เฟซบุ๊กประกาศว่าได้แบนเพจจำนวน 10 เพจ และบัญชีผู้ใช้รวม 12 บัญชีในประเทศไทย ในฐานะที่บัญชีเหล่านี้มีพฤติกรรมร่วมกันในการสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวตน (coordinated inauthentic behavior - CIB) โดยวิจารณ์นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในไทย และ
รายงานของเฟซบุ๊กระบุว่าเพจและบัญชีเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับวารสาร New Eastern Outlook ที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลรัสเซีย พร้อมกับระบุว่ามีผู้ติดตามบัญชีทั้งหมดรวมกันประมาณ 38,000 คน และใช้เงินน้อยกว่า 18,000 ดอลลาร์ หรือ 540,000 บาทเพื่อโฆษณา
Facebook รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 มีรายได้รวม 16,624 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,616 ล้านดอลลาร์ โดยในไตรมาสนี้ Facebook บันทึกค่าปรับที่จ่ายให้ FTC เพิ่มเติมอีก 2 พันล้านดอลลาร์ รวมทั้งหมดเป็น 5 พันล้านดอลลาร์ ตามที่รายงานก่อนหน้านี้
จำนวนผู้ใช้งาน Facebook เป็นประจำทุกวัน (DAUs) 1,587 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 8% ส่วนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) มี 2,414 ล้านบัญชี แต่หากนับรวมเครือ Facebook ทั้ง 4 แพลตฟอร์ม (Facebook, Instagram, WhatsApp และ Messenger) DAUs อยู่ที่ 2,100 ล้านบัญชี และ MAUs 2,700 ล้านบัญชี
ตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2018 ที่ FTC ได้ทำการสืบสวนคดีที่ Facebook ทำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานรั่วไหลโดยมีสาเหตุเริ่มต้นมาจากบริษัทวิจัยข้อมูล Cambridge Analytica โดยกระทบถึง 89 ล้านราย (อ่านบทความย้อนหลังได้ ที่นี่) ล่าสุด FTC ออกมาประกาศผลการสืบคดีอย่างเป็นทางการแล้วว่า Facebook ต้องจ่ายค่าปรับ 5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 150,000 ล้านบาท และ Facebook ต้องตั้งคณะกรรมการดูแลเรื่องการจัดการข้อมูลในบริษัทด้วย
ถัดจากความเห็นของประธานาธิบดี Donald Trump ต่อ Libra มาเป็นคิวของ Steven Mnuchin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐ ที่ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน
Mnuchin บอกว่า Libra อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น ฟอกเงิน หรือเป็นช่องทางสนับสนุนผู้ก่อการร้าย ซึ่งเป็นปัญหาเรื่องความมั่นคงของชาติ (national security) ที่เกิดขึ้นมาแล้วกับเงินคริปโตอย่าง Bitcoin และเขารู้สึก "ไม่สบายใจ" (not comfortable) กับการเปิดตัว Libra
เฟซบุ๊กประกาศเปิดซอร์สโครงการ Hermes JS Engine เอนจินจาวาสคริปต์สำหรับรันโค้ดบนโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะแอนดรอยด์และเฟรมเวิร์ค React Native
จุดสำคัญของ Hermes คือมันไม่ได้โหลดโค้ดจาวาสคริปต์มาคอมไพล์ขณะที่รันครั้งแรกเหมือนเอนจินอื่นๆ แต่อาศัยการคอมไพล์ไว้ล่วงหน้าเป็นไบต์โค้ด เมื่อติดตั้งแอปแล้วตัวเอนจินจึงโหลดไบต์โค้ดมารัน ทำให้กระบวนการเปิดแอปเร็วขึ้น นอกจากความเร็วในการรันครั้งแรก Hermes ยังปรับการใช้หน่วยความจำให้ประหยัดหน่วยความจำขึ้น ลดเวลาการรัน garbage collection (GC) เพื่อให้แอปตอบสนองเร็ว
เป้าหมายของ Hermes คือรองรับ ECMAScript 6 แต่ตอนนี้ยังมีบางฟีเจอร์ที่ React Native ไม่ได้ใช้จึงเลือกที่จะไม่อิมพลีเมนต์ โดยเฉพาะฟังก์ชั่น eval ที่ถูกตัดออกไป
Wall Street Journal (WSJ) อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตน ระบุว่ากรรมการการค้าสหรัฐฯ (Federal Trade Commission - FTC) ได้ข้อตกลงนอกศาลกับเฟซบุ๊ก ให้จ่ายค่าปรับ 5,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 150,000 ล้านบาท จากความล้มเหลวในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้หลายครั้ง ทั้งคดี Cambridge Analytica และคดีการทำข้อมูลหลุดครั้งต่อๆ มา
ทางโฆษก FTC ไม่ให้ความเห็นต่อข่าวนี้ โดยรายงานของ WSJ ระบุว่ากรรมการเสียงแตกทำให้ต้องลงคะแนนเห็นชอบต่อการตกลงกับเฟซบุ๊ก เสียงอนุมัติข้อตกลงชนะไปด้วยคะแนน 3 ต่อ 2 และได้ส่งสำนวนไปให้กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบอยู่
ก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กเคยกันเงินไว้เป็นค่าปรับ จำนวน 3,000 ล้านดอลลาร์ โดยปีที่แล้วเฟซบุ๊กมี "กำไร" ทั้งหมด 22,000 ล้านดอลลาร์
อยู่ๆ Donald Trump ก็เปิดศึกกับสายเหรียญ เมื่อเจ้าตัวทวีตว่าตัวเขาเองไม่ได้ชื่นชอบบิทคอยน์หรือเงินคริปโตเท่าไหร่นัก เพราะเขามองว่าของเหล่านี้ไม่ใช่เงิน มูลค่าของมันขึ้นอยู่กับอากาศธาตุและไม่มีความแน่นอนเลย ขณะที่เงินคริปโตที่ไม่ถูกควบคุมก็มีโอกาสจะถูกนำไปเป็นเครื่องมือของการกระทำที่ผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ยังพูดถึง Libra ของ Facebook ด้วยว่ามันจะมีความน่าเชื่อถือต่ำ หาก Facebook หรือบริษัทอื่นๆ ต้องการจะทำตัวเป็นธนาคาร ก็ควรจะยื่นเรื่องเพื่อขอใบอนุญาตในการเป็นธนาคารและเข้ามาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลเหมือนธนาคารอื่นๆ
โครงสร้างของ Libra เองเป็นโครงสร้างสองชั้น ตัวเงิน Libra ไม่ได้ขออนุญาตจากชาติใดชาติหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ตั้งสำนักงานบริหารกองทุนสำรองอยู่ในเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ขณะที่ตัวบริการที่ผู้ใช้ทั่วไปจะใช้งานได้นั้น ทางเฟซบุ๊กตั้งบริษัท Calibra เป็นบริษัทลูกที่ระบุว่าจะทำตามกระบวนการกำกับดูแลในสหรัฐฯ เต็มที่
ตามที่ Facebook เคยประกาศก่อนหน้านี้ โดยเมื่อผู้ใช้งานเห็นโฆษณาในหน้าฟีด แล้วเลือกปุ่ม Why am I seeing this? จากเดิมที่เราจะเห็นข้อมูลคร่าว ๆ ว่า ข้อมูลส่วนตัวใดของเราที่ทำให้เป็นปัจจัยถูกแสดงโฆษณาแบบเจาะกลุ่มนี้ คราวนี้ Facebook ขยายข้อมูลให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น
โดยข้อมูลใหม่ที่เพิ่มเข้ามา จะระบุไปถึงระดับว่าพาร์ทเนอร์หรือบริษัทใด ที่อัพโหลดข้อมูลของเราไปให้ รวมทั้งแบรนด์หรือบริษัทโฆษณาใดที่ใช้ข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งมีระบุว่าข้อมูลส่วนตัวเรานั้น มาจากพฤติกรรมใด (เช่นกดไลก์เพจไหน เข้าชมเว็บอะไร) และเราสามารถเลือกกำหนดการตั้งค่าข้อมูลเหล่านี้ได้
โครงการเงินคริปโต Libra ของ Facebook ยังคงได้รับแรงกดดันจากรัฐบาลแต่ละประเทศต่อเนื่อง ล่าสุดสำนักข่าว Bloomberg ได้สัมภาษณ์ Subhash Garg เลขาธิการหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของอินเดีย โดยเขาบอกว่าประเทศอินเดียยังไม่พร้อมสำหรับเงินคริปโตแบบนี้ อีกทั้ง Facebook เองก็ยังไม่ให้รายละเอียดที่ชัดเจน
การที่หน่วยงานอินเดียออกมาแสดงความเห็นเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะอินเดียอยู่ในขั้นตอนการร่างกฎหมายห้ามซื้อขาย ถือครอง ตลอดจนขุดเงินคริปโต โทษสูงสุดคือจำคุก 10 ปี
ช่วงค่ำที่ผ่านมาเฟซบุ๊กและเว็บในเครือ รวมถึง Messenger และ Instagram มีปัญหาภาพโหลดไม่ขึ้นเป็นวงกว้าง ตอนนี้สองบริการหลักคือเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมก็ออกมาประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่าทราบปัญหาแล้ว กำลังดำเนินการแก้ไข
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตอนที่เฟซบุ๊กล่มทั้งหมดไปช่วงหนึ่ง ทางเฟซบุ๊กก็ประกาศผ่านทวิตเตอร์เช่นเดียวกัน
เกร็ดเล็กๆ อย่างหนึ่งคือเฟซบุ๊กนั้นจะวิเคราะห์ทุกภาพที่เราอัพโหลดไว้เสมอ และใส่ไว้ในฟิลด์ alt ใน HTML ทำให้เมื่อภาพโหลดไม่ขึ้น เราจะเห็นข้อความว่าเฟซบุ๊กเห็นภาพเราเป็นอะไร เช่น ข้อความ, หน้าคน ฯลฯ
Maxine Waters สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ และประธานคณะกรรมาธิการด้านบริการทางการเงินของสภาฯ ร่วมกับ ส.ส. คนอื่นๆ เขียนจดหมายถึง Mark Zuckerberg และผู้บริหารของ Facebook ขอให้หยุดโครงการเงินคริปโต Libra โดยทันที จนกว่าจะหน่วยงานภาครัฐจะเข้ามาตรวจสอบก่อน
ในจดหมายระบุว่าเอกสาร whitepaper ของ Libra ยังขาดรายละเอียดที่สำคัญอีกมาก ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการกำกับดูแล และอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของทั้งโลก เมื่อบวกกับประวัติของ Facebook ในช่วงที่ผ่านมาที่มีประเด็นปัญหาขัดแย้งมากมาย และบริษัทก็แสดงให้เห็นว่าไม่สามารถคุ้มครองข้อมูลของผู้ใช้งานได้
Facebook ประกาศปรับลดการแสดงผลเนื้อหาบน News Feed ที่เกี่ยวกับการให้ข้อมูลด้านสุขภาพซึ่งเกินความจริง เช่น การรักษาโรคให้หายอย่างอัศจรรย์, การให้ข้อมูลสุขภาพที่บิดเบือนหรือเกินจริง เป็นต้น ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่ YouTube ทำก่อนหน้านี้
โดย Facebook บอกว่าอัลกอริทึมปรับลดการแสดงผลดังกล่าวเริ่มใช้งานแล้วประมาณ 1 เดือน มีผลกระทบต่อคอนเทนต์ 2 ประเภทหลักคือ เนื้อหาที่ให้ข้อมูลการรักษาโรคที่เกินความจริง และโพสต์ขายสินค้าด้านสุขภาพที่เกินความจริง
Facebook บอกว่าเพจส่วนมากจะไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าว เว้นแต่มีการโพสต์เนื้อหาในกลุ่มที่ระบุข้างต้น
Facebook กำลังทดสอบปิดการแจ้งเตือนหรือ notification สีแดงที่มักปรากฏบนมุมขวาบนของหน้าจอเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้อดีคือช่วยให้รู้ความเคลื่อนไหว แต่ก็สร้างความรำคาญไม่น้อยเลย โดยฟีเจอร์ใหม่นี้จะสามารถตั้งค่าได้จากในแอพ Facebook เลย
จากหน้าจอจะเห็นว่าสามารถปิดได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนเมื่อมีคนมาตอบคอมเม้นท์ ไลค์รูป หรือการแจ้งเตือนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเราโดยตรง เช่น วิดีโอใหม่จากกลุ่ม การแจ้งเตือนจาก Marketplace ซึ่งจากเดิมถ้าผู้ใช้งานอยากปิดแจ้งเตือนก็ต้องตั้งค่าในมือถือเอง
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเกิดประเด็นการขุดโพสต์ทวีตเก่าๆ ขึ้นมาจนนำมาสู่การวิพากย์วิจารณ์ต่างๆ นานา ซึ่งประเด็นที่ Blognone ต้องการจะนำเสนอในบทความนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความเห็นของใครหรือประเด็นทางการเมืองใดๆ แต่ต้องการชี้ให้เห็นว่า การแก้ไขข้อความสเตตัสไม่ว่าจะบน Facebook หรือ Twitter นั้นง่ายดายมากๆ และการแคปหน้าจอหรือ screenshot อาจไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ได้อย่างที่คิด
เปิดตัวมาไม่ทันไรก็งานเข้าซะแล้ว Facebook Calibra กระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับสกุลเงิน Libra ถูก Current สตาร์ตอัพธนาคารดิจิทัลแบบไม่มีสาขา ออกมาโวยว่าโลโก้ของ Calibra แทบจะเหมือนกับ Current ทุกประการ
ยิ่งไปกว่านั้น Stuart Sopp ซีอีโอของ Current ยังเล่าว่า Facebook จ้างบริษัทออกแบบเจ้าเดียวกับที่ทำโลโก้ให้ Current ด้วย นั่นคือบริษัท Character ในซานฟรานซิสโก ซึ่งรับงานออกแบบให้บริษัทไอทีหลายราย (เช่น Google, Uber, Fitbit, Adobe)
สัปดาห์นี้ข่าวใหญ่ที่สุดของสัปดาห์คงหนีไม่พ้นการที่เฟซบุ๊กเปิดตัวสกุลเงิน Libra ร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่อีกหลายราย การออกเงินคริปโตสกุลใหม่เป็นเรื่องที่เราเห็นกันได้บ่อยๆ ตั้งแต่บิตคอยน์ราคาทะยานขึ้นสูงช่วงปลายปี 2017 แต่การที่เฟซบุ๊กและพันธมิตรตัดสินใจลงมาสู่ตลาดนี้ นอกจากความน่าตื่นเต้นที่บริษัทขนาดใหญ่ร่วมลงทุน
ต่อจากข่าว หน่วยงานรัฐหลายประเทศสั่งตรวจสอบโครงการเงินคริปโต Libra ของ Facebook ล่าสุดคณะกรรมาธิการด้านธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐ (U.S. Senate Banking Committee) เรียกตัวแทนของ Facebook เข้าให้การแล้ว มีนัดหมายกันวันที่ 16 กรกฎาคมนี้
คาดว่า David Marcus หัวหน้าทีม blockchain ของ Facebook จะเป็นคนที่เข้ามาให้การ แต่ตอนนี้ยังไม่คำยืนยันจาก Facebook ว่าจะส่งใครมากันแน่
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการด้านการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ (House Financial Services Committee) ก็มีแผนจะเรียกผู้บริหารของ Facebook เข้ามาให้การในลักษณะเดียวกัน
หลังจากที่ Facebook เปิดตัวโครงการเงินคริปโตสกุล Libra ออกมา หน่วยงานรัฐในหลายประเทศก็แสดงท่าทีกังวลต่อประเด็นนี้ทันที โดยประเด็นสำคัญคือการตรวจสอบและควบคุมนั่นเอง
เริ่มที่ตัวแทนคณะกรรมการเงินของสภาผู้แทนฯ สหรัฐอเมริกา ได้ออกมาเรียกร้องให้ Facebook ระงับโครงการนี้ไปก่อน จนกว่าผู้บริหารจะเข้าชี้แจงกับสภาฯ โดยเฉพาะความปลอดภัยในการใช้งานและการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งกังวลว่าผลกระทบอาจเกิดในวงกว้าง อ้างจากฐานผู้ใช้งานระดับพันล้านคนของ Facebook และปัญหาในอดีตที่ Facebook รับมือได้ไม่ดีมากพอ
ต่อเนื่องจากข่าว Facebook และ 27 หน่วยงาน เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัล Libra ซึ่งนักพัฒนาสามารถเขียนบริการมาเชื่อมต่อใช้งานได้ ในส่วนของ Facebook ก็มีหน่วยงานใหม่สำหรับพัฒนาบริการทางการเงินในชื่อว่า Calibra
Calibra จะเป็นบริการกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับเงินสกุล Libra ซึ่งสามารถรับส่งเงินได้ผ่าน Facebook Messenger, WhatsApp ตลอดจนแอปของ Calibra เอง มีกำหนดให้บริการในปี 2020
Facebook เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลโอเพ่นซอร์สในชื่อ Libra โดยเป็นแกนนำจัดตั้งหน่วยงานอิสระที่ไม่แสวงหากำไร The Libra Association มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
The Libra Association มีผู้ร่วมก่อตั้ง 28 หน่วยงาน อาทิ Facebook, Mastercard, PayPal, Visa, eBay, Spotify, Uber, Lyft, กลุ่ม Vodafone, กองทุน Andreessen Horowitz ฯลฯ ทั้งนี้เป้าหมายของโครงการคือมีผู้ร่วมก่อตั้งอย่างน้อย 100 ราย ก่อนการเปิดตัวใช้งานในปีหน้า
ในยุคที่การทำไลฟ์เป็นเรื่องปกติ และสามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านแอพโซเชียลชื่อดังแทบทุกตัว สิ่งที่ต้องระวังอาจเป็นเรื่องฟิลเตอร์หรือลูกเล่นต่างๆ ที่กดใช้ผ่านในแอพได้ง่าย (เกินไป?)
Shaukat Yousafzai นักการเมืองจากประเทศปากีสถานก็เป็นอีกรายที่ใช้การไลฟ์เป็นเครื่องมือเข้าถึงประชาชน แต่สิ่งที่เขา (หรือทีมงาน) ทำพลาดไปคือเผลอไปกดเปิดฟิลเตอร์ AR เวอร์ชันหูแมว ทำให้คนที่รับชมการไลฟ์เห็นเขามีหูแมว จมูกแมว มีหนวด และมีแก้มสีชมพูด้วย ก่อนที่ฟิลเตอร์จะถูกกดปิดไปในเวลาไม่กี่นาทีให้หลัง
ตัวของ Yousafzai เองก็ยอมรับความผิดพลาดในเรื่องนี้ โดยบอกว่าจะกำชับกระบวนการไลฟ์ของทีมงานให้รัดกุมยิ่งขึ้น
Facebook ประกาศปรับเปลี่ยนการจัดอันดับคอมเมนท์บนโพสต์สาธารณะใหม่ โดย Facebook ระบุว่าวิธีใหม่นี้จะใช้สัญญาณหลาย ๆ อย่างช่วยระบุคุณภาพและจัดอันดับคอมเมนท์บนโพสต์สาธารณะ
Facebook ระบุว่า การจัดอันดับคอมเมนท์จะใช้สัญญาณต่าง ๆ เช่น
มีข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับแผนการเปิดตัวเงินคริปโตของ Facebook โดย The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวระบุว่า Facebook ได้บริษัทภายนอกหลายราย ที่ตกลงจะมาใช้งานเครือข่ายเงินคริปโตนี้แล้ว ซึ่งมีทั้ง Uber, Visa, Stripe (บริการจ่ายเงินออนไลน์), MasterCard และ Booking.com
ตามรายงานก่อนหน้านี้ บริการเครือข่ายเงินคริปโตของ Facebook จะมี node ไม่เกิน 100 node คิดค่าไลเซนส์ 10 ล้านเหรียญต่อ node ซึ่งบริษัทที่ระบุมาข้างต้นได้ตัดสินใจร่วมลงทุนไปแล้ว ตามชื่อโครงการภายในว่า Project Libra นอกจากนี้รายงานยังระบุว่า Facebook จะแถลงข่าวเปิดตัวเงินคริปโตดังกล่าวในสัปดาห์หน้า
ครบรอบ 1 ปี Facebook Watch ซึ่งเป็นแท็บแยก รวมเอาวิดีโอที่น่าสนใจจากเพจและข่าวสารต่างๆ มาไว้ในช่องทางนี้ ถือเป็นช่องทางคู่แข่ง YouTube โดยตรง
และในโอกาสครบรอบ Facebook ออกมาเผยตัวเลขผู้ใช้งาน Facebook Watch ว่า มียอดแอคทีฟรายเดือน 720 ล้านราย มี 140 ล้านคนต่อวันที่ใช้เวลาอย่างน้อย 1 นาทีดูคลิปใน Facebook Watch และโดยเฉลี่ย แต่ละคนดูคลิป 26 นาทีต่อวัน
ดูเหมือนว่า Facebook ยังไม่ยอมแพ้กับการเก็บข้อมูล ล่าสุดเปิดตัวแอพใหม่ Study from Facebook เป็นแอพให้ผู้ใช้งานไปติดตั้งและขอเก็บข้อมูลโดยมีเงินตอบแทน โดยมีเป้าหมายเพื่อนำข้อมูลไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไป
โดยข้อมูลที่ Study from Facebook จะขอเก็บคือ แอพที่ผู้ใช้งานติดตั้งมีอะไรบ้าง, เวลาที่ใช้ไปกับการใช้โทรศัพท์, ประเทศที่ผู้ใช้งานอาศัย เครือข่ายที่ใช้งานอยู่ อุปกรณ์อะไร, แอพที่ผู้ใช้กำลังใช้งานอยู่ ณ ขณะนั้น โดย Facebook ระบุว่าสิ่งที่แอพจะไม่เก็บคือ ข้อมูล ID-password, รูป, ข้อความ, วิดีโอ และยืนยันจะไม่ขายข้อมูลให้บุคคลที่สามเด็ดขาด