สถาบันวิจัย Fraunhofer IIS ที่ถือครองสิทธิบัตรเกี่ยวกับ MP3 ไว้ได้ออกประกาศยุติการออกไลเซนส์การใช้งานสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ MP3 รวมทั้ง ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันทำให้ MP3 กลายเป็นรูปแบบการเข้ารหัสไฟล์เสียงที่ได้รับความนิยมตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา พร้อมกับแนะนำให้ทุกคนไปใช้การเข้ารหัสแบบ AAC ที่ให้คุณภาพเสียงดีกว่าโดยใช้เนื้อที่น้อยกว่า MP3 ด้วย หลายสำนักข่าวเรียกประกาศนี้ว่าเป็นการประกาศว่า MP3 นั้นตายไปแล้วอย่างเป็นทางการ (1, 2)

แต่ช้าก่อน! เราไม่จำเป็นต้องไปอาลัยอาวรณ์กับไฟล์ MP3 แต่อย่างใด เพราะถึงแม้ว่าทางสถาบัน Fraunhofer จะยุติการอนุญาตใช้งานสิทธิบัตรไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต่อไปนี้เราจะไม่สามารถใช้ไฟล์ MP3 ได้แต่อย่างใด กลับกันก็คือเราสามารถใช้งานมันได้อย่างอิสระกว่าเดิมเสียอีก

ผู้ใช้ลินุกซ์คงทราบกันดีว่า ดิสโทรลินุกซ์ค่ายต่างๆ ไม่สามารถเล่นไฟล์ MP3 ได้ทันทีหลังติดตั้งระบบปฏิบัติการเสร็จ แต่ต้องมาติดตั้ง codec เพิ่มเองในภายหลัง เหตุผลเป็นเพราะ MP3 มีสิทธิบัตรคุ้มครอง ถ้าระบบปฏิบัติการไหนอยากใช้งานต้องจ่ายค่าไลเซนส์ให้สถาบัน Fraunhofer เจ้าของสิทธิบัตร

แต่สิทธิบัตร MP3 หมดอายุไปแล้วในเดือนพฤศจิกายน 2016 ส่งผลให้ดิสโทรลินุกซ์บางตัวเริ่มปรับตัวกันแล้ว ฝั่งของ Fedora ก็ประกาศว่าจะเพิ่มการรองรับ MP3 (ในทางเทคนิคคือเพิ่มแพ็กเกจ gstreamer1-plugin-mpg123 เข้ามาแบบดีฟอลต์) ในอีกไม่ช้านี้ แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลาที่แน่ชัดว่าจะเป็นเมื่อไร (น่าจะทัน Fedroa 26 ที่จะเป็นรุ่นถัดไป)

ที่มา - Fedora Magazine

เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ได้จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้หน้าจอ e-paper เพื่อใช้แทนที่กระดาษ โดยได้นำเสนอแนวคิดใหม่ที่จะทำให้อุปกรณ์ที่ใช้หน้าจอ e-paper มีความบาง, เบาและยืดหยุ่น จนน่าจะใช้แทนกระดาษได้อย่างเป็นธรรมชาติกว่าอุปกรณ์ที่ใช้หน้าจอ e-paper ในปัจจุบัน

แนวคิดใหม่ที่ว่ายังคงใช้ประโยชน์จากจุดเด่นของ e-paper ซึ่งสามารถแสดงผลภาพหรือข้อความค้างไว้เป็นเวลานานโดยไม่ต้องใช้ไฟเลี้ยง (ต้องการพลังงานไฟฟ้าต่อเมื่อมีการเปลี่ยนภาพแสดงผลเท่านั้น) โดยสิ่งที่ต่างไปจากอุปกรณ์ที่ใช้หน้าจอ e-paper เดิมคือ ไมโครซอฟท์จะแยกส่วนประกอบทั้งแหล่งพลังงานและหน่วยประมวลผลออกจากหน้าจอ และเปลี่ยนส่วนประกอบเหล่านั้นให้อยู่ในรูปแบบของ "เครื่องพิมพ์" แทน

กูเกิลประกาศตั้งกลุ่ม Android Networked Cross-License หรือ PAX ร่วมกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ Android หลายราย นำสิทธิบัตรมากองรวมกันเพื่อใช้เป็นอาวุธตอบโต้การฟ้องร้อง

บริษัทที่เข้าร่วมในตอนนี้คือ Samsung, LG, HTC, Foxconn, HMD Global และผู้ผลิตรายย่อยอย่าง Coolpad, BQ, Allview รวมสิทธิบัตรกันได้แล้ว 230,000 รายการ กูเกิลยังเชิญชวนให้ผู้ผลิตรายอื่นๆ เข้าร่วมกลุ่มเพื่อสร้างคลังสิทธิบัตรขนาดใหญ่ ให้ความคุ้มครองสมาชิกร่วมกัน

แอปเปิลประกาศหยุดใช้งานทรัพย์สินทางปัญญาและสิทธิบัตรเกี่ยวกับจีพียูของบริษัท Imagination Technologies หรือที่เรารู้จักกันดีในฐานะผู้ผลิตจีพียูแบรนด์ PowerVR ที่แอปเปิลใช้มาตลอดตั้งแต่ iPhone 4 จนถึงปัจจุบัน

แอปเปิลระบุว่าจะเลิกใช้เทคโนโลยีของ Imagination ภายใน 15-24 เดือน และจะไม่จ่ายค่าไลเซนส์ให้กับ Imagination อีก อย่างไรก็ตาม แอปเปิลไม่ได้เปิดเผยว่าจะใช้เทคโนโลยีใดมาแทน Imagination แต่ก็คาดว่าแอปเปิลน่าจะพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นใช้เอง

ทางไมโครซอฟท์ได้จดสิทธิบัตรสำหรับอุปกรณ์พกพาที่มีหน้าจอพับได้ (หน้าตาคล้ายกับ Microsoft Courier ที่ถูกยกเลิกไป) โดยในเอกสารดังกล่าวได้ระบุถึงการใช้หน้าจอหลายชั้นมาช่วยในการแสดงผล โดยไม่จำกัดแค่มือถือเท่านั้น แต่รวมถึงอุปกรณ์ที่ใหญ่กว่าด้วย

ทางแอปเปิลได้ขอสิทธิบัตรสำหรับอุปกรณ์ใหม่ที่จะแปลงไอโฟน หรือไอแพดของคุณให้เป็นโน้ตบุ๊คได้ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับโน้ตบุ๊คเปล่าๆ (คล้ายกับ lap dock ของทาง hp) มีคีย์บอร์ด มี GPU ในตัว และมีช่องสำหรับติดตั้งไอโฟน หรือไอแพด

ไมโครซอฟท์ประกาศความร่วมมือกับ Toyota ให้ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นนำสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับ Connected Car ไปใช้ อาทิ ระบบปฏิบัติการในรถ, Wi-Fi, Voice Recognition, เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและระบบนำทาง

ความร่วมมือกับไมโครซอฟท์และ Toyota ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก โดยในเดือนเมษายนปีที่แล้ว ไมโครซอฟท์ตกลงที่จะทำ Data Analytics ให้ Toyota ด้วย และไม่เพียงแต่ Toyota ไมโครซอฟท์ยังมีข้อตกลงคล้ายๆ กันนี้กับบริษัทผลิตรถยนต์เจ้าอื่นๆ อีกหลายเจ้าอาทิ BMW, Nissan, Ford, Volvo แม้แต่บริษัทชผลิตชิ้นส่วน Connected Car อย่าง Harman ด้วย

ดูเหมือนไมโครซอฟท์จะสนใจมีส่วนร่วมในวงการรถยนต์เช่นเดียวกับบริษัทไอทีเจ้าอื่นๆ มากกว่าที่เราเห็น

ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2017 ที่ผ่านมา Sony ได้เปิดเผยสิทธิบัตรเครื่องเกมพกพาที่เคยจดไว้เมื่อ 6 สิงหาคม 2015 ออกมาสู่สาธารนะเป็นครั้งแรก เป็นที่สร้างความประหลาดใจในหมู่ชาวเกมเมอร์จำนวนมาก เพราะเครื่องดังกล่าวมีหน้าตาคล้ายคลึงกับ Nintendo Switch มาก

ในปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติม เกี่ยวกับเครื่องปริศนาดังกล่าวจากทาง Sony มีเพียงแค่แบบแปลนของเครื่องเท่านั้น

เพื่อให้การดูแลการใช้งานอินเตอร์เน็ตของลูกหลานในยุคปัจจุบันเป็นไปอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ ทางไมโครซอฟท์ได้ยื่นขอสิทธิบัตรสำหรับเครื่องมือใหม่ที่มีชื่อว่า "Real-time Parental Monitoring"
เครื่องมือดังกล่าวให้สิทธิแอดมินหรือผู้ปกครองสามารถตั้งขอบเขตการใช้งาน (Boundaries) สำหรับผู้ใช้งานได้ โดยขอบเขตนี้สามารถใช้ควบคุมการสื่อสารของผู้ใช้งานได้ ทั้งบุคคลที่ผู้ใช้งานจะสื่อสารด้วย เนื้อหาของข้อความ และประเภทของข้อความ (ตัวอักษร รูปภาพ หรือวิดีโอ) ที่สำคัญ ยังสามารถตรวจจับได้ว่าข้อความนั้นมีเนื้อหาล่อแหลมทางเพศหรือไม่
และเมื่อมีการละเมิดขอบเขตที่ตั้งไว้ ทางระบบก็จะส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้ปกครองโดยอัตโนมัติทันที

ไม่กี่วันที่ผ่านมา FTC เพิ่งยื่นฟ้อง Qualcomm ข้อหาผูกขาดตลาดชิปโมเด็มสำหรับสมาร์ทโฟน โดยหนึ่งในข้อหามีเรื่อง Qualcomm บีบแอปเปิลให้เซ็นสัญญาใช้ชิปโมเด็มของ Qualcomm เพียงรายเดียวเท่านั้น

ล่าสุด แอปเปิลยื่นฟ้อง Qualcomm แล้ว โดยเรียกค่าเสียหายประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ จากเงินที่ Qualcomm คิดเป็นค่าไลเซนส์สิทธิบัตรแพงเกินความจริง แต่จริงๆ แล้วคือเงินค่าปรับที่ Qualcomm ตั้งใจลงโทษแอปเปิล จากกรณีที่แอปเปิลให้ความร่วมมือหน่วยงานป้องกันการผูกขาดของเกาหลีใต้ (KFTC) ในคดีสอบสวนการผูกขาดของ Qualcomm ที่เกาหลีใต้

ความหวังสำคัญของรถไร้คนขับคือการนำมาใช้เป็นรถโดยสาร ทำให้บริษัทแท็กซี่สามารถเพิ่มรถจำนวนมากๆ และให้บริการตลอดเวลาได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจ้างงานคนขับ ล่าสุดใบยื่นขอสิทธิบัตรของกูเกิลที่ระบุถึงกระบวนการเลือกจุดรับส่งผู้โดยสารโดยรถไร้คนขับก็เพิ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว

การเลือกจุดรับส่งผู้โดยสารเป็นเรื่องปกติเมื่อมนุษย์เป็นคนขับ เมื่อรถกำลังเดินทางมาจากอีกทาง คนขับก็อาจจะสื่อสารกับผู้โดยสารให้เดินไปยังจุดนัดใกล้เคียงเพื่อความสะดวก เช่น ให้ข้ามถนน หรือเดินไปที่หัวมุมถนน แต่สำหรับรถไร้คนขับกระบวนการเจรจาเช่นนี้อาจจะทำได้ลำบาก สิทธิบัตรของกูเกิลแสดงกระบวนการคัดเลือกจุดรับส่งผู้โดยสารเอาไว้

IBM ยังครองแชมป์บริษัทในสหรัฐอเมริกาที่จดสิทธิบัตรมากที่สุด เป็นปีที่ 24 ติดต่อกัน โดยในปี 2016 ที่ผ่านมา IBM ยังสร้างสถิติใหม่ จดสิทธิบัตรมากถึง 8,088 รายการในปีเดียว หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ย 22 รายการต่อวัน อีกทั้งยังเป็นบริษัทแรกที่ทำสถิติจดสิทธิบัตรได้เกิน 8,000 รายการอีกด้วย

IBM ระบุว่าในจำนวนนี้ มีสิทธิบัตร 2,700 รายการที่เกี่ยวข้องกับ AI, cognitive computing, cloud computing ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทิศทางของบริษัทในยุคเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกที

IBM บอกว่าเหตุผลที่บริษัทจดสิทธิบัตรจำนวนมาก ไม่ใช่รายได้เรื่องการให้ไลเซนส์จากสิทธิบัตรเพียงอย่างเดียว แต่จดสิทธิบัตรเพื่อให้ครบ lifecycle ของวงจรการวิจัยและพัฒนาที่ยาวนาน เพื่อให้สามารถวนไปสร้างนวัตกรรมในรอบถัดไปได้อีก

ก่อนหน้านี้ Qualcomm เคยยื่นฟ้องสิทธิบัตรผู้ผลิตมือถือสัญชาติจีน Meizu ในหลายประเทศ ความคืบหน้าล่าสุดคือทั้งสองฝั่งตกลงเจรจากันได้ และถอนฟ้องคดีเหล่านี้แล้ว

ผลของการเจรจาคือ Meizu ยอมจ่ายเงินให้ Qualcomm แลกกับสิทธิการใช้งานสิทธิบัตร 3G (CDMA2000, WCDMA) และ 4G LTE โดยค่าสิทธิบัตรอยู่ในระดับเดียวกับที่ผู้ผลิตมือถือจีนรายอื่นๆ ยอมจ่ายให้กับ Qualcomm

ขณะที่ Amazon เป็นผู้ให้บริการ e-commerce รายแรกๆ ที่เล็งจะใช้โดรนมาให้บริการขนส่งสินค้า แต่ดูเหมือนการให้บริการจะไม่ได้หยุดแค่นั้น หลังล่าสุดที่รายงานสิทธิบัตรที่ Amazon จดหลุดออกมา ซึ่งเป็นสิทธิบัตรเกี่ยวกับ Airborne Fulfilment Centers (AFCs)หรือคลังเก็บสินค้าลอยฟ้า

สิทธิบัตรชี้ให้เห็นถึงการทำงานของ AFCs ที่จะเก็บสต๊อคสินค้าเอาไว้จำนวนหนึ่ง และ Amazon จะนำ AFCs ไปลอยอยู่เหนือพื้นที่หนึ่งๆ ที่คาดว่าสินค้าสต๊อคนั้นจะขายได้ ก่อนใช้โดรนส่งของไปยังเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น AFCs ที่ลอยอยู่เหนือพื้นที่รอบๆ สนามแข่งมหกรรมกีฬา ก็จะเต็มไปด้วยสินค้าจำพวกขนม น้ำดื่มหรือของที่ระลึก ซึ่งตัว AFCs ก็สามารถใช้แสดงโฆษณาได้ด้วย

โนเกีย ยื่นฟ้องแอปเปิลต่อศาลในเยอรมนีและสหรัฐอเมริกา ด้วยข้อหาว่าแอปเปิลละเมิดสิทธิบัตรของโนเกีย และเตรียมขยายการฟ้องไปยังประเทศอื่นๆ ต่อไป

โนเกียระบุว่าเคยเซ็นสัญญาสิทธิบัตรกับแอปเปิลมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2011 แต่หลังจากนั้น แอปเปิลปฏิเสธไม่ยอมจ่ายค่าสิทธิบัตรใบอื่นๆ ที่พบในผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลให้กับโนเกีย จนต้องมายื่นฟ้องในครั้งนี้

สิทธิบัตรที่เป็นปัญหามี 32 รายการ มีหัวข้อหลากหลายทั้งการแสดงผล, UI, ซอฟต์แวร์, เสาอากาศ, ชิปเซ็ต, การเข้ารหัสวิดีโอ แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเรียกค่าเสียหายเท่าไร

ปัญหาสิทธิบัตรซอฟต์แวร์ทำให้ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สไม่สามารถรองรับการเล่นไฟล์เพลงหรือภาพยนต์หลายประเภท แต่ตอนนี้ทาง Red Hat ก็ประกาศจะรองรับการเล่นไฟล์ MP3 ใน Fedora Workstation 25 แล้ว

สิทธิบัตร MP3 มีจำนวนมาก โดยมีหน่วยงานกลางอย่าง MPEG-LA เป็นผู้รวบรวมสิทธิบัตรเข้ามาเก็บค่าสิทธิบัตร

Tom Callaway จาก Red Hat ผู้ประกาศเรื่องนี้ระบุว่าทางบริษัทจะไม่แสดงความเห็นว่าสิทธิบัตรตัวใดหมดอายุจึงยอมรับไฟล์ MP3 ในครั้งนี้ แต่ OSNews เคยรวบรวมสิทธิบัตรของ MP3 ระบุว่าสิทธิบัตรสุดท้ายที่มีการอ้างกันจะหมดอายุเดือนเมษายนปี 2017

มีคนพบว่าไมโครซอฟท์ได้รับอนุมัติสิทธิบัตร Providing Personalized Greetings on a Digital Assistant ซึ่งมีใจความสำคัญว่า ผู้ช่วยดิจิทัล (digital assistant) (อาทิ Cortana) จะสามารถทักทายได้เหมือนมนุษย์มากยิ่งขึ้น

อย่างแรกที่สิทธิบัตรกล่าวไว้ คือ จะไม่ทักทายผู้ใช้ด้วยข้อความเดียวกันซ้ำสองครั้ง โดยหลักการทำงานนั้น ระบบจะมีรายการคำทักทายที่เฉพาะผู้ใช้นั้น (ซึ่งได้จากการเรียนรู้ข้อมูลของผู้ใช้มา อาทิ วันเกิด) และจะเลือกมาใช้ทักทายอย่างเหมาะสม อาทิ ในวันเกิดของผู้ใช้นั้นได้มีการเข้าใช้คอมพิวเตอร์ตอนเช้า และเข้าใช้อุปกรณ์พกพาตอนบ่าย ระบบจะทักทายครั้งแรก (ตอนเช้า) ว่า "Happy Birthday!” และครั้งที่สอง (ตอนบ่าย) ว่า “Hope you are having a wonderful day!” แทนที่จะเป็น "Happy Birthday!” ทั้งสองครั้ง

ASUS เปิดเผยว่าได้ระงับการจำหน่าย ZenFone และ ZenPad ผ่านช่องทางออนไลน์ในประเทศเยอรมนีในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาด้านสิทธิบัตรซอฟต์แวร์

โฆษกของ ASUS ระบุว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ ยังคงวางขายเช่นเดิม ขณะที่ทั้ง ZenFone และ ZenPad จะได้รับการอัพเดตแพทช์แก้ไขเร็วๆ นี้ก่อนจะนำกลับมาวางจำหน่ายในสัปดาห์หน้า

อย่างไรก็ตามโฆษกของ ASUS ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเรื่องปัญหาสิทธิบัตร แต่ Heise Onlin สื่อในเยอรมนีรายงานว่า Philips N.V. บริษัทสัญชาติเนเธอร์แลนด์ได้ยื่นเรื่องให้ศาลในเมือง Mannheim มีคำสั่งห้ามไม่ให้ ASUS จำหน่ายสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เนื่องจากมีปัญหาด้านสิทธิบัตรซอฟต์แวร์ด้าน UI

ปัญหาสินค้าปลอมยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของบริษัทอีคอมเมิร์ซต่างๆ อย่างล่าสุดแอปเปิลออกมาเปิดเผยว่า อุปกรณ์เสริมและหัวชาร์จของแอปเปิลบนเว็บไซต์ Amazon ส่วนใหญ่ที่ระบุว่าเป็นของแท้ (Genuine/Official) เป็นของปลอมทั้งสิ้น พร้อมยื่นฟ้อง Mobile Star LLC บริษัทซัพพลายเออร์ที่วางจำหน่ายบน Amazon ฐานละเมิดสิทธิบัตร

Qualcomm ได้ยื่นฟ้อง Meizu ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาของจีนฐานละเมิดสิทธิบัตร ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา (ข่าวเก่า) ล่าสุด Qualcomm ได้ยื่นฟ้อง Meizu เพิ่มในสหรัฐ, เยอรมนีและฝรั่งเศสในฐานความผิดเดียวกัน

Qualcomm ระบุว่า Meizu ยังคงปฏิเสธที่จะเจรจาเรื่องการใช้งานสิทธิบัตร ขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่ละเมิดสิทธิบัตรของ Meizu ที่วางขายทั่วโลกทำให้ Qualcomm ไม่มีทางเลือก นอกจากใช้มาตรการทางกฎหมายเพิ่มเติม เพื่อปกป้องสิทธิบัตรของตน

ที่มา - Qualcomm

Yahoo ได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรบิลบอร์ดแสดงโฆษณาอัจฉริยะ ที่จะแสดงผลโฆษณาโดยอิงจากข้อมูลสภาพแวดล้อมและกลุ่มเป้าหมายที่ Yahoo เรียกว่า "Groupization"

ตัวอย่างการเก็บข้อมูลเพื่อแสดงโฆษณาของ Yahoo เช่นว่า จะดึงข้อมูลสภาพการจราจร วันที่ รวมถึงช่วงเวลานั้นๆ มาประมวลผลร่วมกับข้อมูลของผู้โดยสารที่อยู่ในรถ ซึ่งดึงมาจากโอเปอเรเตอร์ และแสดงโฆษณาที่น่าจะสร้างความสนใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงเหมาะสมกับสภาพจราจร

อย่างไรก็ตามสิทธิบัตรนี้ยังอยู่ในขั้นพิจารณาเท่านั้น

ที่มา - GrahamCluley

เมื่อต้นปีนี้ Apple แพ้คดีสิทธิบัตร FaceTime ถูกศาลสั่งจ่ายเงินชดเชยให้บริษัท VirnetX สูงถึง 625.6ล้านดอลลาร์

ล่าสุดผู้พิพากษา Robert Schroeder ของคดีดังกล่าว ให้ผลการตัดสินเดิมเป็นโมฆะ เพราะคณะลูกขุนอาจสับสนกับรายละเอียดของคดี และไม่เป็นธรรมต่อฝ่ายแอปเปิล การไต่สวนคดีรอบใหม่ (retrial) มีผลออกมาว่าแอปเปิลยังแพ้คดีเหมือนเดิม แต่ค่าเสียหายลดลงมาเหลือ 302.4 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม VirnetX ยังมีคดีใหม่อีกคดีที่ฟ้องแอปเปิลเรื่องสิทธิบัตรด้านความปลอดภัยและแอพ iMessage ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างกระบวนการ

ที่มา - Reuters

ไมโครซอฟท์จดสิทธิบัตร Fingerprint Detection with Transparent Cover ซึ่งกล่าวถึงการผนวกตัวอ่านลายนิ้วมือเข้ากับหน้าจอของอุปกรณ์

สิทธิบัตรอธิบายว่า จะใช้ท่อนำคลื่น (wave guide) ที่อยู่ใต้กระจกจอภาพกับฟิลเตอร์ที่ทำให้เซ็นเซอร์ที่อยู่ด้านข้างของกระจกจอภาพนั้นสามารถจับริ้วของลายนิ้วมือบนหน้าจอได้ สิทธิบัตรยังระบุว่าสามารถใช้เทคโนโลยีนี้ร่วมกับจอ LED และ AMOLED ได้

หวังว่าจะได้เห็นไมโครซอฟท์นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับอุปกรณ์ของบริษัทนะ

ที่มา: WIPO ผ่าน MSPoweruser

Google ได้ยื่นคำขอจดสิทธิบัตรเกี่ยวกับระบบของรถยนต์ไร้คนขับ โดยระบบที่ว่านี้คือระบบตรวจจับรถฉุกเฉินที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ทั้งนี้เพื่อให้รถยนต์ไร้คนขับสามารถตอบสนองได้อย่างเหมาะสม

รถฉุกเฉินที่ว่านี้ อาจเป็นรถตำรวจ, รถดับเพลิง หรือรถพยาบาลก็ได้ ด้วยเหตุจากการปฏิบัติงานเป็นการฉุกเฉิน รถเหล่านี้อาจมีการแล่นที่ไม่เป็นไปตามกฎจราจรปกติ และเพื่อให้รถยนต์ไร้คนขับได้เข้าใจว่านี่ไม่ใช่รถธรรมดา มันจึงต้องมีวิธีการตรวจจับรถฉุกเฉินเหล่านี้เพื่อให้รถยนต์ไร้คนขับสามารถตัดสินใจและคิดเองได้ว่าควรทำอย่างไรเมื่อเจอกับรถฉุกเฉิน ซึ่งอาจเป็นการชะลอความเร็วและจอดชิดไหล่ทาง หรืออาจเป็นหลบเพื่อให้ทาง ขึ้นอยู่กับกรณี