ที่งาน Nokia World คุณ Marco Argenti ตำแหน่ง SVP of Developer and Marketplace เผยว่า บริษัทจะแจก Lumia 800 จำนวน 25,000 เครื่องให้กับนักพัฒนาทั่วโลก แต่เขาก็ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าโนเกียจะแจกเมื่อไรและอย่างไร

RIM ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ BBX ซึ่งเป็นการรวมร่างกันระหว่างฟีเจอร์บนระบบปฏิบัติการของ BlackBerry ที่มีอยู่เดิมกับระบบปฏิบัติการ QNX ที่ถูกใช้อยู่บนแท็บเล็ต PlayBook

ที่งาน DevCon คุณ Dan Dodge อดีตซีอีโอของ QNX กล่าวว่า BBX จะเป็นแพลตฟอร์มที่เป็นหนึ่งเดียวของทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต โดยจะรองรับการใช้งานลักษณะลูกค้าองค์กรแบบเดียวกับแพลตฟอร์มเวอร์ชันก่อนหน้านี้ และรองรับ cloud services มาตั้งแต่แรก

ถึงแม้ว่าไมโครซอฟท์จะผลักดัน WinRT และ Metro ใน Windows 8 มาใช้แทน .NET เต็มขั้น แต่คนที่ทำงานสาย .NET ก็ยังไม่ต้องกลัวว่าจะตกงาน เพราะสถิติล่าสุดนั้นกลับกัน

ขอมาเก็บตกงาน BUILD อีกสักข่าวครับ

ที่งาน BUILD ที่ซึ่งไมโครซอฟท์ได้เผย Windows 8 (หรือที่มีชื่ออย่างเป็นทางการในขณะนี้ว่า Windows Developer Preview) คุณ Anders Hejlsberg หัวหน้าทีมพัฒนาภาษา C# ได้นำเสนอโปรเจกต์ที่มีโค้ดเนมว่า "Roslyn" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการกรุยทางของบริษัทที่จะนำแพลตฟอร์ม .NET ขึ้นไปให้บริการบนกลุ่มเมฆ

หลังจากไมโครซอฟท์และผู้ให้บริการเครือข่ายได้ปล่อยอัพเดต Windows Phone 7.5 (Mango) อย่างเป็นทางการ ไมโครซอฟท์ก็ได้เปิดให้ดาวน์โหลด Windows Phone SDK 7.1 เวอร์ชันจริง (release to web หรือ RTW) แล้ว ซึ่งนอกจากนั้นจะแก้ไขบั๊กของเครื่องมือพัฒนาแล้วก็ยังเพิ่มภาษาท้องถิ่นที่จะปรากฎบนเครื่องมือพัฒนาและเอกสารต่างๆ อีก 8 ภาษา อาทิ ภาษาจีน ญี่ปุ่น เยอรมัน เป็นต้น

ไมโครซอฟท์ยังระบุว่า นักพัฒนาไม่จำเป็นต้อง recompile โค้ดของแอพฯ ที่พัฒนาบน Windows Phone SDK 7.1 เวอร์ชัน RC (release candidate) แต่อย่างไร

หลังจากไมโครซอฟท์เปิด Windows Phone Marketplace ภาค Mango ก็มีนักพัฒนาส่งแอพขึ้นไปขายกันมากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือปัญหา "สแปม" ในลักษณะที่นักพัฒนาบางราย ส่งแอพขึ้นทีเดียวมากๆ เพื่อครองรายการในหมวด "New"

ไมโครซอฟท์จึงแก้ปัญหาโดยปรับลิมิตของการส่งแอพต่อคนต่อวัน จากเดิม 20 ตัว ลงมาเหลือ 10 ตัว พร้อมทั้งจับตาการส่งแอพขึ้น Marketplace อย่างใกล้ชิด นักพัฒนาที่ทำผิดเงื่อนไขจะถูกแบน (ชั่วคราวและถาวร)

ไมโครซอฟท์ยังส่งเสริมให้นักพัฒนาพยายามแยกแอพที่คล้ายๆ กันด้วยไอคอนที่แตกต่างกัน และไม่ควรสร้างแอพที่มีรูปแบบคล้ายกันจนเกินไป (เช่น เปลี่ยนบางส่วนแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นแอพอีกตัว)

หลายคนอ่านแล้วคงอยากส่งไปให้กูเกิลอ่านกันบ้าง...

มาตามสัญญาครับ (พรีวิว) งานจะเริ่มวันพรุ่งนี้ (24 กันยายน) เวลา 9.00 เป็นต้นไป

วันนี้ผมมีโอกาสได้นั่งคุยกับทีมวิศวกรของกูเกิล บางส่วนของชุดที่จะมาพูดในงาน Google DevFest 2011 ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วันเสาร์นี้ ก็ขอนำประเด็นที่ได้ มาพรีวิวให้ดูว่า DevFest รอบนี้จะมีอะไรบ้าง

ตารางของงาน ดูจากลิงก์ข้างต้นกันเองนะครับ ส่วนรายละเอียดของประเด็นที่จะนำเสนอในงาน ดูที่ Google DevFests 2011 Sessions

กูเกิลจัดงาน DevFest ที่กรุงเทพมาสองรอบแล้ว (อ่าน ครั้งแรกในประเทศไทย กับ.. Google DevFest) ปีนี้ DevFest กลับมาอีกครั้ง แต่เปลี่ยนบรรยากาศไปจัดที่เชียงใหม่บ้าง

งานจะจัดวันที่ 24 กันยายนนี้ ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รายละเอียดตอนนี้ยังมีไม่มาก (ตามอ่านได้จากหน้า SE Asia Google DevFests 2011) แต่เปิดให้ลงทะเบียนแล้ว ใครสนใจ ว่าง และสามารถเดินทางไปร่วมงานได้ ก็ลงทะเบียนกันตามสะดวก

ที่มา +Pornthip Kongchun

งานวิจัยจาก Yankee Group โดยได้รับการสนับสนุนจาก Skyhook สัมภาษณ์ข้อมูลจากนักพัฒนาแอพ Android จำนวน 75 ราย พบว่ามีรายได้จากการขายแอพน้อยกว่า iOS มาก

แอปเปิลเริ่มเปิดบริการ iTunes Match หรือการนำเพลงของเราไปไว้บน iCloud (แบบไม่ต้องอัพโหลดคือเช็คจากชื่อไฟล์เพลง) ให้นักพัฒนาทดสอบแล้ว

ผู้ที่จะทดสอบได้ต้องเป็นนักพัฒนาที่ลงทะเบียนไว้กับแอปเปิล โดยแอปเปิลจะให้เราดาวน์โหลด iTunes 10.5 Beta 6.1 ที่เปิดฟีเจอร์ iTunes Match ส่วนฝั่งมือถือจะต้องใช้ iOS 5 Beta ด้วยเช่นกัน

บริการนี้ไม่ฟรี และคิดค่าใช้จ่าย 24.99 ดอลลาร์ต่อปี โดยนักพัฒนาที่ทดสอบรุ่น Beta จะได้ใช้ iTunes Match ฟรีในช่วงทดสอบ และเมื่อออกรุ่นจริงแล้วจะได้อายุสมาชิกนาน 15 เดือน (คือ 1 ปี + ฟรี 3 เดือน)

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ทวีตผ่านบัญชีทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของงาน BUILD เป็นนัยว่า บริษัทจะแจก Windows 8 เวอร์ชันพรีรีลิสในงาน BUILD

งาน BUILD เปลี่ยนชื่อมาจาก Professional Developers Conference (PDC) ที่ไมโครซอฟท์เคยจัดมา โดยงานดังกล่าวเมื่อปี 2008 ไมโครซอฟท์ก็ได้แจก Windows 7 เวอร์ชันพรีวิวสำหรับนักพัฒนาให้กับผู้เข้าร่วมงานเท่านั้น ไม่ได้แจกเป็นวงกว้างเหมือนเวอร์ัชันเบต้าแต่อย่างไร

ที่มา: บัญชีทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของงาน BUILD ผ่าน WinRumors

DevCon คือ งานสัมมนาประจำปีของค่าย BlackBerry ซึ่งจัดที่สหรัฐอเมริกาเป็นประจำทุกปี และมีแตกออกไปเป็น DevCon Europe กับ DevCon Asia สำหรับแต่ละภูมิภาคด้วย

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา RIM เลือกจัดงาน BlackBerry DevCon Asia 2011 ที่ประเทศอินโดนีเซีย (ได้ข่าวว่ามีคนแถวบ้านเราไปกันบ้างเหมือนกัน) แต่ล่าสุดมีข่าวออกมาแล้วว่า DevCon Asia 2011 รอบใหม่จะจัดที่กรุงเทพ ระหว่างวันที่ 7-8 ธันวาคมนี้ สถานที่คือโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์นั่นเอง

ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดของงาน DevCon Asia รอบนี้มากนัก ผู้ที่สนใจการพัฒนาแอพพลิเคชันบน BlackBerry ในบ้านเราต้องขยันเข้าไปดูที่หน้า DevCon กันเป็นระยะๆ ครับ ทาง PR ของ RIM บอกว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

แอปเปิลนั้นประกาศชัดเจนว่า iCloud จะมาแทน MobileMe และบริษัทได้เปิดเว็บ me.com/move เพื่อให้นักพัฒนาย้ายบัญชีของตัวเองไปยัง iCloud แล้ว

บริการนี้จะช่วยย้ายข้อมูลส่วนของอีเมล สมุดที่อยู่ ปฏิทิน จาก MobileMe ไปยัง iCloud ส่วนบริการตัวอื่นๆ ที่มีใน MobileMe แต่ไม่มีใน iCloud เช่น iWeb, iDisk, Photo Gallery จะใช้งานได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2012

แน่นอนว่าผู้ที่จะใช้ iCloud ได้จะต้องใช้ซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ล่าสุดของแอปเปิลเท่านั้น ทั้ง iOS 5 และ Mac OS X Lion สำหรับผู้ใช้วินโดวส์ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ iCloud Control Panel เพิ่มกันเอง

เป็นข่าวสั้นๆ แต่น่าจะสร้างเสียงเฮดังให้กับท่านที่ถือ Windows Phone 7 Mango Beta อยู่ เพราะวันนี้ไมโครซอฟท์ได้ปล่อย Windows Phone 7 Mango RC build 7712 ให้กับนักพัฒนาแล้ว โดยแต่ละประเทศจะได้รับ Update ตามเขตเวลา

ผมเองก็ได้รับแจ้งตัว Update ในเช้าวันนี้ทันทีที่เสียบเครื่องกับ Zune ครับ

ที่มา: xda-developers และผมเอง

ข่าวดีของนักพัฒนาแอพบน Android Market ที่ต้องทำแอพรองรับอุปกรณ์หลายๆ ชนิด ซึ่งในบางกรณีแต่ละรุ่นใช้งานแอพไฟล์เดียวกันไม่ได้ ทำให้ต้องแยกแอพออกเป็นหลายๆ รุ่นตามอุปกรณ์แต่ละตัว (ดูตัวอย่างคีย์บอร์ด TSwipe หรือตัวอย่างที่พบบ่อยคือแยกรุ่นมือถือ-แท็บเล็ต) ซึ่งก็มีข้อเสียคือชวนให้ผู้ใช้สับสนไม่น้อย

ตอนนี้กูเกิลแก้ปัญหานี้แล้ว โดยอนุญาตให้แอพหนึ่งตัว สามารถอัพโหลดไฟล์ APK ขึ้นไปได้หลายไฟล์ตามการใช้งาน จากนั้นตัว Market จะช่วยเลือกไฟล์ที่เหมาะกับอุปกรณ์ของผู้ใช้ให้เอง

คนที่พัฒนาแอพบน Android ก็ตามไปอ่านรายละเอียดวิธีการตั้งค่ากันเองนะครับ

จุดแข็งของ Firefox ในเรื่องเครื่องมือช่วยพัฒนาเว็บอย่าง Firebug อาจจะหมดลงในไม่ช้า เพราะ John J. Barton นักพัฒนาหลักคนปัจจุบันของโครงการ Firebug ประกาศว่าเขาจะร่วมงานกับทีม Chrome เพื่อสร้าง "เครื่องมือช่วยพัฒนาเว็บยุคหน้า"

ก่อนหน้านี้ John J. Barton เป็นพนักงานของ IBM และร่วมพัฒนา Firebug เต็มเวลาในฐานะพนักงานของ IBM แต่ตอนนี้เขาบอกว่าจะไม่ได้ร่วมพัฒนา Firebug รุ่นบน Firefox อย่างต่อเนื่องเหมือนเดิมอีกแล้ว (ยังมีนักพัฒนาคนอื่นๆ ทำต่อ แต่อาจจะพัฒนาช้ากว่าเดิม)

ปัญหาของ Firebug ตอนนี้คือสถาปัตยกรรมของซอฟต์แวร์ตาม Firefox ไม่ทัน และโฟกัสของนักพัฒนาเว็บที่เริ่มย้ายจากเดสก์ท็อปไปยังอุปกรณ์พกพา

ผู้อ่าน Blognone คงจะคุ้นเคยกับสมาชิกของเราที่ใช้ชื่อว่า nattachai ซึ่งตัวจริงของเขาคือคุณ "อ๊อบ" หรือชื่อจริง "ณัฐชัย อึ๊งศรีวงศ์" ผู้ก่อตั้งบริษัท Crie ที่มีความโดดเด่นด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์บนมือถือมานาน

ผลงานของ Crie มีมากมาย (ตั้งแต่ยุคของ Palm/PocketPC) ส่วนผลงานในปัจจุบันได้แก่แอพของ dtac/Thairath/Nok Air, บริการแชร์ภาพถ่ายที่นิยมอีกตัวคือ Playground และล่าสุดที่กำลังอัดโฆษณาอยู่ในตอนนี้คือ Social App ของ dtac (ที่เหลือดูกันเองในเว็บของ Crie)

หลังจากไมโครซอฟท์ได้ปล่อย Cloud Development Kit เวอร์ชันพรีวิวเมื่อต้นปี และอัพเดตเป็นเวอร์ชันเบต้าเมื่อราวเดือนเมษายน ล่าสุด Cloud Development Kit ก็มาถึงเวอร์ชันตัวจริง (RTM) แล้ว

SDK สำหรับ Windows Phone 7 นี้เปิดให้แอพฯ สามารถเรียกใช้บริการบนกลุ่มเมฆที่ยังเป็นงานวิจัยอยู่ได้ สำหรับบริการใหม่นอกเหนือจาก Relay Service และ Rendezvous Service (ข่าวเก่า) ที่ไมโครซอฟท์ รีเสิร์ชเปิดให้ทดลองใช้คือ OCR in the Cloud และ Speech to Text

โนเกียได้เปิดตัวหน้าเว็บสำหรับนักพัฒนาใหม่ โดยเปลี่ยนชื่อจาก "Forum Nokia" เป็น "Nokia Developer" และได้นำเสนอข้อมูลการพัฒนาแอพฯ บน Windows Phone 7.1 (โค้ดเนม "Mango") ใครสนใจเข้าไปดูได้ที่นี่

นอกจากนั้นโนเกียยังได้ส่งอีเมลแจ้งสิทธิ์ได้รับสมาชิก App Hub ของไมโครซอฟท์ฟรีเป็นเวลา 1 ปี ไปยังสมาชิกประเภท PRO และ Launchpad ที่ลงทะเบียนบน Ovi ในประเทศที่ App Hub รับรองด้วย

หลังจากที่ไมโครซอฟท์ได้ช่วยนักพัฒนา iOS พอร์ตแอพสู่ Windows Phone 7 มาแล้ว พร้อมกับคำสัญญาว่าแอนดรอยด์เองก็จะได้รับสิทธิ์นี้เช่นเดียวกัน วันเวลาก็ได้ล่วงเลยมายาวนาน (กว่าเดือนเศษ >_<) ไมโครซอฟท์ก็ผ่านเงื่อนไขตามคำสัญญานั้นได้เรียบร้อยแล้ว

ข่าวดีแน่นอนสำหรับเจ้าของ Galaxy S II ที่จะลงรอมภายนอกอื่นๆ เอง เพราะมีรายงานว่านักพัฒนาในทีม CyanogenMod จำนวน 4 คนที่เคยช่วยกันพอร์ตรอมไปลง Galaxy S รุ่นแรก ได้รับมือถือ Galaxy S II ฟรีจากซัมซุง

Kolja Dummann หนึ่งในนักพัฒนากลุ่มนี้ให้สัมภาษณ์ว่า หลัง Galaxy S II วางขายในยุโรป ทีมของเขาก็ขอให้ซัมซุงส่งมือถือมาให้ ซึ่งซัมซุงก็ส่งมาให้จริงๆ โดยส่งเป็นพัสดุไปยังนักพัฒนาแต่ละคน Dummann บอกว่าครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่บริษัทมือถือส่งมือถือมาให้นักพัฒนาในชุมชน CyanogenMod ใช้ฟรี

ตอนนี้อุปกรณ์พร้อมแล้ว ที่เหลือก็แค่รออีกไม่นานเท่านั้น!

หลังจากโชว์ Windows Phone "Mango" ไปเมื่อวานนี้ ไมโครซอฟท์ก็แจกเครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์บน Mango ให้นักพัฒนาเตรียมตัวกัน

ในแง่ของการพัฒนาซอฟต์แวร์ Mango ก็เปิดให้นักพัฒนาเข้าถึงฟีเจอร์ของระบบเพิ่มขึ้นอีกมากมาย (หลังจากที่ Windows Phone รุ่นแรกทำอะไรไม่ได้มากนัก) เช่น มัลติทาสกิง, เข้าถึงกล้อง-เข็มทิศ-ไจโรสโคป, เข้าถึงปฏิทินและสมุดที่อยู่, แอพสามารถเรียกใช้ Live Tiles และระบบแจ้งเตือนได้มากกว่าเดิม, สั่งควบคุม IE9, ผสม Silverlight+XNA ในแอพเดียวกันได้ ฯลฯ

รายการฟีเจอร์ทั้งหมดดูรูปประกอบ + อ่านกันเองตามที่มา

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ นักพัฒนาแอพให้กับ iOS หลาย ๆ คนได้รับจดหมายจากบริษัท Lodsys ว่าพวกเขาได้ละเมิดสิทธิบัตรการซื้อส่วนเสริมของแอพจากภายในแอพ (In-App Purchase) ของบริษัท แม้ว่าในความจริงแล้วขั้นตอนในการซื้อส่วนเสริมเหล่านี้จะต้องดำเนินการผ่าน iTunes ของแอปเปิล

บริษัท Lodsys ที่ไม่เป็นที่รู้จักนี้ได้บอกว่านักพัฒนาที่ได้รับจดหมายทุกคนจะถูกฟ้อง หากไม่ทำการจ่ายค่าตอบแทนและบริษัทยังอ้างอีกว่าพวกเขามีสิทธิในการเข้าถึง 0.575% ของรายได้จากการซื้อส่วนเสริมภายในแอพทั้งหมดภายในสหรัฐอเมริกา นั่นก็หมายความว่าหากนักพัฒนามีรายได้ในส่วนนี้ 1 ล้านดอลลาร์ บริษัทนี้จะได้ไป 5,750 ดอลลาร์

ร่างมาตรฐาน CSS3 จะต่างไปจาก CSS1 และ CSS2 เพราะจะแยก "โมดูล" ออกเป็นส่วนๆ ซึ่งมีระดับความก้าวหน้าของมาตรฐานไม่เท่ากัน (ปัจจุบันมีโมดูลจำนวนหลายสิบตัว ดูสถานะได้จาก CSS current work)

ข่าวนี้จะพูดถึงโมดูลตัวหนึ่งชื่อ CSS3 Regions Module ซึ่งเสนอโดย Adobe ครับ

CSS3 Regions จะกำหนดการไหลของข้อความ (text flow) ไปยังพื้นที่ต่างๆ ที่เรากำหนดไว้ ซึ่งจะช่วยให้การออกแบบสิ่งพิมพ์บนเว็บทำได้หลากหลายมากขึ้น และข้อความเว็บจะคล้ายกับข้อความบนหน้านิตยสารมากขึ้น (ดูภาพประกอบ)