แอพเทรดหุ้น Robinhood ประกาศระดมทุนเพิ่ม 3.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องหลังกระแสนักลงทุนรายย่อยบูมจากหุ้น GameStop จนทำให้ Robinhood มีปัญหาเรื่องการนำเงินสดไปจ่ายค่าหุ้นให้ clearing house
Vlad Tenev ซีอีโอของ Robinhood ยังให้สัมภาษณ์กับ Elon Musk บนแพลตฟอร์มไลฟ์ Clubhouse เปิดเผยว่าบริษัท clearing house โทรหาเขาตอนตีสาม เพื่อให้ Robinhood เตรียมเงินมาวางค้ำประกันหลักทรัพย์มากถึง 3 พันล้านดอลลาร์
เงินก้อนนี้มาจากนักลงทุนหลายราย นำโดย Rabbit Capital และ VC ชื่อดังอื่นๆ เช่น ICONIQ Capital, Andreessen Horowitz, Sequoia, Index Ventures, NEA
แอพลิเคชันซื้อขายหลักทรัพย์ Robinhood ตัดสินใจจำกัดการซื้อหุ้น AMD ไม่เกินรายละ 1 หุ้นด้วยเหตุผลว่า หุ้น AMD มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา
และจากข่าวว่า AMD คือบริษัทเทคโนโลยีที่โตเร็วที่สุดในอเมริกา แซงหน้า Apple และ Nvidia การไปจำกัดให้ซื้อหุ้น AMD ได้แค่ 1 จึงโดนผู้ใช้วิจารณ์ในแง่ลบอย่างหนัก ตามที่มา
เป็นประเด็นต่อเนื่องมาทั้งสัปดาห์กับการซื้อหุ้น GameStop และหุ้นอื่นๆ ของนักลงทุนรายย่อย โดยมีแอพเทรดหุ้น Robinhood เป็นสมรภูมิหลัก จนทำให้ Robinhood ต้องจำกัดการซื้อหุ้นบริษัทเหล่านี้ชั่วคราว จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก
ล่าสุด Robinhood ออกมาชี้แจงและตอบคำถามในประเด็นขัดแย้งต่างๆ แล้ว โดยเริ่มจากอธิบายกระบวนการทำงานเบื้องหลังของ Robinhood ที่มีสถานะเป็นนายหน้า (broker) ของนักลงทุนรายย่อยก่อน
ผู้ใช้งานรุมรีวิวแอปพลิเคชั่นเทรดหุ้น Robinhood ให้คะแนน 1 ดาวบน Google Play ล่าสุด Google ออกมายืนยันว่าได้ลบคอมเม้นท์เหล่านั้นออกไปแล้วร่วมแสนคอมเม้นท์
จากปรากฏการณ์นักลงทุนรายย่อยแห่ซื้อหุ้น GameStop ผู้จัดจำหน่ายวิดีโอเกม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งที่กำลังขาดทุน รวมถึงแห่ซื้อหุ้น AMC ผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ และ Nokia จนทำให้ระบบ Robinhood ล่ม จน Robinhood ต้องระงับการซื้อหุ้น GameStop แต่ยังขายได้ จนผู้ใช้งานแห่มารีวิวแอปในทางที่ไม่ดี โดย Google มีอำนาจสามารถลบคอมเม้นท์บน Google Play ได้ หากมีเนื้อหาที่มีเจตนาบิดเบือนการให้คะแนนของแอปอย่างชัดเจน
Tesla บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศแตกพาร์หุ้นบริษัทโดยใช้อัตราส่วน 5:1 หลังจากที่ราคาหุ้น Tesla พุ่งขึ้นมาสูงมากในช่วงปีที่ผ่านมา
เมื่อปีที่แล้ว หุ้น Tesla ยังขายอยู่ในตลาดที่ราคา 211 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่วันนี้หุ้นของ Tesla มีราคาต่อหุ้นอยู่ที่ 1,485 ดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าของบริษัทที่ราว 2.5 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้ตอนนี้ Tesla ติดอันดับบริษัทผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก
ประเด็นที่น่าสนใจในงานแถลงผลประกอบการ Q2/2020 ของอินเทลคือบริษัทยอมรับว่า กระบวนการผลิตขนาด 7 นาโนเมตรต้องช้ากว่าแผน 6 เดือน
อินเทลบอกว่าปัญหามาจากเรื่อง yield (อีกแล้ว) ที่ทำได้ช้ากว่าเป้าหมายไป 12 เดือน ตอนนี้บริษัทสามารถหาสาเหตุของปัญหาในกระบวนการผลิตได้แล้วและคาดว่าจะไม่มีอุปสรรคอะไรอีก แต่อินเทลก็เตรียมแผนสำรองไว้แล้ว ซึ่งรวมถึงการจ้างโรงงานอื่นผลิตชิปให้แทน โดยชิปกราฟิกตัวใหม่ Ponte Vecchio สำหรับตลาดศูนย์ข้อมูล ที่มีกำหนดวางขายปลายปี 2021 หรือต้นปี 2022 จะใช้โรงงานของบริษัทอื่นมาร่วมผลิตให้ด้วย (ไม่ระบุชื่อว่าที่ไหน)
ราคาหุ้นของ Tesla ยังคงทะยานอย่างต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ราคาอยู่ที่ 780 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่วนคืนที่ผ่านมาราคาพุ่งไปถึง 968.99 ดอลลาร์ ก่อนจะปิดที่ 887.06 ดอลลาร์ ทำให้นับตั้งแต่ต้นปีมานี้ ราคาหุ้น Tesla เพิ่มขึ้นแล้วมากกว่า 100%
ช่วงที่ผ่านมามีปัจจัยบวกสนับสนุนราคาหุ้นของ Tesla หลายอย่าง ทั้งผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่ยังคงมีกำไรต่อเนื่อง รวมทั้งข่าวล่าสุดที่ Panasonic เปิดเผยว่าบริษัทร่วมทุนในการผลิตแบตเตอรี่ตอนนี้มีกำไรแล้วเป็นครั้งแรก สะท้อนความว่า Tesla สามารถผลิตรถยนต์ได้มากขึ้น และมีกำไรจากธุรกิจแล้ว
ราคาหุ้นของแอปเปิลยังคงเดินหน้าทำสถิติราคาสูงสุดอีกครั้ง โดยล่าสุดหลังปิดการซื้อขายของตลาดหุ้นสหรัฐ หุ้นแอปเปิลมีราคา 300.35 ดอลลาร์ต่อหุ้น มีมูลค่ากิจการตามราคาหุ้น 1.33 ล้านล้านดอลลาร์
ช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วราคาหุ้นแอปเปิลอยู่ราว 144 ดอลลาร์ และถูกปัจจัยลบต่าง ๆ จนซีอีโอ Tim Cook ต้องออกจดหมายถึงนักลงทุน ยอมรับว่ายอดขาย iPhone ต่ำกว่าที่บริษัทคาด
ในช่วงที่ผ่านมาหุ้นแอปเปิลกลับมาสร้างความเชื่อมั่นอีกครั้ง จากข่าวยอดขาย iPhone 11 และ 11 Pro ที่ดีมาก รวมทั้งหูฟัง AirPods ก็มีการเติบโตที่สูงเช่นเดียวกัน
ที่มา: MacRumors
Uber ประกาศว่า Travis Kalanick ผู้ร่วมก่อตั้ง Uber และอดีตซีอีโอ ได้ลาออกจากตำแหน่งบอร์ดบริหารของบริษัท มีผลในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นตำแหน่งสุดท้ายที่เขายังมีอยู่ใน Uber
Kalanick ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของ Uber เมื่อปี 2017 ซึ่งมีรายงานภายหลังว่าเขาถูกกลุ่มนักลงทุนในบริษัทบีบให้ลาออก จากปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ และได้ Dara Khosrowshahi อดีตซีอีโอ Expedia มารับตำแหน่งต่อ
เมื่อเดือนสิงหาคม 2018 Elon Musk ได้ทวีตว่าจะนำ Tesla ออกจากตลาดหุ้นโดยจะซื้อหุ้นคืนที่ราคา 420 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ซึ่งในขณะนั้นหุ้น Tesla มีราคาประมาณ 379 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น จึงกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนโดน ก.ล.ต. สหรัฐฯ ยื่นฟ้องและจบที่การจ่ายค่าปรับ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐพร้อมออกจากตำแหน่งประธานบอร์ด
เมื่อวานนี้ Amazon ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจากสหรัฐอเมริกาได้แถลงผลประกอบการที่กำไรลดลงเป็นครั้งแรกในรอบสองปี ทำให้หุ้นของ Amazon ตกลงร่วม 4% เหลือ 1,712 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อเช้าวันศุกร์ที่นิวยอร์ก
ราคาหุ้นที่ลดลงดังกล่าวส่งผลให้ Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งและซีอีโอมีทรัพย์สินลดลงตาม เหลือราว 107,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ น้อยกว่าทรัพย์สินของ Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์อยู่ราว 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามดัชนีของ Bloomberg แต่ขณะที่เขียนข่าวอยู่นี้ยังต้องรอตลาดปิดในวันศุกร์ก่อนจึงจะทราบอันดับที่แน่ชัด
กลุ่มบริษัท Sea ซึ่งมีบริษัทในเครือที่หลายคนคุ้นชื่อดีอย่าง Garena, AirPay และ Shopee ประกาศออกหุ้นเพิ่มทุนแบบ American Depositary Shares (ADS) จำนวน 60 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 22.5 ดอลลาร์ และหุ้นเพิ่มเติมสำหรับผู้รับประกันการจำหน่าย (อันเดอร์ไรท์) อีก 9 ล้านหุ้น ซึ่งหากขายได้หมด Sea จะได้เงินเพิ่มอีกราว 1,500 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 47,000 ล้านบาท
อภิมหากองทุน Vision Fund ของ SoftBank เข้าซื้อหุ้น NVIDIA เป็นจำนวนเงิน 4 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2017 แต่ล่าสุด SoftBank ขายหุ้นก้อนนี้ทั้งหมดแล้ว
SoftBank เปิดเผยข้อมูลนี้ในเอกสารผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุด โดยบอกเพียงว่าขายหุ้นในเดือนมกราคมได้กำไร แต่ไม่บอกว่าขายหุ้นออกไปที่ราคาเท่าไร (หุ้นก้อนนี้ของ SoftBank มีมูลค่า 3.6 พันล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม แต่ไม่ได้ขายที่ราคานี้)
หุ้น NVIDIA เคยพุ่งขึ้นไปสูงมากตามกระแสตลาดเงินคริปโตบูม และตกลงมากในช่วงหลัง ถือว่า SoftBank พลาดโอกาสขายหุ้นในช่วงที่กำไรดีมากๆ แต่ SoftBank ก็ซื้อหุ้นมาตั้งแต่ราคาถูกกว่านี้มากเช่นกัน ทำให้ยังทำกำไรอยู่
สำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐ ตัดสินใจยื่นฟ้อง Elon Musk ซีอีโอ Tesla แล้ว จากการที่เขาได้ทวีตข้อความเมื่อเดือนที่แล้วว่า Tesla เตรียมซื้อหุ้นคืนทั้งหมด และในเวลาต่อมาก็ตัดสินใจให้บริษัทอยู่ในตลาดหุ้นต่อไป ซึ่ง ก.ล.ต. ได้ทำการรวบรวมข้อมูลว่าจะตัดสินใจฟ้องหรือไม่ก่อนหน้านี้
หลังจากแอปเปิลเข้าวิน กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาหุ้นแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้สำเร็จ สัปดาห์หน้าเราอาจได้เห็น Trillion Company รายที่สองชื่อว่า Amazon
หุ้นของ Amazon ตามราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อยู่ที่ 2,012.71 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่งผลให้มูลค่าบริษัท (market cap) อยู่ที่ 981.68 พ้นล้านดอลลาร์ จ่อเทียบชั้นขึ้นเป็นบริษัทระดับล้านล้านดอลลาร์แล้ว
ต้องรอดูหลังตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการในวันจันทร์ (ตามเวลาสหรัฐก็คือวันอังคารบ้านเรา) ว่า Amazon จะสามารถแตะหลักล้านล้านดอลลาร์สำเร็จในสัปดาห์หน้าหรือไม่
มูลค่าบริษัทของแอปเปิลตอนนี้อยู่ที่ราว 1.099 ล้านล้านดอลลาร์
เมื่อต้นเดือนสิงหาคม Elon Musk ประกาศข่าวใหญ่ทางทวิตเตอร์ว่าเขาอยากนำ Tesla ออกจากตลาดหุ้น เป็นข่าวใหญ่อยู่หลายวัน ส่งผลให้ราคาหุ้น Tesla ผันผวนพอสมควร จน กลต. สหรัฐฯ ต้องสอบสวนว่าเข้าข่ายปั่นราคาหุ้นหรือไม่ ต่อมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขายังให้สัมภาษณ์กับ The New York Times เกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น
Elon Musk ซีอีโอ Tesla เขียนบล็อกอัพเดตถึงแผนการซื้อคืนหุ้น Tesla เพื่อนำบริษัทออกจากตลาดหุ้น โดยบอกว่าบล็อกนี้เน้นการตอบคำถามหลายอย่างที่มีนักลงทุนและสื่อตั้งคำถาม
เขาเริ่มต้นอธิบายว่าแผนซื้อหุ้นคืนนั้นมีการเสนอต่อบอร์ดตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมา (Musk ประกาศทาง Twitter 7 สิงหาคม) และบอร์ดก็เห็นด้วยในแผนดังกล่าว จากนั้นเขาจึงได้ติดต่อผู้ถือหุ้น Tesla รายใหญ่บางราย เพื่อสอบถามความสนใจร่วมลงทุนซื้อหุ้นคืนครั้งนี้ และได้ผลตอบรับที่ดี มีนักลงทุนยินดีให้เงินทุนช่วยเหลือ
Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ ขายหุ้นสามัญของตัวเองออกมาถึง 30% ได้เงินจากการขายหุ้นไปประมาณ 35 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.1 พันล้านบาท
ข้อมูลนี้มาจากเอกสารที่ Nadella ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ ส่วนเหตุผลที่ Nadella ขายหุ้น ถึงแม้ไม่ได้ระบุ ก็คงหนีไม่พ้นราคาหุ้นของไมโครซอฟท์ที่สูงขึ้นมากในปีนี้ โดยราคาขึ้นมาถึง 53% นับตั้งแต่เริ่มต้นปี
ราคาหุ้นไมโครซอฟท์ที่เวลาปิดตลาดวันศุกร์ อยู่ที่ 109 ดอลลาร์ต่อหุ้น ก่อนหน้านี้ Nadella เคยขายหุ้นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2016 ที่ราคา 58 ดอลลาร์ต่อหุ้น
จากข่าว Elon Musk ประกาศแผน เตรียมซื้อหุ้น Tesla คืน เพื่อนำออกนอกตลาดหลักทรัพย์ ส่งผลให้หุ้นของ Tesla ราคาพุ่งทันที
ล่าสุดมีข่าวว่า ก.ล.ต. สหรัฐหรือ SEC กำลังรวบรวมข้อมูลในเรื่องนี้ เพื่อพิจารณาว่าข้อความทวีตของ Musk เข้าข่ายการปั่นราคาหุ้นหรือไม่
ประเด็นที่เป็นปัญหาคือ Musk ระบุว่าเขาหาเงินได้พอสำหรับการซื้อหุ้นคืนแล้ว (funding secured) แต่ไม่ให้รายละเอียดไปมากกว่านั้นว่าแหล่งที่มาของเงินมาจากไหน (มีข่าวลือกันว่าเป็นกลุ่มทุนจากซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมีหุ้นใน Tesla อยู่แล้วประมาณ 3-5%)
Elon Musk ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่าเขาเตรียมนำ Tesla ออกจากตลาดหลักทรัพย์ด้วยการซื้อหุ้นคืน
เขาอธิบายเรื่องนี้ผ่านบล็อกของบริษัทในเวลาต่อมา ว่าเขายังไม่ตัดสินใจเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด แต่เหตุผลคือพนักงานของ Tesla (ซึ่งทุกคนมีหุ้น) จะได้โฟกัสกับงานอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องสนใจราคาหุ้นที่สวิงไปมา ซึ่งเป็นข้อเสียของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องมีวัฏจักรรายงานผลประกอบการทุกไตรมาส (Dell เคยประกาศแผนแบบนี้ด้วยเหตุผลเดียวกันในปี 2013)
หลังจากลุ้นกันมานานว่าบริษัทไอทีรายใดจะสร้างประวัติศาสตร์ เป็นบริษัทแรกที่มีมูลค่าตามราคาหุ้น (market cap) แตะหลัก 1 ล้านล้านดอลลาร์ (1 trillion dollar) ได้สำเร็จเป็นรายแรก ผลก็ออกมาไม่ผิดคาดคือ แอปเปิลที่มีมูลค่าบริษัทนำหน้าบริษัทอื่นๆ มาโดยตลอด
หลังแอปเปิลประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2018 ที่ออกมาดี หุ้นของแอปเปิลก็ไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งล่าสุดขณะที่เขียนข่าวนี้ (ช่วงเช้าของวันที่ 2 สิงหาคม ตามเวลาสหรัฐ ตลาดหุ้นเพิ่งเปิดทำการ) มูลค่าของแอปเปิลก็ฝ่ากำแพง 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้สำเร็จ
มูลค่าบริษัทตามราคาหุ้น (market cap) ของไมโครซอฟท์เพิ่มสูงขึ้นจนแซงหน้า Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิลแล้ว
คิดตามราคาปิดตลาดของวันอังคารที่ 29 พฤษภาคม ไมโครซอฟท์มีมูลค่า 749 พันล้านดอลลาร์ ส่วน Alphabet อยู่ที่ 739 พันล้านดอลลาร์
หุ้นของไมโครซอฟท์มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่หุ้นของ Alphabet เคยมีมูลค่าสูงสุดราว 808 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม 2018 ก่อนตกลงมาอยู่ราว 750 พันล้านดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้านี้ และลดลงมาอีกในรอบสัปดาห์ล่าสุด จนเป็นเหตุให้ไมโครซอฟท์แซงได้
ทั้งไมโครซอฟท์และ Alphabet ยังมีมูลค่าเป็นรองแอปเปิล (924 พันล้านดอลลาร์) และอเมซอน (783 พันล้านดอลลาร์)
จากมูลเหตุเรื่องข้อมูลผู้ใช้ Facebook ถูกนำไปใช้เพื่อการหาเสียง จนทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติหันมาเพ่งเล็งและเริ่มผลักดันให้มีการตรวจสอบ ตอนนี้ไม่เพียงแต่จะเริ่มมีกระแส #DeleteFacebook เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้าน Facebook บนสังคมออนไลน์เท่านั้น ทางด้านมูลค่าขององค์กรก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันเมื่อดัชนีหุ้นของ Facebook ลดลงทันที 6.8% เมื่อวานนี้
ตามที่ SoftBank ได้เข้ามาซื้อหุ้น Uber จากผู้ถือหุ้นเดิมจนกลายเป็นผู้ถือหุ้น 15% ในมูลค่าที่ลดลง 30% ตอนนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าใครบ้างที่เป็นผู้ขายหุ้นให้กับ SoftBank มีรายละเอียดดังนี้
ต่อเนื่องจากข่าว Jeff Bezos ขึ้นเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกอีกครั้ง มูลค่าสินทรัพย์ 3 ล้านล้านบาท ตามจังหวะขาขึ้นของหุ้น Amazon หลังแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุด
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Jeff Bezos ขายหุ้นของเขาออกมา 1 ล้านหุ้น เป็นมูลค่าประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการขายในจังหวะที่ดีเพราะหุ้นกำลังได้ราคาดี
การขายหุ้นของ Bezos ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะเขาเพิ่งขายหุ้นมารอบหนึ่งในเดือนพฤษภาคม 2017 ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน และเขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะขายหุ้นเพื่อนำเงินสดมาใช้ในบริษัทอวกาศ Blue Origin ประมาณปีละ 1 พันล้านดอลลาร์
หลังจากการขายหุ้นครั้งนี้ เขายังถือหุ้นของ Amazon อยู่ประมาณ 16%