อัตราการใช้งานโทรศัพท์มือถือเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ของชาวโลกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การตลาด-การโฆษณาบนมือถือเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
แต่ปัญหาของนักการตลาด-นักประชาสัมพันธ์ อาจอยู่ที่ว่าไม่มี "ข้อมูล" พฤติกรรมการใช้งานมือถือของผู้บริโภคในประเทศต่างๆ ว่าใช้งานอย่างไรบ้าง มากน้อยแตกต่างกันแค่ไหน คนจากประเทศไหนชอบใช้งานอะไร ฯลฯ ทำให้การลงโฆษณาหรือทำการตลาดผ่านมือถืออาจไม่มีประสิทธิภาพมากนัก
ข่าวดีสำหรับผู้ที่ซื้อของผ่านโลกออนไลน์มาแล้ว เมื่อกูเกิลเปิดตัวโครงการนำร่องในชื่อ 'Trusted Stores' ที่จะบอกข้อมูลสำคัญๆ ที่มีผลต่อการเลือกซื้อของในร้านค้าออนไลน์นั้น อาทิเวลาในการส่งของ การดูแลลูกค้า เป็นต้น
โดยร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการนี้จะถูกเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการส่งของ และบริการ โดยจะได้รับสัญลักษณ์ประจำโครงการที่ลูกค้าสามารถกดเพื่อดูข้อมูลดังกล่าวได้ หน้าตาเป็นอย่างไรดูได้ท้ายข่าวครับ
เมื่อวานซัมซุงได้ทำการปล่อยวีดีโอทีซเซอร์ของงาน Samsung Mobile Unpacked 2011 โดยในชั่วครู่หนึ่งของวีดีโอ จะสามารถสังเกตได้ว่ามีภาพด้านข้างของมือถือใหม่โผล่ออกมา และค่อนข้างแน่ใจได้แล้วว่ามือถือนี้คือมือถือตัวชูโรงของกูเกิลตัวต่อไป โดยตอนนี้สื่อต่าง ๆ เรียกมือถือตัวนี้ตามข่าวลือว่า Nexus Prime
ล่าสุด มีคนได้โพสภาพ Nexus Prime ที่ได้ทำการปรับแต่งและดัดแปลงจากวีดีโอทีซเซอร์เมื่อวานแล้ว ทำให้เราเห็นสรีระจากด้านข้างของ Nexus Prime ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และจะพบว่ารูปร่างมันใกล้เคียงกับ Nexus S พอสมควรเลยทีเดียว (กดเข้ามาเพื่อดูภาพครับ)
สำหรับงานแถลงข่าวของซัมซุง Samsung Unpacked 2011 ที่จะมีขึ้นที่งาน CTIA ในกรุงซานเดียโกวันอังคารหน้านี้ ซัมซุงได้ปล่อยวีดีโอโฆษณางานดังกล่าวแล้ว โดยในวีดีโอได้บอกว่า "อะไร ๆ ก็ดีขึ้นหากเรานำสองอย่างมาด้วยกัน เช่น นมกับคุ้กกี้ หรือกาแฟกับหนังสือพิมพ์ แต่เราจะได้เห็น Perfect Combination จริง ๆ ที่งาน Samsung Unpacked 2011" แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น ในวีดีโอได้มีการเผยภาพอุปกรณ์ลึกลับโค้ง ๆ อยู่ประมาณสองวินาทีด้วย พร้อมกับคำว่า "Something BIG is coming" (คลิกเข้ามาดูวีดีโอข้างในครับ)
กูเกิลยังใช้วิธีค่อยๆ ปล่อยความสามารถของ Google+ API หลังจากปล่อย API สำหรับอ่านข้อมูลโพสต์ได้อย่างเดียว ในคราวก่อน
API รอบสองมีความสามารถดังนี้
แม้ว่าข่าวในวันนี้อาจจะเกี่ยวกับแอปเปิลไปเกือบทั้งหมด แต่อย่าลืมว่าวันอังคารหน้าจะมีงานแถลงข่าวใหญ่อีกงานเช่นกัน น่ันก็คืองาน Samsung Unpacked โดยในงานนี้คาดว่าจะมีการเปิดตัว Android 4.0 หรือ Ice Cream Sandwich พร้อม ๆ กับมือถือใหม่จากกูเกิล Nexus Prime
การที่กูเกิลซื้อ Motorola ย่อมทำให้ผู้ผลิต Android รายอื่นๆ ไม่สบายใจ ช่วงหลังเราจึงเห็นข่าวซัมซุงไปจับมือกับอินเทลทำ Tizen หรือข่าวลือว่า HTC จะซื้อ Palm อยู่เป็นระยะ
Eric Schmidt ประธานของกูเกิลออกมาสยบความกังวลนี้ (คนจะเชื่อหรือเปล่าก็อีกเรื่อง) โดยให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่าสิ่งที่กูเกิลให้ความสำคัญมากที่สุดคือ ecosystem ของ Android ดังนั้นกูเกิลจะไม่ให้ความสำคัญกับ Motorola หรือผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายใดรายหนึ่งเป็นพิเศษ เพื่อรักษาพลวัตรของ Android เอาไว้
เขายังยืนยันว่าเป้าหมายหลักของกูเกิลคือสิทธิบัตร 17,000 รายการที่ Motorola มี ซึ่งจะช่วยหยุด "สงครามสิทธิบัตร" ในโลกมือถือได้ นอกจากนี้ยังจะได้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่สามารถสร้างมือถือ-แท็บเล็ตสำหรับอนาคตได้
มีคนไปค้นพบร่องรอยจากซอร์สโค้ดบนเว็บ chromium.org ว่า วิศวกรของกูเกิลทำระบบคอมไพล์ Chrome for Android เมื่อสัปดาห์ก่อน ถึงแม้กูเกิลจะยังไม่ประกาศอะไรอย่างเป็นทางการ แต่ก็เป็นสัญญาณว่าเราจะได้เห็น Chrome for Android ในอีกไม่นานนัก
ที่ผ่านมา เบราว์เซอร์ของ Android ใช้เอนจิน WebKit บวกกับโค้ดบางส่วนจาก Chrome แต่ยังไม่ใช่ตัวเดียวกัน ซึ่งกูเกิลเองก็เคยพูดไว้ว่าในอนาคต เบราว์เซอร์สองตัวนี้จะค่อยๆ หลอมรวมเข้าหากันมากขึ้น แต่ก็ยังไม่บอกว่าเมื่อไรอย่างไร
ส่วนจะมาทันงานแถลงข่าว 11 ตุลาคมหรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป
ข่าวช้าไปนิดแต่นี่คือปฏิกิริยาจากการเซ็นสัญญาของไมโครซอฟท์-ซัมซุง
หนังสือพิมพ์แจกฟรี London Evening Standard เผยว่ากูเกิลได้เปิดร้าน Google Store อย่างเงียบ ๆ ภายในร้าน PC World สาขาถนน Tottenham Court โดยสินค้าในร้านประกอบไปด้วย Chromebooks และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ
จากในรายงาน การเปิดร้าน Google Store สาขานี้เป็นเพียงแค่การทดลองดูตลาดเท่านั้น แต่เป็นไปได้ ว่ากูเกิลอาจจะทำอะไรเพิ่มอีก หากธุรกิจขายปลีกของกูเกิลมีผลประกอบการที่ดีจริง
Arvind Desikan หัวหน้าฝ่ายการตลาดสำหรับลูกค้าปลีกของกูเกิลในสหราชอาณาจักร บอกว่า 80% ของยอดซื้อแล็ปท็อปทั้งหมดมาจากการซื้อขายปลีกตามร้านค้าบนถนนแบบนี้ และกูเกิลคาดว่าการเปิดร้าน Google Store จะเป็นวิธีการขาย Chromebook ที่ดีที่สุด
ไม่ใช่ภาพจากเฮลิคอปเตอร์จริงๆ แต่ Google Maps ได้เพิ่มโหมดแสดงเส้นทางแบบ 3 มิติ แทนที่จะเป็นมุมมองภาพถ่ายดาวเทียมอย่างเดียว และผู้ใช้สามารถพรีวิวเส้นทางที่จะขับรถไปได้ เหมือนกับว่านั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์แล้วดูภาพพื้นล่าง (ภาพจำลอง 3 มิติ) วิ่งผ่านไปเรื่อยๆ
กูเกิลบอกว่าโหมด helicopter view นี้ออกมาแก้จุดอ่อนของโหมดภาพถ่ายดาวเทียม ที่เห็นเส้นทางแต่ไม่เห็นสภาพความสูงต่ำของพื้นที่
ฟีเจอร์นี้ยังใช้ได้เฉพาะเส้นทางในสหรัฐ และบางเส้นทางในยุโรป ถ้าอยากลองเล่นก็ดูได้ตาม เดโม (ต้องลง Google Earth Plugin ก่อน จะมีปุ่ม 3D ขึ้นมาตรงข้างๆ เส้นทางที่เลือก)
ในยุคโซเชียลเน็ตเวิร์คที่กระจายข่าวสารกันแบบเรียลไทม์ บริการเก็บสถิติหลายยี่ห้อต้องปรับตัวตอบสนองความต้องการนี้ (ตัวอย่างเช่น พวก bit.ly ที่ดูว่าคนคลิกลิงก์ชั่วโมงละกี่คน)
Google Analytics เป็นบริการเก็บสถิติตัวหนึ่งที่ได้รับความนิยม (Blognone ก็ใช้) เก็บข้อมูลได้ละเอียดมากแทบจะทุกแง่มุม แต่ที่ผ่านมา Google Analytics รายงานข้อมูลได้เฉพาะหลัก "วัน" เท่านั้น ไม่สามารถดูสถิติแบบเรียลไทม์ได้
วันนี้กูเกิลออกมาประกาศแล้วว่า Analytics สามารถแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้แล้ว โดยจะแสดงใน Analytics เวอร์ชันใหม่เท่านั้น (ถ้ายังใช้รุ่นเก่าอยู่ก็เปลี่ยนกันเอง จะมีลิงก์ New Version ที่มุมขวาบน) เท่าที่ดูจากภาพ มันจะแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์จริงๆ (เช่น "ขณะนั้น" "15 วินาทีที่แล้ว")
Bradley Horowitz หัวหน้าทีม Google+ ให้สัมภาษณ์กับ Wired และตอบคำถามต่างๆ เขาไม่ได้พูดถึงฟีเจอร์ใหม่ของ Google+ แต่มีประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่างครับ
แฮ็กเกอร์ชื่อ Matt Mastracci ค้นพบฟีเจอร์ใหม่ที่ยังไม่เปิดตัวของ Google+ จากโค้ดของ Google+
คดีการจัดซื้อบริการส่งข้อความ (บริการอีเมล) ของกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐฯ ทำให้กูเกิลและไมโครซอฟท์ประกาศสงครามระหว่างกันอย่างเป็นทางการ มาวันนี้กูเกิลได้ถอนฟ้องคดีนี้แล้ว เรื่องน่าแปลกใจคือกูเกิลให้เหตุผลว่ากระทรวงมหาดไทยสัญญาว่าจะทบทวนกติกาการจัดซื้อเสียใหม่เพื่อให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม แต่ทนายของกระทรวงมหาดไทยกลับระบุว่าไม่ได้ทำข้อตกลงอะไรเช่นนั้นกับกูเกิล
คำตัดสินครั้งสุดท้ายของคดีนี้คือศาลได้ "คุ้มครองชั่วคราว" ให้หยุดกระบวนการประมูลเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถประกาศผลผู้ชนะประมูลได้
กูเกิลเพิ่มลูกเล่นใหม่ "Dynamic Views" ให้ Blogger มันคือการเปลี่ยน "มุมมอง" ของบล็อกได้ทั้งหมด 7 แบบ
ต้องอธิบายอีกนิดว่า Dynamic Views ต่างจากธีม (ซึ่งเป็นส่วนของสไตล์) นะครับ เพราะ Views จะเปลี่ยนโครงสร้างการนำเสนอของบล็อก (หรืออีกนัยหนึ่งคือ layout/structure) ซึ่งผู้ชมเว็บสามารถเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ระหว่างมุมมองทั้ง 7 แบบ (จึงเรียกว่า "Dynamics") โดยไม่ต้องรอเจ้าของบล็อกเปลี่ยนให้
ถ้ายังนึกไม่ออก ลองดูวิดีโอประกอบ
กูเกิลประกาศวันนี้ว่าบริษัทมีแผนจะสร้างศูนย์ข้อมูลในทวีปเอเชียเป็นครั้งแรก โดยมาทีเดียว 3 ประเทศเลย ประกอบด้วยสิงคโปร์ ฮ่องกง และไต้หวัน ซึ่งกูเกิลได้ซื้อที่ดินในประเทศดังกล่าวเอาไว้แล้ว
กูเกิลกล่าวว่าอัตราการเพิ่มของผู้ใช้งานที่มาจากฝั่งเอเชียนั้นเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าทวีปอื่นในโลก จึงจำเป็นต้องวางศูนย์ข้อมูลเพิ่มเติมในบริเวณดังกล่าวเพื่อรองรับการใช้งาน กูเกิลคาดว่าวงเงินที่ใช้ในการก่อสร้างจะอยู่ราว 200 ล้านดอลลาร์ ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 1-2 ปี
ที่มา: The Wall Street Journal
หลัง Google+ เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถสมัครใช้งานได้ ก็มีสถิติ (ที่ไม่ใช่ของกูเกิล) ออกมาเรื่อยๆ เช่น
ผู้ใช้ iPad ทุกคนคงรอ Official Facebook App กันมาแสนนาน รอแล้วรอเล่าก็ไม่มาเสียที (แม้จะมีแอพเวอร์ชันหลุดมาให้ตื่นเต้นกันบ้าง) ขนาดมีงานใหญ่อย่าง f8 แต่ก็ไม่มีข่าวของแอพตัวนี้แม้สักนิดเดียว
ความคืบหน้าของคดีออราเคิล-กูเกิลครับ คราวนี้เป็นเรื่อง "ตัวเลขค่าเสียหาย" ที่ออราเคิลเรียกจากกูเกิล
Paul Allen ผู้ใช้ Google+ คนหนึ่งที่เคยประเมินยอดสมาชิกของ Google+ ในช่วงแรกๆ โดยใช้หลักสถิติ เขาบอกว่าหลัง Google+ เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถสมัครใช้งานได้ เมื่อสองวันก่อน ปรากฏว่ายอดสมาชิกโตขึ้นถึง 30% ภายในสองวัน คิดเป็นจำนวนประมาณ 1
มาตามสัญญาครับ (พรีวิว) งานจะเริ่มวันพรุ่งนี้ (24 กันยายน) เวลา 9.00 เป็นต้นไป
วันนี้ผมมีโอกาสได้นั่งคุยกับทีมวิศวกรของกูเกิล บางส่วนของชุดที่จะมาพูดในงาน Google DevFest 2011 ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วันเสาร์นี้ ก็ขอนำประเด็นที่ได้ มาพรีวิวให้ดูว่า DevFest รอบนี้จะมีอะไรบ้าง
ตารางของงาน ดูจากลิงก์ข้างต้นกันเองนะครับ ส่วนรายละเอียดของประเด็นที่จะนำเสนอในงาน ดูที่ Google DevFests 2011 Sessions
ก่อนอื่นขออภัยที่ประกาศช้าไปนิด แต่บ่ายนี้ (22 ก.ย.) ผมจะมีโอกาสสัมภาษณ์ผู้บริหารของกูเกิล ทั้งผู้บริหารคนไทยคือคุณอริยะ พนมยงค์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของกูเกิล และวิศวกรจากสำนักงานใหญ่คือ Eric Bidelman (ตำแหน่ง Developer Programs Engineer จากทีม Chrome) ที่เดินทางมาร่วมงาน DevFest ที่ จ.เชียงใหม่