Ford SYNC ระบบสื่อสารและความบันเทิงในรถยนต์ของค่าย Ford เปิดตัวเวอร์ชัน 3 โดยย้ายฐานระบบปฏิบัติการที่เดิมใช้ของไมโครซอฟท์ (Microsoft Auto) มาเป็น BlackBerry QNX ตามข่าวลือก่อนหน้านี้

Ford SYNC 3 ถูกออกแบบขึ้นมาใหม่ทั้งหมดโดยรับฟังความเห็นจากผู้ใช้ SYNC รุ่นก่อนๆ ที่ออกแบบมานานจนเริ่มล้าสมัยแล้ว ซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่แก้ปัญหาทั้งเรื่องประสิทธิภาพ การทำงานร่วมกับจอสัมผัส ปรับอินเทอร์เฟซให้เรียบง่าย แถบเมนูอยู่ด้านล่างเสมอ แอนิเมชันดูลื่นเหมือนระบบปฏิบัติการมือถือ

ถึงแม้ BlackBerry จะดิ้นรนเพื่ออยู่รอดด้วยการเน้นตลาดองค์กร แต่สภาวะตลาดสมาร์ทโฟนในภาพรวมอาจไม่ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจสนใจ BlackBerry เหมือนที่แล้วๆ มา

บริษัทรถยนต์ Ford Motor เป็นธุรกิจขนาดใหญ่รายล่าสุดที่ประกาศเปลี่ยนมือถือองค์กรจาก BlackBerry เป็น iPhone โดยในปีนี้จะทยอยเปลี่ยนมือถือให้พนักงานจำนวน 3,300 คน และในอีก 2 ปีข้างหน้าจะเปลี่ยนมือถือฝาพับเป็น iPhone ให้พนักงานอีก 6,000 คน

สมาชิก Blognone น่าจะยังจำชื่อ Alan Mulally อดีตซีอีโอของ Ford ที่เคยมีข่าวเป็นตัวเต็งรับตำแหน่งซีอีโอของไมโครซอฟท์เมื่อปีที่แล้ว (ซึ่งภายหลังเขาประกาศชัดว่าไม่ไปไมโครซอฟท์แน่) ล่าสุดเขาเกษียณอายุ (มีผล 1 ก.ค.) และรับตำแหน่งบอร์ดกูเกิลแล้ว

Mulally ได้รับแต่งตั้งเป็นบอร์ดกูเกิลเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเขาจะเป็นทั้งกรรมการบริษัทของกูเกิล และรับตำแหน่งในคณะกรรมการตรวจสอบ (audit committee) อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย

นอกจาก Ford AppLink แล้ว ผมยังได้ดูเทคโนโลยีอีกตัวหนึ่งที่ Ford ร่วมพัฒนาด้วยคือ V2V ครับ

โครงการ Vehicle-to-Vehicle (V2V) Communications for Safety เป็นโครงการวิจัยของกระทรวงคมนาคมสหรัฐ (USDOT) ร่วมกับ 8 ค่ายรถยักษ์ใหญ่ของโลก Mercedes-Benz, GM, Toyota, Honda, Ford, Nissan, Hyundai-KIA, Volkswagen เพื่อวิจัยเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างรถยนต์กับรถยนต์

ทิศทางอย่างหนึ่งในตลาดรถยนต์ช่วงรอบปีหลังๆ คือการเชื่อมต่ออุปกรณ์พกพาเข้ากับแผงคอนโซลหน้าของรถยนต์ (ที่มักเรียกกันว่า infotainment system) ส่วนวิธีการเชื่อมต่อของรถยนต์แต่ละค่ายนั้นก็แตกต่างกันไป

ค่าย Ford มีแพลตฟอร์มเทคโนโลยีชื่อ Ford SYNC มาสักระยะหนึ่งแล้ว และช่วงหลังๆ ก็ต่อยอดแพลตฟอร์ม SYNC โดยเพิ่มฟีเจอร์ชื่อ AppLink ให้แอพบนมือถือสามารถลิงก์กับรถยนต์ได้ผ่านสาย USB หรือ Bluetooth (รายละเอียดอ่านได้จากข่าวเก่า Ford Focus 2012)

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า Apple, DuPont, Ford, General Electric, IBM, Microsoft และ Pfizer รวมตัวกันตั้งกลุ่ม Partnership for American Innovation เพื่อล็อบบี้สมาชิกสภาคองเกรสให้ถอนการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในร่างกฎหมายที่จะต่อกรกับ PAE (บริษัทที่ไม่ทำอะไรเลยนอกจากซื้อสิทธิบัตรมาและพยายามเรียกร้องค่าธรรมเนียมใช้สิทธิบัตรจากบริษัทอื่นหรือฟ้องร้องบริษัทอื่นว่าละเมิดสิทธิบัตร ซึ่งเราเรียกกันว่า patent trolls) เนื่องจากทางกลุ่มมองว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการปกป้องสิ่งประดิษฐ์ (invention) ที่มีคุณค่า

นอกจากนั้น กลุ่มนี้จะต่อต้านความพยายามที่จะทำให้ซอฟต์แวร์และไบโอเทคโนโลยีไม่สามารถจดสิทธิบัตรได้ด้วย

ฟอร์ดปฏิเสธข่าวลือที่ว่าจะเปลี่ยนระบบเบื้องหลัง Ford SYNC เทคโนโลยีที่ใช้สำหรับสั่งงานภายในรถยนต์ จากของไมโครซอฟท์เป็น QNX ของแบล็คเบอร์รี่

กรรมการผู้จัดการของฟอร์ดกล่าวว่าบริษัทประเมินซัพพลายเออร์เสมอและไมโครซอฟท์ก็เป็นเพียงซัพพลายเออร์รายหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้แต่งงานกับฟอร์ดแต่อย่างใด ขณะนี้บริษัทกำลังจัดทำสเปคของ Ford SYNC รุ่นที่ 3 อยู่ ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นแล้วก็จะส่งให้บริษัทต่างๆ ไปพิจารณาและส่งข้อเสนอกลับมาหาฟอร์ด ดังนั้นบริษัทยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกใช้ระบบของใครทั้งนั้น

หลังจากที่ Ford เพิ่งจะเผยโฉมรถยนต์ไร้คนขับรุ่นต้นแบบมาให้ได้เห็นกันเมื่อเดือนก่อน ตอนนี้ก็ได้แนวร่วมสำคัญอย่าง MIT และ Stanford มาร่วมวิจัยและพัฒนาระบบหลบหลีกสิ่งกีดขวางให้แก่รถยนต์อัจฉริยะเพิ่มขึ้นอีกด้วย

MIT กำลังทำการศึกษางานวิจัยเพื่อคาดเดาการเคลื่อนที่ของคนเดินถนนและผู้ขับขี่ยานพาหนะอื่น ซึ่งจะช่วยให้รถยนต์ไร้คนขับสามารถหาเส้นทางเพื่อหลบหลีกการเคลื่อนที่ของผู้คนเหล่านั้นได้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุ ในขณะที่ Stanford กำลังมุ่งเน้นศึกษาเทคโนโลยีเซ็นเซอร์เพื่อ "แอบมอง" ด้านหลังของวัตถุต่างๆ ที่อยู่นอกทัศนวิสัยของผู้ขับขี่หรือกล้องจับภาพ

Alan Mulally ซีอีโอของฟอร์ดที่เป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งของตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ของไมโครซอฟท์ ออกมาประกาศแบบชัดถ้อยชัดคำว่าเขาไม่มีแผนการอื่นใดนอกจากการทำงานที่ฟอร์ด และขอให้ข่าวลือว่าเขาจะย้ายไปไมโครซอฟท์หมดไปเสียที

เขาบอกว่าข่าวลือนี้สร้างผลกระทบต่อฟอร์ด และขอให้ผู้ถือหุ้นของฟอร์ดสบายใจได้ว่าเขาจะไม่ย้ายไปไหน

ตามแผนเดิม Mulally จะนั่งเป็นซีอีโอของฟอร์ดไปจนถึงสิ้นปี 2014 และหลังจากนั้นอาจเลื่อนชั้นผู้บริหารคนอื่นมาเป็นซีอีโอแทน

ที่มา - AP, CNET

Alan Mulally ซีอีโอของ Ford เพิ่งกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ต่อเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับในงาน IFA ที่ผ่านมา และนับถึงตอนนี้คล้อยหลังมา 4 เดือน Ford ก็เผยโฉมรถยนต์ไร้คนขับรถรุ่นต้นแบบออกมาให้เห็นแล้ว

รถต้นแบบของ Ford นั้นพัฒนาโดยใช้รถรุ่น Fusion Hybrid ซึ่งสามารถแล่นไปตามเส้นทางทดสอบได้เองโดยอาศัยชุดเซ็นเซอร์ตรวจจับเส้นทางและวัตถุภายนอก ซึ่ง Ford เผยว่าจะยังไม่รีบผลักดันรถยนต์ไร้คนขับนี้เข้าสู่ท้องตลาด แต่จะค่อยๆ ทยอยดึงเอาเทคโนโลยีตัวช่วยการขับอัตโนมัติ (ตัวอย่างเช่น ฟังก์ชันการเข้าจอดในซองอัตโนมัติที่มีให้เห็นมาแล้ว) มาใส่ในรถยนต์ที่จะวางขายจริงเรื่อยๆ ซึ่งคาดว่ากว่ารถยนต์ไร้คนขับที่มีฟังก์ชันสมบูรณ์จะได้ออกวางขายจริงน่าจะเป็นปี 2025

Alan Mulally ซีอีโอของ Ford ซึ่งมีชื่อเป็นตัวเต็งซีอีโอคนใหม่ของไมโครซอฟท์ ออกมาให้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้สั้นๆ ว่าเขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้มากนัก แต่ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนจากแผนเดิมของเขาที่จะอยู่กับ Ford ตลอดปีหน้า

ส่วนบอร์ดบริหารของ Ford คนหนึ่งคือ Edsel Ford II (เป็นเหลนของ Henry Ford ผู้ก่อตั้งบริษัท) ออกมายืนยันชัดเจนว่า Mulally จะอยู่กับบริษัทไปจนถึงสิ้นปี 2014 หรือประมาณ 1 ปีต่อจากนี้

จากข่าวลือ Alan Mulally ซีอีโอของ Ford เป็นตัวเต็งซีอีโอไมโครซอฟท์ ล่าสุด Mulally ออกมาให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ USA Today สั้นๆ ว่าเขายังมีความสุขดีกับ Ford และไม่มีแผนการอื่นใดนอกจากการเป็นซีอีโอของ Ford ต่อไปจนถึงปี 2014

เขาพูดถึงไมโครซอฟท์ว่าเป็นคู่ค้าที่ดีเยี่ยมในการพัฒนาระบบ Ford Sync ร่วมกัน เขาบอกว่า Ford เป็นบริษัทที่สนใจเทคโนโลยีด้านไอที เพราะมันเป็นประโยชน์แก่ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ของ Ford และผลก็ออกมาแล้วว่าลูกค้าชอบฟีเจอร์เหล่านี้

ที่มา - USA Today

เว็บไซต์ AllThingsD อ้างแหล่งข่าววงในว่าตอนนี้ "ตัวเต็ง" ว่าที่ซีอีโอคนใหม่ของไมโครซอฟท์คือ Alan Mulally ซีอีโอคนปัจจุบันของบริษัทรถยนต์ Ford โดยน้ำหนักเริ่มเทมาทาง Mulally มากกว่า Stephen Elop แล้ว

Mulally แสดงความเห็นทางอีเมลมายัง AllThingsD ว่าในตอนนี้เขาโฟกัสเฉพาะการทำงานที่ Ford เท่านั้น และแหล่งข่าวของ AllThingsD ก็ระบุว่าไมโครซอฟท์ยังไม่ได้เริ่มการทาบทาม Mulally อย่างเป็นทางการ

Reuters อ้างแหล่งข่าววงในเกี่ยวกับการคัดหาซีอีโอคนใหม่ของไมโครซอฟท์

Alan Mulally ซีอีโอบริษัทรถยนต์ Ford ขึ้นเวทีแถลงข่าวที่งาน IFA ประกาศวิสัยทัศน์ของรถยนต์ในอนาคต ที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายและอุปกรณ์รอบตัว และจะเป็นยุคของรถยนต์ที่ขับเองโดยอัตโนมัติ

เขาบอกว่าเห็นด้วยกับแนวทางของค่ายรถยนต์คู่แข่งและบริษัทอย่างกูเกิลในเรื่องรถยนต์ไร้คนขับ เทคโนโลยีพวกนี้มาแน่แต่ยังพูดยากว่าเป็นเมื่อไร เพราะยังมีรายละเอียดที่ต้องแก้ปัญหาอีกมาก ทั้งในแง่เทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และราคาที่ถูกพอสำหรับผู้บริโภค

Ford บอกว่าจะพัฒนาเทคโนโลยีการเชื่อมต่อภายในรถแบบค่อยเป็นค่อยไป และจะทยอยนำมาใส่ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ทุกปี

Amazon ขยายระบบนิเวศ (Ecosystem) เพื่อประโยชน์ของลูกค้าอีกครั้งหนึ่ง โดยเพิ่มความสามารถของระบบ AppLink ในรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ดให้สามารถซิงค์ข้อมูลกับ Amazon MP3 App ในมือถือแอนดรอยด์เพื่อให้เข้าถึง Amazon Cloud ที่สามารถช่วยให้คุณทำสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ดังนี้

เมื่อต้นปีที่แล้ว เราเห็นข่าว Ford เปิดตัวแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์รถยนต์ OpenXC เวอร์ชัน Beta พอมาถึงปีนี้ Ford ประกาศ OpenXC รุ่นจริงแล้ว

OpenXC เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้นักพัฒนาสร้างแอพ (บนมือถือ ไม่ใช่บนรถยนต์) ที่เชื่อมต่อข้อมูลจากเซ็นเซอร์สารพัดชนิดของรถยนต์ได้ โดยพื้นฐานแล้วมันพัฒนาจากฮาร์ดแวร์ Arduino และระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่แพร่หลายในวงการอยู่แล้ว (หน้าตากล่อง OpenXC)

เว็บของโซนี่ประเทศไทย (sony.co.th) และฟอร์ดประเทศไทย (ford.co.th) ถูกแฮ็ก โดยในหน้าแรกของเว็บ ปรากฏเป็นพื้นหลังสีดำ และมีข้อความเป็นภาษาตุรกีว่า

Downed! by eboz

Kankalarım hep yanımda arkadaş içinde
Yanımda olmayan mı var çekimlik her nefeste

trabzon 2012
Dostlara selam ölmedik hala yaşıyoruz!

ในขณะที่เขียนข่าว 20:18 น. ยังไม่มีการแก้ไขใดๆ ครับ

ไมโครซอฟท์มี keynote ที่งาน Computex ในไต้หวัน ถึงแม้จะไม่มีการแถลงข่าวใหญ่นัก (ไฮไลท์ไปอยู่ที่ฮาร์ดแวร์ Windows 8 ของพาร์ทเนอร์รายอื่นๆ เสียมาก) แต่ก็มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

โดยส่วนตัวแล้ว ผมว่าเทคโนโลยีในสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ตช่วงนี้จะเริ่มตันๆ แล้ว หลังจากที่มันพัฒนาอย่างก้าวกระโดดมาประมาณ 5 ปี (นับตั้งแต่ iPhone ตัวแรกปี 2007) คือยัดฟีเจอร์เข้ามาจนนึกไม่ค่อยออกแล้วว่าจะใส่อะไรเข้ามาอีกได้บ้าง

แต่พื้นที่ที่กำลังน่าจับตาคืออุปกรณ์ชนิดอื่นๆ ที่พยายามผนวก "ความสมาร์ท" หรือฟีเจอร์ที่พบใน smart device ต่างๆ เข้ามาบ้าง วงการที่น่าสนใจในตอนนี้คือทีวีและรถยนต์

ฝั่งของรถยนต์ ค่ายที่โดดเด่นในเรื่องระบบบันเทิง-สั่งงานภายในรถคือ Ford ที่จับมือกับไมโครซอฟท์ทำระบบ Ford SYNC (ของแท้ต้องเขียนตัวใหญ่) มาตั้งแต่ปี 2007 และพัฒนาเรื่อยมา (ซึ่งเราก็รายงานข่าวอยู่เรื่อยๆ)

ในยุคสมัยที่รถยนต์มีระบบไฮเทคไว้สื่อสารกับผู้ขับขี่ Ford ซึ่งออกระบบ MyFord Touch (พัฒนามาจากแพลตฟอร์ม Ford SYNC ร่วมกับไมโครซอฟท์) รุ่นที่สองเมื่อปีที่แล้ว เคยประกาศไว้ว่าซอฟต์แวร์รุ่นนี้สามารถ "อัพเกรด" ได้เหมือนกับเราอัพเกรดเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์พกพาต่างๆ

ล่าสุด Ford ประกาศออกอัพเกรดให้กับ MyFord Touch โดยวิธีการคือบริษัทจะส่งไดรฟ์ยูเอสบีที่มีซอฟต์แวร์รุ่นใหม่มาให้ลูกค้าในสหรัฐทางไปรษณีย์ เจ้าของรถก็แค่สตาร์ตรถ เปิดระบบเครื่องเสียง เสียบไดรฟ์ จากนั้นระบบจะจัดการให้อัตโนมัติ (หรือจะเลือกไปอัพเกรดที่ศูนย์บริการก็ได้เช่นกัน แต่ไม่สามารถดาวน์โหลดไฟล์มาอัพเกรดเองได้นะครับ)

ระบบซอฟต์แวร์สำหรับรถยนต์เริ่มเดินทางมาใกล้กับอุปกรณ์ไอทีอื่นๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งช่วงหลังมานี้ ชาว Blognone คงเห็นข่าวเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ในรถมีจำนวนมากขึ้นอย่างชัดเจน (ข่าวหมวด Automobile)

เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่งาน TechCrunch Disrupt ที่ผ่านมา ฟอร์ดประกาศความร่วมมือกับ Bug Labs (ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์ส) ในการเผยแพร่โอเพนซอร์สแพลตฟอร์มในการเชื่อมต่อกับรถยนต์ฟอร์ด

Google+ ยังเป็นประเด็นร้อนตามข่าวไอทีทุกสำนัก ช่วงนี้จึงมีข่าวเล็กๆ น้อยๆ ของ Google+ ออกมาเยอะไปหมด เพื่อไม่ให้เปลืองที่ก็ขอรวมเป็นโพสต์เดียวเลยนะครับ

ฟอร์ดนั้นร่วมกับไมโครซอฟท์พัฒนาระบบที่เรียกว่า Microsoft Sync หรือ Ford Sync ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะภายในรถยนต์ (เช่น รายงานสภาพรถยนต์, สั่งเปลี่ยนเพลงด้วยเสียง ฯลฯ) ระบบนี้ใช้ในรถยนต์ของฟอร์ดหลายรุ่น เช่น Ford Focus (เฉพาะในอเมริกาเหนือ), Ford Escape, Ford Fusion

ในโอกาสที่ฟอร์ดขายรถยนต์ที่มีระบบ Sync ได้ครบหนึ่งล้านเครื่อง รถยนต์คันที่ล้านจึงถูกมอบให้แก่สตีฟ บัลเมอร์ ซีอีโอของไมโครซอฟท์ โดย Alan Mulally ซีอีโอของฟอร์ดนั้นขับ Ford Fusion Hybrid รุ่นใหม่ล่าสุดที่จะขายในปี 2010 ไปมอบกับบัลเมอร์ที่เรดมอนด์ด้วยตัวเอง

Ford Fusion Hybrid นั้นโฆษณาว่าเป็นรุ่นประหยัดน้ำมันมาก อัตราใช้งานคือ 41 ไมล์ต่อแกลลอนสำหรับการขับในเมือง (17.425 กม./ลิตร)

วิดีโอส่งมอบดูได้ด้านใน

ที่มา - TechFlash, Ars Technica