เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา EMC เปิดตัวชุดซอฟต์แวร์ EMC Enterprise Hybrid Cloud (EHC) ในประเทศไทย โดยตัวซอฟต์แวร์นี้จะเปิดโอกาสให้องค์กรสามารถเปลี่ยนแปลงฝ่ายไอทีของตัวเองไปทำหน้าที่ดูแลเซิร์ฟเวอร์บนคลาวด์ให้กับฝ่ายอื่นๆ ในองค์กรไปพร้อมกัน
ระบบของ EHC จะมีหน้าคอนโซลให้กับผู้ใช้ฝ่ายอื่นๆ สามารถเลือกร้องขอเซิร์ฟเวอร์เพิ่มเติม โดยให้บริการได้ทั้งเซิร์ฟเวอร์ในองค์กรเองและนอกองค์กร ฝ่ายต่างๆ จะสามารถเปรียบเทียบเงื่อนไขการใช้งานและราคาระหว่างเซิร์ฟเวอร์จากคลาวด์ในองค์กร, คลาวด์จากผู้ให้บริการที่สามารถเชื่อมต่อกับ EHC ได้ (เรียกว่า EMC Cloud Service Provider โดยทาง EMC ระบุว่าในไทยกำลังมีผู้ให้บริการเปิดตัวเร็วๆ นี้) และคลาวด์จากบริษัทที่เรารู้จักกันดีอย่าง Amazon EC2 หรือ Windows Azure
สำนักพิมพ์ Penguin Random House เริ่มทดลองตลาดอีบุ๊คโดยการเปิดบริการ Cloud Reader เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ให้กับสำนักพิมพ์ย่อย Pelican ที่เคยปิดตัวลงสามสิบปีก่อน โดยกลับมาขายแบบดิจิตอลออนไลน์เพียงอย่างเดียว โดยเริ่มต้นขายหนังสือ 5 เล่ม เล่มละ 4.99 ปอนด์ และสัญญาว่าจะทยอยเพิ่มหนังสือให้เลือกซื้อมากขึ้นในปีหน้า
บริษัท Cloud & Heat ผู้ให้บริการพื้นที่กลุ่มเมฆจากเยอรมนีปิ๊งไอเดียแก้ปัญหาของคน 2 กลุ่มในคราวเดียว ทั้งปัญหาของผู้คนที่ต้องการอากาศอุ่นๆ ภายในบ้านช่วงฤดูหนาว และปัญหาของผู้ดูแลระบบที่ต้องการอากาศเย็นๆ เลี้ยงการทำงานของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ด้วยการออกบริการติดตั้งเครื่องเซิร์ฟเวอร์ให้แก่บ้านพักอาศัยที่ต้องการเครื่องทำความร้อนภายในบ้าน
อเมซอนเปิดบริการชุดใหม่สำหรับกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยใช้ชื่อชุดว่า Application Lifecycle Management Tools ประกอบด้วยบริการใหม่ 3 ตัวที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
อเมซอนเปิดตัวเอนจินฐานข้อมูลของตัวเองที่ชื่อว่า Aurora สำหรับให้บริการบน AWS เพิ่มเติมจากเดิมที่มี Amazon RDS for MySQL อยู่แล้ว โดยมีจุดต่างสำคัญคือ Aurora จะทำงานบน AWS ได้มีประสิทธิภาพสูงกว่า ทางอเมซอนระบุว่าประสิทธิภาพที่ได้อาจจะสูงถึง 4 เท่าตัว ทำให้สามารถใช้เครื่องขนาดเล็กลงเพื่อทำงานเท่าเดิมได้
ระบบสตอเรจของ Aurora จะทำสำเนาหกชุดทุกครั้ง โดยข้ามไปยัง 3 Availability Zones ระบบเขียนฐานข้อมูลยังทำงานต่อไปได้แม้แม้สตอเรจสองชุดไม่ทำงาน และยังอ่านต่อได้หากมีสตอเรจสามชุดไม่ทำงาน
บริการคลาวด์ที่เราได้ยินกันส่วนมากคงเป็นกูเกิล, อเมซอน, ไมโครซอฟท์, หรือ Digital Ocean แต่ในโลกองค์กรไอบีเอ็มก็ยังเป็นผู้ให้บริการรายสำคัญจากการเข้าซื้อ SoftLayerเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้ไอบีเอ็มก็เตรียมมาทำตลาดกับบริษัทขนาดเล็กด้วยการออกแคมเปญสนับสนุนสตาร์ตอัพให้ใช้บริการของไอบีเอ็มฟรี
โครงการ IBM Global Entrepreneur Program for Cloud Startups จะให้การสนับสนุนสตาร์ตอัพเข้าใช้งานบริการคลาวด์ของไอบีเอ็มทั้งสามตัวหลักได้แก่ Bluemix, Cloudant, และ SoftLayer นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากไอบีเอ็มเพื่อทำตลาดองค์กร
ไมโครซอฟท์เปิดตัวบริการ Azure Site Recovery ที่เคยเปิดให้ทดสอบในวงปิดไปช่วงกลางปีที่ผ่านมา โดยหลังจากนี้ผู้ใช้ทั่วไปจะสามารถเปิดใช้บริการได้ทันที
บริการนี้จะสำรองข้อมูล และตรวจสอบสถานะของศูนย์ข้อมูลหลัก รวมไปถึงการนำระบบขึ้นเมื่อมีปัญหา พร้อมทั้งระบบทดสอบศูนย์ข้อมูลสำรองที่สามารถสั่งทดสอบได้โดยไม่ต้องหยุดงานในศูนย์หลัก
ราคาเริ่มต้นสำหรับการสำรองไปยังศูนย์ข้อมูลของลูกค้า จะอยู่ที่ 16 ดอลลาร์ต่อเครื่องต่อเดือน หากใช้เครื่องของ Azure เป็นศูนย์สำรองจะอยู่ที่ 54 ดอลลาร์ต่อเครื่องต่อเดือน
งานเปิดตัวของ VMware นอกจากประกาศความร่วมมือกับ Docker เมื่อวานนี้แล้วก็ยังมีการประกาศสินค้าอีกหลายอย่าง
กูเกิลประกาศรองรับชุดพัฒนาเว็บแอพพลิเคชั่น MEAN (MongoDB, Express Web Framework, AngularJS, และ NodeJS) บน Google Compute Engine อย่างเป็นทางการ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องมาสั่งติดตั้งชุดซอฟต์แวร์เองแต่สามารถกด deploy จากหน้าคอนโซลได้โดยตรง
ชุดซอฟต์แวร์ที่ Google Compute Engine เคยรองรับมาก่อนหน้านี้แล้วได้แก่ Apache Cassandra, MongoDB, และ RabbitMQ
ที่มา - Google Cloud Platform Blog
Amazon WorkSpaces บริการเดสก์ทอปบนคลาวด์เริ่มให้บริการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ RADIUS เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถจัดการผู้ใช้จากเซิร์ฟเวอร์ในองค์กรได้แล้ว
ด้วยความสามารถนี้ ผู้ใช้สามารถล็อกอินด้วยรหัสผ่านเดียวกับที่ใช้ในองค์กรหรืออาจจะใช้ OTP จากฮาร์ดแวร์หากมีการใช้งานอยู่ ทางอเมซอนระบุว่ารองรับ RADIUS โดยทั่วไป แต่ทดสอบกับเซิร์ฟเวอร์สองตัว ได้แก่ Symantec VIP, และ Microsoft Radius Server
บริการนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจาก Amazon WorkSpaces ปกติ
ที่มา - Amazon Web Services Blog
โครงการ CoreOS เปิดตัวช่วงปลายปีที่แล้วโดยมีแนวคิดจากระบบปฏิบัติการสมัยใหม่ที่มี API ให้ใช้งานชัดเจน แม้โครงการจะเริ่มต้นขึ้นจากนักพัฒนาเพียงกลุ่มเล็กๆ แต่ก็ได้รับความสนใจเป็นวงกว้าง ตอนนี้กูเกิลก็รองรับ CoreOS บน Google Compute Engine (GCE) เป็นทางการแล้ว
ออราเคิลประกาศเปิดตัวระบบปฏิบัติการ Solaris 11.2 โดยถือเป็นการอัพเดตต่อจากรุ่น 11.1 เมื่อปี 2012
ภาพรวมในรุ่น 11.2 นี้ ออราเคิลปรับปรุง Solaris ให้รองรับกับเทคโนโลยีคลาวด์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น OpenStack, Software-defined Network (SDN), การทำคลัสเตอร์ และ Virtualization เข้ามารวมกันอยู่ในรุ่นนี้ และปรับแต่งให้รันบนเซิร์ฟเวอร์ของออราเคิลที่มีสถาปัตยกรรม SPARC ให้ดีขึ้น (รายละเอียดทั้งหมดอ่านเอาจากเว็บไซต์ของออราเคิล)
บริการคลาวด์ของ DigitalOcean มีความพิเศษอย่างหนึ่งคือลูกค้าสามารถเข้าถึงหน้าจอคอนโซลได้จากเว็บ ทำให้จัดการเครื่องได้แม้จะเผลอคอนฟิกจนเน็ตเวิร์คไม่ทำงานก็ตาม ทาง Digital Ocean ประกาศว่าเพิ่งเขียนโค้ดในส่วนนี้เสียใหม่โดยใช้ภาษา Go
ประโยชน์ของการใช้ภาษา Go สำหรับ DigitalOcean ได้แก่ ประสิทธิภาพในการจัดการ TCP และ websocket ที่ดี ทำให้ความเร็วของคอนโซลดีขึ้น, ระบบอินเทอร์เฟซ (Interface) ทำให้โค้ดทดสอบได้ง่าย, มีไลบรารี net/http
ในตัวทำให้ดีพลอยขึ้นระบบจริงได้โดยไม่ต้องดาวน์ระบบ, ระบบแพ็กเกจของ Go ทำให้แต่ละทีมแชร์โค้ดกันได้ง่าย
IBM เปิดตัว Cloud Marketplace ร้านค้าออนไลน์สำหรับบริการงานกลุ่มเมฆต่างๆ เน้นสำหรับลูกค้าองค์กรธุรกิจโดยเฉพาะ เริ่มให้บริการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
บริการบน Cloud Marketplace มีตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ไล่ไปถึงบริการด้านความปลอดภัย ตลอดจนบริการเพื่อรองรับการใช้งานซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์พกพา โดยมีคู่ค้าร่วมในร้านค้าของ IBM หลายรายด้วยกัน ได้แก่ Zend, SendGrid, MongoDB, NewRelic, Redis Labs, Sonian, Flow Search Corp, Twilio และ Ustream
ไอบีเอ็มที่เพิ่งซื้อบริษัท SoftLayer ไปออกบริการศูนย์ข้อมูลสำรองในกรณีเกิดภัยพิบัติ โดยประกาศเกือบพร้อมกับคู่แข่งอย่าง VMware ที่ประกาศบริการ vCloud Hybrid Service - Disaster Recovery ออกมาใกล้ๆ กัน
บริการของไอบีเอ็มมีชื่อเต็มว่า IBM Business Continuity and Resilience Services (BCRS) โดยเปิดให้ลูกค้าสามารถสำเนาข้อมูลขึ้นไปยังระบบสำรองของ SoftLayer ได้ตลอดเวลาและสามารถสลับไปใช้งานศูนย์ข้อมูลสำรองนี้ได้เมื่อจำเป็นโดยลดเวลาดาวน์ระบบให้เหลือน้อยที่สุด ไอบีเอ็มระบุวางแผนจะตั้งศูนย์ BCRS นี้ทั้งหมดถึง 150 ศูนย์ทั่วโลกเพื่อลดเวลาสำรองข้อมูลให้น้อยที่สุด และเพื่อให้ลูกค้าสามารถทำตามข้อบังคับได้ (ข้อมูลหลายประเภทติดกฎหมายห้ามนำออกนอกประเทศ)
มีรายงานจากนักพัฒนาแสดงอีเมลจากอเมซอน แจ้งว่านักพัฒนานำกุญแจลับสำหรับควบคุม API ของ AWS ไปใส่ไว้ในแอพพลิเคชั่น การที่อเมซอนจะรู้ได้ว่ามีกุญแจของ AWS อยู่ในแอพพลิเคชั่นแสดงว่าต้องมีการไล่ดีคอมไพล์โค้ดของแอพพลิเคชั่นมาตรวจสอบ
อย่างไรก็ดีการทำกุญแจลับของ AWS ไปวางไว้ในแอพพลิเคชั่นนับเป็นความเลินเล่ออย่างร้ายแรง แฮกเกอร์ที่มุ่งร้ายสามารถดึงกุญแจออกมาได้เช่นเดียวกับทางอเมซอนเอง หากกุญแจเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือแฮกเกอร์อาจจะทำสร้างเซิร์ฟเวอร์บนอเมซอนเพื่อใช้โจมตีเหยื่ออื่นๆ ต่อไปโดยใช้บัญชีของนักพัฒนา
ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานกุญแจลับ AWS ถูกโพสไว้บน GitHub จำนวนมาก
บริการ Amazon Workspaces เปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยขายราคาเครื่องรวมซอฟต์แวร์ให้เช่าใช้รายเดือนเริ่มต้น 35 ดอลลาร์ไปและต้องเพิ่ม 15 ดอลลาร์หากต้องการใช้ Microsoft Office ตอนนี้บริการก็เปิดให้คนทั่วไปเข้าใช้งานได้แล้ว พร้อมกับเปิดซอฟต์แวร์ Amazon Workspaces Sync ให้ซิงก์ไฟล์กลับมายังเดสก์ทอปของเราได้ง่ายขึ้น
รองรับอุปกรณ์หลากหลาย ทั้งพีซี, ไอแพด, Kindle Fire, และแอนดรอยด์
ผมลองเล่นดูแล้วยังมีให้บริการเฉพาะศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ แม้คนไทยจะใช้งานได้แต่ใช้งานจริงคงไม่เวิร์คนัก
ปล่อยให้กูเกิลเปิดตัวแทนไปเกือบเดือนตอนนี้ VMware ก็มาเปิดตัว vCloud Horizon DaaS แล้ว จุดเด่นของบริการนี้คือสามารถเปิดให้ลูกค้าใช้วินโดวส์รุ่นเดสก์ทอปมาให้บริการได้ ขณะที่บริการโดยทั่วไปนั้นจำเป็นต้องใช้วินโดวส์เซิร์ฟเวอร์มาให้บริการ เพราะไมโครซอฟท์กำหนดให้เดสก์ทอปนั้นต้องรันบนฮาร์ดแวร์แยกเท่านั้น
การที่ VMware สามารถให้บริการวินโดวส์รุ่นเดสก์ทอป เช่น Windows 7 หรือ Windows 8.1 ได้ แสดงว่า VMware สามารถเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ให้ตรงตามไลเซนส์ของไมโครซอฟท์ เช่น แยกฮาร์แวร์ของแต่ละเครื่องออกจากกัน หรือไม่ VMware ก็มีข้อตกลงพิเศษกับไมโครซอฟท์
SAP เปิดตัวโมเดลการใช้ระบบฐานข้อมูลในหน่วยความจำ HANA ให้เช่าใช้งานรายเดือน โดยให้ลูกค้าสามารถซื้อได้สามรูปแบบ คือ Infrastructure Services เช่าเฉพาะเซิร์ฟเวอร์และใช้ไลเซนส์ที่มีอยู่แล้วมารันบนโครงสร้างของ SAP, DB Service มาพร้อมกับไลเซนส์ HANA สามารถเช่าใช้งานได้เลย, App Service วางแอพพลิเคชั่นบนโครงสร้างของ SAP สามารถขายบน Marketplace ของ SAP ได้อีกด้วย
อเมซอนประกาศเปิดบริการ Amazon Web Service (AWS) ในจีนให้กับลูกค้าในวงจำกัดช่วงต้นปีหน้า โดยตอนนี้เปิดให้ลงทะเบียนขอทดสอบการใช้งานได้ที่ www.amazonaws.cn
พร้อมกับการเปิดตัวนี้ อเมซอนเปิดรายชื่อลูกค้าในจีนที่ใช้บริการ AWS (จากศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคอื่น) อยู่แล้ว เช่น Xiaomi, TCL, Kingsoft
การเปิดตัวรอบนี้ทางอเมซอนลงนามกับรัฐบาลท้องถิ่นได้แก่ เมืองปักกิ่ง และเขตปกครองตนเองหนีงเซี่ยหุย เพื่อให้บริการกลุ่มเมฆกับทางรัฐบาลไปพร้อมกัน
ที่มา - Wall Street Journal
บริษัทไมโครซอฟท์ไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้บริการกลุ่มเมฆที่ชื่อ Windows Azure ให้แก่บริษัทอื่นๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ใช้งานบริการเหล่านี้เองด้วยเช่นกัน จากบทสัมภาษณ์ล่าสุด Scott Guthrie ซึ่งเป็นรองผู้บริหารระดับสูงของไมโครซอฟท์ที่ดูแลบริการ Windows Azure ได้ยืนยันแล้วว่า ขณะนี้ Skype ได้ย้ายการทำงานไปอยู่บน Windows Azure ที่เขาดูแลอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับบริการอื่นๆ ที่ทำงานบน Windows Azure ไปก่อนหน้านี้เท่าที่เปิดเผยคือ
ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์อย่าง Western Digital มีเซิร์ฟเวอร์ในบ้าน My Cloud และ My Cloud EX4 ขณะที่ในจีน บริการคลาวด์เก็บข้อมูล Baidu Yun มีผู้ใช้กว่าหนึ่งร้อยล้านคน วันนี้ทั้งสองบริษัทก็ร่วมมือกันพัฒนาสินค้าให้ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น
ความร่วมมือนี้ทำให้ผู้ใช้เซิร์ฟเวอร์ My Cloud และควบคุมผ่านแอพพลิเคชั่นบน Android และ iOS สามารถเข้าดูไฟล์ใน Baidu Yun และย้ายไฟล์ไปมาระหว่างเซิร์ฟเวอร์ในบ้านและคลาวด์ได้
แนวทางคลาวด์แบบไฮบริดได้รับความนิยมในระดับองค์กรมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะองค์กรจำนวนมากมีข้อมูลที่ไม่สามารถนำขึ้นไปใช้งานบนคลาวด์แบบสาธารณะได้ ตอนนี้แนวทางนี้ก็ํเริ่มถูกนำมาใช้งานสำหรับผู้ใช้ตามบ้านในจีนแล้วครับ
พอดีผมได้รับ e-mail แนะนำ app จาก ImageShack มาให้ทดลองใช้ Facebook app ชื่อ Fylr ซึ่งเป็น cloud storage (เขาโฆษณาว่า unlimit)
แล้วไปเจอ app แนะนำในหน้า Facebook app ชื่อ Pipe เลยทดลองใช้ดู
Feature ที่น่าสนใจคือ
Avi Kivity ผู้สร้าง KVM บนลินุกซ์และ Dor Laor ออกจาก Red Hat มาตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า Cloudius เพื่อสร้างระบบปฎิบัติการ OSv ระบบปฎิบัติการสำหรับกลุ่มเมฆโดยเฉพาะ
OSv เป็นโครงการโอเพนซอร์สบน GitHub ตัวระบบปฎิบัติการตัดการทำงานของระบบปฎิบัติการแบบตั้งเดิมออกไปแล้วให้บริการเฉพาะส่วนที่จำเป็นสำหรับแอพพลิเคชั่นบนกลุ่มเมฆ ความได้เปร่ียบของระบบปฎิบัติการในกลุ่มนี้คือมันใช้หน่วยความจำน้อยมาก และให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า
ก่อนหน้านี้มีแนวคิดคล้ายๆ กันคือ CoreOS
ที่มา - eWeek
ความสำเร็จของ Android, iOS, และ ChromeOS นั้นเปลี่ยนแนวคิดของคอมพิวเตอร์ในแบบเดิมๆ ไปมาก จากเดิมที่ระบบปฎิบัติการนั้นจะควบคุมเพียงบางส่วน และเปิดให้นักพัฒนาเข้าไป "ยุ่ง" แทบทุกส่วนได้อย่างอิสระ แต่ระบบที่ควบคุมแอพพลิเคชั่นอย่างมากเช่นทุกวันนี้กลับสามารถควบคุม API ในการพัฒนาให้ชัดเจน มีการซัพพอร์ตอย่างทั่วถึง และแม้อัพเดตก็สามารถทำงานต่อไปได้โดยไม่มีปัญหามากนัก
ทีมสตาร์ตอัพทีมใหม่ที่ชื่อว่า CoreOS กำลังใช้แนวคิดนี้ในการพัฒนาระบบปฎิบัติการสำหรับเซิร์ฟเวอร์ โดยสร้างระบบปฎิบัติการที่ล็อกทุกส่วนออกจากแอพพลิเคชั่น ทำให้ระบบปฎิบัติการสามารถอัพเดตได้ทันทีที่มีแพตซ์ใหม่ออกมา และมี API ในการพัฒนาอย่างชัดเจน