Facebook ในขณะนี้ถือเป็นเครือข่ายใหญ่ของกลุ่มต่อต้านวัคซีน บางกลุ่มมีสมาชิกเกือบแสนคน ทำให้แพทย์และผู้เชี่ยวชาญต้องออกมาเรียกร้องให้ Facebook แบนกลุ่มเหล่านี้เสีย เพราะเผยแพร่ข้อมูลผิดเรื่องสุขภาพ เป็นอันตรายต่อสุชภาพของสังคม และชี้ว่าทฤษฎีที่กลุ่มต่อต้านวัคซีนยกมานั้นไม่จริง
ล่าสุดกลุ่มต่อต้านวัคซีนสู้กลับ ด้วยการไปคุกคามคนที่เห็นด้วยกับวัคซีนบน Facebook โดย Elias Kass คนทำงานในวงการแพทย์ ได้ไปให้การต่อหน้าคณะกรรมการวุฒิสภาของรัฐวอชิงตัน ในขณะที่กำลังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเพื่อกำจัดข้อยกเว้นสำหรับการฉีดวัคซีนในวัยเด็กและ Kass เป็นหนึ่งในหลายคนที่พูดถึงการสนับสนุนมาตรการดังกล่าว
ปัจจุบัน Facebook มีคนช่วยคัดกรองเนื้อหาราว 30,000 คน (ตามที่ Facebook ระบุไว้) และหลายคนคงพอจะเดาออกว่าคนที่คัดกรองเนื้อหาต้องดูเนื้อหา รูปภาพ คลิปที่อาจมีความรุนแรงมาก เพื่อจะระบุได้ว่าเนื้อหานี้ผิดกฎแพลตฟอร์ม ควรเอาออก ซึ่งถือเป็นงานที่หนัก และส่งผลต่อสภาพจิตใจ
The Verge ได้สัมภาษณ์คนทำงานคัดกรองเนื้อหาหลายคน โดยพวกเขาก็เซ็นสัญญาไม่เปิดเผยข้อมูลกับบริษัท Cognizant ที่มี Facebook เป็นลูกค้าอีกที ทำให้สังคมภายนอกไม่รู้ว่าประสบการณ์การทำงานแบบนี้ต้องเจออะไรบ้าง พวกเขามักจะโดนกดดันให้ห้ามเล่าเรื่องที่ทำงานให้คนอื่นฟัง แม้แต่คนในครอบครัวก็ไม่ได้ ชื่อบุคคลในเนื้อหาจึงเป็นชื่อสมมติทุกคน
Onavo Protect แอป VPN ของ Facebook ที่ถูกแฉว่าเอาทราฟฟิคไปวิเคราะห์พฤติกรรม โดยไม่ยอมบอกผู้ใช้ให้ชัดเจนและถูกนำออกจาก App Store เตรียมถูกปิดการให้บริการ และล่าสุดก็ถูกนำออกจาก Play Store แล้ว
ตัวแอปไม่ได้หยุดให้บริการในทันที โดยจะยังให้บริการ VPN ไปอีกซักระยะเพื่อให้เวลาผู้ใช้หาบริการ VPN อื่นใช้งานแทน แต่จะระงับการดึงข้อมูลทราฟฟิคไปทำวิจัย รวมถึงไม่โปรโมทหาผู้ใช้งานเพิ่มแล้ว
ด้านโฆษก Facebook ยืนยันว่าจะปิดตัวโปรแกรมวิจัยของ Onavo และจะหันไปโฟกัสการวิจัยด้านการตลาดที่ตอบแทนผู้เข้าร่วมวิจัยแทน
ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องคดีที่ รินดา พรศิริพิทักษ์ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่องข่าวลือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และภรรยาโอนเงินหลักหมื่นล้านไปยังธนาคารในสิงคโปร์ โดยการกระทำดังกล่าวถูกฟ้องในข้อหาผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์มาตรา 14(2) แต่ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นว่าข้อความอาจจะกระทบกระเทือนต่อผู้ถูกพาดพิง แต่ยังไม่มีลักษณะกระทบต่อความมั่นคง
ในขณะที่หน่วยงานและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพออกมาเคลื่อนไหวให้ Facebook จัดการกลุ่มต่อต้านวัคซันที่มีสมาชิกหลายแสนคน เพราะเกรงว่าจะแพร่ข้อมูลผิดจนเป็นอันตรายต่อความรู้ความเช้าใจเรื่องวัคซีน แต่ Facebook ก็ยังไม่มีมาตรการแบนที่ชัดเจน แต่มีการรับรู้ปัญหาและพยายามแก้ไขแล้ว
ล่าสุด Pinterest บอกว่าเริ่มจัดการกับเนื้อหาต่อต้านวัคซีนแล้ว โดยจะลบพวกเนื้อหาวิจัยเกี่ยวกับวัคซีนออก ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านหรือสนับสนุนก็ตามที เป็นการบล็อคผลการค้นหา แต่ก็ยังยอมรับว่าการแบนทั้งหมดนั้นมันยาก โดยจะทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญสุขภาพ และผู้เชี่ยวชาญโซเชียลมีเดีย เพื่อหาทางแก้ปัญหาแบบถาวร
นอกจากประเด็นเรื่องกล้อง Portal แล้ว การพูดคุยระหว่าง Mark Zuckerberg ให้สัมภาษณ์กับ Jonathan Zittrain อาจารย์ด้านกฎหมายของ Harvard Law School ยังครอบคลุมหลายประเด็นทั้งข่าวปลอม ความเป็นส่วนตัว ดังนี้
Mark Zuckerberg ให้สัมภาษณ์กับ Jonathan Zittrain อาจารย์ด้านกฎหมายของ Harvard Law School ในประเด็นที่หลากหลาย
หนึ่งในประเด็นที่สนทนาคือเรื่องการเข้ารหัสแบบ end-to-end ซึ่ง Zuckerberg บอกว่าเขาสนับสนุนแนวทางนี้ เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ โดยยกตัวอย่างเปรียบเทียบว่า "การส่งข้อความเหมือนกับห้องนั่งเล่นในบ้าน และเราคงไม่อยากอยู่ในสังคมที่มีกล้องในห้องนั่งเล่นทุกบ้านหรอก"
เจตนาของ Zuckerberg ตั้งใจหมายความว่าการส่งข้อความโดยไม่เข้ารหัส เหมือนกับห้องนั่งเล่นที่มีกล้องให้คนอื่นสอดส่องเราได้ อย่างไรก็ตาม วิธีการเปรียบเทียบของเขาดันไปเหมือนกับ Portal ฮาร์ดแวร์ของ Facebook ที่มีกล้องคุยวิดีโอคอลล์ในห้องนั่งเล่น
เฟซบุ๊กแบนเพจที่โพสวิดีโอเป็นหลัก 3 เพจ ได้แก่ Soapbox, Waste-Ed, และ Backthen และเพจที่ใหญ่ที่สุดคือ Now ที่มีผู้ติดตามกว่า 3 ล้านคน เนื่องจากเพจทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องทางการเงินกับสำนักข่าว RT ที่ได้รับการสนับสนุนโดยรัฐบาลรัสเซีย
ทางเฟซบุ๊กระบุว่ากำลังติดต่อบริษัทผู้ดำเนินการเพจเหล่านี้และขอให้แจ้งความเกี่ยวข้องกับบริษัทแม่ จึงจะอนุญาตให้บริการต่อไป โดยระบุว่าเป็นแนวทางของเฟซบุ๊กที่ต้องการให้ผู้ติดตามเพจรู้ข้อมูลมากขึ้น
Soapbox, Waste-Ed, และ Backthen นั้นดำเนินการโดยบริษัท Maffick Media ที่ถือหุ้นโดยบริษัท Ruptly ที่เป็นบริษัทลูกของ RT สำนักข่าวที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัสเซียอีกที
Facebook มีข่าวปลอมแพร่กระจายเยอะอาจเป็นเรื่องที่คนรู้กันอยู่แล้ว ล่าสุดฝ่ายกฎหมายของสภาอังกฤษออกรายงานอย่างเป็นทางการระบุชัดเจนว่า Facebook คือแหล่งแพร่กระขายข่าวปลอม ไม่ปฏิบัติตามกฎคุ้มครองข้อมูลส่วนตัว ถือเป็นนักเลงบนดิจิทัลหรือ digital ganster เลยก็ว่าได้
คณะกรรมการดิจิทัล, วัฒนธรรม, สื่อและการกีฬาของรัฐบาลอังกฤษ ออกรายงานที่ใช้เวลา 18 เดือนในการสืบสวนสถานการณ์ข่าวปลอมบน Facebook รวมทั้งติดตามความเคลื่อนไหวในการแก้ปัญหา พบว่า Facebook ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง และระบุด้วยว่าการบิดเบือนข้อมูลที่ไม่รู้ว่าคนทำเป็นใครและยังเจาะกลุ่มเป้าหมายชัดเจนนั้น เป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย
Facebook ตกอยู่ในสภาวะถูกกดดันอีกแล้ว คราวนี้เปนผู้เชี่ยวชาญสุขภาพออกมากดดันให้ Facebook จัดการกับกลุ่มหรือ Groups ที่เป็นกลุ่มใหญ่ และมีการเผยแพร่ข้อมูลผิดพลาดเกี่ยวกับสุขภาพบ่อย เช่น การต่อต้านวัคซีน เป็นต้น โดยบางกลุ่มมีสมาชิกเยอะมากเป็นแสนรายเลยทีเดียว
กลุ่มดังกล่าวรู้จักกันในชื่อว่า anti-vaxxers มีสมาชิกในกลุ่มมากราว 150,000 ราย หนึ่งในเนื้อหาที่กลุ่มนี้เชื่อคือ วิตามินซีจำนวนมากช่วยต้านผลกระทบของวัคซีนได้
ในแต่ละปี โลกไอทีเกิดการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ปี 2019 นี้ก็น่าจะเช่นกัน โดยเฉพาเทคโนโลยีใหม่ที่เริ่มออกมาให้เห็นตั้งแต่ปีที่แล้วอย่าง 5G หรือรถยนต์ไร้คนขับ หลายคนอาจสงสัยว่ามันจะมาในปีนี้แล้วจริงๆ ใช่ไหม ไปจนถึงสภาพการณ์อื่นๆ บนโลกไอทีอาทิ สมาร์ทโฟนระยะหลังๆ ซบเซาลง ปีนี้จะกลับมาได้ไหม, Facebook ที่ปีก่อนเผชิญมรสุมทั้งปี ปีนี้จะเป็นยังไง, สตรีมมิ่ง Disney+จะเปิดตัวในปีนี้ Netflix จะเป็นยังไง
Blognone จะวิเคราะห์ประเด็นทั้งหมดในบทความนี้ครับ
Facebook ประกาศว่าได้เข้าซื้อกิจการสตาร์ทอัพ GrokStyle โดยไม่มีการเปิดเผยมูลค่า เพื่อนำทีมงานและเทคโนโลยีของบริษัทเข้ามาเสริมทีม AI ของ Facebook
GrokStyle เป็นสตาร์ทอัพที่พัฒนาเทคโนโลยีช้อปปิ้งแบบเสมือน ผนวกเข้ากับ AI สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า เช่น ลูกค้าถ่ายภาพสินค้าตัวหนึ่ง ระบบจะค้นหาสินค้าที่ใกล้เคียงซึ่งมีขายในร้าน ซึ่งระบบดังกล่าวมีใช้อยู่ในแอปของ IKEA
Facebook ไม่ได้บอกว่าจะนำเทคโนโลยีของ GrokStyle มาต่อยอดอย่างไร แต่คาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของ Marketplace และ Facebook Camera
ที่มา: Bloomberg
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า Facebook พยายามเจาะตลาดผู้ใช้วัยรุ่นให้มากขึ้น โดยตั้งทีมงานเฉพาะเรียกว่า Youth Team และทดลองทำแอปรวมมีมชื่อ LOL ขึ้นมา แล้วนำไปทดสอบกับกลุ่มวัยรุ่น อย่างไรก็ตามดูเหมือน Facebook จะตัดสินใจล้มโครงการนี้เร็วกว่าที่คิด
Recode รายงานว่า Facebook ได้ตัดสินใจปรับขนาดทีมงานดังกล่าวลง โดยปิดโครงการ LOL แล้วย้ายทีมงานทั้งหมดไปดูแล Messenger Kids แทน ซึ่งตัวแทนของ Facebook ได้ยืนยันข่าวดังกล่าว
Bundeskartellamt หน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของเยอรมนี ออกคำสั่งห้าม Facebook เชื่อมข้อมูลผู้ใช้ระหว่าง Facebook, WhatsApp, Instagram เข้าด้วยกัน ก่อนได้รับความยินยอมจากผู้ใช้รายนั้น
Bundeskartellamt ให้เหตุผลว่าปัจจุบัน Facebook เป็นผู้ให้บริการ social network รายใหญ่ของโลก และไม่มีบริษัทอื่นมาเป็นคู่แข่งขันตรงๆ ถือว่ามีสถานะเกือบผูกขาดแล้ว จึงเข้าข่ายเงื่อนไขของกฎหมายต่อต้านการผูกขาด อีกทั้งธุรกิจ social network มีโมเดลหารายได้จากโฆษณา ซึ่งอิงกับข้อมูลของผู้ใช้งานเป็นหลัก
Caryn Marooney หัวหน้าใหญ่ด้าน PR ของ Facebook กำลังจะลาออก หลังทำงานกับ Facebook มา 8 ปี การลาออกของเธอยังอยู่ในช่วงวิกฤตที่มรสุมรุมเร้าทั้งข้อมูลหลุด ข่าวปลอม และยังเป็นช่วงเวลาที่ Facebook ต้องสื่อสารกับสังคมมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
Facebook กำลังทำฟีเจอร์ใหม่ให้ผู้ใช้งานสามารถรู้ได้ว่าบริษัทใดที่อัพโหลดชื่อและข้อมูลเบอร์โทรและอีเมลของผู้ใช้เพื่อทำการโฆษณาแบบเจาะกลุ่ม หรือ targeted ad
โดยหน้าตาใหม่ของฟีเจอร์นี้จะมาในปุ่ม Why am I seeing this? เมื่อกดเข้าไปดูจะเห็นรายละเอียดว่า เพราะอะไรเราถึงเห็นโฆษณาชิ้นนี้ พาร์ทเนอร์หรือบริษัทรายใดเป็นคนอัพโหลดข้อมูลของเราให้เขา และอัพโหลดเมื่อไร จากเดิมที่สามารถมองเห็นแค่ว่าแบรนด์อะไรที่ใช้ข้อมูลไปทำโฆษณาเจาะกลุ่ม ด้าน โฆษก Facebook ระบุว่าฟีเจอร์ใหม่นี้มีวัตถุประสงค์คือให้ผู้ใช้เข้าใจการทำงานของผู้ลงโฆษณาว่าเขาสามารถนำข้อมูลผู้ใช้ไปทำอะไรบ้าง ดูภาพหน้าจอการใช้งานได้ที่แหล่งข่าวต้นทาง
Health Feedback เครือข่ายนักวิทยาศาสตร์ที่ประเมินความน่าเชื่อถือของการรายงานข่าวด้านสุขภาพ ทำงานร่วมกับ Credibility Coalition เพื่อตรวจสอบบทความด้านสุขภาพจากเว็บไซต์ข่าวมีชื่อเสียง ที่เผยแพร่ลงในโซเชียลมีเดียและได้รับความนิยมมากที่สุดในปี 2018
ผลการวิจัยพบว่า 10 โพสต์ที่มียอดแชร์สูงสุดมาจากเว็บไซต์ข่าวมีชื่อเสียงทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น Your Health Guide, The Guardian, Time, Daily Mail เป็นต้น และพบว่ามีเพียง 3 ใน 10 บทความเหล่านี้ที่ข้อมูลถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์และหลักสุขภาพมีความน่าเชื่อถือสูง และมีสามบทความที่ทีมวิจัยติดตัวแดงไว้เลยว่าไม่น่าเชื่อถือ มีข้อมูลหลอกลวง ตีความไม่ถูกต้อง
จากเดิม Facebook ประเมินและให้โบนัสพนักงานของตัวเองโดยพิจารณาจากความสามารถในการเพิ่มยอดผู้ใช้และรายได้บริษัท ต่อจากนี้จะไม่ใช่แล้ว เพราะ Facebook จะให้คุณค่ากับพนักงานที่สามารถแก้ปัญหาที่ Facebook ต้องเจออยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลหลุด ข่าวปลอม เป็นต้น
เกณฑ์อื่นๆ ในการประเมินพนักงานคือ การสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้, การสื่อสารในสิ่งที่บริษัททำอย่างโปร่งใส โดยโฆษก Facebook ระบุว่า Mark Zuckerberg เป็นผู้ร่างกฎเกณฑ์ใหม่นี้ด้วยตัวเองเลย Facebook จากที่เคยโฟกัสการเติบโต จะเปลี่ยนเป็นโฟกัสที่ความเปลี่ยนแปลง
Facebook ประกาศปล่อยฟีเจอร์ Unsend หรือยกเลิกการส่งข้อความออกมาแล้วอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่ทางบริษัทได้ปล่อยฟีเจอร์นี้ให้ผู้ใช้บางกลุ่มได้ใช้งานก่อนมาระยะหนึ่ง
วิธีใช้ฟีเจอร์ Unsend คือผู้ใช้จะต้องกดค้างที่บอลลูนข้อความบน Messenger จากนั้นกดปุ่ม Remove และกดปุ่ม Remove for Everyone และกด Remove เพื่อยืนยันอีกครั้ง ข้อความนั้นก็จะถูกยกเลิกทันที โดยจะแสดงคำว่า You removed a message หรือ “คุณได้ลบข้อความนี้ไปแล้ว” แทนที่ข้อความนั้น ๆ
Mark Zuckerberg โพสต์ฉลอง Facebook อายุครบ 15 ปี โดยเล่าไอเดียว่ายุคนั้นมีเว็บไซต์ที่ใช้ค้นหาเรื่องอื่นๆ มากมาย แต่ไม่มีเว็บไซต์ที่ใช้หา "คน" ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เขาจึงสร้างเว็บไซต์ที่ใช้เชื่อมต่อกับผู้คนขึ้นมา
เขาเล่าว่าในช่วง 10 ปีแรกต้องเจอกับเสียงสบประมาทมากมาย ว่าบริการแบบนี้ไม่เวิร์ค แต่เขามั่นใจว่า Facebook เป็นสิ่งสำคัญที่จะมาเปลี่ยนโลก เพราะก่อนหน้านี้ คนอยู่ในสังคมลำดับชั้น (hierarchical) ที่เน้นเสถียรภาพ แต่เข้าถึงได้ยาก การแสวงหาความก้าวหน้าต้องไต่ขึ้นตามลำดับขั้นอย่างช้าๆ และนำเสนอไอเดียใหม่ๆ ที่ผิดแผกไปจากเดิมได้ยาก
WhatsApp ออกอัพเดตเวอร์ชันใหม่บน iOS โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่คือเพิ่มการยืนยันตัวตนด้วย Touch ID หรือ Face ID ก่อนเข้าใช้งานแอพ เรียกว่า Screen Lock
ผู้ใช้สามารถเข้าไปเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ได้ผ่านเมนู Settings > Account > Privacy และเลือกเมนู Screen Lock ซึ่งจะแสดงปุ่มให้เปิด Touch ID หรือ Face ID โดย WhatsApp ระบุว่าถ้าเปิดใช้งานแล้ว ผู้ใช้จะต้องใช้ Touch ID หรือ Face ID ในการปลดล็อกแอพ แต่จะยังคงสามารถตอบกลับข้อความจากการแจ้งเตือนหรือรับสายโทรศัพท์เข้าจาก WhatsApp ได้ตามปกติ
ทั้งนี้ เมนู Screen Lock ของ WhatsApp ยังคงมีเฉพาะ Touch ID หรือ Face ID เท่านั้น ไม่มี PIN แบบปกติให้เลือกเปิดใช้งาน
Facebook เคยเปิดให้บริการ Express Wi-Fi โดยจับมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมท้องถิ่น ล่าสุดตอนนี้ Facebook ได้ขยายบริการนี้ออกไปในประเทศกานาแล้ว
โครงการ Express Wi-Fi ในกานานี้ เป็นความร่วมมือกับ Vodafone Ghana โดยมีให้บริการในเมือง Nima, James Town, Kanda, Pig Farm และ Abossey Okine ซึ่งบริการนี้จะเน้นให้บริการ carrier-grade Wi-Fi ให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลและไม่สามารถเข้าถึง fiber optic ได้ และเน้นให้บริการในราคาถูก ซึ่งสำหรับกานาจะมีค่าใช้จ่าย 1 GHC หรือราว 6.27 บาทเท่านั้น
Mozilla ได้ส่งจดหมายถึงคณะกรรมการยุโรป โดยกล่าวถึงความไม่โปร่งใสในเรื่องการจัดการข้อมูลการโฆษณาการเมืองบนแพลตฟอร์มของ Facebook ว่าแม้ Facebook จะส่งท่าทีที่จริงจังในการจัดการ แต่ก็ยังไม่โปร่งใสเพียงพอ
Mozilla ระบุว่า Facebook ได้พยายามป้องกันไม่ให้บุคคลที่สามทำการดำเนินการวิเคราะห์โฆษณาบนแพลตฟอร์ม โดย Facebook ได้มีท่าทีในการกีดกันนักพัฒนา, นักวิจัย หรือองค์กรในการพัฒนาเครื่องมือและวิจัยเพื่อให้การศึกษาและให้อำนาจผู้ใช้เข้าใจและทนต่อแคมเปญการส่งข้อมูลปลอมแบบเลือกกลุ่มเป้าหมายได้
งานวิจัยหลายชิ้นบอกว่าการตีตัวออกห่างจาก Facebook ช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น ล่าสุดมีงานวิจัยอีกชิ้นจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดและมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ระบุว่า คนที่เลิกเล่น Facebook 1 เดือนนั้นมีความสุขขึ้นจริงๆ
ติดตามกันต่อเนื่องกับกรณีที่แอปเปิลบล็อกใบรับรองใช้งานแอปองค์กรของ Facebook เหตุเพราะปล่อยแอปเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน ล่าสุดเฟซบุ๊กแถลงว่าแอปเปิลได้คืนใบรับรองดังกล่าวแล้ว ทำให้ Facebook สามารถปล่อยแอปและใช้งานแอประดับองค์กรบน iOS ได้อีกครั้ง