คนอ่าน Blognone คงอัพเกรดไปใช้ Windows 7 กันเยอะแล้ว ก็ใกล้จะถึงรอบเวลาของการอัพเกรดใหญ่อีกครั้งด้วย Service Pack 1 (SP1) สำหรับ Windows 7 และ Windows Server 2008 R2

SP1 จะไม่มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใดๆ เข้ามานอกจากการรวมแพตซ์ต่างๆ เข้าเป็นชุดเดียวกันเท่านั้น ทำใหสามารถเลือกจัดการแพตซ์ได้ง่ายขึ้นสำหรับลูกค้าองค์กร

ที่มา - TechNet

หลังจาก Microsoft Office 2010 เปิดขายแบบกล่องมาได้ 2 สัปดาห์ ทางบริษัทวิจัยตลาด NPD ได้ออกมาเผยสถิติว่ายอดขาย 2 สัปดาห์แรกกลับไม่แรงเหมือนตอนเปิดขาย Office 2007

เหตุผลก็ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ เป็นเพราะผู้ใช้ Office 2007 ยังไม่เห็นความจำเป็นในการอัพเกรดนั่นเอง NPD บอกชัดว่าคู่แข่งเวอร์ชันฟรีอย่าง Google Docs หรือแม้แต่ Office Web Apps ของไมโครซอฟท์เองก็ไม่มีผลกระทบต่อยอดขายของ Office 2010

NPD ระบุว่า Office 2007 ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จมากของไมโครซอฟท์ ใช้เวลา 3 ปีครึ่งสร้างยอดขายรวม 1.5 พันล้านดอลลาร์ ถ้าคิดเป็นจำนวน license ก็อยู่ราวๆ 10 ล้านชุด

หลังจากที่ทาง RIM ประกาศบริการ Blackberry Protect ไปเพียงไม่กี่วัน ทางไมโครซอฟท์ก็ไม่รอช้าที่จะเผยบริการในลักษณะเดียวกันในชื่อ Windows Phone Live ซึ่งบริการนี้จะสามารถให้ผู้ใช้ Windows Phone 7 ทุกคนเข้าถึงโทรศัพท์ของตัวเองผ่านเว็บได้ โดยสามารถ:

วันนี้ข่าวไมโครซอฟท์จะเยอะหน่อยเพราะไมโครซอฟท์จัดงาน และมีการออกซอฟต์แวร์หลายตัว

อันนี้เป็นคิวของ Windows Phone 7 ที่ใกล้ถึงเวลาออกรุ่นจริงเต็มที โดยหลังจากเปิดรุ่น CTP ออกมาก่อนหน้านี้ วันนี้ไมโครซอฟท์ก็ออกรุ่นเบต้าของ Windows Phone Developer Tools แล้ว (มันคือ SDK ที่เรียกชื่อให้พิสดารขึ้นไปอีกนั่นเอง)

การเปลี่ยนแปลงสำคัญในรุ่นเบต้า

ในวันเดียวกับที่ปล่อย Windows 7 และ Windows Server 2008 R2 SP1 เบต้าให้ดาวน์โหลด (ดูข่าวเก่า) ไมโครซอฟท์ได้ประกาศว่าจะต่อเวลาสิทธิ์ดาวน์เกรดจาก Windows 7 Professional หรือ Ultimate กลับไป Windows XP Professional จนถึงวันสิ้นสุดวงจรชีวิตของ Windows 7 จากเดิมที่สิทธิ์ดาวน์เกรดไปยัง Windows XP นี้จะหมดอายุลงภายใน 18 เดือนนับจากวันที่ไมโครซอฟท์เปิดตัว Windows 7 RTM หรือวันที่ปล่อย Windows 7 SP1

Windows 7 Professional มีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (product life-cycle) จนถึงเดือนมกราคม ค.ศ.2020 ส่วน Ultimate นั้นมีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์น้อยกว่า Professional อยู่ 5 ปี

ในที่สุด Windows XP ก็ยังมีลมหายใจต่อไปได้อีกสักพักใหญ่เลยทีเดียว

ในงาน Worldwide Partner Conference ของไมโครซอฟท์ คุณสตีฟ บัลเมอร์ได้กล่าวว่าจะมี Windows 7 Slate ใหม่จากผู้ผลิตอย่างอัสซุส เดลล์ เอชพี ซัมซุง โตชิบา และโซนี่ภายในสิ้นปีนี้

หลังจากคุณบัลเมอร์ได้โชว์ต้นแบบ HP Slate ในงาน CES ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ดูเหมือนเอชพีจะไม่ออกมาพูดอะไรอีกเลย กระทั่งมีข่าวลือด้วยว่าเอชพีได้ยกเลิกการผลิตออกสู่ตลาดไปแล้ว แต่เอชพีกลับประกาศว่าจะปล่อยแท็บเล็ตที่ใช้ webOS ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้แทน

ที่มา: ZDNet

ไมโครซอฟท์ได้ปล่อย Windows 7 และ Windows Server 2008 R2 SP1 เบต้าแล้ว ใครสนใจสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ TechNet Evaluation Center ส่วน RTM นั้นคาดว่าไมโครซอฟท์จะปล่อยในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า

อนึง Windows 7 SP1 ไม่ได้มีฟีเจอร์อะไรใหม่ เน้นแก้ข้อบกพร่องและอัพเดทด้านความปลอดภัยเท่านั้น ส่วน Windows Server 2008 R2 SP1 จะเพิ่มฟีเจอร์แพลตฟอร์มการประมวลผลกราฟิกแบบใหม่ที่มีชื่อว่า RemoteFX และ Hyper-V รุ่นปรับปรุงที่สามารถปรับเปลี่ยนหน่วยความจำหลักเสมือนของ VM ได้โดยอัตโนมัติ (ดูข่าวเก่า)

กระแส Cloud Computing เป็นกระแสที่ค่อนข้างใหญ่ในโลกหน่วยงานระดับองค์กร Azure ของไมโครซอฟท์เองก็เป็นหนึ่งในกระแสนี้ มันเป็นบริการที่ถูกมองว่ามาแข่งกับ Google App Engine อย่างไรก็ตาม Azure เองไม่มีบริการฟรี เลยมีคำถามกันว่าจะแข่งกับ App Engine ที่ให้ฟรีค่อนข้างเยอะได้ และวันนี้คำตอบก็ออกมาเมื่อไมโครซอฟท์เปิด Windows Azure Platform Appliance (ต่อไปจะเรียกว่า Azure Appliance) ให้บริษัทต่างๆ สามารถติดตั้ง Azure ได้ในหน่วยงานกันเอง

ไมโครซอฟท์ได้เพิ่มฟีเจอร์ลงใน Docs.com ดังนี้

• ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแล Page บน Facebook จะสามารถอัพโหลดและโพสต์บน Page นั้นได้ ส่วนคนอื่นนั้นจะอ่านไฟล์ได้อย่างเดียวใน Pages ที่กด "Like" ไว้
• สามารถเพิ่มแท็ป Docs เข้า Page ได้ ส่วนไฟล์ที่แบ่งปันผ่าน Page อื่นก็จะปรากฏอยู่ในแท็ป "Friends' Docs" บน Docs.com
• สามารถเพิ่มชื่อผู้เขียนในลงไฟล์ได้ตลอดเวลา ทำให้สามารถแบ่งปันแก้ไขไฟล์ร่วมกับผู้ที่ทำหน้าที่ดูแล Page คนอื่นได้

ใครสนใจลองศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากไฟล์ PPT บน Docs.com

ที่มา: Neowin.net

ไมโครซอฟท์จับมือฟูจิตสึร่วมกันลุยตลาด cloud computing หรือ "บริการกลุ่มเมฆ" ทั้งนี้ ฟูจิตสึได้เตรียมศูนย์ข้อมูลสำหรับติดตั้ง Windows Azure ซึ่งเป็นแก่นของบริการกลุ่มเมฆของไมโครซอฟท์ และภายในสิ้นปีงบประมาณนี้ ฟูจิตสึจะก่อตั้งศูนย์ข้อมูลสำหรับบริการกลุ่มเมฆอีกหลายแห่ง ทั้งในสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย สิงคโปร์ เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา โดยฟูจิตสึวางแผนทุ่มงบถึง 1.1 พันล้านเหรียญสำหรับธุรกิจบริการกลุ่มเมฆ รวมไปถึงงานวิจัยและพัฒนาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบริการกลุ่มเมฆอีกด้วย

ที่มา - MarketWatch

ผลสำรวจของ ComScore ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (มีนาคม - พฤษภาคม) ออกมาว่าส่วนแบ่งตลาดของแอนดรอยด์เพิ่มขึ้น 4% จาก 9% เป็น 13% ขณะที่ OS อื่นๆลดลง ขณะเดียวกัน ยังมีผลออกมาว่าส่วนแบ่งตลาดมือถือของ Motorola ตกลงมาอยู่ที่ 3 โดน LG แซงขึ้นไปในขณะที่ Samsung ยังคงครองอันดับที่ 1
สำหรับสถิติอื่นๆ มีดังนี้ (ผลสำรวจเก่าจากเดือนกุมภาพันธ์ )
แบ่งตามระบบปฏิบัติการ

• RIM จาก 42.1% เป็น 41.7%
• Apple จาก 25.4% เป็น 24.4%
• Microsoft จาก 15.1% เป็น 13.2%
• Google จาก 9.0% เป็น 13.0%
• Palm จาก 5.4% เป็น 4.8%

แบ่งตามผู้ผลิต

ชิป 64 บิตนั้นมีขายมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2003 (ประกาศสเปคตั้งแต่ปี 2000) จนตอนนี้ผ่านไปเกือบ 7 ปีก็ยังดูเหมือนรอบตัวเรายังเป็นระบบปฎิบัติการ 32 บิตซะส่วนใหญ่ แต่ไมโครซอฟท์ก็ประกาศตัวเลขล่าสุดว่า Windows 7 รุ่น 64 บิตนั้นมีการติดตั้งถึง 46% แล้ว

ข้อดีของระบบปฏิบัติการรุ่น 64 บิตนั้นคือหน่วยความจำที่ใช้งานได้มีปริมาณสูงมาก โดยค่าทางทฤษฎีจะอยู่ที่ 17.2PB (petra-byte) ส่วน Windows 7 นั้นออกแบบมาให้รองรับได้ 192GB เทียบกับ 3GB ของ Windows XP อย่างไรก็ตามปัญหาเรื้อรังของระบบปฏิบัติการ 64 บิตคือซอฟต์แวร์และไดร์เวอร์มักได้รับการอัพเดตและวางตลาดหลังจากรุ่น 32 บิตเสมอ หรืออุปกรณ์หลายๆ ตัวก็ละไม่ออกไดร์เวอร์ไปเลย

ปัญหาต่อไปคือโน้ตบุ๊กมันใส่สล็อตแรมมาจำกัดนี่สิ

เด็กไทยเราเพิ่งได้รางวัลชนะเลิศ Imagine Cup กันไปอีกครั้งรางวัลนั้นก็สมชื่อไมโครซอฟท์ที่มากพอสมควรแต่จุดที่น่าสนใจที่สุดคือหนึ่งในรางวัลสำหรับคนเข้ารอบทุกคน (ประมาณ 400 รวมทุกประเภทแข่งขัน) จะได้โทรศัพท์สำหรับนักพัฒนาที่เป็น Windows Phone 7 มาใช้กันก่อนเปิดตัว

เท่าที่ผมดูจากภาพแล้ว เครื่องที่น้องๆ จะได้เป็นเครื่องซัมซุงซึ่งเป็นหนึ่งในสามเครื่องแรกของโทรศัพท์ต้นแบบในตระกูล Windows Phone 7

เอามาถือเล่นคงเท่ไปได้อีกหลายเดือน (หรือจะเอาไปขาย eBay ดี?)

ขอแสดงความยินดีกับ Skeek ทีมนักศึกษาไทยคว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันระดับโลก Imagine Cup 2010 สาขา Software Design (ข่าวเก่า) ณ ประเทศโปแลนด์

หลังจากไมโครซอฟท์ปิดโครงการ Kin โดยมีข่าวว่ามาจากการเมืองภายในองค์กร ก็มีข่าวออกมาว่าพนักงานของไมโครซอฟท์เป็นจำนวนมาก รู้สึกล้มเหลวและอับอายกับโครงการนี้

เว็บไซต์ Business Insider อ้างข้อมูลจากพนักงานไมโครซอฟท์คนหนึ่ง ที่บอกว่า "ไมโครซอฟท์จัดปาร์ตี้เปิดตัว Kin ซึ่งค่าจัดน่าจะแพงกว่ารายได้ที่บริษัทได้รับจาก Kin เสียอีก" และเขารู้สึกอับอายในฐานะพนักงานของไมโครซอฟท์

ไมโครซอฟท์เปิดตัวชุดเครื่องมือพัฒนาเว็บ WebMatrix ซึ่งทำให้สามารถพัฒนาและดูแลเว็บได้อย่างง่ายดายในที่เดียว โดย WebMatrix ประกอบด้วยเว็บเซิร์ฟเวอร์ IIS Express Edition, ดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์ SQL Server Compact Edition 4, ASP.NET และ IDE รวมถึงเครื่องมือในการอัพโหลดเว็บไซต์ไปยังโฮสติ้ง ไลบารี และโอเพนซอร์สเว็บแอพพลิเคชันอย่าง DotNetNuke, WordPress, Joomla! ที่ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดและรวมเข้ากับโซลูชั่นได้อัตโนมัติ

ไมโครซอฟท์ได้แอบโชว์โลโก้ใหม่ของ Windows Live SkyDrive ในหน้าเว็บ Windows Live Preview หน้าตาโลโก้มีสไตล์คล้ายกับโลโก้ใหม่ของ Windows Live Hotmail ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ (ดูข่าวเก่า)

ที่มา: LiveSide.net

แม้ว่า Xbox จะไม่โดดเด่นในเรื่องนวัตกรรมเท่า Wii หรือสเปกแรงแพงเท่า PS3 แต่สิ่งที่โดดเด่นกว่าแน่ๆ คือบริการออนไลน์ Xbox Live ซึ่งเป็นบริการที่ทำเงินให้กับไมโครซอฟท์เป็นอย่างมาก

ล่าสุดไมโครซอฟท์ออกมาเผยว่าในรอบปีมิถุนายน 2009-2010 ไมโครซอฟท์มีรายรับจาก Xbox Live แตะ 1 พันล้านเหรียญเป็นครั้งแรก โดยมาจากค่าสมาชิกเพื่อเล่นเกม 600 ล้านดอลลาร์ ที่เหลือคือการขายหนังและรายการทีวี ปัจจุบัน Xbox Live มีสมาชิกประมาณ 50 ล้านราย

ข่าวนี้ถือเป็นข่าวดีเล็กๆ ของ Entertainment and Devices Division ของไมโครซอฟท์ ซึ่งมีแต่ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ค่อยทำเงินอย่าง Zune, Windows Mobile รวมถึง Kin

แน่นอนว่าคู่แข่งอย่างโซนี่เห็นความสำเร็จนี้ และดำเนินรอยตามกับ PlayStation Plus แล้ว

ไมโครซอฟท์ได้ฤกษ์ปล่อย Silverlight for Symbian ตัวจริงแล้ว โดยโทรศัพท์โนเกียที่รองรับประกอบด้วย 5800 XpressMusic, N97 และโทรศัพท์ที่ใช้ S60 5th Edition

ใครสนใจไปดาวน์โหลด runtime ได้ที่ Ovi Store ส่วนรายละเอียดการพัฒนาแอพฯ ดูได้จากที่นี่ครับ

ที่มา: Silverlight for Symbian Team Blog ผ่าน LiveSide.net

Engadget มีเรื่องราวเบื้องหลังว่าความตายของ Kin เกิดจากการเมืองภายในของไมโครซอฟท์เอง

Kin เริ่มต้นในชื่อ "Project Pink" ของ J Allard ผู้สร้าง Xbox และ Zune โดยนำเทคโนโลยีมาจากบริษัท Danger ผู้ผลิต Sidekick ที่ไมโครซอฟท์ซื้อกิจการมา แต่ตอนนั้น Windows Mobile 6.x ยังห่วยมาก Allard เลยเลี่ยงไปพัฒนา Pink แยกเป็นอิสระไม่เกี่ยวข้องกัน

ภายหลัง Allard กินเกาเหลากับ Andy Lees หัวหน้าทีม Windows Mobile และสุดท้าย Lees ดึง Pink มาอยู่ใต้การดูแลของเขา ช่วงนั้น Windows Phone 7 กำลังถูกพัฒนาขึ้นใหม่จากศูนย์ Lees เลยสั่งให้ Pink ปรับโค้ดมาใช้ฐานเดียวกับ Windows Phone 7 ทำให้โครงการช้าออกไปอีก แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จเพราะโค้ดต่างกันมาก

มีข่าวลือว่าไมโครซอฟท์เตรียมเปิดตัวมัลติทัชเมาส์เร็วๆ นี้ หลายคนคาดการณ์ว่าเมาส์ดังกล่าวเป็นผลจากงานวิจัยที่นำเสนอการออกแบบมัลติทัชเมาส์หลากหลายรูปแบบที่ถูกเรียกว่า Mouse 2.0 (ดูข่าวเก่า) ซึ่งหนึ่งในการออกแบบนั้นมีรูปร่างคล้ายกับ Microsoft Arc Mouse รุ่นเดิมที่วางขายอยู่ (ดูรูปเปรียบเทียบได้ท้ายข่าว)

ที่มา: Neowin.net

ต้นแบบที่คาดว่าไมโครซอฟท์จะนำมาพัฒนาเป็นเมาส์รุ่นใหม่

ไมโครซอฟท์ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งแบตเตอรี่โดยไม่ต้องสนใจขั้วบวกหรือขั้วลบของแบตฯ เรียก InstaLoad ซึ่งการนำไปใช้นั้นจะเป็นอุปกรณ์ที่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อย ใช้แบตเตอรี่หลายก้อน เป็นต้น

InstaLoad นั้นใช้การปรับเปลี่ยนบริเวณขั้วสัมผัสของแบตเตอรี่ สำหรับขนาดแบตเตอรี่ที่รองรับคือ CR123, AA, AAA, C หรือ D ทั้งแบบใช้แล้วทิ้งกับแบบชาร์จไฟซ้ำได้

เทคโนโลยีนี้ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้ว และ Duracell กับ AE Light จะใช้ไลเซนส์ดังกล่าวในการผลิตสินค้าของตน

ที่มา: Electronista

Blognone เคยลงข่าวมือถือตระกูล Sidekick มาแล้วสองครั้ง (ข่าวเก่า 1, ข่าวเก่า 2) ประวัติของ Sidekick ต้องย้อนไปถึงปี 2002 เมื่อมันถูกสร้างโดยบริษัท Danger และขายกับเครือข่าย T-Mobile ในสหรัฐ ภายหลัง Danger ถูกไมโครซอฟท์ซื้อกิจการไปในปี 2008 แต่ Sidekick ก็ยังคงอยู่ ส่วนทีมของ Danger ถูกดึงไปพัฒนา Project Pink หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Kin

เว็บไซต์ขายสินค้า Play.com ในสหรัฐฯ เผยข้อมูลทางเทคนิคของเครื่อง Kinect ซึ่งระบุว่า Kinect จะสามารถติดตามร่างกายผู้เล่นได้ 6 คน แต่มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ active นอกจากนั้นยังมีข้อมูลทางเทคนิคอื่นๆ ดังนี้

• เซ็นเซอร์

ไมโครซอฟท์ยืนยันกับทาง C|Net แล้วว่าจะไม่มีการวางจำหน่ายมือถือ KIN ในยุโรปตามแผนที่วางไว้ และจะมุ่งพัฒนา Windows Phone 7 อย่างเดียว นอกจากนั้นไมโครซอฟท์ยังได้รวมทีมพัฒนา KIN เข้ากับทีม Windows Phone 7 เพื่อถ่ายโอนแนวคิดและเทคโนโลยีใน KIN ไปยัง Windows Phone ในอนาคต แต่ไมโครซอฟท์ก็ยังจะทำงานร่วมกับผู้ให้บริการ Verizon ในสหรัฐฯ ในการขาย KIN รุ่นปัจจุบันต่อไป

จากข่าวก่อนหน้านี้ที่ผู้ให้บริการ Verizon ขาย KIN ออกไปได้เพียง 500 เครื่องเท่านั้น คงเป็นสาเหตุให้ไมโครซอฟท์ตัดสินใจหยุดพัฒนา KIN ในที่สุด

ที่มา: C|Net