แอปเปิลเข้าซื้อกิจการ SnappyLabs ผู้พัฒนาแอพ SnappyCam บน iOS ที่สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องแบบความละเอียดสูงสุดด้วยความเร็ว 20-30 ภาพต่อวินาที ซึ่งมากกว่าแอพถ่ายภาพที่มาพร้อมกับ iPhone ที่ถ่ายได้ 10 ภาพต่อวินาที แอปเปิลยังไม่ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ TechCrunch พบว่าแอพ SnappyCam หายไปจาก App Store และเว็บไซต์ของ SnappyLabs ก็กลายเป็นหน้าเปล่า ต่อมา Re/code ได้รับคำยืนยันจากแอปเปิลเรื่องซื้อกิจการเรียบร้อยแล้ว

จากข่าวเดิม ทวิตเตอร์ Gizmodo ถูกแฮกเพราะช่องโหว่วิศวกรรมสังคมของ iCloud

หลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อน Google Latitude App โผล่บน iPhone App Store ก่อนถูกถอดอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าเป็นการปล่อยขึ้นบน App Store โดยอุบัติเหตุก่อนเวลาที่ App Store ประเทศญี่ปุ่น ตอนนี้ Google Latitude ปรากฎบน App Store ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว โดยตัวแอพพลิเคชั่นมีความสามารถในการแบ่งปันและติดตามตำแหน่งปัจจุบันของเรากับเพื่อน และสามารถทำงานเบื้องหลังแม้ออกจากแอพพลิเคชั่นไปแล้ว สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีที่ App Store

จากข่าวก่อน iStudio จะเริ่มขายตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2553 ตอนนี้ร้านค้าออนไลน์ของแอปเปิลเริ่มขาย iPad แล้ว ราคาเริ่มต้นที่ 15,900 บาท รวม vat แล้ว (คงคลายความสงสัยเรื่อง vat ของหลายคนไปได้) สามารถสลักข้อความด้านหลังได้ฟรี และสามารถสั่งซื้อพร้อมบริการห่อของขวัญได้โดยเพิ่มเงินอีก 190 บาท พร้อมทั้งยังขายอุปกรณ์เสริมในราคาดังนี้

• iPad Case ราคา 1,590 บาท
• iPad Keyboard Dock ราคา 1,990 บาท
• iPad Dock 890 บาท
• iPad Camera Connection Kit 890 บาท

งานนี้ใครซื้ออุปกรณ์เสริมมาขายคงขาดทุนกันน่าดู

Twitter ประกาศความร่วมมือในการเชื่อมโยง Twitter และ Ping โดย Ping จะสามารถแบ่งปันกิจกรรมบน Ping เช่น โพสต์, รีวิว หรือการซื้อเพลงไปยังบัญชี Twitter ได้ และสามารถดูข้อมูลเพลงที่โพสต์ผ่าน Ping บนหน้า Twitter นั้นได้ทันที

ที่มา: MacRumors

อีกข่าวใกล้ๆ กัน มีคนพบว่าแอปเปิลจดโมน iTun.es ไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2006 และอาจจะใช้เป็น URL ย่อในบริการนี้ก็เป็นได้

SquareTrade เจ้าเดิมที่รายงานเมื่อเดือนที่แล้วว่า iPhone 4 กระจกจอแตกมากกว่า iPhone 3GS เกือบเท่าตัว รายงานผลการวิจัยใหม่ โดย SquareTrade คาดการณ์ว่าภายใน 12 เดือน iPhone 4 จะมีอัตราเสียที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ 2.1% และผู้ผลิตโทรศัพท์ Android หลักอย่าง Motorola และ HTC ไม่ห่างกันมากคือ 2.3% และ 3.1% ตามลำดับ ส่วน BlackBerry อยู่ที่ 6.3% และ Smart Phone อื่นๆ อยู่ที่ 6.7%

แม้ว่า iPhone 4 จะมีรายงานปัญหาเรื่องเสารับสัญญาณมากมาย แต่ผลสำรวจในเดือนมิถุนายน 2553 พบว่าอัตราการสายหลุดของ iPhone 4 อยู่ที่ 5.2% น้อยกว่า iPhone 3GS ซึ่งอยู่ที่ 6.3% ซึ่งขัดแย้งกับการแถลงในงานที่แอปเปิลจัดว่าอัตราการสายหลุดของ iPhone 4 มากกว่า iPhone 3GS น้อยกว่า 1 ใน 100 ครั้ง

นอกจากนี้ยังมีรายงานผลสำรวจอัตราการสายหลุดของ Verizon และ AT&T ตั้งแต่เดือนกันยายน 2551 พบว่า Verizon มีการปรับปรุงดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ AT&T มีแนวโน้มแย่ลงเรื่อยๆ เดือนมิถุนายน 2553 อัตราการสายหลุดของ Verizon อยู่ที่ 2% ส่วน AT&T อยู่ที่ 5.8%

iSuppli เจ้าเก่าผู้ซึ่งเคยประมาณต้นทุน iPhone มาทุกรุ่นรายงานว่า ต้นทุนชิ้นส่วนต่างๆ ของ iPhone 4 ขนาด 16 GB รวมมูลค่า 187.51 ดอลลาห์สหรัฐ หรือประมาณ 6,100 บาท เพิ่มขึ้นจาก iPhone 3GS ขนาดความจุเท่ากัน เมื่อปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 178.96 ดอลลาห์สหรัฐ หรือ 5,827 บาทถ้าคิดในอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน หรือ 6,071 บาทที่อัตราแลกเปลี่ยนปีที่แล้ว (ข่าวเก่า)

โดยชิ้นส่วนที่แพงที่สุดนั่นก็คือจอ Retina Display ซึ่งมีราคา 28.50 ดอลลาห์สหรัฐ ส่วน iPhone 3GS 8 GB นั้น ต้นทุนลดลงไปอยู่ที่ 134 ดอลลาห์สหรัฐ

เป็นเรื่องที่หลายคนอยากรู้และเป็นเรื่องที่ถกเถียงกัน ทั้งฝ่ายชื่นชอบ iPhone, ฝ่ายชื่นชอบ Android และฝ่ายชื่นชอบ Samsung ว่า Retina Display ที่ Jobs อ้างว่าคุณภาพดีกว่า OLED นั้นคุณภาพเป็นอย่างไร จน Samsung เองออกมาบอก Retina Display สู้ AMOLED ไม่ได้อยู่ดี ตอนนี้เว็บไซต์ Engadget ได้นำเครื่อง iPhone 4 และ Samsung Galaxy S มาเทียบเรื่องหน้าจอกันชัดๆ ทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว โดยปรับความสว่างสูงสุด ประเด็นที่หลายคนอยากรู้ มีดังนี้

Trip Chowdhry นักวิเคราะห์จาก Global Equities Research เผยว่าในงาน WWDC 10 นี้จะมีช่วงเวลาสำหรับ Microsoft 7 นาที เพื่อนำเสนอ Microsoft Visual Studio 2010 ซึ่งในเวอร์ชั่นใหม่นี้จะสนับสนุนการเขียนโปรแกรมสำหรับ iPhone, iPad และ Mac OS และผู้ที่จะขึ้นเวทีในครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นผู้อื่นใดได้นอกจากสตีฟ บัลเมอร์ ถ้าข่าวนี้เป็นจริงฝั่ง Windows จะได้เขียน App ลง iPhone/iPad กันได้แล้ว