หลังจาก Amazon ประกาศตั้งสำนักงานใหญ่แห่งที่สอง (HQ2) นอกเหนือจากเมืองซีแอทเทิลในปัจจุบัน ก็มีเมืองจำนวนมากทั่วอเมริกาเหนือเสนอตัวเป็นที่ตั้ง เพราะการมาถึงของ Amazon ย่อมก่อให้เกิดการจ้างงานเป็นจำนวนมาก

วันนี้ Amazon ประกาศเลือกที่ตั้ง HQ2 แล้ว โดยไม่ได้เลือกแค่เมืองเดียว แต่เลือกถึง 2 เมือง ได้แก่ นครนิวยอร์ก และเมือง Arlington ในรัฐเวอร์จิเนีย (อยู่ติดกับวอชิงตันดีซีแต่คนละฝั่งแม่น้ำ)

ทั้งสองเมืองจะมีการจ้างงานเมืองละประมาณ 25,000 ตำแหน่ง (รวม 50,000 ตำแหน่ง) และ Amazon จะลงทุนเป็นเม็ดเงินรวม 5 พันล้านดอลลาร์ กระบวนการจ้างงานจะเริ่มในปี 2019

Amazon เซ็นสัญญากับแอปเปิล ขยายการขายสินค้าของแอปเปิลบนเว็บไซต์ Amazon ในหลายประเทศทั่วโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน ญี่ปุ่น อินเดีย

ที่ผ่านมา แอปเปิลมีสินค้าบางอย่างวางขายบน Amazon อยู่แล้ว (เช่น MacBook) ข้อตกลงนี้เป็นการขยายไลน์สินค้าให้มากกว่าเดิม ครอบคลุมสินค้าแทบทุกอย่าง ตั้งแต่ iPhone, iPad, Apple Watch, Mac รวมไปถึงหูฟัง Beats แต่ไม่รวมถึงลำโพง HomePod ที่เป็นคู่แข่งโดยตรงกับลำโพง Amazon Echo

ไมโครซอฟท์ขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่ากิจการตามราคาหุ้น (Market Capitalization) สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก แซงหน้า Amazon ไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากปิดตลาดหุ้นเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา

มูลค่ากิจการของไมโครซอฟท์ล่าสุดอยู่ที่ 8.23 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ Amazon อยู่ที่ 8.05 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนแอปเปิลยังคงเป็นอันดับที่ 1 ซึ่งปัจจัยสำคัญคือราคาหุ้นของ Amazon ที่ปรับตัวลดลงมากหลังรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด

Amazon ประกาศเตรียมเปิดศูนย์ข้อมูล AWS แห่งใหม่ในประเทศแอฟริกาใต้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 เป็นศูนย์ข้อมูล AWS แห่งแรกในทวีปแอฟริกา

ศูนย์ข้อมูลของ AWS ในแอฟริกา จะตั้งอยู่ในเมือง Cape Town ประเทศแอฟริกาใต้ มีทั้งหมด 3 Availability Zones โดยปัจจุบัน AWS มีทีมบริการลูกค้าคลาวด์อยู่ในแอฟริกาใต้แล้ว รวมถึงมี points of presence ที่ให้บริการ CloudFront, Route 53, Shied และ WAF อยู่ที่ Cape Town และ Johannesburg แล้วด้วย

Amazon รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2018 ภาพรวมรายได้เติบโต 29% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เป็น 56,576 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 2,883 ล้านดอลลาร์

AWS ที่เป็นธุรกิจเติบโตสูงและสร้างกำไรให้ Amazon ในหลายไตรมาสที่ผ่านมา ไตรมาสนี้รายได้ 6,679 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 46% และคิดเป็น 12% ของรายได้รวม อัตรากำไรเฉพาะส่วนนี้อยู่ที่ 31% สูงสุดในรอบกว่า 4 ปี

กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ รายได้ของอเมริกา 34,348 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 35% ส่วนต่างประเทศ 15,549 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% แต่ยังขาดทุน เพียงแต่ลดน้อยลง

สัปดาห์ที่แล้ว Amazon มีอัพเดตให้กับ Alexa โดยหนึ่งในของใหม่ที่เด่นๆ คือ Whisper Mode ที่รองรับการสั่งงานแบบกระซิบ พร้อมการตอบกลับแบบกระซิบจาก Alexa กรณีที่ต้องการสั่งงานในห้องที่มีคนนอนอยู่

วิศวกรด้าน AI ที่พัฒนาฟีเจอร์นี้เคยเขียนบล็อคเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนกันยายน ประเด็นคือการพูดแบบกระซิบมีความแตกต่างจากการพูดปกติ เพราะการกระซิบไม่มีการสั่นของเส้นเสียง พลังงานและคลื่นเสียงที่ปล่อยออกมามีน้อยกว่า วิศวกรจึงต้องสร้างโมเดลขึ้นมาต่างหากเพื่อเทรนด์ Alexa เพื่อแยกแยะคลื่นเสียงที่แตกต่างกันระหว่างการพูดปกติและการกระซิบ

Amazon Relational Database Service (RDS) บริการฐานข้อมูลบนคลาวด์ในเครือ AWS ประกาศรองรับ MySQL เวอร์ชัน 8.0 แล้ว

MySQL 8.0 เพิ่งออกรุ่นจริงเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ถือเป็นการออกเวอร์ชันใหญ่ครั้งแรกในรอบหลายปีของ MySQL (ข้ามจาก 5.x มาเป็น 8.x เลย) และมีฟีเจอร์ใหม่มากมาย เช่น การแปลง JSON เป็นตารางในฐานข้อมูล, รองรับข้อมูลแบบ spatial สำหรับงานสายภูมิศาสตร์ (GIS), ปรับปรุงประสิทธิภาพดีขึ้นจากเดิม 2 เท่า (เทียบกับ MySQL 5.7) เป็นต้น

ปัจจุบัน AWS ถือเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ที่สุดของโลก และมีผู้ใช้ฐานข้อมูลบน RDS อยู่มาก การที่ RDS รองรับ MySQL 8.0 ย่อมทำให้การใช้งานฐานข้อมูลเวอร์ชันใหม่ๆ กว้างขวางยิ่งขึ้น

American Express บริษัทด้านการเงินของสหรัฐและเจ้าของเครือข่ายระบบชำระเงิน ประกาศความร่วมมือกับ Amazon เปิดตัวบัตรเครดิตไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก โดยใช้ชื่อว่า Amazon Business American Express Card อย่างเป็นทางการในวันนี้

ทั้งสองบริษัทระบุว่า บัตรที่ออกร่วมกันในวันนี้จะทำให้ธุรกิจขนาดเล็กมีตัวเลือกที่ดีขึ้น และบัตรนี้จะช่วยเหลือในมิติทางการเงินกับธุรกิจเหล่านี้ โดยใช้การซื้อสินค้าจาก Amazon และให้เลือกได้ว่าจะเลือกรับเป็นรางวัล (เก็บสะสมแต้ม) หรือกำหนดการจ่ายเงินเป็นงวดได้ในทุกการจับจ่าย

หลังจากที่ฝั่ง Apple โดยซีอีโอ Tim Cook ออกมาเรียกร้องให้ Bloomberg ถอนรายงานเกี่ยวกับชิพอันตรายแล้ว ล่าสุดผู้บริหารของบริษัทที่ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ อีกสองบริษัทคือ Amazon และ Super Micro ก็ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้บ้าง

สำหรับฝั่ง Amazon นั้นมี Andy Jassy ผู้บริหารของ AWS ได้ทวีตสนับสนุนคำพูดของ Tim Cook ว่า "@tim_cook พูดถูก เรื่องของ Bloomberg เกี่ยวกับ Amazon ก็ผิดด้วยเช่นกัน" และระบุว่า Bloomberg ไม่มีทั้งข้อพิสูจน์, เปลี่ยนเรื่อง และไม่สนใจในคำตอบที่ฝั่ง Amazon ตอบกลับไปเลยเว้นเสียแต่คำตอบนั้นสนับสนุนทฤษฎีของ Bloomberg เอง ซึ่งเขาบอกว่า "Bloomberg ควรถอนคำพูดซะ"

eBay ได้กล่าวหาว่า Amazon ใช้ระบบส่งข้อความของตนเอง โดยมีพนักงาน Amazon ชักชวนผู้ขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม eBay ให้มาขายกับ Amazon Marketplace ซึ่งก่อนหน้านี้ eBay ได้ส่งจดหมายเตือนให้ Amazon หยุดการกระทำ และล่าสุด eBay ก็เตรียมการฟ้อง Amazon แล้ว

สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่า eBay ยื่นฟ้อง Amazon ใน Santa Clara โดยต้องการให้ออกคำสั่งห้ามพนักงาน Amazon ใช้ระบบส่งข้อความของ eBay ในทางที่ผิด รวมถึงเรียกร้องเงินเยียวยาความเสียหายโอกาสในการขายสินค้าด้วย เนื่องจาก eBay รับค่าคอมมิชชั่นจากการขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม

วันนี้ทางอเมซอนออกอัปเดตซอฟต์แวร์รุ่น 5.10.1.1 สำหรับเครื่องในรุ่นที่หกขึ้นไป อันได้แก่ Kindle Oasis 1/2 (2016, 2017), Voyage, Kindle 7/8 (2014, 2016) และ Paperwhite 2/3 (2013, 2015) ครับ

ส่วนตัวอัปเดตย่อยใหม่ครั้งนี้มีอะไรที่ปรับปรุงไปบ้างนั้น นอกจากคำอธิบายกว้างๆ ว่า ปรับปรุงประสิทธิภาพ (performance improvements) แล้วยังมีการปรับปรุงฟีเจอร์ใหม่ดังนี้ครับ

Amazon ออก Kindle Paperwhite อุปกรณ์อ่านอีบุ๊กรุ่นใหม่ในรอบ 3 ปี (รุ่นก่อนหน้าออกปี 2015) โดยรอบนี้เพิ่มการรองรับหนังสือเสียงจาก Audible, กันน้ำ รวมถึงปรับปรุงในจุดอื่น ๆ ให้ตัวอุปกรณ์พรีเมียมยิ่งขึ้น ในรูปแบบที่บางและเบากว่าเดิม

หน้าจอของ Kindle Paperwhite รุ่นใหม่จะเป็นหน้าจอกระจกขนาด 6 นิ้ว 300ppi รองรับการสัมผัส พร้อมไฟ LED backlight ปรับปรุงใหม่ ส่วนพื้นที่เก็บข้อมูลมีทั้ง 8GB และ 32GB และรองรับการใช้กับหนังสือเสียง Audible โดยสามารถเชื่อมต่อลำโพงหรือหูฟัง Bluetooth เพื่อฟังเสียงได้

Amazon เพิ่มค่าจ้างรายชั่วโมงให้แก่พนักงานในโกดังเป็น 15 ดอลลาร์ จากเดิมเพียง 7.25 ดอลลาร์ ซึ่งมีหลายฝ่ายชื่นชมนโยบายนี้ของ Amazon มากมาย แต่จากการสอบถามพนักงานบางส่วน พบว่าพนักงานอาจจะต้องเสียผลประโยชน์อื่น

จากรายงานของ Bloomberg เรื่องจีนฝังชิปพิเศษบนเมนบอร์ดของ Supermicro ล่าสุด บริษัทที่ถูกพูดถึงในรายงานข่าวนี้ว่าได้รับผลกระทบต่างออกมาแถลงการณ์ปฏิเสธกันทุกรายแล้ว

เริ่มต้นที่ Supermicro โดยกล่าวว่าบริษัทไม่เคยพบชิปดักจับข้อมูลดังกล่าว และไม่เคยมีลูกค้ารายงานกลับมาว่าพบชิปประเภทนี้ รวมทั้งไม่ได้รับการติดต่อจากหน่วยงานรัฐบาลในเรื่องนี้

Supermicro ย้ำว่าความปลอดภัยในทุกขั้นตอนเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญมาก ประเด็นเรื่องการผลิตเมนบอร์ดในจีนนั้นถือเป็นมาตรฐานปกติของอุตสาหกรรม ผู้ผลิตอุปกรณ์รายอื่นก็มีการจ้างโรงงานภายนอกแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่ง Supermicro มีการตรวจสอบและประเมินโรงงานเหล่านี้ตลอด

สำหรับผู้ที่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัย คงไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการถูกฝังชิปพิเศษที่สามารถตรวจสอบข้อมูลและแก้ไขข้อมูลต่างๆ ในระดับล่าง (low-level) เข้ากับคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่โรงงาน ซึ่งรายงานชิ้นล่าสุดของ Bloomberg ภายใต้หัว Businessweek ระบุว่าทางการจีน ฝังชิปพิเศษที่มีขนาดเล็กมากมากับเมนบอร์ดของ Supermicro หนึ่งในบริษัทผลิตเมนบอร์ดรายสำคัญของโลก และเป็นที่นิยมใช้กันมากในองค์กรขนาดใหญ่และศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่

Amazon ได้ออกอัพเดตให้ RDS for PostgreSQL หรือบริการฐานข้อมูล PostreSQL บนคลาวด์ AWS รองรับระบบการจัดการสิทธิ์บนฐานข้อมูลด้วย IAM แล้ว เพื่อให้ผู้ใช้จัดการสิทธิ์ได้จากที่เดียว โดยฟีเจอร์เปิดนี้ได้ในขั้นตอนการสร้างฐานข้อมูล รวมถึงฐานข้อมูลที่มีอยู่แล้วก็สามารถปรับให้ใช้งานได้ด้วยเช่นกัน

เมื่อเปิดฟีเจอร์ IAM บน RDS for PostgreSQL แล้ว ผู้ดูแลระบบสามารถผูกสิทธิ์ในการเข้าถึงฐานข้อมูลของผู้ใช้ในฐานข้อมูลผ่านระบบ IAM ได้ทันที โดยตัวระบบ IAM จะจัดการ credential ทั้งหมดให้ รวมทั้งสะดวกต่อการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นที่รันบน EC2 ด้วย

Amazon ก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิดร้านค้าในสถานที่จริง เป็นร้านรวมสินค้าที่ได้รับการรีวิว 4 ดาวขึ้นไปบนเว็บไซต์ หรือ Amazon 4-star และยังมีสินค้าที่กำลังเป็นเทรนด์มาแรง สินค้าขายดีขายรวมอยู่ในร้านด้วย

หมวดสินค้ามีหลากหลายตั้งแต่เครื่องครัว หนังสือ ของเล่น ในร้านมีสินค้าหลายแบรนด์ (แน่นอนว่าต้องมีแบรนด์ของ Amazon ด้วย) สินค้าแต่ละชิ้นมีแท็กสำหรับสมาชิก Prime เพื่อให้แน่ใจว่าสมาชิก Prime จะจ่ายได้ในราคาคุ้มกว่า

Amazon ระบุว่าสินค้าใน Amazon 4-star ส่วนใหญ่ได้รับการรีวิวเฉลี่ย 4.4 ดาว

เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา หัวหน้าฝ่ายรายได้ของ Wikimedia มูลนิธิที่ดูแล Wikipedia ออกมากล่าวว่าตอนนี้ Wikipedia ถูกนำไปใช้เป็นแหล่งข้อมูลบนผู้ช่วยอัจฉริยะหลายบริษัท ทั้ง Siri, Google Assistant, Cortana และ Alexa โดยที่ Apple, Google, Facebook, Microsoft ต่างก็มีการสนับสนุนเงินทุนหรือให้ของขวัญพนักงาน Wikimedia บ้าง แต่ Amazon ไม่ได้ให้การสนับสนุนใด ๆ เลย

ดูเหมือนว่าบริการส่งอาหารเดลิเวอรี่ จะกลายเป็นธุรกิจร้อนแรงในสายตาบริษัทไอทีรายใหญ่ ล่าสุดมีข่าวว่า Amazon เอง ก็ได้เจรจาเพื่อขอซื้อกิจการ Deliveroo สตาร์ทอัพเดลิเวอรี่รายใหญ่ของอังกฤษ แต่ดีลยังไม่บรรลุ

เมื่อวันก่อนมีรายงานว่า Uber ก็ได้เริ่มเจรจาขอซื้อกิจการ Deliveroo เช่นกัน เพื่อขยายฐานบริการในพื้นที่ยุโรป

รายงานระบุว่า Amazon ได้เจรจากับ Deliveroo ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน แต่ไม่สำเร็จ แล้วมีการเจรจาอีกครั้งเมื่อ 9 เดือนที่แล้ว

Deliveroo มีแผนจะไอพีโอเข้าตลาดหุ้นภายในปี 2019-2020 เหตุผลหนึ่งที่บริษัทเป็นที่สนใจในการเทกโอเวอร์ เพราะปัจจุบันบริษัทมีกำไร แม้อัตราส่วนกำไรจะค่อนข้างน้อย โดยอยู่ที่ราว 0.7%

ความร่วมมือระหว่างไมโครซอฟท์กับอเมซอนเรื่อง Alexa-Cortana เกิดขึ้นมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้เราเพิ่งเห็น Xbox One เริ่มรองรับ Alexa ล่าสุดเมื่อ Amazon เปิดตัวฮาร์ดแวร์ชุดใหญ่ ไมโครซอฟท์จึงประกาศว่า Skype จะรองรับอุปกรณ์สาย Alexa ด้วย

ประกาศของไมโครซอฟท์ระบุเพียงว่าจะนำฟีเจอร์โทรผ่าน Skype มายังอุปกรณ์ตระกูล Alexa (ใช้คำว่า "Alexa devices") แต่ไม่ได้ระบุว่ามีรุ่นใดบ้าง ส่วน Amazon ก็ระบุเพียงว่า ลำโพงติดกล้อง Echo Show ตัวใหม่จะรองรับวิดีโอคอลล์ผ่าน Skype แต่ก็ไม่ได้พูดชัดถึงอุปกรณ์รุ่นอื่นๆ

ในงานของ Amazon เมื่อคืนนี้ มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ในตระกูล Echo ชุดใหญ่ หลายรายการ นอกเหนือจาก Echo Input และ Echo Show ที่รายงานไปก่อนหน้า มีรายละเอียดทั้งหมดดังนี้

• Echo Dot รุ่นใหม่ ออกแบบให้โค้งมนมากขึ้น หุ้มด้วยผ้า เสียงดังขึ้น 70% ราคาขาย 49.99 ดอลลาร์เท่าเดิม
• Echo Plus รุ่นใหม่ ปรับปรุงคุณภาพเสียง มีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิในตัว ทำให้กำหนดคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับอุณหภูมิในห้องได้ ราคาขาย 149.99 ดอลลาร์เท่าเดิม

ในงานของ Amazon วันนี้ ได้มีการเปิดตัว Echo Show อุปกรณ์ผู้ช่วยสั่งงานด้วยเสียงพร้อมหน้าจอสัมผัส รุ่นใหม่ ที่มีการออกแบบใหม่ทั้งหมด

โดย Echo Show รุ่นใหม่นี้มาพร้อมหน้าจอขนาด 10 นิ้ว HD, ระบบเสียง Dolby, ชุดไมโครโฟนรอบทิศทาง 8 ตัว รองรับเบราว์เซอร์ Silk และ Firefox ในตัว จุดขายที่ Amazon ชูคือการเป็นฮับของสมาร์ทโฮม ควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ในบ้านได้

นอกจากนี้ Echo Show รุ่นใหม่ยังมาพร้อมกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล รองรับการวิดีโอคอลหากันระหว่างอุปกรณ์ Echo และในอนาคตจะรองรับการสนทนาผ่าน Skype ด้วย

ราคาขายอยู่ที่ 229.99 ดอลลาร์ เริ่มสั่งสินค้าได้แล้ววันนี้ โดยจะส่งมอบตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม เป็นต้นไป

วานนี้ตามเวลาในประเทศสหรัฐอเมริกา (วันนี้ตามเวลาประเทศไทย) Amazon จัดงานแถลงข่าวที่ Seattle มลรัฐวอชิงตัน ประกาศเปิดตัว Echo Input ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ล่าสุดของบริษัทที่จะแปลงลำโพงในบ้าน กลายเป็นลำโพงอัจฉริยะแบบผลิตภัณฑ์ Echo ตัวอื่นๆ

ตัว Echo Input หน้าตาเหมือน Echo Dot ที่ตัดลำโพงออกไป ทำให้มีขนาดที่แบนราบ มีเฉพาะไมโครโฟน สามารถรองรับคำสั่งเสียงทุกอย่างได้เหมือนผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ในกลุ่มทุกประการ โดยถือเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Chromecast Audio

หลายสื่อรายงานว่า Amazon กำลังจะมีอีเว้นท์เปิดตัวฮาร์ดแวร์หลายอย่างภายในเดือนนี้ จึงมีข่าวลือข่าวหลุดเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ ออกมามากมาย คือ Amazon Echo Sub และ Smart Plug

จนถึงตอนนี้ Amazon เปิดร้านค้าไร้แคชเชียร์ Amazon Go สี่แห่งแล้ว สามแห่งในซีแอตเทิล และอีกแห่งที่ชิคาโก และอนาคตจะมีที่นิวยอร์คและซานฟรานซิสโก แล้ว Amazon ตั้งใจจะเปิดร้านค้ากี่แห่ง?

Bloomberg อ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดบอกว่า Amazon มีแผนจะเปิดร้านค้า Amazon Go ให้ได้ 3,000 แห่ง ภายในปี 2021 ถือเป็นสิ่งที่ร้านค้าเข้าใหญ่ในตลาดต้องพึงระวังเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น 7-Eleven หรือร้านฟาสต์ฟู้ด Subway และ Panera Bread หรือแม้แต่รถขายทาโก้ เพราะ Amazon Go ในซีแอตเทิลและชิคาโกมีเพิ่มเซกชั่นอาหารแบบ on the go พวกสลัด แซนด์วิช

ความท้าทายของ Amazon คือ เงินลงทุนสูงในการเปิดร้านแต่ละสาขา เฉพาะสาขาที่ซีแอตเทิลก็ต้องลงทุนเฉพาะฮาร์ดแวร์เป็นเงิน 1 ล้านดอลลาร์แล้ว (ข้อมูลจากแหล่งข่าววงใน)