เข้ามาอ่านต่อด้านในเลยครับ

จากที่บอกไปในการเปิดตัว Oculus Platform ว่าทางบริษัทแม่อย่าง Oculus เองก็มีแผนทำเกมลงร้านขายแอพของตัวเอง และตอนนี้ก็ประกาศชื่อเกมออกมาแล้วในชื่อ "VR Quest"

VR Quest เป็นเกมเสมือนจริงแบบมุมมองบุคคลที่สาม โดยเนื้อเรื่องจะเป็นการบุกตะลุยดันเจี้ยนใกล้เคียงกับเกมดังจากนินเทนโดอย่าง Legend of Zelda และจะออกเกมนี้มาเพื่อเล่นกับ Samsung Gear VR โดยเฉพาะ

Gear VR นั้นคาดกันว่าจะเปิดตัวช่วงปลายปีนี้ ค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 199 เหรียญ (ไม่รวม Galaxy Note 4) ส่วนตัวเกม VR Quest ยังไม่ระบุวันเปิดตัวครับ

ที่มา - IGN

Oculus เปิดตัว Oculus Platform ร้านขายแอพสำหรับนักพัฒนาที่ทำแอพสำหรับใช้งานกับแว่นตา VR อย่าง Oculus Rift และ Samsung Gear VR โดยปรับปรุงจาก Oculus Share ให้รองรับการใช้งาน Oculus Platform ผ่านทั้งเบราว์เซอร์ แอพบนสมาร์ทโฟน และผ่านอุปกรณ์ VR โดยตรง

Oculus Platform จะเริ่มเปิดให้ใช้งานได้ในช่วงปลายปีนี้ โดยแอพที่มาใช้งาน VR ไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่กับเกม แต่รวมถึงแอพโซเชียล แอพสำหรับงานศิลป์ หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ VR ก็ได้ทั้งนั้น โดยตัว Oculus เองมีแผนจะทำแอพลงอีกด้วย

ช่วงนี้ Oculus VR จัดงานสัมมนานักพัฒนา Oculus Connect ซึ่งบนเวทีก็มีการแถลงข้อมูลที่น่าสนใจหลายอย่าง

ที่น่าสนใจที่สุดคงหนีไม่พ้นฮาร์ดแวร์ต้นแบบ (prototype) ตัวใหม่ที่ใช้ชื่อว่า Crescent Bay จุดเด่นของมันคือเพิ่มหูฟังคุณภาพสูงเข้ามา ปรับปรุงจอแสดงผล การจับความเคลื่อนไหวของศีรษะ น้ำหนักเบากว่าเดิม ออกแบบให้เหมาะสมกับหลักสรีรวิทยามากขึ้น

Shuhei Yoshida ผู้บริหารโซนี่และหัวหน้า Sony Wordwide Studios ให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal ถึงโครงการแว่นเสมือนจริง Project Morpheus ว่าตอนนี้มีความคืบหน้า 85% ของโครงการแล้ว

เขายังให้ข้อมูลว่า Project Morpheus ใช้ชิ้นส่วนจากสมาร์ทโฟนหลายอย่างเพื่อกดราคาให้ถูกลง แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยราคาของ Morpheus ว่าจะอยู่ประมาณเท่าไร ส่วนกลุ่มเป้าหมายเบื้องต้นเน้นเกมเมอร์เป็นหลัก แต่ระยะยาวก็หวังจะขยายไปยังตลาดอื่นๆ ด้วย

เมื่อต้นปี Yoshida เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเราจะไม่ได้เห็น Morpheus วางขายภายในปี 2014 นี้

Oculus ประกาศเปิดซอร์สโค้ดของซอฟต์แวร์และแผนผังฮาร์ดแวร์ทั้งหมดของแว่น Oculus Developer Kit รุ่นแรกสุด (DK1) เพื่อเป็นตัวอย่างของกระบวนการพัฒนาแว่น virtual reality (VR) ในยุคแรก (ไฟล์อยู่บน GitHub)

Nirav Patel ผู้บริหารของ Oculus เล่าเบื้องหลังการสร้างแว่น DK1 ว่าตอนนั้นยังเป็นกลุ่มนักพัฒนาโนเนม ไม่มีประสบการณ์มากนัก ทำให้ออกแบบแว่น DK1 พลาดหลายจุด เช่น ตอนแรกตั้งใจใช้หน้าจอขนาด 5.6 นิ้ว แต่จอที่ต้องการใช้กลับเลิกผลิต เลยต้องเปลี่ยนเป็นจอ 7 นิ้วแทน ส่งผลให้แว่น DK1 ขนาดใหญ่กว่าที่ควรจะเป็น, ออกแบบวิธีใส่เลนส์ตาไม่ดี จนฝุ่นผงอาจร่วงลงไปได้ เป็นต้น

ในขณะที่มีทีมผู้พัฒนาจากแคนาดากำลังระดมทุนสร้าง AirVR กล้องสำหรับมองภาพ VR จากจอ iPad mini ผ่านทาง Kickstarter ก็บังเอิญว่ายังมีอีกโครงการหนึ่งของนักพัฒนาจากแคนาดาที่กำลังเปิดรับเงินสนับสนุนผ่าน Kickstarter เพื่อสร้างกล้อง VR อยู่เช่นเดียวกัน โดยใช้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่า Totem

Vrvana คือชื่อของบริษัทผู้อยู่เบื้องหลังการสร้าง Totem ซึ่งเป็นกล้อง VR ที่มีฟีเจอร์พิเศษตรงที่มันมีช่องให้ผู้ใช้มองผ่านออกไปเห็นภาพของโลกจริงได้ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องถอดอุปกรณ์ออกเมื่อต้องการจะละจากเกมหรือความบันเทิงแบบ VR มาทำกิจธุระหรือพูดคุยสื่อสารกับคนและสิ่งแวดล้อมบนโลกจริงที่อยู่หลังกล้อง

เราเคยเห็นกล้องสำหรับมองภาพในระบบ VR จากหน้าจอสมาร์ทโฟนมาแล้ว คราวนี้จึงมีคนคิดทำกล้องสำหรับมองภาพ VR จากหน้าจอแท็บเล็ตอย่าง iPad mini กันบ้าง ชื่อของมันคือ AirVR

AirVR เป็นผลงานการพัฒนาของ Metatecture ซึ่งเป็นทีมพัฒนาจากประเทศแคนาดา มันเป็นอุปกรณ์สำหรับสวมใส่ศีรษะที่มีช่องสำหรับใส่ iPad mini และมีช่องเลนส์เพื่อมองภาพ VR จากหน้าจอของอุปกรณ์ iOS นั้น โดยขณะนี้ Metatecture กำลังระดมทุนผ่าน Kickstarter (เป้าหมายคือ 20,000 ดอลลาร์แคนาดา หรือประมาณ 590,000 บาท) เพื่อโอกาสในการทำ AirVR เป็นผลิตภัณฑ์ออกวางขายจริง

Brendan Iribe ซีอีโอของ Oculus VR ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ TechCrunch ถึงเบื้องหลังการร่วมพัฒนาแว่น Gear VR ร่วมกับซัมซุง

หลังจากที่ซัมซุงเปิดตัว Samsung Gear VR ที่พัฒนาร่วมกันกับ Oculus โดยทางซัมซุงยังไม่ได้เปิดเผยราคาขายของมันในงานเปิดตัว บอกแต่เพียงว่า จะขายในช่วงปลายปีนี้ ทางร้านค้าออนไลน์ของตัวเองเพียงแค่นั้น

ล่าสุด ทางโฆษกของซัมซุง เผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Gear VR กับทางเว็บไซต์ VentureBeat ในงาน New York Fashion Week ว่า Samsung Gear VR นั้นจะวางจำหน่ายในราคา 199 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว ๆ 6,600 บาท) แน่นอนว่าราคานี้ไม่รวม phablet ที่ต้องใช้ควบคู่กันอย่าง Galaxy Note 4 ที่ยังไม่ทราบราคาขายที่แน่ชัด

ต้องติดตามต่อไปว่า สุดท้ายแล้ว Gear VR จะขายได้มากขนาดไหน แต่ก็น่าจะมีคนสนใจจำนวนไม่น้อยเลยล่ะครับ

Palmer Luckey ผู้ก่อตั้ง Oculus VR ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Eurogamer.net ในหลายประเด็น ได้แก่

มาแบบเซอร์ไพรส์บนเวที IFA สำหรับแว่นตาสู่โลกเสมือน Gear VR หรือชื่อเต็ม Samsung Gear VR Innovator Edition จากความร่วมมือของ Oculus นั่นเอง

อุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งของวงการแว่น VR เสมือนจริงคือสายตาของเราเข้าสู่โลกเสมือนจริงแล้ว แต่การควบคุมในเกมยังต้องอิงกับระบบเดิมๆ อย่างคีย์บอร์ด เมาส์ หรือจอยเกมอยู่ ทำให้ประสบการณ์การเล่นยังไม่เป็นธรรมชาติมากนัก

ปัญหานี้อาจหมดไปเมื่อ Leap Motion ผู้พัฒนาระบบติดตามการเคลื่อนไหวของมือ ประกาศออก API ตัวใหม่ที่ส่งภาพอินฟราเรดจากเซ็นเซอร์ไปยังแว่น VR (เช่น Oculus Rift) เพื่อให้ผู้เล่นมองเห็น "มือ" ของตัวเองจากแว่น VR ได้ด้วย (ดูวิดีโอเข้าใจง่ายกว่าครับ)

Leap Motion ยังออกแบบอุปกรณ์ยึดเกี่ยว (mount) ให้เราสามารถนำเซ็นเซอร์ Leap ไปแปะไว้กับด้านหน้าของแว่น VR ได้ เพื่อการันตีว่าเมื่อหันหัวขณะใส่แว่น VR จะเห็นมือของตัวเองเสมอ

ช่วงหลังๆ มานี้ เทคโนโลยีด้าน virtual reality (VR) กำลังมาแรง เราเริ่มเห็นผลิตภัณฑ์จริงอย่าง Oculus Rift หรือ Google Cardboard ออกสู่ตลาดกันบ้างแล้ว

วันนี้ค่ายเขียว AIS เชิญผมไปทดลองเล่น AIS Future Cube ซึ่งเบื้องต้นผมขอเรียกมันว่าเป็น "ห้องเสมือนจริง" แต่ในรายละเอียดแล้ว มันเป็ํนลูกผสมระหว่างเทคโนโลยี Telepresence (แบบของ Cisco), การตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกาย (แบบ Kinect), การแสดงภาพที่เปลี่ยนไปตามตำแหน่งและทิศทางของศีรษะ (แบบ Oculus) และเทคโนโลยี 3D stereocsopic ที่เราน่าจะคุ้นเคยกันดี

AIS ทำเทคโนโลยีตัวนี้เพื่อเป็นการโชว์นวัตกรรมให้ลูกค้าดู สามารถไปลองเล่นได้ฟรีที่ร้าน AIS ชั้น 4 Central World ครับ (ใครก็ไปได้นะ ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกค้า AIS)

ชุดพัฒนา Oculus Rift DK2 เริ่มได้รับความสนใจเป็นวงกว้าง แม้จะระบุชัดเจนว่าสำหรับนักพัฒนาเป็นหลักก็ตาม เว็บ Road to VR ระบุว่าได้สัมภาษณ์ Nate Mitchell ถึงยอดขายของ DK2 และได้คำตอบว่าตอนนี้ยอดสั่งซื้อสูงถึง 60,000 ชุดแล้ว และส่งมอบไปแล้วกว่า 20,000 ชุด ตั้งแต่เปิดรับคำสั่งซื้อเมื่อเดือนมีนาคมและส่งมอบชุดแรกเดือนกรกฎาคม

Oculus Rift เริ่มต้นจากการระดมทุนใน KickStarter และมีคนร่วมลงทุนกว่าเก้าพันคน เป็นการระดมทุนแบบสั่งซื้อตัว DK1 กว่าเจ็ดพันคน ผ่านมาสองปีนับว่ายอดขายยังแรงขึ้นเรื่อยๆ

คนทั่วไปก็สั่งได้แต่ไม่ส่งนอกสหรัฐฯ ตอนนี้เล่น Cardboard กันไปพลางๆ ได้

บทความตอนก่อนหน้านี้ ประวัติการก่อตั้ง Oculus VR และเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นบริษัทไอทีสุดร้อนแรงแห่งยุค

สำหรับตอนนี้จะเป็นการรีวิวฮาร์ดแวร์ Oculus Rift Development Kit รุ่นแรก (จะเรียกย่อๆ ว่า DK1) ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ที่ออกเมื่อปี 2013 ซึ่งตกรุ่นไปแล้วหนึ่งรุ่น จุดบกพร่องหลายอย่างถูกแก้ไขไปแล้วในฮาร์ดแวร์รุ่นที่สอง DK2 ที่เปิดตัวเมื่อต้นปีนี้ ดังนั้นรีวิวนี้จะเน้นการอธิบายกลไกการทำงานของแว่น Oculus Rift มากกว่าประสบการณ์ใช้งานในฐานะ end user นะครับ

แกะกล่องและอุปกรณ์

Oculus Rift DK1 ไม่ได้มาเป็นกล่องแต่มาเป็น "กระเป๋า" เลยครับ อลังการมาก (เห็นครั้งแรกมีตกใจกันทุกคน)

เป็นข่าวหลุดมาหลายครั้ง ในที่สุดก็มีภาพหลุดของ Gear VR ว่าที่แว่นตาเสมือนจริงจากซัมซุงที่มีข่าวว่าจะเปิดตัวช่วงต้นเดือนกันยายนนี้พร้อมกับ Galaxy Note 4 ออกมาให้เห็นชัดๆ แล้ว

หน้าตาของ Gear VR นั้นเหมือนกับภาพตัวอย่างจากคู่มือการใช้ที่เพิ่งหลุดมาไม่นาน โดยมีฟีเจอร์หลักคือการใช้สมาร์ทโฟนเป็นหน้าจอหลักแบบเดียวกับที่กูเกิลใช้กับ Cardboard นั่นเอง โดยแว่นตาเสมือนจริงตัวนี้มีโค้ดเนมว่า Project Moonlight

Oculus VR เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่น่าจับตามากที่สุดบริษัทหนึ่งในปี 2014 ทั้งในแง่ผลิตภัณฑ์ที่แหวกแนว ทีมงานที่ระดมมาจากคนดังของวงการเกมมากมาย และที่สำคัญคือการสร้างประวัติศาสตร์ ขายกิจการให้ Facebook ด้วยมูลค่าสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ โดยยังไม่มีแม้แต่สินค้าจริงวางขายสักชิ้นเดียว

Blognone ได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ Oculus อยู่เรื่อยๆ แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยทราบกันนักว่า Oculus VR กำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร และทำไมถึงมาได้ไกลขนาดนี้

นิตยสาร Wired UK ฉบับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีสกู๊ปเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของ Oculus ที่อาจพออธิบายได้ว่าทำไม Oculus จึงเป็นหนึ่งในบริษัทที่โดดเด่นที่สุดในช่วงนี้

เริ่มส่ง Oculus Rift สำหรับนักพัฒนารุ่นที่ 2 (DK2) มาได้ไม่นาน เจ้าแว่น VR ตัวนี้ก็มาถึงมือนักแกะอย่าง iFixit จนได้ และในการแกะเครื่องครั้งนี้ก็ได้พบว่า เจ้าแว่น VR รุ่นใหม่นี้ใช้หน้าจอของ Galaxy Note 3 เป็นหน้าจอหลักในการแสดงผลอีกด้วย

ตามสเปคที่ Oculus บอกมาตั้งแต่ต้นว่ารุ่นที่ 2 จะใช้จอ OLED ความละเอียด 1080p นั้นตรงเป๊ะกับสเปคหน้าจอของ Galaxy Note 3 และเพื่อให้แสดงภาพได้ลื่นไหลขึ้น จึงเพิ่มอัตราการรีเฟรชภาพจากเดิมของ Galaxy Note 3 ที่ 60Hz ไปเป็น 75Hz แถมทีมของ Oculus ยังทิ้งตัวรับสัมผัสบนหน้าจอ AMOLED เอาไว้ด้วย เป็นไปได้ว่าในอนาคตอาจเพิ่มฟีเจอร์ที่ใช้งานในส่วนนี้มาทีหลังก็เป็นได้ครับ

ก่อนหน้านี้มีข่าวลือของ Gear VR แว่นตาสามมิติของซัมซุงที่จะใช้สมาร์ทโฟนเป็นจอภาพออกมา ตอนนี้เว็บไซต์ SamMobile ได้ปล่อยภาพของคู่มือการใช้งาน Gear VR ที่ครอบคลุมถึงฟีเจอร์แทบทั้งหมดของ Gear VR ออกมาแล้ว

จากคู่มือที่ออกมา Gear VR จะเป็นแว่นตาสามมิติที่ใช้สมาร์ทโฟนเป็นหน้าจอจริง ในการตั้งค่าครั้งแรก ตัวสมาร์ทโฟนจะดาวน์โหลดแอพหลักทั้งหมดสำหรับใช้งานกับ Gear VR ได้แก่ VR Panorama, VR Cinema และ HMT Manager เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจะบอกให้ผู้ใช้เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับ GearVR ที่ด้านหน้าของแว่น ผ่านพอร์ต USB 3.0

ก่อนหน้านี้เราเคยเห็นข่าวลือ แว่น VR ของซัมซุง ที่ร่วมมือกับ Oculus และใช้มือถือเป็นจอภาพ

วันนี้เว็บไซต์ SamMobile มีข้อมูลเพิ่มเติมของมันดังนี้