Apple, Inc.
ข่าวเก่าไปนิดครับ
หลังจาก Bob Mansfield เกษียณแล้ว Apple ประกาศเมื่อ 27 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า Craig Federighi เข้ารับตำแหน่งรองประธานฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ Mac และ Dan Riccio รับตำแหน่งรองประธานฝ่ายวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ แทน Bob Mansfield
Bob Mansfield ยังเปลี่ยนจากรองประธานฝ่ายวิศวกรรมฮาร์ดแวร์ เป็นรองประธาน (เฉย ๆ) ซึ่งเขายังทำงานกับ Apple ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคต รายงานตรงต่อ Tim Cook
นี่เป็นอีกหนึ่งคดีที่สองบริษัทนี้ฟ้องกันไปมาในหลายประเทศทั่วโลก เมื่อปีที่แล้ว แอปเปิลยื่นฟ้องต่อศาลเขตโตเกียวว่าซัมซุงละเมิดสิทธิบัตรด้านการซิงก์ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์พกพากับคอมพิวเตอร์ (Kies นั่นเอง) โดยแอปเปิลเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านเยน (ประมาณ 40 ล้านบาท)
วันนี้ศาลญี่ปุ่นตัดสินแล้วว่าซัมซุงไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตรชิ้นนี้ เพราะ Kies ใช้วิธีการแยกแยะไฟล์ที่จะซิงก์แตกต่างไปจาก iTunes ของแอปเปิล และผู้พิพากษา Tamotsu Shoji ยังสั่งให้แอปเปิลเป็นฝ่ายจ่ายค่าดำเนินการของคดีนี้
ตัวแทนของซัมซุงออกมาแสดงความยินดีกับผลการตัดสิน (แน่นอนว่าหุ้นขึ้น) ส่วนแอปเปิลก็ปฏิเสธการแสดงความเห็นตามที่คาดกันได้
แม้ว่าจะใกล้งานเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่เข้าไปเต็มที แต่ข่าวหลุดชิ้นส่วนภายในก็ยังมีมาเรื่อยๆ และชิ้นล่าสุดน่าจะเป็นส่วนที่ทำให้หลายคนหันกลับมาสนใจเจ้า iPhone รุ่นใหม่นี้มากขึ้น
ชิ้นส่วนที่หลุดมาใหม่ที่ว่าก็คือ logic board นั่นเอง และเมื่อนำแผงกันแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI shielding) ออกพบว่าชิปซีพียูที่ใช้นั้นคือ Apple A6
แม้ว่ายังไม่มีการตรวจสอบว่าภาพที่ออกมาถูกตกแต่งหรือไม่ แต่ถ้าหากเป็นของจริง สเปคคร่าวๆ ของ Apple A6 อ้างอิงจากข่าวเดิม คือผลิตในสถาปัตยกรรมขนาด 28 นาโนเมตร (ระดับเดียวกับซีพียูรหัส Krait ของ Qualcomm) เป็นซีพียูควอดคอร์ และยังใช้ซัมซุงเป็นผู้ผลิตให้
บริษัทโฆษณาออนไลน์ Chitika ที่เคยออกมาบอกว่า OS X รุ่นใหม่รหัส Mountain Lion มีส่วนแบ่ง 3.2% ภายใน 48 ชั่วโมงแรก ออกมาเผยข้อมูลชุดใหม่แล้ว จากตัวเลขล่าสุด Mountain Lion มีส่วนแบ่งเกิน 10% โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนนับตั้งแต่ปล่อยให้ดาวน์โหลด
Chitika บอกว่าส่วนแบ่งของ Mountain Lion โตเร็วตามคาด เนื่องด้วยราคาอัพเกรดที่ถูกกว่า และผลการรีวิวจากสื่อที่ส่วนมากบอกว่าดี
แต่เมื่อเทียบสัดส่วนโดยรวมแล้ว Mountain Lion ยังอยู่อันดับสี่เท่านั้น ตามหลังแชมป์เก่า Snow Leopard (43%) Lion (31%) และ Leopard (13%) แต่ด้วยการเติบโตความเร็วระดับนี้น่าจะแซงขึ้นเป็นอันดับสองภายในเวลาไม่นานครับ
หนังสือพิมพ์ Korea Times ของเกาหลีใต้ อ้างข้อมูลจากผู้บริหารของซัมซุงถึงผลจากคดีความกับแอปเปิลดังนี้
เมื่อวานนี้มีการปล่อยข่าวตามเครือข่ายสังคมว่าซัมซุงได้จ่ายค่าปรับ หลังจากแพ้คดีที่แอปเปิลฟ้องเรียกค่าเสียหายคิดเป็นมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ โดยใช้วิธีนำรถบรรทุก 30 คันขนเหรียญเงิน 5 เซนต์มูลค่ารวม 1 พันล้านดอลลาร์นี้ไปเทที่หน้าสำนักงานใหญ่แอปเปิล ซึ่งได้รับการตรวจสอบอย่างรวดเร็วว่าข่าวนี้เป็นข่าวลวงที่สร้างขึ้นมาครับ แต่ถ้าใครยังปักใจเชื่อว่าซัมซุงทำแบบนี้จริงๆ อยู่ นี่คือรายละเอียดเพิ่มเติมครับ
หนังสือพิมพ์ The Telegraph รายงานว่า Apple จะอัพเดต AirPlay ในวันเปิดตัว iPhone รุ่นถัดไป ถูกเรียกเป็นการภายในว่า AirPlay Direct
AirPlay Direct เปิดให้ผู้ใช้สตรีมเพลงจากอุปกรณ์ iOS มายังลำโพงโดยไม่ต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi ซึ่ง AirPlay จะสร้างเครือข่ายด้วย Bluetooth 4.0 กับอุปกรณ์เพื่อสตรีมเพลง จึงเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มาก
AirPlay เปิดตัวปี 2010 ให้ผู้ใช้สตรีมเพลงจากอุปกรณ์ iOS ผ่าน Wi-Fi ไปยังลำโพง และล่าสุด อัพเดตให้สตรีมหน้าจอของ iPad และ Mac ไปยัง Apple TV ได้ การจะให้ AirPlay ทำงาน ทั้งอุปกรณ์และลำโพง (หรือ Apple TV) ต้องอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน ถ้ามี AirPlay Direct จะสะดวกขึ้นมาก
AirPlay Direct เป็นชื่อเรียกกันภายในเท่านั้น เมื่อเปิดตัวอาจเรียกว่า AirPlay 2.0
ผู้พิพากษา Lucy Koh ประกาศเลื่อนนัดคดีแอปเปิล vs ซัมซุง จากเดิมช่วงต้นเดือนกันยายน เป็นวันที่ 6 ธันวาคมแทน
ตอนนี้กระบวนการของคดีคือแอปเปิลจะต้องยื่นคำขอสั่งแบนมือถือซัมซุงให้ศาลพิจารณา (ซึ่งแอปเปิลระบุว่ามี 8 รุ่น) โดยอำนาจอยู่ในดุลยพินิจของผู้พิพากษาว่าจะสั่งแบนหรือไม่ รวมถึงตัดสินว่าจะใช้ตัวเลขค่าเสียหาย 1 พันล้านดอลลาร์ตามที่คณะลูกขุนลงมติหรือไม่
ทั้งแอปเปิลกับซัมซุงจะยังต้องไปศาลในวันที่ 20 กันยายนอยู่ แต่นัดนี้จะพิจารณาเฉพาะการขอยกเลิกแบน Galaxy Tab 10.1 ของซัมซุง (ที่ตัดสินแล้วว่าไม่ละเมิดสิทธิบัตรการออกแบบของแอปเปิล)
หุ้นซัมซุงขึ้น 3% รับข่าวการเลื่อนนัดครั้งนี้
ถึงแม้ว่ากูเกิลในสหรัฐอเมริกาเพิ่งจะฟ้องแอปเปิลผ่านทางโมโตโรล่าก็ตาม แต่ล่าสุดมีรายงานว่าโมโตโรล่าในเยอรมนีได้บรรลุข้อตกลงกับแอปเปิลแล้วกรณีที่แอปเปิลได้ละเมิดสิทธิบัตรของโมโตโรล่า
สิทธิบัตรที่ถูกรวมอยู่ในข้อตกลงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสิทธิบัตรเกี่ยวกับเทคโนโลยีไร้สายซึ่งเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม โดยแอปเปิลยินยอมที่จะจ่ายค่าเสียหายให้กับโมโตโรล่าเป็นรายการไป และตอนนี้ทั้งสองบริษัทยังไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับค่าไลเซ่นส์ที่แอปเปิลต้องจ่าย
Apple ประกาศแจกพื้นที่ iCloud 50 GB (จากปกติ 100 ดอลลาร์ต่อปี) ให้พนักงาน ซึ่งเหมือนกับการแจกบัญชี MobileMe เมื่อปีที่แล้ว (และ MobileMe เพิ่งถูกปิดตัวไป แทนที่ด้วย iCloud)
Apple ก็เพิ่งมีโปรโมชั่นลดราคา 500 ดอลลาร์ เมื่อซื้อ Mac (ยกเว้น Mac Mini) และ 250 ดอลลาร์เมื่อซื้อ iPad ให้กับพนักงานเมื่อต้นปีนี้เอง
ที่มา: MacRumors
น่าจะมีซื้อใจลูกค้าบ้าง...
จากคดีแอปเปิล vs ซัมซุง ล่าสุดทางแอปเปิลยื่นเรื่องขอให้ศาลสั่งแบนมือถือซัมซุงในสหรัฐจำนวน 8 รุ่น (จากมือถือที่เกี่ยวข้องในคดีทั้งหมด 28 รุ่น) ดังนี้
ส่วนซัมซุงก็ออกแถลงการณ์สั้นๆ แค่ว่า "จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้สินค้าของตัวเองได้ขายในสหรัฐต่อไป"
ศาลจะตัดสินคดีในวันที่ 20 กันยายนนี้ ระหว่างนี้ Galaxy S3 ก็วางขายในสหรัฐไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้รับผลกระทบอะไร
ก่อนหน้านี้เคยมีการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ตลาดว่าน่าจะได้เห็น Retina Display บน MacBook Pro 13" เดือนตุลาคมนี้ จาก KGI Securities ตอนนี้มีข้อมูลจากอีกบริษัทจาก NPD DisplaySearch ออกมาให้ข้อมูลกับ CNET ว่าหน้าจอ Retina Display ขนาด 13.3" กำลังดำเนินการผลิตแล้ว
จากข้อมูลที่ CNET ได้รับมา ระบุว่าหน้าจอขนาด 13.3" สำหรับ MacBook Pro ความละเอียดน้อยกว่ารุ่นแรกที่ขายแล้วคือ 2560x1600 พิกเซล (รุ่น 15.4" ความละเอียด 2880x1800 พิกเซล) ใช้ผู้ผลิตชุดเดิมได้แก่ Samsung, LG Display และ Sharp
กูเกิลได้ออกมาแสดงท่าที่อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ได้ทราบคำตัดสินของลูกขุนในคดีแอปเปิลกับซัมซุงแล้วว่าเนื้อหาที่มีการฟ้องร้องกันในคดีระหว่างแอปเปิลกับซัมซุง ไม่เกี่ยวข้องกับ Android ซะทีเดียว แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการปรับแต่งซอฟต์แวร์ และการออกแบบฮาร์ดแวร์โดยซัมซุงเอง
กูเกิลยังบอกอีกว่าสิทธิบัตรที่ซัมซุงละเมิดนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหัวใจของระบบปฏิบัติการ Android เลย และสิทธิบัตรเหล่านี้ก็กำลังถูกตรวจสอบอีกครั้งโดย US Patent Office หรือกรรมการสิทธิบัตรของสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ระหว่างการให้ปากคำในการพิจารณาคดีฯ หนึ่งในหลักฐานที่แอปเปิลได้นำมาใช้ในคดี คือข้อความที่กูเกิลส่งถึงซัมซุง ระบุว่าซัมซุงปรับแต่ง Android ออกมาใกล้เคียง iOS ของแอปเปิลมากเกินไป
Macotakara เว็บบล็อกญี่ปุ่นอ้างแหล่งข่าวว่า iPad 7.85 นิ้ว จะถูกเรียกว่า iPad mini อย่างเป็นทางการ โดยโลโก้ iPad จะถูกแปะไว้ด้านหลังเช่นเดียวกับโลโก้ iPod บน iPod nano และ iPod touch ซึ่งหมายความว่าสินค้าตัวใหม่นี้จะทำตลาดภายใต้แบรนด์ iPad
และ Macotakara ยังได้รับรายงานว่า iPod nano รุ่นต่อไปจะมี Wi-Fi เพื่อรองรับ iTunes in the Cloud ในการดาวน์โหลดเพลง หนัง และรายการทีวีที่ซื้อไว้แล้ว
ที่มา: MacRumors
Blognone ลงข่าวเกี่ยวกับคดีนี้ไปเยอะมากๆ แล้ว (ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมเขียนด้วย) รายละเอียดย้อนกลับไปอ่านกันเองในข่าวเก่านะครับ
บทความนี้จะเน้นไปที่ผลกระทบถัดจากนี้ต่อทั้งสองบริษัท และวงการไอทีในภาพรวมครับ เนื่องจากประเด็นมีเยอะ ผมจะใช้วิธีเขียนแบบ bullet เพื่อไม่ให้ประเด็นตีกัน
C|net ได้เขียนรายงานที่น่าสนใจรายงานหนึ่ง ว่าผลประโยชน์กรณีที่แอปเปิลชนะคดีสิทธิบัตรซัมซุงน่าจะตกอยู่ที่ไมโครซอฟท์และ Windows Phone มากกว่าใคร เพราะว่าผลการตัดสินใจชั้นศาลครั้งนี้ไม่ได้กระทบแค่ซัมซุง แต่รวมไปถึงวงการ Android ทั้งหมดด้วยความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น ว่าแอปเปิลอาจจะเลือกฟ้องผู้ผลิต Android รายอื่นต่อไปอีกหรือไม่ ผู้ผลิตต่าง ๆ จึงเริ่มกลับมาพิจารณาความสัมพันธ์ของตัวเองกับ Android และเริ่มหันมามอง Windows Phone เป็นแพลตฟอร์มสำรองที่ปราศจากความไม่แน่นอนนี้
เว็บ AllThingsD ได้ออกมาฟันธงว่าแอปเปิลจะจัดงานเปิดตัว iPhone ตัวใหม่ก่อน แล้วค่อยเปิดตัว iPad mini ทีหลัง เพราะว่าแอปเปิลไม่อยากให้สินค้าสองอย่างนี้แย่งพื้นที่ในสื่อกันเอง เพราะทั้งคู่เป็นสินค้าตัวชูโรงที่คนจะให้ความสนใจสูงมาก
ในรายงานยังบอกอีกว่าการแยกงานเปิดตัวออกจากกัน จะทำให้แอปเปิลได้พื้นที่สื่อตลอดไปจนถึงช่วงฤดูกาลช็อปปิ้งประจำปี
ที่มา - AllThingsD
จากผลการสำรวจตลาดของ IDC ยอดขายสมาร์ทโฟนของแอปเปิลในประเทศจีนได้ลดลงมาจากไตรมาสที่แล้ว 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยสาเหตุที่เป็นไปได้มีเพียงสองสาเหตุเท่านั้น คือผู้ใช้ในจีนกำลังรอ iPhone รุ่นต่อไป หรือไม่ก็ได้เปลี่ยนไปใช้สินค้าของคู่แข่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนแบ่งตลาดที่ลดลงนี้ทำให้แอปเปิลตกลงมาเป็นยี่ห้อสมาร์ทโฟนยอดนิยมอันดับ 4 ในไตรมาสที่แล้ว จากไตรมาสแรกของปีที่เป็นผู้ผลิตสมาร์ทยอดนิยมอันดับ 2
จากรายงานของ Andy Hargreaves ที่ได้ถูกนำมาตีพิมพ์อีกทีโดย Fortune พนักงานระดับสูงของแอปเปิลบอกว่าแอปเปิลจะยังไม่เข็นทีวีของตัวเองมาตีตลาดเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน
หลังจากที่ได้คุยกับ Eddy Cue รองประธานของแอปเปิลฝ่ายอินเทอร์เน็ตซอฟต์แวร์ Hargreaves ตีความสรุปออกมาได้ว่าแอปเปิลจะทำสินค้าเฉพาะตลาดที่แอปเปิลเชื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนประสบการณ์ผู้ใช้งานและแก้ปัญหาหลักของตลาดนั้นได้เท่านั้น ในตลาดโทรทัศน์ปัญหาหลักในตอนนี้คือ UI ที่แย่ และการยัดเยียดให้ลูกค้าต้องซื้อเนื้อหา Pay TV
ศาลแคลิฟอร์เนียได้ออกคำตัดสินคดีแอปเปิล-ซัมซุงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยงานนี้ซัมซุงต้องจ่ายค่าเสียหายกับแอปเปิลเป็นมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ จากคดีที่ทั้ง 2 บริษัทได้ฟ้องร้องกล่าวหากันเรื่องการละเมิดสิทธิบัตรหลายรายการ ซึ่งคณะลูกขุนใช้เวลาประชุมหารือร่วมกันทั้งหมด 21 ชั่วโมง กับอีก 37 นาที หลังจากการแถลงปิดคดีเสร็จสิ้นลง ซึ่งถือว่าทำงานกันรวดเร็วมากเมื่อเทียบกับรายละเอียดของคดีที่มีอยู่ค่อนข้างเยอะ
สองข่าว แต่ขอรวบเป็นข่าวเดียวครับ
หลังจากนักพัฒนาได้ยืนยันว่า OS X 10.8.1 แก้ปัญหาแบตเตอรี่แล้ว วันนี้ Apple ปล่อยอัพเดต OS X 10.8.1 อย่างเป็นทางการ โดยมีไฟล์อัพเดตเพียง 7MB
และเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว Apple ส่ง OS X 10.8.2 ให้นักพัฒนาทดสอบ โดยมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เน้นไปที่ Facebook, iMessage, Game Center และ Reminders
ศาลประเทศเกาหลีใต้ได้ออกคำตัดสินในคดีฟ้องร้องกันระหว่างแอปเปิล และซัมซุงเรื่องสิทธิบัตร โดยออกเป็นสองกรณี กรณีแรกคือซัมซุงฟ้องแอปเปิลว่าละเมิดสิทธิบัตรเรื่องการเชื่อมต่อพีซีกับโทรศัพท์ และสิทธิบัตรเรื่องการใช้เครือข่าย 3G โดยศาลมีคำตัดสินให้แอปเปิลหยุดจำหน่ายสินค้าที่ละเมิดทันที ได้แก่ iPhone 3GS, iPhone 4, iPad รุ่นแรก และ iPad รุ่นที่ 2 รวมทั้งจ่ายค่าเสียหายให้ซัมซุง 40 ล้านวอนหรือคิดเป็นเงิน 35,000 ดอลลาร์
เว็บไซต์ iLounge รายงานว่ามีผู้เชี่ยวชาญด้านสายเคเบิล USB ชื่อ @veistercom ทวีตถึง iLounge ว่าเขาได้พบสายเชื่อมต่อ USB กับพอร์ตแบบ 9-pin ที่ไว้สำหรับต่ออุปกรณ์ iOS ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับภาพหลุดชุดที่แล้ว และเป็นไปได้ว่า iPhone และผลิตภัณฑ์ของ Apple รุ่นถัดไปจะใช้สายต่อตัวนี้
นอกจากนี้เว็บไซต์ PocketNow ยังพบซอร์สโค้ดระบบในโปรแกรม Xcode ที่กำหนดขนาดของการเชื่อมต่อจากเดิมที่กำหนดไว้ 30-pin กลายเป็น 9-pin ซึ่งเป็นตัวช่วยเพิ่มน้ำหนักข่าวลือนี้ได้เป็นอย่างดี แต่ในทวีตนั้นกลับไม่ได้พูดถึงระบบการเชื่อมต่อว่าจะคล้ายกับ MagSafe หรือไม่ สุดท้ายจะออกมาเป็นแบบนี้หรือเปล่า ต้องติดตามต่อไป (ตัวทวีตและรูปภาพท้ายเบรคครับ)
ในที่สุดแอปเปิลก็ถอดโฆษณาล่าสุดชุด Genius ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก ออกจากหน้าเว็บของตัวเองและช่องของแอปเปิลใน YouTube แล้ว
แน่นอนว่าไม่มีคำอธิบายใดๆ จากแอปเปิลว่าถอดโฆษณานี้ด้วยเหตุผลอะไร อย่างไรก็ตามแอปเปิลก็มีประวัติการถอดโฆษณาเก่าออกจากหน้าเว็บและ YouTube บ้างหลายครั้ง แต่ก็ยังเก็บโฆษณาบางอันไว้ใน YouTube อยู่เช่นกัน เราจึงไม่รู้ว่านโยบายเรื่องการเก็บ-ถอดโฆษณาของแอปเปิลจริงๆ แล้วเป็นอย่างไร
เว็บ MacRumors รายงานว่าแอปเปิลได้สั่ง Premium Resellers หรือตัวแทนระดับพรีเมี่ยมในยุโรป (ประมาณ iStudio บ้านเรา) ให้เพิ่มพื้นที่ในร้านให้กับ iPad ภายในสองสามสัปดาห์นี้ และอาจเป็นไปได้ว่าการเพิ่มพื้นที่ดังกล่าวก็เพื่อทำพื้นที่เผื่อ iPad mini ที่คาดว่าจะเปิดตัววันที่ 12 กันยายนนี้พร้อม ๆ กับ iPhone ใหม่
ในรายงานยังระบุอีกว่า แอปเปิลแนะให้ร้านใช้พื้นที่ที่เคยใช้แสดงสินค้าตระกูล Mac Pro และ Mac mini หากไม่มีพื้นที่เหลือภายในร้าน และถ้าหากยังไม่มีที่พอ สามารถใช้พื้นที่ iPod ได้อีกเช่นกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คำสั่งนี้ไม่ได้มาพร้อมกับเหตุผลว่าเพื่ออะไร