ปัจจุบันรถ Tesla Model 3 ที่กำลังผลิตออกมาเป็นรุ่นออปชันจัดเต็มล้วนๆ โดยรุ่นต่ำสุดที่เคยประกาศราคาไว้ตอนเปิดตัวว่าราคา 35,000 ดอลลาร์สหรัฐนั้นยังไม่เปิดขายจริง ล่าสุดนักวิเคราะห์จาก UBS ได้แยกส่วน Tesla Model 3 ดูแล้ว และพบว่าหากขายราคานี้จริงก็จะขาดทุนแน่
นักวิเคราะห์ Colin Langan ได้แยกส่วนรถ Tesla Model 3 รุ่น Long Range หรือแบตใหญ่วิ่งได้ไกลขึ้น เพื่อดูเทคโนโลยีข้างในและประเมินต้นทุน เขาระบุว่าถ้า Tesla ขายรถรุ่นต่ำสุดที่ราคา 35,000 ดอลลาร์สหรัฐก็จะขาดทุนที่ 5,900 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 195,000 บาทต่อคันเลยทีเดียว
วันก่อน Elon Musk ได้ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times เกี่ยวกับชีวิตการทำงานของเขา และได้พูดถึงประเด็นที่จะนำ Tesla ออกจากตลาดหุ้นด้วย โดย The New York Times ระบุว่าระหว่างการสัมภาษณ์ Elon พูดไม่ออกหลายครั้งเพราะรู้สึกมีอารมณ์ถาโถมเข้ามา
Elon Musk บอกว่าปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยากลำบากและเจ็บปวดที่สุดในชีวิตการทำงานของเขา และมันทำให้เขาระทมทุกข์มาก ("It was excruciating.") เขาเปิดเผยว่าใช้เวลา 24 ชั่วโมงเต็มในวันเกิดปีที่ 47 ของเขาเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมาในออฟฟิศ Tesla แบบที่ไม่มีเพื่อนหรือใครเลย อีกทั้งยังเคยอยู่โรงงานติดต่อกัน 3 หรือ 4 วัน ซึ่งทำให้เขาไม่มีโอกาสไปเจอลูกๆ หรือเพื่อนใดๆ
วันนี้มีรายงานว่าเกาหลีใต้เตรียมแบนรถยนต์ BMW ราว 20,000 คัน หลังมีเหตุการณ์ไฟไหม้เครื่องยนต์แล้วถึง 27 ครั้งตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา
ด้าน BMW ได้ขอโทษและประกาศเรียกคืนรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลของตนราว 106,000 คัน โดยในจำนวนนี้มีประมาณ 20,000 คันที่ได้รับผลกระทบและรัฐบาลเตรียมแบนไม่ให้เอามาขับบนถนนสาธารณะจนกว่าจะได้รับการตรวจสอบ โดย BMW ตรวจพบว่าปัญหาเกิดจากข้อบกพร่องของระบบหมุนเวียนไอเสีย หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อว่า EGR นั่นเอง
หรือการโกงตัวเลขมลพิษจะกลายเป็นกระแสไปแล้ว หลังเพิ่งมีข่าวว่านิสสันออกมายอมรับว่าโกงผลการทดสอบมลพิษ ล่าสุดเป็นคิวของซูซูกิ, มาสด้า และยามาฮ่าที่ออกมายอมรับว่าใช้ข้อมูลมลพิษปลอมในการตรวจรถยนต์ใหม่ หลังรัฐบาลมีคำสั่งให้อุตสาหกรรมนี้ทบทวนขั้นตอนการตรวจใหม่
รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมญี่ปุ่นเปิดเผยวันนี้ว่าผู้ผลิตรถยนต์ 3 เจ้ายอมรับว่าใช้กระบวนการตรวจสอบที่ไม่เหมาะสม หลังรัฐบาลสั่งให้ทบทวนขั้นตอนต่างๆ ใหม่ เพราะมีเคสกับนิสสันและซูบารุมาก่อนหน้านี้
Elon Musk เคยบอกไว้ว่าเขาต้องการแบ่งมนุษย์ไปอยู่อาศัยบนดาวอังคารเพราะลดความเสี่ยงที่เผ่าพันธุ์มนุษย์อาจสูญพันธุ์ในอนาคต แต่ก็มีนักวิจารณ์บางส่วนบอกว่าเขาไม่ได้จริงจังว่าจะเอาอย่างไรต่อหากเราเดินทางไปถึงดาวอังคารได้จริง
ล่าสุดเว็บไซต์ Ars Technica รายงานว่าได้เห็นคำเชิญจาก SpaceX ส่งถึงนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรจากหลายแขนง รวมถึงคนจาก NASA ที่อยู่โครงการสำรวจดาวอังคาร รวมเกือบ 60 ชีวิต ให้มาเข้าร่วมเวิร์คช็อปลับชื่อ “Mars Workshop” ที่จะถกว่าเราต้องทำอย่างไรที่จะทำให้ภารกิจต่างๆ เกี่ยวกับดาวอังคารเป็นจริงขึ้นมาได้ โดย SpaceX ขอให้ผู้เข้าร่วมงานไม่เปิดเผยรายละเอียดของงาน หรือแม้กระทั่งเปิดเผยว่าตนไปเข้าร่วมงานดังกล่าว
ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่ NASA ประกาศรายชื่อนักบินอวกาศสำหรับภารกิจบินทดสอบ ยังได้ประกาศกำหนดการของภารกิจดังกล่าวด้วย โดยเร็วสุดที่จะมีมนุษย์เดินทางสู่อวกาศด้วยยานสัญชาติอเมริกันคือเดือนเมษายน 2019
NASA เซ็นสัญญาทำโครงการส่งมนุษย์ไปอวกาศกับ 2 บริษัทคือ Boeing / ULA และ SpaceX เป็นจำนวนเงิน 4.2 และ 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ โดย NASA ประกาศว่าฝั่ง Boeing ที่ใช้ยาน Starliner จะทำภารกิจทดสอบแบบไม่มีมนุษย์ได้ช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า และจะทดสอบแบบมีมนุษย์ในช่วงกลางปี 2019
ส่วนฝั่ง SpaceX ที่ใช้ยาน Dragon จะทดสอบแบบไม่มีมนุษย์ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ และทดสอบแบบมีมนุษย์ในเดือนเมษายน 2019
ปัจจุบันมีเจ้าของรถ Tesla จำนวนหนึ่งขับรถท่องเที่ยวและนอนในรถเลยเพราะพบว่าหากพับเบาะหลังให้ราบลงจะสามารถนำฟูกไปปูนอนได้พอดี นอกจากนี้ยังนอนแบบเปิดแอร์ได้โดยไม่มีอันตรายเพราะรถมีโหมดตั้งแคมป์ (Camper mode)
อย่างไรก็ตามโหมดตั้งแคมป์ยังใช้งานได้ไม่ดีพอ เพราะไฟในรถยังติดอยู่ Tesla จึงต่อยอดฟีเจอร์ดังกล่าวและใช้ชื่อว่า Party & Camper Mode โดย Elon Musk ระบุในทวีตว่าระบบปรับอากาศในรถจะทำงาน พร้อมสั่งเปิดเพลงและเลือกเปิด-ปิดไฟในรถได้ตามชอบ รวมทั้งชาร์จไฟให้อุปกรณ์อื่นๆ ได้นานถึง 48 ชั่วโมงหรือมากกว่า
รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S, 3 และ X จะได้รับอัพเดตดังกล่าวเร็วๆ นี้
ที่มา – Electrek
ขณะนี้อัตราการผลิต Tesla Model 3 เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับเกิดปัญหาใหม่ที่ฟังดูไม่น่าจะเป็นไปได้ คือลานจอดรถหน้าโรงงานเต็มเพราะส่งมอบรถไม่ทัน ซึ่ง Tesla ได้แก้ปัญหานี้โดยการส่งรถจากโรงงานไปถึงบ้านลูกค้าเลย
การส่งมอบรถแบบใหม่นี้มีชื่อเรียกว่า factory-to-customer delivery system โดยโรงงานจะเอารถยนต์ที่ผลิตเสร็จขึ้นรถเทรลเลอร์และขับไปส่งให้ลูกค้าถึงบ้านโดยตรง ซึ่งในการทดสอบครั้งแรกมี Elon Musk ไปส่งมอบรถให้ด้วยตนเอง
กระบวนการส่งมอบรถแบบปกตินั้นมีขั้นตอนอยู่จำนวนหนึ่ง คือจากลานจอดหน้าโรงงานต้องขนไปยังโชว์รูม หรือศูนย์ส่งมอบรถ และรอให้ลูกค้ามารับอีกที แต่หากผลิตเสร็จแล้วขนไปหาลูกค้าเลยก็อาจระบายของได้เร็วขึ้น
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา SpaceX จัดการแข่งขัน 2018 SpaceX Hyperloop Pod Competition ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัท ณ เมือง Hawthorne รัฐแคลิฟอร์เนีย
การแข่งขันประกอบไปด้วยทีมที่เข้ารอบสุดท้ายด้วยกัน 3 ทีมคือ Delft Hyperloop จากมหาวิทยาลัยเทคนิค Delft ประเทศเนเธอร์แลนด์, EPF Loop จากเมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และทีม WARR Hyperloop จากมหาวิทยาลัยเทคนิคมิวนิก (Technische Universität München - TUM) ประเทศเยอรมนี
อย่างไรก็ตาม ทั้งทีม Delft และ EPFL ต่างประสบปัญหาระหว่างการแข่งขัน โดย pod ของทีม Delft วิ่งได้ความเร็วสูงสุดที่ 141 กม./ชม. ก่อนจะหยุดวิ่งตอนอยู่ในอุโมงค์ ส่วน pod ของทีม EPFL วิ่งได้ความเร็วสูงสุด 88 กม./ชม.
หลังไมโครซอฟท์เปิดตัว Surface Pro with LTE Advanced หรือ Surface รุ่นใส่ซิมได้ มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2017 แต่ในประเทศไทยก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร ล่าสุด AIS ได้นำมาจำหน่ายแล้ว โดยระบุว่าเป็นเจ้าแรกที่นำมาขายในประเทศไทย
AIS ระบุว่าจะนำ Surface Pro LTE มาจำหน่ายสำหรับลูกค้าธุรกิจ โดยขายแบบติดสัญญา 24 เดือน มีให้เลือกสองรุ่นคือความจุ 128GB แรม 4GB และรุ่นความจุ 256GB แรม 8GB ที่ราคาเดือนละ 2,599 และ 2,999 บาท ตามลำดับ เน็ต 3G/4G เร็ว 4Mbps แบบไม่ลดสปีด ส่วนซีพียูและสเปกอื่นๆ เหมือนกันหมด คือ Intel Core i5-7300U, หน้าจอ 12.3 นิ้ว ความละเอียด 2736x1824 พิกเซล มี Type Cover รุ่น Signature และปากกา พร้อมประกันให้ 3 ปี (Surface รุ่นวางขายทั่วไปประกัน 1 ปี)
ความพยายามของ SpaceX ในการลดค่าใช้จ่ายในการยิงจรวดต่อครั้งนั้นใช้วิธีการหลักคือนำชิ้นส่วนกลับมาใช้ใหม่ ที่เราเห็นชัดๆ ก็เป็นการนำจรวดขั้นที่ 1 (stage 1) บินกลับมาลงจอดบนโลก แต่อีกชิ้นส่วนที่ Elon Musk เคยบอกว่ามีราคาสูงถึง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5% ของราคาจรวด ก็คือ fairing หรือส่วนหัวของจรวดที่ประกบกันและให้ payload อยู่ด้านใน โดยปกติจะปล่อยทิ้งไปเลย
SpaceX พยายามนำ fairing กลับมาใช้ใหม่มาสักพักใหญ่ๆ แล้ว ด้วยการใช้เรือชื่อ Mr. Steven ติดตั้งตาข่ายขนาดใหญ่อยู่ด้านบน เพื่อไปรอรับ fairing ที่ตกลงมาก่อนจะลงน้ำ อย่างไรก็ตามความพยายามเก็บ fairing หลายครั้งยังคงล้มเหลว
Nissan ดูจะเป็นค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นที่จริงจังกับรถยนต์ไฟฟ้าค่อนข้างมาก เห็นได้จากการทำตลาด Nissan LEAF มาตั้งแต่ปี 2010 และเปิดตัวรุ่นที่ 2 ในปี 2017 ที่จะมีขายในประเทศไทยด้วย
ล่าสุด Brian Maragano ผู้บริหารฝ่ายการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้ระบุว่า Nissan จะเปิดตัว LEAF E-Plus รุ่นปี 2019 ที่จะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นจากปัจจุบัน แต่เขาไม่ได้บอกว่าจะใช้แบตเตอรี่ความจุเท่าใด อย่างไรก็ตาม Nissan เคยเผลอปล่อยข้อมูลว่า LEAF รุ่นใหม่จะใช้แบตเตอรี่ขนาด 60 กิโลวัตต์ชั่วโมง รวมถึง EVTEC ผู้ผลิตตู้ชาร์จไฟจากสวิตเซอร์แลนด์ก็เคยปล่อยข้อมูลแบบเดียวกัน โดย LEAF รุ่นปัจจุบันใช้แบตเตอรี่ขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ข่าวลือเรื่องที่แอปเปิลกำลังซุ่มพัฒนารถยนต์ขับอัตโนมัติมีมานาน ล่าสุดมีอดีตพนักงานแอปเปิลถูกจับหลังขโมยข้อมูลลับเกี่ยวกับโครงการนี้ออกมาและระบุว่าจะไปเข้าทำงานในสตาร์ทอัพทำรถยนต์ไฟฟ้าของจีน
Xiaolang Zhang เป็นอดีตพนักงานแอปเปิลที่อยู่ในทีมพัฒนารถยนต์ขับอัตโนมัติ (self-driving car) โดยเขารับหน้าที่ออกแบบและทดสอบแผงวงจรของรถขับอัตโนมัติ ต่อมาช่วงปลายเดือนเมษายน เขาได้ขอลางานเพื่อไปดูแลลูก และแจ้งกับหัวหน้าว่าจะขอลาออกเพื่อจะไปดูแลแม่ที่ป่วยที่ประเทศจีน พร้อมบอกว่าจะไปเข้าทำงานในบริษัทสตาร์ทอัพทำรถยนต์ไฟฟ้าชื่อ Xiaopeng Motors
หลังเป็นข่าวลือมาพักใหญ่ๆ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Tesla ได้เซ็นหนังสือความร่วมมือกับเมืองเซี่ยงไฮ้ว่าจะสร้างโรงงานแห่งใหม่ในชื่อ Gigafactory 3 แล้ว
Tesla ระบุว่าจะเริ่มสร้างโรงงานแห่งใหม่ในอนาคตอันใกล้ หลังการขออนุญาตต่างๆ เสร็จสิ้น โดยการก่อสร้างจะกินเวลาราว 2 ปีก่อนจะเริ่มผลิตรถยนต์ได้ และใช้เวลาอีก 2-3 ปีก็จะผลิตได้เต็มพิกัดที่ 500,000 คันต่อปี โดยโรงงานนี้จะเป็นของ Tesla เอง ไม่ได้ร่วมกับใคร (wholly owned) ซึ่งก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าหากต้องตั้งโรงงานแบบ joint venture จะทำให้เทคโนโลยีต่างๆ รั่วไหลไปถึงจีน
ราคาหุ้น Tesla เพิ่มขึ้นเกือบ 2% หลังข่าวนี้ออกมา
ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเราคงเห็นสำนักข่าวและเว็บไซต์ในไทยหลายเจ้าแชร์ภาพ “ยานชูชีพ” หรือ escape pod สีส้มๆ ที่รีบออกแบบและผลิตเพื่อส่งมาช่วยนำตัวเด็กๆ ออกจากถ้ำหลวง ผลิตจากโพลียูริเทน ซึ่งข่าวต้นทางระบุว่าทีมงาน SpaceX โทรหาบริษัท Wing Inflatables เพื่อขอความช่วยเหลือในการผลิตยานดังกล่าว
อย่างไรก็ตามในฝั่ง Elon Musk ไม่เคยพูดถึงยานแบบนี้บนทวิตเตอร์ของเขาเลย มีเพียงไอเดียท่ออุโมงค์ลมที่จะทำเป็นทางเดินใต้น้ำ และ escape pod หรือ mini-sub ที่ผลิตจากชิ้นส่วนของจรวดเท่านั้น และหลังจากรูปยานชูชีพสีส้มถูกแชร์ในไทยเป็นจำนวนมาก ฝั่ง Elon ก็ปล่อยรูป mini-sub ออกมา ซึ่งไม่ใช่ยานสีส้มแบบที่กำลังฮือฮากัน
วันนี้นิสสันยอมรับว่าตรวจพบการโกงผลทดสอบมลพิษและอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ที่ผลิตจากเกือบทุกโรงงานในญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตามนิสสันไม่ได้เปิดเผยจำนวนรถยนต์ที่แน่ชัดว่าถูกรายงานผลการทดสอบผิดไปจากความเป็นจริงนี้กี่คัน โดยเรื่องทั้งหมดนี้แดงขึ้นมาจากการตรวจสอบภายใน
หุ้นนิสสันตกลงทันที 4.8% เหลือ 1,001.5 เยน ต่ำสุดตั้งแต่เดือนเมษายน 2017
เมื่อปี 2015 ก็เคยเกิดเหตุคล้ายๆ กันนี้กับ Volkswagen ที่โดนจับได้ว่าโกงผลการทดสอบมลพิษ
ที่มา - The Straits Time
เช้าวันนี้ตามเวลาประเทศไทย Elon Musk ได้ทวีตโชว์รูปและวิดีโอของ Escape Pod ที่ผลิตขึ้นเพื่อมาช่วยเด็กๆ ออกจากถ้ำหลวง จากรูปและทวีตดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลิตจาก Kevlar เหมือนที่บอกไว้ตั้งแต่แรกแต่เป็นอะลูมิเนียมแทน รูปร่างโดยรวมคล้ายตอร์ปิโดที่มีหัวแหลม
เขาระบุว่าด้านในบุฉนวน neoprene เพื่อให้คนที่อยู่ข้างในอบอุ่นเนื่องจากอะลูมิเนียมนำความร้อนได้ดี เป็นการป้องกันไม่ให้ความเย็นจากน้ำผ่านเข้ามาด้านใน ทั้งหมดนี้หนักเพียง 40 กิโลกรัม ต่อมามีคนสงสัยว่าจะลอดช่องแคบได้จริงหรือไม่ ซึ่ง Elon ตอบว่า pod นี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 31 ซม. เท่านั้นพร้อมยืนยันว่ามีนักดำน้ำที่ได้ดำในถ้ำหลวงจริงๆ บอกว่าผ่านได้แน่ อีกทั้งยังระบุว่ากำลังผลิต pod เพิ่มอีกอันที่สั้นลง 30 ซม. อีกด้วย
เช้านี้มีอัพเดตล่าสุดจาก Elon Musk ที่กำลังผลิต “Escape pod” เพื่อพยายามนำตัวเด็กๆ ทั้ง 13 คนออกจากถ้ำหลวง เขาระบุบนทวิตเตอร์ว่าวิธีหลักที่จะช่วยเด็กๆ ออกมาคือการใช้ “เรือดำน้ำ” (submarine) ขนาดเท่าเด็ก 1 คน ซึ่งจริงๆ มันก็คือ escape pod ที่ Elon กล่าวถึงมาตลอด โดยบอดี้ของมันจะผลิตจากท่อส่งออกซิเจนเหลวของจรวด Falcon 9 ที่เขาบอกว่าเบาพอจะยกด้วยคนสองคน และเล็กพอจะลอดผ่านช่องแคบได้ รวมถึงจะแข็งแรงมากๆ ด้วย
จากที่เมื่อวาน Elon ประกาศส่งทีมวิศวกรจาก SpaceX และ The Boring Company เพื่อมาช่วยเด็กๆ ออกจากถ้ำหลวง ล่าสุดพลโทวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยว่าวิศวกรสองคนกำลังจะเดินทางมาถึงประเทศไทยวันนี้ และอีกหกคนจะเดินทางมาถึงในวันอาทิตย์ เพื่อดูความเป็นไปได้ว่าจะช่วยเด็กๆ ทีมฟุตบอลออกมาจากถ้ำหลวงได้อย่างไรบ้าง
ด้าน Elon Musk ได้ทวีตว่ากำลังหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านถ้ำที่ประเทศไทยเกี่ยวกับการออกแบบ “escape pod” ที่จะช่วยนำตัวเด็กๆ ทั้ง 13 ชีวิตออกมา และเขาคิดว่าน่าจะปลอดภัยพอที่จะลองทำจริง นอกจากนี้ Elon ยังระบุว่ากำลังผลิตท่อพองลมได้พร้อมแอร์ล็อค (inflatable tube with airlocks) ซึ่งเขาบอกว่าอาจจะไม่เวิร์คเพราะในถ้ำมีส่วนโค้งที่ยาก
เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา มีผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งได้สอบถามไปยัง Elon Musk ซีอีโอ Tesla, SpaceX และ Boring Company ว่ามีทางไหนที่เขาจะช่วยเหลือเด็กๆ ทีมฟุตบอลเยาวชนและโค้ชรวม 13 คนออกจากถ้ำหลวงได้บ้างไหม ซึ่ง Elon ได้ทวีตตอบกลับว่าเขาคิดว่ารัฐบาลไทยเอาอยู่ แต่ก็ยินดีช่วยหากมีหนทาง
ในเอกสารที่ Tesla ยื่นต่อ SEC นอกจากจะกล่าวถึงเรื่องจำนวนการผลิตรถยนต์แล้ว ยังเปิดเผยว่า Doug Field รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมของ Tesla ที่มีข่าวว่าหยุดพักงาน มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมได้ลาออกจากบริษัทแล้ว
Tesla ระบุว่า “หลังจากเวลาเกือบ 5 ปีกับบริษัท Field ก็กำลังก้าวต่อไป โดยพวกเราต้องการขอบคุณเขาสำหรับการทำงานหนักและทุกอย่างที่เขาได้ทำให้ Tesla”
เว็บไซต์ The Verge รายงานว่า Field เป็นวิศวกรอาวุโสอันดับ 3 ใน Tesla รองจาก Elon Musk ที่เป็นซีอีโอและ JB Straubel ที่เป็นซีทีโอเท่านั้น โดยก่อนหน้าที่จะเข้าทำงานกับ Tesla เขาดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายวิศวกรรมฮาร์ดแวร์แมคที่แอปเปิล
ขณะนี้ก็จบเดือนมิถุนายนไปแล้ว และเป้าหมายที่ Tesla ได้ตั้งไว้ว่าจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ให้ได้ 5,000 คันต่อสัปดาห์ก็ทำได้ตามที่ตั้งไว้ โดยบริษัทได้ระบุในการยื่นแบบให้หน่วยงานกำกับว่าได้ผลิตรถ Model 3 ได้ 5,031 คันในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายน
บริษัทระบุในเอกสารว่า 12 เดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในประวัติศาสตร์บริษัท และพวกเขาภูมิใจในทีมงาน Tesla มาก
เมื่อวาน Elon Musk ก็ได้ทวีตว่า “7000 คัน, 7 วัน” พร้อมอีโมจิรูปหัวใจให้ทีมงาน Tesla ซึ่งตามเอกสารที่ยื่นก็ระบุว่านอกจาก Tesla Model 3 จำนวน 5,031 คันแล้ว Tesla ยังผลิต Model S และ X ได้รวมกัน 1,913 คัน ฉะนั้นรวมกันแล้วได้ 6,944 คัน (Elon น่าจะตีเป็น 7,000 คัน)
ระหว่างที่ Tesla เร่งปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อให้ส่ง Model 3 ออกสู่มือลูกค้าได้ทันความต้องการ กลับทำให้แบตเตอรี่ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีไม่เพียงพอ
Yoshio Ito ประธานฝ่ายยานยนต์ของ Panasonic ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์กับ Tesla ที่ผลิตเซลล์แบตเตอรี่ให้รถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่น เปิดเผยในงานประชุมผู้ถือหุ้นว่าการที่ Tesla เร่งการผลิตอย่างมาก ส่งผลให้ Panasonic ผลิตเซลล์แบตเตอรี่ส่งให้ไม่เพียงพอเป็นระยะๆ และ Panasonic กำลังร่วมมือกับ Tesla อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับปรุงการผลิต
นอกจาก Tesla Model Y ที่ลือกันว่าจะเป็นรถครอสโอเวอร์ไซส์เล็กกว่า Model X แล้ว Tesla ยังมีรถอีกรุ่นที่ Elon Musk เคยยืนยันว่าอยากทำมานาน นั่นก็คือรถกระบะ ล่าสุดเขาได้ทวีตเปิดรับความเห็นว่าเราอยากเห็นอะไรในรถกระบะ Tesla
Elon ทวีตเมื่อคืนว่าอยากเห็นอะไรในรถกระบะ Tesla โดยเขามีฟีเจอร์บางอย่างอยู่ในใจแล้วแต่ยังอยากเปิดรับความเห็นเพิ่มเติม จากนั้นเขาได้ทวีตต่อว่ามันจะมาพร้อมมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ และจะมีแรงบิดสูงมาก รวมถึงจะใช้ระบบช่วงล่างแบบปรับความแข็ง/นุ่มตามน้ำหนักบรรทุกด้วยระบบถุงลม นอกจากนี้ยังบอกอีกว่าจะมีปลั๊กไฟแบบ 240 โวลต์ที่รองรับการใช้งานหนัก เพื่อใช้กับเครื่องมือช่าง (power tools) ต่างๆ ได้ทั้งวันขณะปฏิบัติงานนอกสถานที่โดยไม่ต้องมีเครื่องปั่นไฟอีก
ต้องดักก่อนว่าที่ให้คนทั่วไปมาประกอบรถนี่ไม่ได้หมายถึง Tesla อยากหาแรงงานมาเพิ่มอัตราการผลิตรถ Tesla Model 3 ให้ได้ตามเป้านะครับ แต่เป็นการประกอบเพื่อประสบการณ์เฉยๆ โดยเรื่องมีอยู่ว่าทวิตเตอร์ของเว็บไซต์ Model 3 Owners Club ได้ทวีตว่ามีซีอีโอบริษัทรถยนต์คนไหนที่ทำแบบนี้อีกบ้าง พร้อมอ้างถึงกระทู้ที่มีคนมาเล่าประสบการณ์จากในโรงงาน Tesla ว่าเจอ Elon Musk ขันน็อตอยู่ในสายการผลิต
หลังจากนั้น Elon ก็ได้มาตอบทวีตว่าเขาคิดอยากเปิดทัวร์โรงงานเต็มรูปแบบพร้อมให้ลูกทัวร์มาลองประกอบรถยนต์บางส่วน เพื่อจะได้เข้าใจว่าแต่ละชิ้นส่วนมารวมกันอย่างไร ซึ่งเขาคิดว่ามันจะสนุกมากสำหรับตัวเขาเอง ต่อมา Fred Lambert บรรณาธิการใหญ่เว็บไซต์ Electrek ได้ทวีตหยอดกลับไปหา Elon ว่าถ้าให้เจ้าของได้ประกอบรถตัวเองคงจะเจ๋งกว่ามาก ซึ่ง Elon ก็ตอบว่ามันคงจะจัดการยาก แต่ก็อาจเป็นไปได้ (ไม่รู้ว่าตอบแบบขอไปทีหรือเปล่า เพราะ Elon ก็ไม่ค่อยปฏิเสธอะไรอยู่แล้ว)