แอปเปิลประกาศอันดับพอดคาสต์ยอดนิยมแห่งปี 2023 ของแอป Apple Podcasts โดยมีชาร์ตจัดอันดับแยกประเทศด้วย ซึ่งอันดับรายการพอดคาสต์ยอดนิยมของไทยเป็นดังนี้
แอปเปิลอัพเดต iTunes 12.13 สำหรับผู้ใช้ Windows โดยในอัพเดตนี้เพิ่มความสามารถฟังพอดคาสต์และหนังสือเสียง (Audiobook) ได้โดยตรงผ่านแอป iTunes
iTunes บน Windows เป็นแอปที่แอปเปิลไม่ค่อยได้ให้ออกอัพเดตบ่อยนัก อัพเดตสุดท้ายออกมาเมื่อเดือนที่แล้วเพื่อรองรับ iPhone 15 อย่างไรก็ตามการที่แอปเปิลยังมีอัพเดตอยู่บ้าง และในเวอร์ชันนี้เป็นการเพิ่มความสามารถใช้งาน ก็น่าสนใจว่าแอปเปิลจะมีแนวทางอย่างไรต่อไปกับแอปของผู้ใช้ Windows
iTunes for Windows สามารถอัพเดตได้ทั้งจากเว็บของแอปเปิล และผ่าน Microsoft Store
ที่มา: MacRumors
กูเกิลประกาศปิดแอพ Google Podcasts ในปี 2024 (ยังไม่ระบุเดือน) เพื่อย้ายฟังก์ชันการฟังพ็อดแคสต์มาอยู่ในแอพ YouTube Music แทน
การเปลี่ยนผ่านนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะกูเกิลแสดงสัญญาณนี้มาสักพักแล้ว ตั้งแต่การประกาศเพิ่ม Podcast เข้ามาใน YouTube Music ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2023 และ เพิ่มเข้ามาจริงในเดือนเมษายน 2023
Bloomberg รายงานว่า Spotify กำลังพิจารณาแบนพอดแคสต์ประเภท White noise เพื่อให้อัลกอริทึมนำเสนอพอดแคสต์แบบอื่นแทน เนื่องจากมองว่าอาจจะสามารถเพิ่มกำไรให้บริษัทได้ถึง 38 ล้านดอลลาร์
พอดแคสต์ประเภท White noise เป็นพอดแคสต์ที่เล่นเสียงที่มีคลื่นความถี่คงที่ ช่วยให้ผ่อนคลายเช่น เสียงคลื่นกระทบฝั่ง เสียงฝนตก เป็นต้น ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า พอดแคสต์ประเภท White noise สามารถสร้างรายได้ประมาณ 18,000 ดอลาร์ต่อเดือน (ประมาณ 637,361 บาท) ให้กับครีเอเตอร์และมีผู้ใช้งานเข้าฟังมากถึง 3 ล้านชั่วโมง/วัน บน Spotify นับสถิติถึงมกราคม 2023
Spotify ร่วมมือกับ Calm แอปพลิเคชันตัวช่วยด้านความผ่อนคลายและการนอนหลับ ให้ผู้ใช้ Spotify รับฟังเนื้อหาจาก Calm ได้ฟรีบางส่วน ผ่านรายการพอดแคสต์ของ Spotify
Calm ได้จัดทำเพลย์ลิสฟรีบน Spotify ทั้งหมด 4 เพลย์ลิส ได้แก่
และนอกจากเพลย์ลิสฟรีแล้ว Calm ยังจัดทำเพลย์ลิสอื่น ๆ ที่ผู้ใช้จะต้องสมัครสมาชิกเพื่อรับฟัง
YouTube Music เริ่มปล่อยฟีเจอร์ Podcast ตามที่เคยประกาศไว้ โดยยังปล่อยเฉพาะผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียวก่อน
การใช้งานจะมีแท็บ Podcasts เข้ามาในหน้าหลักของแอพ ทั้งเวอร์ชันเว็บ, Android, iOS และสามารถฟังได้เหมือนฟังเพลงตามปกติ รองรับฟีเจอร์มาตรฐานอย่างการฟังออฟไลน์ ฟังแบบแบ็คกราวน์ระหว่างเปิดแอพอื่นไปด้วย การ cast ไปยังอุปกรณ์อื่น (โดยไม่จำเป็นต้องจ่าย YouTube Premium เหมือนฟังเพลง) และจุดเด่นเฉพาะของ YouTube เองคือการสลับไปมาระหว่างการฟังเสียงอย่างเดียว กับแบบมีวิดีโอประกอบด้วย (ถ้ารายการนั้นทำ)
Spotify ประกาศเพิ่มเครื่องมือสำหรับให้ผู้จัดรายการวิทยุ สามารถนำคอนเทนต์เสียง แปลงเป็นรายการพอดคาสต์ได้ทันที โดยสามารถใช้งานได้ผ่าน Megaphone แพลตฟอร์มจัดการเนื้อหาและโฆษณา ที่ Spotify ซื้อกิจการมาเมื่อปี 2020
Spotify อธิบายว่า กระบวนการแปลงเนื้อหารายการวิทยุมาเป็นพอดคาสต์แบบ manual นั้น มีหลายขั้นตอนที่ต้องทำ เช่น การตัดช่วงสปอตโฆษณาในรายการออกไป แทรกโฆษณาสำหรับเวอร์ชันพอดคาสต์ และการอัปโหลดลงแต่ละแพลตฟอร์ม ใช้เวลาค่อนข้างนานสำหรับพอดคาสต์หนึ่งตอน ด้วยเทคโนโลยีที่ Spotify นำมาใช้ เรียกว่า broadcast-to-podcast ได้จาก Whooshkaa แพลตฟอร์มแปลงเนื้อหาที่ซื้อกิจการมาเมื่อปี 2021 จะช่วยทุ่นเวลาตรงนี้ลงไป
YouTube เพิ่มความสำคัญกับคอนเทนต์พ็อดแคสต์มากขึ้น ตามที่บริษัทประกาศก่อนหน้านี้ โดยล่าสุดได้เพิ่มแท็บหัวข้อ Podcasts เข้ามาในหน้าหลักของแต่ละ Channel ซึ่งแทรกอยู่ระหว่างหัวข้อ Live กับ Playlists ซึ่งกูเกิลบอกว่าอัพเดตนี้มีผลกับครีเอเตอร์ทั่วโลกแล้ว
ในแท็บ Podcasts จะแสดงเพลย์ลิสต์วิดีโอ ที่ครีเอเตอร์กำหนดค่าไว้ว่าเป็นคอนเทนต์แบบพ็อดแคสต์ ซึ่ง YouTube ได้เพิ่มเครื่องมือนี้เข้ามาใน YouTube Studio ทำให้ผู้ชม-ผู้ฟัง สามารถค้นหารายการประเภทดังกล่าวได้สะดวกมากขึ้น - ตัวอย่าง (1) (2)
YouTube Studio เครื่องมือตัดต่อคลิปของ YouTube เพิ่มฟีเจอร์การแก้ไขพ็อดแคสต์เข้ามาแล้ว ตามแนวทางใหม่ของ YouTube ที่ต้องการขยายมาจับตลาดพ็อดแคสต์มากขึ้น และจะเพิ่มฟีเจอร์ฟังพ็อดแคสต์เข้ามาในแอพ YouTube Music
ในหน้าเว็บซัพพอร์ตของ YouTube อธิบายว่ารายการพ็อดแคสต์ในระบบคือ playlist ส่วนเนื้อหาแต่ละตอนคือวิดีโอใน playlist นั่นเอง แต่ระบบจะเพิ่มหน้ารวมเนื้อหาพ็อดแคสต์เข้ามา ให้ผู้ใช้งานค้นหารายการที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ฝั่งครีเอเตอร์จะได้ badge และ search card เข้ามาให้เห็นเด่นชัดขึ้นด้วย
Kai Chuk หัวหน้าฝ่ายพ็อดคาสต์ของ YouTube Music ให้สัมภาษณ์บนเวทีงานสัมมนา Hot Pod Summit ว่าแอพ YouTube Music จะเพิ่มการฟังพ็อดคาสต์ใน "เร็วๆ นี้" แต่ก็ไม่ระบุช่วงเวลาที่ชัดเจน
จากข้อมูลนี้ทำให้ YouTube Music จะกลายมาเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Spotify ที่แอพเดียวรองรับทั้งการฟังเพลงและพ็อดคาสต์ จากเดิมที่กูเกิลใช้ยุทธศาสตร์แยกแอพ Google Podcast เป็นอีกตัวหนึ่ง และยังไม่ชัดเจนว่าอนาคตของ Google Podcast จะเป็นอย่างไรต่อ
จุดแข็งของ YouTube คือคนทำพ็อดคาสต์จำนวนมากอัพโหลดคลิปลง YouTube (แถมมีแบบวิดีโอด้วย) ทำให้คนที่อยากชมเวอร์ชันแบบมีภาพก็ดูได้บน YouTube แต่ถ้าฟังเสียงอย่างเดียวก็ใช้ YouTube Music ได้
Listen Notes เว็บค้นหารายการพ็อดแคสต์ สรุปสถิติจำนวนรายการของปี 2022 ว่ามีรายการเกิดใหม่ 2.2 แสนรายการ (นับทุกภาษาทั่วโลก) ลดลงจากช่วงพีคปี 2020 ที่มีรายการเกิดใหม่ถึง 1 ล้านรายการ (หายไปราว 80% ของปีที่พีค)
ปี 2020 เป็นปีที่มี COVID-19 ทุกคนต้องอยู่บ้าน ทำให้มีรายการพ็อดแคสต์เกิดใหม่จำนวนมหาศาล ตัวเลขนี้ลดลงมาในปี 2021 มีรายการเกิดใหม่ 7.3 แสนรายการ ส่วนปี 2022 ลดลงมากจนมีรายการน้อยกว่าปี 2019 เสียอีก (3.4 แสนรายการ)
หากนับรายการที่ยังผลิตเนื้อหาอยู่ (active podcast) โดยต้องมีจำนวนตอนใหม่อย่างน้อย 1 ตอนในปีนั้นๆ ตัวเลขของปี 2022 มีเหลืออยู่ 4.8 แสนรายการ และพอขึ้นปี 2023 ลดลงมาเหลือ 3 แสนรายการแล้ว
แอพฟังพ็อดแคสต์ Pocket Casts ที่ปัจจุบันเป็นของบริษัท Automattic บริษัทแม่ของ WordPress (ซื้อปี 2021) ประกาศโอเพนซอร์สตัวไคลเอนต์ทั้งบน iOS และ Android
ทีมผู้ก่อตั้ง Pocket Casts บอกว่าแนวทางของ Automattic คือการโอเพนซอร์สอยู่แล้ว และหวังว่าการโอเพนซอร์ส Pocket Casts จะช่วยทำให้ ecosystem กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม มีคนเข้ามาช่วยกันแจ้งบั๊ก-ส่งโค้ดเข้าโครงการมากขึ้น เพื่อไม่ให้อุตสาหกรรมพ็อดแคสต์ถูกผูกขาดอยู่กับ Apple และ Spotify แต่เพียงอย่างเดียว
Spotify ประกาศซื้อกิจการ Kinzen บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีด้านการควบคุมเนื้อหาออนไลน์จากไอร์แลนด์ โดยดีลดังกล่าวไม่ได้เปิดเผยมูลค่า
ปัจจุบัน Spotify เป็นพาร์ตเนอร์กับ Kinzen อยู่แล้ว โดยใช้เครื่องมือของบริษัทที่เชี่ยวชาญการดูแลตรวจสอบเนื้อหาประเภทเสียงและพอดคาสต์ จึงเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับบริการของ Spotify นั่นเอง
Dustee Jenkins หัวหน้าฝ่ายกิจกรรมสาธารณะของ Spotify บอกว่าส่วนสำคัญนอกจากตรวจสอบเนื้อหาที่มีความรุนแรงบนแพลตฟอร์ม การตรวจสอบและทำความเข้าใจเนื้อหาในภาษาต่าง ๆ ก็คือสิ่งที่ท้าทายเช่นกัน
ที่มา: Spotify
Twitter ประกาศปรับปรุง Twitter Spaces เวอร์ชันใหม่ โดยเพิ่มคุณสมบัติการฟังพอดคาสต์เข้ามา ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกฟังรายการที่สนใจได้ผ่านเสียง ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารของ Spaces อยู่แล้ว
ในหน้า Spaces แบบใหม่นี้ จะแสดงหมวดหมู่รายการที่น่าสนใจ รวมถึงแนะนำบันทึก Spaces ย้อนหลัง ที่อิงจากการใช้งานของแต่ละคนด้วย ผู้ใช้งานสามารถกดยกนิ้วโป้งขึ้นหรือลง เพื่อแสดงว่าสนใจคอนเทนต์นั้น ๆ หรือไม่
แถบ Spaces แบบใหม่ที่มีพอดคาสต์ จะเริ่มทดสอบใช้งานตั้งแต่วันนี้ จำกัดเฉพาะกลุ่มผู้ใช้งานทั่วโลกที่พูดภาษาอังกฤษเป็นหลักทั้งบน iOS ละ Android
ที่มา: Twitter
หลังลงจากตำแหน่ง อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็ไปทำธุรกิจหลายอย่าง งานหนึ่งคือตั้งบริษัทผลิตสื่อชื่อ Higher Ground ร่วมกับภรรยา มิเชล โอบามา (เนื้อหามีทั้งที่เจ้าตัวจัดเองและคนอื่นจัด) และเซ็นสัญญาเอ็กซ์คลูซีฟกับ Spotify เมื่อปี 2019
แต่ล่าสุด Higher Ground เปลี่ยนไปเซ็นสัญญาเอ็กซ์คลูซีฟกับ Audible บริษัทหนังสือเสียงในเครือ Amazon แทนแล้ว หลังหมดสัญญากับ Spotify และทั้งสองฝ่ายตัดสินใจไม่ต่อสัญญากัน
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า Facebook เตรียมลดความสำคัญของบริการสนทนาเสียงลง เพื่อโฟกัสกับบริการอื่นมากขึ้น ล่าสุดตัวแทนของ Meta บริษัทแม่ Facebook ให้รายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้
โดยบริการ Podcast จะไม่สามารถเพิ่มรายการใหม่เข้าไปได้มีผลสัปดาห์นี้ และเนื้อหาทั้งหมดจะถูกลบออกไปตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน บริการคลิปเสียงสั้น Soundbites จะปิดให้บริการในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ส่วนห้องคุยเสียง Live Audio Rooms แบบเดียวกับ Clubhouse จะนำฟีเจอร์นี้รวมกับ Facebook Live
Courtney Holt ผู้บริหารด้าน Podcast ของ Spotify และทีมงานคนสำคัญที่มีส่วนดึงคนดังมาจัดรายการ Podcast บน Spotify เช่น Barack Obama และเจ้าชาย Harry ประกาศลาออกจาก Spotify หลังทำงานที่นี่มาเป็นเวลา 5 ปี โดยเขายังเป็นที่ปรึกษาให้องค์กรไปอีก 1 ปี
ขณะเดียวกัน Courtney Holt ยังมีส่วนร่วมในการทำดีลที่ Spotify ซื้อสตูดิโอจัดรายการ Podcast เช่น Gimlet, Anchor และ Parcast รวมถึงดีลมูลค่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดึง Joe Rogan อดีตนักกีฬา UFC, นักแสดงตลก และพิธีกร มาจัดรายการ แต่สุดท้ายการลงทุนเหล่านี้กลับไม่ประสบผลสำเร็จนัก
อ้างอิง // Engadget
ประเด็นเรื่องพ็อดแคสต์ของ Joe Rogan บน Spotify ยังไม่จบง่ายๆ ถึงแม้หน้าฉาก Spotify ออกมาปกป้อง Rogan เต็มที่ แต่เว็บไซต์ JREMissing.com ที่เก็บสถิติรายการของ Rogan ก็เปิดเผยว่าเอาเข้าจริงแล้ว Spotify ถอดรายการของ Rogan ไปอย่างเงียบๆ เป็นจำนวนมาก ตัวเลขที่รายงานตอนแรกคือ 70 ตอน แต่ล่าสุดคือ 113 ตอน ส่วนใหญ่ถูกถอดออกเมื่อวันที่ 4-5 กุมภาพันธ์ 2022 นี้ัเอง
ประเด็นเรื่อง Spotify กับรายการพ็อดแคสต์ของ Joe Rogan ยังไม่จบ แม้ Spotify ออกมาประกาศแนวทางกำกับดูแลเนื้อหา และ Joe Rogan ออกมาขอโทษ แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงกันว่า Spotify ควรต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาบนแพลตฟอร์มหรือไม่ ซึ่งซีอีโอ Daniel Ek มองว่าไม่ควรต้องรับผิดชอบเพราะบริษัทเป็นแค่ตัวกลางในการเผยแพร่เนื้อหา ไม่ใช่ผู้ผลิตเนื้อหาเอง (แต่เหมือนจะลืมไปว่าจ้าง Joe Rogan ด้วยสัญญา 100 ล้านดอลลาร์)
ล่าสุด The Verge ได้คลิปเสียงจากงานภายในของ Spotify เองที่ซีอีโอ Daniel Ek พูดคุยกับพนักงานในเรื่องนี้ ทำให้เราได้เห็นมุมมองจริงๆ ของผู้บริหารต่อ Joe Rogan
Joe Rogan นักจัดพ็อดแคสต์ชื่อดังที่เป็นศูนย์กลางความขัดแย้งกรณี Spotify ออกมาโพสต์คลิปขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นผ่าน Instagram ของตัวเอง โดยเขาบอกว่าการจัดพ็อดแคสต์ของเขาเป็นรายการสด หลายครั้งเขาไม่รู้ล่วงหน้าว่าผู้ร่วมรายการจะพูดเรื่องใดบ้าง บางครั้งสิ่งที่เขาพูดในรายการก็เกิดจากความคิดของเขาในตอนนั้น ซึ่งเขามองว่าเป็นเสน่ห์ของรายการแบบนี้
ในกรณีของนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกวิจารณ์ว่าเผยแพร่ข้อมูลปลอมเรื่องวัคซีน COVID-19 ทาง Rogan บอกว่าเขาไม่ใช่แพทย์ เขาไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ผู้ร่วมรายการพูดนั้นถูกหรือผิด เขาเป็นแค่คนสัมภาษณ์เท่านั้น เขาอยากให้มุมมองของแขกร่วมรายการมีหลายด้าน และว่ายินดีแก้ไขหากให้ข้อมูลผิดไป
จากการประท้วงของ Neil Young ต่อรายการพ็อดแคสต์ Joe Rogan บน Spotify ส่งผลสะเทือนไม่น้อย ทั้งในแง่ผู้ใช้งานบอกเลิกสมาชิก และศิลปินคนอื่นขอถอดเพลงออกตาม
ล่าสุด Spotify ทนแรงกดดันไม่ไหว ออกมาชี้แจงแล้ว โดย Daniel Ek ซีอีโอของบริษัทบอกว่ามีกฎเรื่องเนื้อหาผิดกฎหมาย-ข่าวปลอมที่ใช้เป็นการภายในอยู่แล้ว แต่ไม่เคยนำมาประกาศให้คนนอกทราบ ตอนนี้นำมาขึ้นบนเว็บไซต์แล้ว และจะแปลเป็นภาษาอื่นๆ เพื่อเข้าถึงครีเอเตอร์ในภาษาอื่นๆ ด้วย
Neil Young ศิลปินชื่อดังชาวแคนาดา ออกมาเรียกร้องให้ถอดเพลงของเขาทั้งหมดออกจาก Spotify หลังจากเขาไม่พอใจที่ Spotify สนับสนุนรายการพ็อดแคสต์ของ Joe Rogan ที่ให้ข่าวปลอมเรื่องการฉีดวัคซีน
Spotify เซ็นสัญญากับ Joe Rogan ให้มาทำรายการแบบเอ็กซ์คลูซีฟตั้งแต่ปี 2020 โดยว่ากันว่าดีลมีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ปัจจุบันรายการ The Joe Rogan Experience มีฐานผู้ฟังถึง 11 ล้านคน และมีเรื่องดราม่าเสมอๆ เพราะ Rogan มักเชิญแขกที่มีข่าวอื้อฉาวหรือประเด็นการเมืองมาออกรายการ ซึ่งกรณีล่าสุดเขาเชิญแพทย์รายหนึ่งมาพูดเรื่องวัคซีน COVID-19 และให้ข้อมูลที่ผิด จนทำให้กลุ่มแพทย์ พยาบาล นักวิทยาศาสตร์กว่า 1,000 คนส่งจดหมายประท้วงมาแล้ว
Spotify ประกาศเตรียมเพิ่มระบบให้เรตติ้งรายการพอดคาสต์ โดยจะใช้ระบบดาว 1-5 วิธีการทำงานคือเมื่อฟังรายการพอดคาสต์จบ จะมีการแจ้งเพื่อให้ดาวกับคอนเทนต์นั้น
ค่าเฉลี่ยดาวของรายการพอดคาสต์ รวมทั้งจำนวนการถูกให้ดาว จะแสดงเป็นสาธารณะในหน้าของรายการ
Spotify บอกว่าระบบดาวนี้จะช่วยให้ผู้คนสามารถค้นพบรายการใหม่ที่น่าสนใจได้มากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ผลิตคอนเทนต์ก็ได้รับฟีดแบ็ก ปัจจุบัน Spotify มีพอดคาสต์มากกว่า 3.2 ล้านคอนเทนต์อยู่บนแพลตฟอร์ม
ที่มา: Spotify
เรื่องมีอยู่ว่า Kosta Eleftheriou ซึ่งเป็นนักพัฒนาแอปที่ตรวจสอบข้อมูลของแอปเป็นประจำ ค้นพบว่าแอป Apple Podcast ซึ่งเป็นแอปสำหรับฟังพอดคาสต์ของแอปเปิลเอง มีคะแนนรีวิวบน App Store เมื่อต้นเดือนตุลาคมเพียง 1.8 ดาว จากประมาณ 1,000 รีวิว แต่ผ่านไปเพียง 1 เดือน ตอนนี้แอปมีเรตติ้งถึง 4.8 ดาว แล้ว จำนวนรีวิวเองก็เพิ่มถึง 18,000 รีวิว
สำหรับผู้พัฒนาแอป เรื่องนี้สามารถเดาได้ไม่ยาก นั่นคือรีวิวที่เพิ่มเข้ามาจำนวนมาก ล้วนเป็นรีวิว 5 ดาวทั้งสิ้น คะแนนเฉลี่ยจึงสูงนั่นเอง
Automattic บริษัทแม่ของ WordPress.com และ Tumblr ได้เข้าซื้อ Pocket Casts บริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มพอดแคสท์อย่างเป็นทางการ
Pocket Casts เปิดให้บริการในปี 2010 และมีโครงการทำเงินผ่าน Pocket Casts Plus ซึ่งเก็บเงินลูกค้าเพื่อใช้ฟีเจอร์พรีเมียมอย่างเช่นเข้าใช้งานผ่านเดสก์ท็อปหรือแอปแบบ standalone บน Apple Watch โดย Automattic ซื้อ Pocket Casts มาจากกลุ่มบริษัทวิทยุโดยไม่เปิดเผยมูลค่า
ภายหลังเข้าซื้อกิจการแล้ว Russell Ivanovic และ Philip Simpson ผู้ร่วมก่อตั้ง Pocket Casts จะยังคงทำงานในทีมเดิมต่อไป ซึ่ง Automattic อาจนำฟีเจอร์จาก Pocket Casts นี้อินทิเกรตเข้ากับผลิตภัณฑ์หลักคือ WordPress.com ให้ผู้ใช้งานเครื่องมือสร้างเว็บไซต์มีช่องทางกระจายคอนเทนต์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น