ตามที่ซัมซุงประกาศมาก่อนหน้าแล้วว่าในงาน IFA ปีนี้จะเน้นโชว์เทคโนโลยีในกลุ่ม Internet of Things (IoTs) เป็นหลัก หนึ่งในผลิตภัณฑ์เด่นที่เปิดตัวบนเวทีของซัมซุงปีนี้เริ่มต้นด้วย SleepSense ผู้ช่วยดูแลการนอนหลับอัจฉริยะ

SleepSense เป็นอุปกรณ์ทรงหยดน้ำที่เชื่อมต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านผ่าน SmartThings Hub และรวบรวมข้อมูลไปแสดงผลบนสมาร์ทโฟน หน้าที่หลักของ SleepSense คือการเป็นผู้ช่วยดูแลสุขภาพของผู้ใช้ด้วยการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า และแนะนำผู้ใช้ให้มีคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น

Nest เปิดตัว thermostat เวอร์ชันสามของบริษัท โดยปรับปรุงตัวฮาร์ดแวร์ให้มีขนาดบางลง แต่หน้าจอใหญ่และสว่างขึ้นกว่าเดิม ส่วนของเซ็นเซอร์นั้นละเอียดขึ้นกว่าเดิม วัดค่าอุณหภูมิแม่นยำขึ้น

ฟีเจอร์ฝั่งซอฟต์แวร์ที่เพิ่มเข้ามาคือฟีเจอร์ใหม่ Farsight ตรวจจับว่าถ้ามีคนเดินเข้ามาในห้อง จะแสดงตัวเลขอุณหภูมิหรือตัวเลขบอกเวลา (แล้วแต่จะตั้งค่าไว้ ตั้งค่าเป็นนาฬิกาแบบเข็มก็ได้) สามารถใช้แทนนาฬิกาแขวนผนังได้เลย

ราคาขายอยู่ที่ตัวละ 249 ดอลลาร์เท่าของเดิม ส่วนสินค้าเวอร์ชันสองลดราคาเหลือ 199 ดอลลาร์

ที่มา - Nest

Deaware, Maker Asia, และ Gravitech เปิดโครงการ TESPA บอร์ดพัฒนาอุปกรณ์ IoT บน KickStarter ตั้งเป้าระดมทุน 30,000 ดอลลาร์

TESPA ประกอบไปด้วยบอร์ดหลักและบอร์ดเสริม บอร์ดหลักที่ชื่อว่า HAWK มี ESP8266 และ Cortex-M0 รุ่น STM32F042G6 พร้อมอุปกรณ์พื้นฐานเช่นตัวแปลง USB-to-Serial ทำให้เขียนโปรแกรมลงบอร์ดได้โดยไม่ต้องใช้บอร์ดเสริมอีก มีตัวปรับระดับไฟฟ้าทำให้รองรับความต่างศักย์ 3.3 ถึง 16 โวลต์

ส่วนบอร์ดเสริมมีชื่อเรียกว่า Wings ชุดเริ่มต้นจะมีทั้งหมด 20 แบบ เช่น บอร์ดควบคุมมอเตอร์, บอร์ดเซ็นเซอร์, บอร์ดสวิตช์, บอร์ดหน้าจอ OLED

Hortonworks บริษัทซอฟต์แวร์ด้าน Big Data ที่เชี่ยวชาญ Hadoop (อ่านบทสัมภาษณ์คุณทัศพล อธิอภิญญา คนไทยใน Hortonworks) ประกาศซื้อกิจการบริษัท Onyara สตาร์ตอัพที่ทำด้าน data flow จากเซ็นเซอร์ที่ฝังอยู่ในอุปกรณ์ Internet of Things

Onyara เป็นผู้สนับสนุนโครงการ Apache NiFi ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่ทำเรื่องการไหลของข้อมูล (data routing) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่จำเป็นในยุคที่เรามีเซ็นเซอร์อยู่รอบตัว และเซ็นเซอร์เหล่านี้ส่งข้อมูลออกมาตลอดเวลา แถมในหลายกรณียังต้องรับข้อมูลกลับมาประมวลผล เพื่อสื่อสารกันเองระหว่างเซ็นเซอร์แต่ละตัวด้วย

ปีที่แล้ว Amazon เปิดตัว Echo ลำโพงอัจฉริยะ ที่รองรับคำสั่งเสียงพูดแบบเดียวกับ Siri, Google Now, Cortana โดยเวลาสั่งงานต้องพูดคำว่า "Alexa" แทน

ตัวแพลตฟอร์ม Alexa ไม่ได้จำกัดเฉพาะอุปกรณ์ของ Amazon เท่านั้น และล่าสุดบริษัทเปิดตัว Alexa Lighting API ให้โปรแกรมเมอร์สามารถใช้ Alexa ควบคุมหลอดไฟอัจฉริยะ หรืออุปกรณ์ควบคุมหลอดไฟหลากหลายยี่ห้อ เช่น Philips Hue, Samsung SmartThings, Wink, Belkin Wemo

งาน IDF ปีนี้อินเทลนำเสนอประเด็น Internet of Things (IoT) อย่างมาก ฮอลหลักมีงานนิทรรศการแสดงผลงานประกวดหลายรายการ และบนเวทีเองอินเทลก็นำเสนอไอเดียว่าเราจะใช้ IoT มาทำอะไรได้บ้างในอนาคต

แม้ว่าอินเทลจะเสนอโดยใช้ชิปของอินเทลอย่าง Quark หรือ Curie แต่ไอเดียเหล่านี้ก็น่าจะใช้กับชิปอะไรก็ได้ โอกาสนี้เลยขอรวมไอเดียที่อินเทลเอามาเสนอบนเวที IDF ไว้ในบทความนี้

Security Bracelet

ไมโครซอฟท์ประกาศปล่อย Windows 10 IoT Core รุ่นตัวจริงสำหรับบอร์ด Raspberry Pi 2 และ MinnowBoard Max หลังจากปล่อยรุ่นพรีวิวมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม

การปรับปรุงสำคัญจากรุ่นพรีวิว ได้แก่ รองรับ Wi-Fi, Bluetooth, GPIO ประสิทธิภาพดีขึ้น, รองรับ Universal Windows Platform (UWP) สำหรับภาษา C++/C#/JavaScript/VisualBasic

Espressif ผู้ผลิตชิป ESP8266 ที่ราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อจนทำให้การพัฒนาอุปกรณ์เชื่อมต่อ Wi-Fi กลายเป็นเรื่องง่ายและราคาถูกประกาศหาคนทดสอบชิปรุ่นเบต้า โดยระบุว่าชิปรุ่นใหม่จะรองรับ Wi-Fi, Bluetooth LE, และมีฮาร์ดแวร์สำหรับ SSL โดยเฉพาะ

สเปคของชิปยังไม่ชัดเจน แต่แรมจะเพิ่มขึ้นเป็น 500kB และพลังประมวลผล 500 DMIPS กินกระแสขณะที่ไม่ได้ทำงานเพียง 5 ไมโครแอมป์

บริการ OnStar ของรถ GM ใช้สำหรับบอกตำแหน่งรถ, ปลดล็อกประตู, และสตาร์ตเครื่องล่วงหน้าอ่านทางแอพพลิเคชั่น RemoteLink แต่ Samy Kamkar พบว่าหากดักฟังการสื่อสารระหว่างโทรศัพท์มือถือกับเซิร์ฟเวอร์ได้ ก็จะสามารถควบคุมรถไปได้ตลอด

ตัวแอพ RemoteLink ไม่ได้ตรวจสอบใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์ ทำให้เสี่ยงต่อการถูกดักฟังแบบ MITM ตอนนี้มีผู้ติดตั้งแอพไปแล้วกว่าล้านราย

ผู้ใช้จะต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi ของแฮกเกอร์ หากกำลังเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ของแฮกเกอร์แล้วเปิดแอพ RemoteLink แฮกเกอร์ก็จะเข้าควบคุมบัญชีไปได้ตลอด สามารถสั่งการได้เหมือนเป็นเจ้าของรถ และสามารถเข้าไปอ่านข้อมูลส่วนตัวของเจ้าของรถ ทั้งที่อยู่, หมายเลขบัตรเครดิต 4 หลังสุดท้ายและวันหมดอายุบัตร

หลังจากที่ไมโครซอฟท์ได้ทำการเปิดให้ดาวน์โหลด Windows 10 IoT Core รุ่น Insider Preview สำหรับ Raspberry Pi 2 และ Intel Minnowboard Max ไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตอนนี้ก็ได้เวลาเข้าสู่สถานะ RTM แล้ว

ตัวเลขเวอร์ชันรุ่นดังกล่าวคือ 10.0.10240.16384 ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดได้จากที่มา

ที่มา - OSBetaArchive via Microsoft-News

Takeshi Idezawa ซีอีโอของ LINE ขึ้นเวทีงานสัมมนา Rise Conference 2015 ที่ฮ่องกง ให้สัมภาษณ์ประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่างเกี่ยวกับอนาคตของ LINE และตลาดแอพแชต messenger ในภาพรวม

เขาบอกว่า LINE ยังไม่สนใจขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์ เพราะต้องการโฟกัสที่การขยายตลาดผู้ใช้ในภูมิภาคเอเชียให้มากกว่านี้ก่อน ตอนนี้ LINE เป็นอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น ไต้หวัน ไทย และในตลาดอินโดนีเซียเองก็กำลังเพิ่มผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง แนวทางของบริษัทคือให้ความสำคัญกับ localization หรือการปรับตัวให้เหมาะกับวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ ตัวอย่างในอินโดนีเซียคือ LINE ออกสติ๊กเกอร์สำหรับเดือนรอมฎอน และออกฟีเจอร์ค้นหาเพื่อนเก่าสมัยเรียน ซึ่งยังมีเฉพาะในอินโดนีเซียเท่านั้น

ซัมซุงเดินหน้าลุยตลาดซอฟต์แวร์สำหรับ Internet of Things โดยเปิดตัวโครงการ IoT.js เฟรมเวิร์คจาวาสคริปต์สำหรับอุปกรณ์ IoT ที่มีหน่วยความจำน้อยระดับไม่กี่กิโลไบต์

โครงการ IoT.js พัฒนามาจากแพลตฟอร์มอีกตัวของซัมซุงคือ JerryScript เอนจินจาวาสคริปต์ขนาดเล็ก ที่ทำงานได้บนอุปกรณ์ที่มีแรมน้อยกว่า 64 KB และรอมน้อยกว่า 200 KB จากนั้น IoT.js จะดัดแปลง Node.js เวอร์ชันขนาดเบาไปรันบน JerryScript อีกทอดหนึ่ง

IoT.js เป็นโครงการโอเพนซอร์สทั้งหมด โดยซอร์สโค้ดอยู่บน GitHub

Thread Group กลุ่มมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ร่วมผลักดันโพรโทคอล Thread สำหรับการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ IoT ได้ฤกษ์ออกสเปก Thread เวอร์ชันแรกแล้ว

Thread เป็นโพรโทคอลสื่อสารที่พัฒนาต่อจาก IEEE 802.15.4 Wireless Personal Area Network ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับที่ใช้ใน ZigBee แต่เพิ่มเรื่องการค้นหาอุปกรณ์ในเครือข่ายเข้ามาด้วย แนวคิดของ Thread คือต่อเชื่อมอุปกรณ์และเราเตอร์ภายในบ้าน/อาคารแบบ mesh ที่ไม่มีจุดตายจุดใดจุดหนึ่ง (single point of failure) แล้วค่อยต่อออกอินเทอร์เน็ตอีกชั้นผ่านโพรโทคอลอื่นๆ (เช่น Wi-Fi)

เพื่อมาต่อกรกับแอปเปิลที่เปิดตัว iBeacon เทคโนโลยีสำหรับบอกตำแหน่งและส่งข้อมูลผ่านอุปกรณ์ตัวจิ๋วที่ใช้ Bluetooth โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงเปิดให้อุปกรณ์สามารถรับข้อมูลได้ก็พอ กูเกิลจึงเริ่มขยับมาเล่นในตลาด beacon นี้บ้างแล้ว

โดยแพลตฟอร์ม beacon ที่กูเกิลเพิ่งเปิดตัวมานี้ใช้ชื่อว่า EddyStone ล้อมาจากชื่อของประภาคาร Eddystone ในอังกฤษ ฟีเจอร์ของ beacon ติดป้ายกูเกิลตัวนี้ทำได้ในระดับพื้นฐานอย่างการรับข้อมูลจาก beacon ในระยะสัญญาณ ระบุตำแหน่ง ซึ่งนำไปประยุกต์ใช้ในฝั่งธุรกิจอย่างการส่งโปรโมชันให้ลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้าน แสดงข้อมูลตามบูธในพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น

ช่วงหลังมานี้เราเห็นไมโครซอฟท์ยุคใหม่เดินหน้าสร้างพันธมิตรกับองค์กรหลายแห่ง ในโลกของ IoT เราเห็นข่าว ไมโครซอฟท์สมัครเข้ากลุ่ม AllSeen ที่นำโดย Qualcomm และประกาศว่า Windows 10 จะรองรับ AllJoyn ในตัว

ล่าสุดไมโครซอฟท์สมัครเข้า Thread Group กลุ่มบริษัทที่ร่วมกันพัฒนาระบบสื่อสารสำหรับ IoT อีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีสมาชิกอย่าง Nest Labs, ARM, Freescale, Samsung เป็นผู้สนับสนุนหลัก และมีบริษัทอีกกว่า 100 รายเข้าร่วม

เก็บตกจากงาน Computex เมื่อต้นเดือน Rockchip ผู้ผลิตชิปสัญชาติจีนออกมาเปิดตัวชิป Wi-Fi รุ่นกินพลังงานต่ำสำหรับจับตลาด IoT โดยเฉพาะ ซึ่งเคลมว่าสามารถทำให้อุปกรณ์ IoT ที่ใช้แบตเตอรี่ AAA สามารถใช้งาน Wi-Fi ได้นานถึง 35 ปี

ชิป Wi-Fi รุ่นนี้ใช้รหัส RKi6000 เป็นการปรับปรุงเทคโนโลยี Wi-Fi 802.11b ให้ใช้พลังงานลดลงจากปกติถึง 85% เหลือเพียง 66 มิลลิวัตต์ ซึ่งเหนือกว่า Wi-Fi ด้วยกันไปไกล และเข้าใกล้เทคโนโลยีข้างเคียงอย่าง Bluetooth low energy (BT 4.0 LE) แต่สามารถส่งข้อมูลได้สูงกว่าหลายเท่า ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 11Mbps เทียบกับ BT 4.0 LE ที่ทำได้สูงสุด 1Mbps

ARM ผู้ผลิตชิปบนอุปกรณ์พกพารายใหญ่ของโลก ประกาศเปิดตัว Cortex-M ไลน์ใหม่สำหรับรองรับอุปกรณ์ประเภท Internet of Things (IoTs) โดยเฉพาะ ซึ่งใช้ฐานมาจาก Cortex-M4

Cortex-M สำหรับ IoT จะออกแบบใหม่เพื่อโฟกัสที่การลดอัตราบริโภคพลังงาน โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะลดเหลือ 1 วัตต์ เพื่อให้กินพลังงานน้อยลง 60% และอนุญาตให้ผู้ผลิตสามารถเลือกใส่เซ็นเซอร์เข้าไปในชิปได้

นอกจากนี้ Cortex-M จะรองรับ Bluetooth 4.2 ที่สามารถเข้าถึงหน่วยความจำเพื่อให้ส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์อื่นได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงอาจรองรับ LTE อีกด้วย

ผู้ผลิตชิปตัวนี้จะเป็น TSMC แต่ยังไม่ระบุว่าจะได้เห็นตัวจริงกันเมื่อไรครับ

ตามที่มีข่าวลือว่า กูเกิลจะเปิดตัวระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์ Internet of Things ในชื่อ Brillo ตอนนี้ Project Brillo ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการบนเวที Google I/O 2015 แล้ว

Brillo เป็นระบบปฏิบัติการที่ลดส่วนจาก Android ลงมา และขัดเกลาตัวระบบให้ทำงานเฉพาะส่วนเลเยอร์ชั้นล่าง อย่างเคอร์เนล, HAL, ส่วนควบคุมระบบส่วนกลาง และการเชื่อมต่อ (Wi-Fi, Bluetooth) ส่วนสำคัญคือเป็นระบบปฏิบัติการที่ต้องการสเปคต่ำมากในการรัน

เมื่อวานนี้ Dell จัดงาน Dell Solution Tour 2015 เพื่อโชว์เทคโนโลยีสำหรับองค์กรธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และโชว์อนาคตของบริษัทที่ก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอุปกรณ์ Internet of Things (IoT) ที่ได้ไปเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์จริงที่เริ่มใช้งานแล้ว

ในปี 2015 Dell มองว่าองค์กรธุรกิจแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือระบบไอทีแบบดั้งเดิม และระบบไอทีแบบใหม่ที่มีปัจจัยอย่างอุปกรณ์พกพา กลุ่มเมฆ และ big data เข้ามาเชื่อมโยงกับระบบด้วย

เว็บไซต์ The Information รายงานแผนการบุกโลก IoT ฉบับกูเกิลด้วยระบบปฏิบัติการตัวใหม่ที่ออกแบบมาจับอุปกรณ์กลุ่มนี้โดยเฉพาะในโค้ดเนมว่า Brillo

Brillo เป็นระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาสำหรับใช้งานกับอุปกรณ์กินพลังงานต่ำ จำพวกสมาร์ทโฮม เช่น หลอดไฟ ที่ล็อกประตู ฯลฯ ที่มักจะมีทรัพยากรให้ใช้น้อยนิด (มีแรมแค่ 32MB-64MB) โดยแนวทางของ Brillo ทำมาเพื่อให้การพัฒนาอุปกรณ์แนวนี้ทำได้สะดวก และเข้ากันได้มากขึ้น ด้วยการเสนอให้ผู้ผลิตสามารถใช้ Brillo ได้ฟรี

Huawei ผู้ผลิตอุปกรณ์หลากชนิดรายใหญ่ของจีน เข้าลุยตลาด Internet of Things (IoT) อย่างจริงจังด้วยการเปิดตัว LiteOS ระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ IoT โดยเฉพาะ

จุดเด่นของ LiteOS อยู่ที่การใช้งานได้ง่ายดาย และไม่ต้องตั้งค่า ตัวระบบจะค้นหาอุปกรณ์เอง และเชื่อมต่อกับเครือข่ายอัตโนมัติ โดยจุดเด่นสำคัญของ LiteOS คือมีขนาดเพียง 10KB ซึ่ง Huawei เชื่อว่าการทำ LiteOS สำหรับ IoT จะเน้นไปที่การเชื่อมต่อกับเครือข่าย มากกว่าการโฟกัสที่อุปกรณ์แบบที่เห็นใน Android และ iOS

หลังการเปิดตัว Huawei ตั้งเป้าว่าจะมีอุปกรณ์ที่ใช้ LiteOS มากกว่า 100,000 ล้านชิ้นภายในปี 2025

ที่มา - Huawei

Atheros (บริษัทลูกของ Qualcomm) ออกชิป Wi-Fi รุ่นใหม่สองตัว ที่ออกแบบมาจับตลาดอุปกรณ์เชื่อมต่อเน็ต (connected device หรือ IoT) โดยเฉพาะ

อีกหนึ่งผู้ผลิตที่ผันเข้ามาเล่นในตลาดชิปอย่างเต็มตัวในช่วงปีที่ผ่านมาอย่างซัมซุง เปิดตัวชิปซีรีส์ใหม่ Artik สำหรับจับตลาดกลุ่ม Internet of Things (IoTs) โดยเฉพาะเพื่อแข่งขันกับ Qualcomm และ Intel แล้ว

ชิปซีรีส์ Artik เปิดตัวที่ศูนย์นวัตกรรมของซัมซุงในสหรัฐฯ ตัวชิป Artik จะมีทั้งสิ้น 3 รุ่นย่อยในสเปคต่างๆ กันในราคาตั้งแต่ต่ำกว่า 10 เหรียญ ไปจนถึงมากกว่า 100 เหรียญ ดังนี้ (อ่านสเปคเต็มๆ ที่นี่)

ค่าย SAP ลงมาบุกตลาด Internet of Things ด้วยผลิตภัณฑ์ชื่อยาวเหยียด SAP HANA Cloud Platform for the Internet of Things (ตัวย่อคือ HCP for IoT)

SAP HCP for IoT ทำตัวเป็นแพลตฟอร์มกลางสำหรับบริหาร device cloud โดยจะทำหน้าที่ทั้งบริหารจัดการระดับของอุปกรณ์และระดับของแอพพลิเคชัน มันจะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถนำข้อมูลที่ได้จาก IoT ไปใช้งานต่ออีกชั้นหนึ่ง (ซึ่งองค์กรที่ใช้ SAP อยู่แล้วก็สามารถเชื่อมต่อข้อมูลไปยัง SAP Business Suite 4 ได้เลย)

ในโอกาสนี้ SAP ยังประกาศความร่วมมือกับ Intel ในการพัฒนา HCP for IoT ให้ทำงานได้กับแพลตฟอร์ม IoT ของอินเทลด้วย