The Guardian รายงานโดยอ้างข้อมูลข้อเสนอเพื่อระงับข้อพิพาท (settlement offer) ระหว่างออราเคิลและกูเกิลว่า กูเกิลได้รายได้จากเซอร์วิสบนระบบปฎิบัติการ Android ระหว่างปี 2008 ถึง 2011 น้อยกว่า 550 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากเทียบกับอุปกรณ์ที่ใช้ Android ราว 200 ล้านเครื่อง ณ สิ้นปี 2011 แล้วกูเกิลสามารถทำรายได้เพียง 10 ดอลลาร์ต่ออุปกรณ์หนึ่งเครื่องต่อปีเท่านั้น แต่ในทางกลับกันกูเกิลกลับได้รายได้จากเซอร์วิสอย่าง Google Maps บน iOS และ Google Search ที่อยู่ในเบราว์เซอร์ Safari มากกว่าจากแพลตฟอร์มของตนถึงเกือบ 4 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน
เช่นเคย กูเกิลยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อรายงานของ The Guardian แต่อย่างไร
สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้เปิดเผยข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า ขณะนี้ Internal Revenue Service (IRS) หรือกรมสรรพากรของสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบกูเกิลอย่างไม่เป็นทางการว่าเข้าข่ายหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีเงินได้โดยการโยกย้ายผลกำไรไปยังบริษัทในเครือในต่างประเทศหรือไม่ แหล่งข่าวระบุว่า IRS ได้แจ้งให้กูเกิลนำส่งข้อมูลดีลที่เกิดขึ้นในต่างประเทศหลังจากการเข้าซื้อกิจการจำนวนสามครั้งที่ผ่านมา ซึ่งก็รวมถึงดีลซื้อ YouTube ที่มีมูลค่าสูงถึง 1.65 พันล้านดอลลาร์ด้วย
Financial Times รายงานว่า Facebook อาจเลื่อนแผนการเข้าตลาดหลักทรัพย์หรือการทำ IPO ออกไปอีก จากเดิมที่วางไว้ต้นปี 2012 ไปเป็นหลังเดือนกันยายน 2012 โดยเป็นความต้องการของ Mark Zuckerberg เองที่อยากให้พนักงาน Facebook ซึ่งล้วนมีหุ้นของ F
เมื่อไม่นานมานี้ แอปเปิลเพิ่งทำลายสถิติแซงหน้า Exxon Mobil กลายเป็นบริษัทมูลค่าสูงสุดในโลกไปแล้ว ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รอยเตอร์รายงานว่า
กลุ่มการเงิน Citigroup ออกมายอมรับว่าบัญชีบัตรของลูกค้าประมาณ 1% โดยไม่เปิดเผยจำนวน ถูกแฮกเกอร์เจาะเข้ามาเอาข้อมูลไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยข้อมูลที่นำออกไปได้ประกอบด้วยชื่อลูกค้า หมายเลขบัญชี ข้อมูลติดต่อ และอีเมล แต่ข้อมูลที่สำคัญมากกว่านั้น อาทิเช่น หมายเลขประกันสังคม วันเกิด และรหัสเฉพาะของบัตร (CVV) ไม่ถูกเจาะข้อมูลไปด้วย
ข่าวนี้น่าสนใจมากสำหรับคนที่ตามเรื่อง cloud computing ครับ เพราะเป็นบริการกลุ่มเมฆที่ไม่ได้ทำโดยบริษัทไอทีโดยตรง และมีฐานลูกค้าเฉพาะของตัวเอง
บริษัท NYSE Technologies ซึ่งเป็นบริษัทลูกของตลาดหลักทรัพย์ NYSE Euronext (บริหารตลาดหุ้นนิวยอร์กและอีกหลายแห่งในยุโรป) ประกาศเปิดตัวบริการประมวลผลบนกลุ่มเมฆสำหรับตลาดการเงินและตลาดทุนโดยเฉพาะ ใช้ชื่อว่า Capital Markets Community Platform
บริษัทค้าหุ้น ค้าหลักทรัพย์ ที่ต้องการสร้างโซลูชันไอทีของตัวเองแต่ไม่อยากลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที สามารถ "เช่าใช้" บริการของ Capital Markets Community Platform ได้โดยคิดราคาเป็นจำนวนซีพียูต่อชั่วโมง (เหมือนกับ EC2)
บริการนี้ยังมีเฉพาะในสหรัฐ แต่ผมว่าน่าสนใจในไอเดีย
กูเกิลเปิดบริการตัวใหม่ชื่อ Google Advisor หน้าที่ของมันคือช่วยเปรียบเทียบว่าบริการทางการเงินแบบต่างๆ เช่น เปิดบัญชีธนาคาร สมัครเครดิตการ์ด ขอกู้ยืมซื้อบ้าน ฯลฯ ยี่ห้อไหนให้ผลตอบแทนสูงสุดหรือคิดดอกเบี้ยต่ำที่สุด
เมื่อเลือกบริการจากบริษัทที่ต้องการได้แล้ว เราสามารถกดสมัครได้จาก Google Advisor เลย ช่วยลดขั้นตอนการกรอกฟอร์มที่ซับซ้อน และลดปัญหาสแปมจากการให้ข้อมูลส่วนตัวไปได้ (เพราะทุกรายที่เข้าร่วม Google Advisor ต้องทำข้อตกลงกับกูเกิลด้วย)
ที่มา - Official Google Blog
บริษัท Nasdaq OMX Group ประกาศการลดน้ำหนักของหุ้นแอปเปิล (APPL) ในดัชนี Nasdaq-100 ลงเนื่องจากราคาหุ้นของแอปเปิลไม่สอดคล้องกับสภาพตลาดรวมอีกต่อไป โดยทุกวันนี้หุ้น APPL มีสัดส่วนใน Nasdaq-100 ถึง 20% เมื่อปรับการถ่วงน้ำหนักใหม่แล้วจะเหลือ 12%
การปรับค่าการถ่วงน้ำหนักนี้จะอาศัยราคาหุ้นในวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีอื่นๆ ได้รับค่าถ่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้นเช่น อินเทล, ซิสโก้, ออราเคิล, และเดลล์ ส่วนบริษัทอื่นๆ ที่ถูกลดน้ำหนักเช่น Starbucks และ Intuit
ต้องบอกก่อนว่าข่าวนี้เป็นการคาดการณ์หลายต่อ แต่ก็มีรายงานเข้าไปยังเว็บ The Consumerist ว่าบริษัท Capital One ผู้ให้บริการสินเชื่อในสหรัฐฯ เสนอดอกเบื้ยซื้อรถยนต์แปรผันไปตามเบราเซอร์ที่ผู้ใช้เข้าใช้งาน โดยจากการทดสอบเมื่อใช้ Chrome นั้นจะได้ดอกเบื้ยต่ำที่สุดเมื่อเข้าเว็บกู้ซื้อรถ
จากการทดลองเข้าเว็บด้วยเบราเซอร์ต่างๆ กันผู้ใช้ Chrome จะได้รับดอกเบื้อซื้อรถที่อัตรา 2.3% ขณะที่เมื่อใช้ Safari จะได้รับดอกเบื้ย 2.7%, Opera ได้รับดอกเบื้อ 3.1%, และไฟร์ฟอกซ์นั้นแย่ที่สุดคือได้รับดอกเบี้ย 3.5%
ผู้ใช้อีกรายหนึ่งได้ให้ความเห็นว่าเขาได้ทดสอบด้วย Internet Explorer ได้รับดอกเบี้ย 2.7%
หลังสิ้นสุดเวลาการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq วานนี้ (26 พฤษภาคม) แอปเปิลมีมูลค่าการซื้อขายที่ 222.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าไมโครซอฟท์ที่มีมูลค่าการซื้อขาย 219.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้แอปเปิลกลายเป็นบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกไปแล้ว นอกจากนี้ยังถือเป็นบริษัทในอเมริกาที่มีมูลค่าในตลาดสูงเป็นอันดับที่ 2 รองจาก Exxon Mobil
นักวิเคราะห์จาก Jacob Internet Fund ให้ความเห็นว่าแอปเปิลเป็นบริษัทที่เหนือว่าในขณะนี้เพราะบริษัทมองหาโอกาสที่จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด และยังหาช่องทางในการสร้างกำไรที่สูงโดยตลอด ขณะที่นักลงทุนอีกรายให้ความเห็นว่าไมโครซอฟท์เป็นบริษัทที่พยายามคุมตลาดที่ตัวเองมีตั้งแต่ในอดีต แต่แอปเปิลพยายามสู้กับตัวเองโดยสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆสู่ตลาดมากกว่า
สองผู้ก่อตั้งกูเกิลได้ประกาศว่ากำลังเตรียมการขายหุ้นของบริษัทออกทั้งหมด 10 ล้านหุ้นมูลค่่ากว่า 5.5 พันล้านดอลลาร์ (คิดตามราคาปัจจุบัน) ในระยะเวลา 5 ปีเพื่อลดผลกระทบต่อราคาหุ้นในตลาด
ราคาหุ้นของกูเกิลเคยขึ้นสูงสุดถึง 629.51 ดอลาร์ต่อหุ้นและเคยตกต่ำที่สุดเหลือแค่ 289.45 ดอลลาร์ต่อหุ้นเมื่อปลายปี 2008 ดังนั้นมูลค่าเป็นเงินสดที่สองคู่หูจะได้รับยังเป็นแค่มูลค่าประมาณเท่านั้น
สิทธิในการออกเสียงของทั้งคู่หลังจากการขายหุ้นจะอยู่ที่ 48% ส่วน Eric Schmidt นั้ันมีหุ้นอยู่ประมาณ 10%
ที่มา - MarketWatch
เช็คเป็นหนึ่งในวิธีการชำระหนี้ (โดยไม่ใช้สินค้าแลกเปลี่ยนกันตรงๆ) ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแต่อังกฤษก็เริ่มประกาศกระบวนการให้เช็คลดความสำคัญลงไปจนไม่มี "กรณีที่จำเป็นต้องใช้งาน" ภายในปี 2018
ประกาศนี้จะมีคณะกรรมการประเมินความสำคัญของเช็คทุกปี จนกระทั่งปี 2016 จะมีการตัดสินใจครั้งสุดท้ายว่าจะยกเลิกการใช้เช็ค ซึ่งอาจจะหมายถึงการยกเลิกกฏหมายที่รับรองเช็คด้วย หรือไม่อีกครั้ง