โครงการ Fedora ประกาศเลื่อนการออก Fedora 37 เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากช่องโหว่ระดับวิกฤตของ OpenSSL ที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะในวันอังคารหน้า ทำให้ทีม Fedora ตัดสินใจรอแพตช์ OpenSSL ให้เรียบร้อยก่อนออกเวอร์ชัน 37 ตัวจริง (เดิมมีกำหนดออก 8 พฤศจิกายน)
ทีม Fedora บอกว่าตอนนี้ยังไม่รู้ข้อมูลที่ชัดเจนว่าช่องโหว่ OpenSSL ร้ายแรงแค่ไหน แต่การที่ระดับของช่องโหว่เป็น critical ทำให้ทีมงานตัดสินใจรอแพตช์ก่อน เพื่อลดผลกระทบของการใช้ดิสโทรที่มีช่องโหว่ติดไปด้วย ซึ่งเป็นการตัดสินใจเลือกระหว่างเวลา-คุณภาพ
เบื้องต้นทีมงานคาดว่าจะออก Fedora 37 ในวันที่ 15 พฤศจิกายน แต่ก็ต้องรอข้อมูลแพตช์อีกครั้ง
Gitea โครงการเว็บเก็บซอร์สโค้ดแบบเดียวกับ Github ประกาศเปิดบริษัท Gitea Limited เพื่อให้บริการเชิงธุรกิจ หลังจากก่อนหน้านี้เป็นโครงการที่เน้นชุมชนมาโดยตลอด
Gitea เกิดจากการแยกโครงการจาก Gogs ที่ได้รับความนิยมสูง แต่ผู้ดูแลโครงการชาวจีนคือ unknwon นั้นรับแพตช์ค่อนข้างช้า หลังแยกโครงการออกมาตัว Gitea มีฟีเจอร์เยอะกว่ามาก เช่น Package Registry ที่รองรับแพ็กเกจแทบทุกแบบ
หลังจากนี้โดเมนของ Gitea และเครื่องหมายการค้าจะถูกโอนไปยังบริษัท Gitea Limited เบื้องต้นบริษัทจะมีเงินมาจากนักพัฒนาบางคนแบบพาร์ทไทม์ และทีมงานหวังว่าจะจ้างพนักงานเต็มเวลาได้ในอนาคต
การสื่อสารด้วย mailing list เป็นวิธีมาตรฐานของโลกโอเพนซอร์สมายาวนาน แต่ล่าสุดโครงการ GNOME ประกาศปิดระบบ mailing list ทั้งหมด เปลี่ยนมาสื่อสารผ่านเว็บบอร์ดแทน การเปลี่ยนแปลงจะมีผลสิ้นเดือนตุลาคม 2022 หลังจากนั้น mailing list จะเข้าโหมดอ่านได้อย่างเดียว
เหตุผลเป็นเพราะซอฟต์แวร์จัดการ mailing list ที่ใช้คือ Mailman 2 นั้นเก่าแล้ว ต้องรันด้วย Python 2 เท่านั้น แม้มี Mailman 3 ที่ใช้ Python 3.7 ขึ้นไป แต่ชุมชน GNOME ก็ขาดแคลนแอดมินมาบริหารจัดการ รวมถึงดูแลแก้ปัญหาสแปม
กูเกิลประกาศส่งโครงการ ko ที่ใช้สำหรับสร้างอิมเมจคอนเทนเนอร์ (container image builder) สำหรับแอปพลิเคชั่นภาษา Go ใน Kubernetes โดยไม่ต้องใช้ Docker เลย
ภาษา Go ได้รับความนิยมสำหรับแอปพลิเคชั่นบนคลาวด์จำนวนมาก การที่นักพัฒนาสามารถคอมไพล์โปรแกรมใน Kubernetes ได้โดยตรงทำให้สามารถใช้งานกับระบบ CI/CD ได้สะดวกขึ้น
CNCF เองมีโครงการที่ดูแลหลักคือ Kubernetes ที่กูเกิลส่งโครงการเข้าไปแล้วก่อนหน้านี้ การส่งโครงการเข้า CNCF ทำให้องค์กรอื่นๆ สามารถใช้งานได้สะดวกใจยิ่งขึ้น เพราะทั้งโค้ด, ทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้อง, และเครื่องหมายการค้าต่างๆ จะดูแลโดย CNCF ที่เป็นองค์กรกลาง
แอพฟังพ็อดแคสต์ Pocket Casts ที่ปัจจุบันเป็นของบริษัท Automattic บริษัทแม่ของ WordPress (ซื้อปี 2021) ประกาศโอเพนซอร์สตัวไคลเอนต์ทั้งบน iOS และ Android
ทีมผู้ก่อตั้ง Pocket Casts บอกว่าแนวทางของ Automattic คือการโอเพนซอร์สอยู่แล้ว และหวังว่าการโอเพนซอร์ส Pocket Casts จะช่วยทำให้ ecosystem กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม มีคนเข้ามาช่วยกันแจ้งบั๊ก-ส่งโค้ดเข้าโครงการมากขึ้น เพื่อไม่ให้อุตสาหกรรมพ็อดแคสต์ถูกผูกขาดอยู่กับ Apple และ Spotify แต่เพียงอย่างเดียว
Meta พัฒนาปัญญาประดิษฐ์แปลภาษาที่ใช้สำหรับแปลคำพูดโดยตรงสำหรับภาษาจีนฮกเกี้ยนที่ไม่มีภาษาเขียน
ระบบแปลภาษานี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Universal Speech Translator ที่ต้องการพัฒนาการใช้ AI เพื่อช่วยแปลคำพูดเป็นคำพูดแบบเรียลไทม์ซึ่งไม่สามารถใช้วิธีปกที่แปลงคำพูดออกมาออกมาเป็นภาษาเขียนได้แล้วค่อยแปลภาษาจากข้อความ ในงานวิจัยนี้ Meta อาศัยการแปลงเสียงพูดภาษาฮกเกี้ยนออกมาเป็นข้อความแทนเสียงตรงๆ หรือแปลงเสียงเป็นข้อความในภาษาจีนกลางที่ใกล้เคียงกัน แล้วค่อยแปลภาษาอีกทีหนึ่ง
เมื่อปลายเดือนที่แล้ว โครงการ Jakarta EE ที่เป็นผู้สืบทอด Java EE ในยุคโอเพนซอร์ส ที่ Oracle ยกให้ Eclipse Foundation ดูแลต่อ ประกาศออก Jakarta EE 10 ซึ่งถือเป็นรุ่นใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ออก Jakarta EE 8 รุ่นแรกภายใต้โครงการใหม่
ของใหม่ที่สำคัญในเวอร์ชันนี้คือการเพิ่ม Jakarta EE Core Profile 10 ถือเป็น profile ใหม่ที่ขนาดเล็กและเบากว่า Web Profile ของเดิม เพื่อใช้รันงานประเภท microservice/container บนคลาวด์
ตัว Core Profile ยังเพิ่ม Jakarta Contexts and Dependency Injection (CDI) 4.0 เวอร์ชัน Lite (CDI-Lite) สำหรับสร้างแอพที่ขนาดเล็กและเบาด้วย
PostgreSQL ออกเวอร์ชั่น 15 หนึ่งปีหลังจาก PostgreSQL 14 โดยรอบนี้ไม่มีการปรับปรุง syntax การเขียนคิวรีใหญ่ๆ แต่เป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพ และการทำงานเบื้องหลังมากกว่า
ในแง่ประสิทธิภาพ การปรับปรุงอัลกอรึทึมการเรียงข้อมูลทำให้การคิวรีในกลุ่ม ORDER BY
ทั้งหลายเร็วขึ้น 25%-400% ขณะที่การคิวรีแบบ SELECT DISTICT
ก็ประมวลผลขนานกันทำให้เร็วขึ้นเช่นกัน อีกส่วนหนึ่งคือประสิทธิภาพเร็วขึ้นจากการรองรับการบีบอัดข้อมูลแบบ LZ4 และ zstd ในตัว ทำให้ประหยัดทั้งพื้นที่ดิสก์ในการเขียน write-ahead log (WAL) และเพิ่มประสิทธิภาพในบางกรณีที่ความเร็วตันที่ IOPS รวมถึงการสั่งคำสั่งสำรองข้อมูล pg_basebackup
ก็รองรับการบีบอัดจากเซิร์ฟเวอร์โดยตรง
ในแง่การคิวรี คำสั่งใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือ MERGE
สำหรับการสั่ง INSERT
, UPDATE
, และ DELETE
ในคำสั่งเดียวตามเงื่อนไข และยังเพิ่มฟังก์ชั่นการประมวลข้อมูลด้วย regular expression อีกหลายตัว ทำให้ค้นหาสตริงได้ซับซ้อนขึ้น
ที่มา - PostgreSQL
VirtualBox ซอฟต์แวร์ virtualization ยอดนิยม ออกเวอร์ชันใหญ่ 7.0 ทิ้งช่วงห่างจากเวอร์ชัน 6.0 เป็นเวลานานเกือบ 4 ปี ของใหม่ที่สำคัญได้แก่
ไลบรารี Axios สำหรับการเชื่อมต่อ HTTP ไปยังเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ ที่นิยมในหมู่นักพัฒนาที่ใช้ Node.JS ออกเวอร์ชั่น 1.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นเสถียรตัวแรก ใช้เวลากว่า 6 ปีหลังจากออกเวอร์ชั่นแรกเมื่อปี 2016
โครงการไลบรารีโอเพนซอร์สจำนวนมากมักออกเวอร์ชั่นก่อนหน้าเวอร์ชั่นเสถียรมาเรื่อยๆ และประกาศเวอร์ชั่นเสถียรโดยปรับจากเวอร์ชั่นล่าสุดไม่มากนัก แต่ Axios ออกเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้คือ 0.27.2 มาตั้งแต่เดือนเมษายน และออกเวอร์ชั่น 1.0 alpha1 มาเมื่อเดือนมิถุนายนก่อนจะออกเวอร์ชั่นจริงในสัปดาห์นี้ โดยมีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก
ClickHouse Inc. บริษัทฐานข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ (online analytical processing - OLAP) ที่แยกออกมาจากบริษัท Yandex ประกาศเปิดบริการ ClickHouse Cloud ให้บริการฐานข้อมูลโดยไม่ต้องจัดการคลัสเตอร์ด้วยตัวเอง
บริการ ClickHouse Cloud อาศัยโครงสร้างของคลาวด์รายหลัก ได้แก่ AWS, Azure, และ GCP โดยช่วงแรกจะรองรับเฉพาะ AWS ก่อน จากนั้นจะคิดค่าบริการเป็นรายนาที ตามปริมาณการเก็บข้อมูล, ประมวลผล, อ่าน, และเขียน นอกจากนี้ตัว Cloud Console จะให้บริการเพิ่มเติม ทั้งบริการดึงข้อมูลเข้า (ingestion), การแสดงข้อมูล (visualization), การใช้งานกับโปรแกรมภาษาต่างๆ, และไคลเอนต์
Supabase ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มทดแทน Firebase เปิดโครงการ postgres-wasm พอร์ต PostgreSQL ทั้งก้อนเข้าไปรันในเบราว์เซอร์ด้วย WASM แม้ว่าก่อนหน้านี้ Crunchy Data จะเคยทำโครงการแบบเดียวกันมาก่อนแล้ว แต่ก็ทำไว้ใช้งานสำหรับเว็บสอน SQL ของ Crunchy Data เองเท่านั้น แต่ postgres-wasm นี้เป็นโครงการโอเพนซอร์สที่นำไปใช้งานอย่างอื่นได้ด้วย
โครงการนี้ทาง Supabase พัฒนาโครงการร่วมกับ Snaplet โครงการแปลงข้อมูลในฐานข้อมูลเพื่อให้นักพัฒนานำข้อมูลจากโปรดักชั่นไปใช้งานได้ ตัวโครงการ postgres-wasm จึงมี repository สองที่จากทั้ง Supabase และ Snaplet
Linus Torvalds ออกเคอร์เนลลินุกซ์เวอร์ชัน 6.0 ตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่าขี้เกียจนับเลขรุ่นย่อยแล้ว ขึ้นหลักใหม่ดีกว่า
So, as is hopefully clear to everybody, the major version number change is more about me running out of fingers and toes than it is about any big fundamental changes.
เขายังประกาศว่าจะเริ่มรับแพตช์ของเคอร์เนล 6.1 แล้ว ซึ่งมีของใหม่ที่สำคัญคือการรองรับภาษา Rust ในขั้นแรกด้วย
GNOME ออกเวอร์ชัน 43 โค้ดเนม Guadalajara ตามชื่อเมืองในเม็กซิโก
ของใหม่ที่สำคัญในเวอร์ชันนี้คือ Quick Settings ตามอย่างระบบปฏิบัติการสมัยใหม่ คลิกที่มุมขวาบนของจอเพื่อเปิดเมนู Quick Settings มาตั้งค่าต่างๆ เช่น Wi-Fi, ระดับเสียง, ความสว่างของจอ, จับภาพหน้าจอ, VPN โดยไม่ต้องเข้าแอพ Settings ให้เสียเวลา
แอพจัดการไฟล์ Files (Nautilus เดิม) ปรับเอนจินมาใช้ GTK 4 ที่ออกเมื่อปี 2020, ปรับหน้าตาเล็กน้อย, สามารถปรับขนาดหน้าต่าง แล้วอินเทอร์เฟซเปลี่ยนไปให้เหมาะสมกับขนาดหน้าต่างอัตโนมัติ เช่น หน้าต่างเล็กลงแล้วไม่มี sidebar แต่ขยายแล้ว sidebar จะกลับคืนมา
The Document Foundation (TDF) หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการ LibreOffice ประกาศนำ LibreOffice ขึ้นบน Mac App Store โดยตั้งราคาขาย 8.99 ยูโร/8.99 ดอลลาร์
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมซอฟต์แวร์แจกฟรีอย่าง LibreOffice ถึงตั้งราคาขายได้ จริงๆ แล้วเป็นสิทธิของผู้สร้าง (ในกรณีนี้คือ TDF) ว่าจะตั้งราคาอย่างไร ซึ่ง TDF บอกว่าตั้งราคา 8.99 ยูโร เพื่อขาย "ความสะดวก" ในการติดตั้ง โดยเงินที่ได้จะนำกลับมาใช้พัฒนา LibreOffice ต่อไป
AppWrite แพลตฟอร์ม backend โอเพนซอร์สแบบเดียวกับ Firebase ที่ให้บริการทั้งการจัดการบัญชี, ฐานข้อมูล, สตอเรจ, ฟังก์ชั่น, และการส่งข้อความเรียลไทม์ประกาศออกเวอร์ชั่น 1.0 นับเป็นรุ่นเสถียรรุ่นแรก แม้ก่อนหน้านี้จะมีผู้ใช้จำนวนมากอยู่แล้วก็ตาม โดยมีคนกดดาวบน GitHub มากกว่า 25,000 คน
ฟีเจอร์ที่เพิ่มมาในเวอร์ชั่นนี้ ได้แก่
บริษัท Meta ประกาศยกโครงการ PyTorch เฟรมเวิร์คสำหรับงาน AI ให้กับ Linux Foundation ไปดูแลต่อ
Linux Foundation จะตั้งองค์กรลูก PyTorch Foundation โดยมีตัวแทนจากบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรม ได้แก่ AMD, Amazon Web Services, Google Cloud, Meta, Microsoft Azure, Nvidia ร่วมเป็นคณะกรรมการกำกับดูแลทิศทางการพัฒนา PyTorch ต่อไป
PyTorch เริ่มพัฒนาในปี 2016 โดยเป็นการต่อยอดจากเฟรมเวิร์ค Torch ที่เขียนด้วยภาษา Lua แต่ปรับให้เป็นภาษา Python ที่ใช้งานกว้างขวางกว่าแทน (โครงการ Torch ก็หยุดพัฒนาไปตั้งแต่ปี 2018) ถือเป็นเฟรมเวิร์ค machine learning ยอดนิยมอีกตัวเคียงคู่กับ TensorFlow/Keras ที่สร้างโดยฝั่งกูเกิล
grep โปรแกรมค้นหาข้อความที่อยู่คู่กับยูนิกซ์มายาวนาน (สร้างโดย Ken Thompson ผู้สร้างยูนิกซ์ในปี 1973 อายุโปรแกรมตอนนี้ 48 ปี) ที่ผ่านมาเคยมีเวอร์ชันแยกย่อย เช่น egrep และ fgrep ที่มีพฤติกรรมการทำงานแตกต่างกันเล็กน้อย
grep เวอร์ชันที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันคือ GNU Grep ล่าสุดเพิ่งออกเวอร์ชัน 3.8 มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือจะแจ้งเตือนผู้ใช้เวลาสั่ง egrep และ fgrep แล้ว ให้เปลี่ยนไปใช้คำสั่ง grep -E และ grep -F แทน
แอปเปิลประกาศย้ายโครงการซอร์สโค้ดของ WebKit จุดกำเนิดของเบราว์เซอร์ยุคใหม่ (ที่ใช้กับทั้ง Safari, Chromium และอื่นๆ แทบทุกตัวที่ไม่ใช่ Firefox) จากเดิมโฮสต์บนระบบ Subversion ของตัวเอง มาสู่ GitHub
ตัวโครงการ WebKit เปิดซอร์สมาตั้งแต่แรก เพียงแต่อยู่บน Subversion ระบบจัดการซอร์สโค้ดที่ถือกำเนิดมาก่อน Git เมื่อโลกเริ่มหมุนมาสู่ Git ด้วยจุดเด่นเรื่องสถาปัตยกรรมที่ออกแบบมาดีกว่า ทำให้แอปเปิลตัดสินใจเลือกย้ายจาก Subversion มายัง Git
แอปเปิลบอกว่ามีตัวเลือกโฮสต์ Git หลายทาง แต่สุดท้ายเลือก GitHub เพราะมีฐานชุมชนนักพัฒนาขนาดใหญ่ และมี API ใช้ง่าย ปรับแต่งสคริปต์อัตโนมัติเดิมเพียงเล็กน้อยก็ใช้งานได้ทันที
Webmin ซอฟต์แวร์ control panel จัดการเซิร์ฟเวอร์และเว็บโฮสติ้งแบบเว็บเบส ที่เริ่มพัฒนามายาวนานตั้งแต่ปี 1997 ออกเวอร์ชัน 2.0 ถือเป็นการออกเวอร์ชันใหญ่ครั้งแรกในรอบหลายปี
Webmin เกิดมาในยุคที่เว็บเซิร์ฟเวอร์เริ่มบูม การจัดการ Apacher HTTP Server ต้องทำผ่านคอมมานด์ไลน์ ยากต่อการดูแล ตัว Webmin เองเขียนด้วยภาษา Perl และไม่เคยขยับเลขเวอร์ชันจาก 1.x เลยในช่วงเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา ถึงแม้โลกยุคหลังมีซอฟต์แวร์อื่นๆ เช่น cPanel หรือ Plesk ให้เลือกใช้งาน แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ใช้ Webmin อยู่เพราะเป็นไลเซนส์แบบโอเพนซอร์ส (นอกจากนี้ยังมีซอฟต์แวร์อื่นในเครือ Webmin เช่น Usermin และ Virtualmin ด้วย)
กลุ่มบริษัทความปลอดภัยรวม 18 ราย นำโดย AWS, Splunk, Symantec (ปัจจุบันเป็นหน่วยหนึ่งของ Broadcom) ประกาศตั้งกลุ่ม Open Cybersecurity Schema Framework (OCSF) เพื่อแชร์ข้อมูลความปลอดภัยระหว่างกัน ช่วยให้การรับมือกับการโจมตีไซเบอร์รวดเร็วมากขึ้น
แนวทางของ OCSF คือกำหนดสเปกกลาง (schema) เพื่อใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลความปลอดภัยให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลและนักวิเคราะห์ทำงานง่ายขึ้นเพราะมีฟอร์แมตกลางใช้ร่วมกันในรายงานการแฮ็กและการสอบสวนระบบ ตัวสเปกจะเป็นโอเพนซอร์ส และสามารถเขียนส่วนขยายสำหรับงานเฉพาะทางได้
ไมโครซอฟท์ประกาศโอเพนซอร์ส อีโมจิ 3D ซึ่งมีทั้งหมด 1,538 รายการ โดยครีเอเตอร์สามารถนำไปผสมหรือสร้างสรรค์ต่อยอดได้
รายละเอียดงานทั้งหมดสามารถดาวน์โหลดได้ที่ Figma หรือที่ GitHub
Jon Friedman ผู้บริหารฝ่ายงานออกแบบและวิจัยของไมโครซอฟท์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เดิมอีโมจิ 3D รูปแบบใหม่ที่มีใช้งานใน Windows 11 และ Microsoft Teams ไม่ได้วางแผนจะโอเพนซอร์ส แต่ก็มีความคิดเห็นเสนอขึ้นมา เพื่อสนับสนุนวงการออกแบบและสร้างสรรค์ โดยดูจากช่วงโควิดที่ผ่านมา อีโมจิเข้ามามีบทบาทมากขึ้นต่อการสนทนา เพื่อแสดงอารมณ์ของผู้พูดที่ชัดเจนขึ้นนั่นเอง
Darren Shepherd อดีต CTO ของ Rancher Labs และเข้าไปทำงานกับ SUSE ในตำแหน่ง Chief Architect ออกมาตั้งบริษัท Acorn Labs สร้างระบบการรันแอปพลิเคชันบน Kubernetes ที่คล้ายกับ Docker Compose
Shepherd เล่าปัญหาว่าเขาพยายามรันเซิร์ฟเวอร์ Minecraft บน Kubernetes ในบ้านแต่พบว่ามันยุ่งยากจนเขาเลิกพยายามและหันไปรันด้วย Docker Compose ในที่สุด
ตัว Acorn รองรับการ build ในตัวแบบเดียวกับ Docker Compose รวมถึงรองรับการสร้าง secret ใช้เป็นรหัสผ่านในตัว ทำให้ไม่ต้องเก็บรหัสผ่านไว้ในคอนฟิก
โครงการเป็นโอเพนซอร์สแบบ Apache 2.0 ตอนนี้โครงการยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นมากๆ อาจจะไม่เหมาะกับการใช้งานจริงจังนัก
ที่มา - Acorn
สตูดิโออนิเมชั่นชื่อดัง DreamWorks ประกาศเตรียมปล่อย MoonRay เครื่องมือ ray-tracing renderer ออกเป็นโอเพ่นซอร์สภายในสิ้นปีนี้
MoonRay เป้นเครื่องมือทำ Ray Tracing ที่ DreamWorks พัฒนาขึ้นมาใช้งานในภาพยนตร์หลายอย่างในสตูดิโอ เช่น How to Train Your Dragon: The Hidden World, Croods: A New Age, The Bad Guys และ Puss In Boots: The Last Wish โดยเครื่องมือชุดนี้ออกแบบมาเน้นประสิทธิภาพและการสเกลเป็นหลัก
นอกจากนี้ ในรายงานระบุว่า MoonRay ใช้ Arras เฟรมเวิร์คสำหรับประมวลผลแบบกระจายของ DreamWorks เองด้วย และ DreamWorks ระบุว่าจะปล่อยมาในโค้ดเบสที่จะโอเพ่นซอร์สเช่นกัน
Linus Torvalds ประกาศข่าวในการออกเคอร์เนลเวอร์ชัน 5.19 ว่าเคอร์เนลเวอร์ชันหน้า "น่าจะ" เรียกว่าเคอร์เนล 6.0 เพราะเขาขี้เกียจนับเลขรุ่นย่อยเยอะๆ แล้ว (I'll likely call it 6.0 since I'm starting to worry about getting confused by big numbers again.)
ข่าวนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะในอดีต Torvalds ก็ขึ้นเคอร์เนลเวอร์ชันหลักใหม่ทุกครั้งที่เลขเวอร์ชันย่อยนับถึง .19 หรือ .20 เช่น เวอร์ชัน 3.19 ต่อด้วย 4.0, 4.20 ต่อด้วย 5.0