ข่าวนี้ไม่ค่อยเกี่ยวกับคนไทยเท่าไร แต่รู้ไว้ไม่เสียหลาย

สงครามราคาในตลาดมือถือสหรัฐเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเริ่มจากค่ายสีแดง Verizon เบอร์หนึ่งของตลาด ได้ประกาศโปรโมชั่นรายเดือนแบบไม่จำกัด ลดความสับสนจากเดิมที่มีโปรโมชั่นทั้งหมด 16 แบบ ลงมาเหลือ 6 แบบเท่านั้น แน่นอนว่าราคาถูกลงพอสมควรโดยเฉพาะค่าโทร - Engadget

หลังจากที่หากินกับไอโฟนมาเป็นระยะเวลานาน ในที่สุดเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกาอย่าง AT&T ก็ประกาศว่าจะวางขายโทรศัพท์มือถือในระบบ Android ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ทั้งหมด 5 รุ่นจาก 3 แบรนด์ดังคือ Motorola, Dell และ HTC โดยทาง Engadget คาดการณ์ไว้ว่าโทรศัพท์ที่จะออกวางจำหน่ายน่าจะเป็น Motorola Backflip (รูปประกอบ) ที่มีลักษณะคล้ายๆ กับ Motorola CLIQ (สเปคก็น่าจะใกล้เคียงกัน) และอีกรุ่นที่มาแน่นอนคือ Dell mini 3 ที่ไปบุกตลาดจีนมาพักใหญ่ๆ แล้ว ส่วนอีกสามเครื่องที่เหลือน่าจะมาจากแบรนด์ของ HTC ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้

ทาง FCC (เป็นกทช. ของสหรัฐฯ) ได้มีจดหมายถามความเห็นไปยังบริษัท AT&T ผู้ให้บริการโทรศัพท์รายใหญ่ ถึงเรื่องการย้ายเครือข่ายไปยังเครือข่ายไอพี

ทาง AT&T แสดงท่าทีต่อประเด็นนี้ชัดเจนว่าการยกเลิกโทรศัพท์อนาล็อกนั้นมีคำถามเพียง "เมื่อใหร่" เท่านั้น โดยปัจจุบันทั้งเครือข่ายไอพีและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือมีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะมาทำหน้าที่แทนโทรศัพท์ปรกติ

กรณีเดียวที่โทรศัพท์อนาล็อกยังคงความจำเป็น คือเมื่อเกิดภัยพิบัติและพลังงานขาดช่วง โทรศัพท์อนาล็อกมักจะสามารถทำงานได้โดยใช้พลังงานสำรองไม่มากนัก ขณะที่เครือข่ายไอพีมักล่มไปก่อน ส่วนโทรศัพท์มือถือนั้นต้องการพลังงานสูงและมีระยะเวลาสำรองไฟจำกัด

ผมยกหูโทรศัพท์มีสายสองครั้งในเดือนที่ผ่านมานะ ไม่รู้ใครใช้กันบ่อยแค่ไหน?

รายงานจาก BusinessWeek กล่าวว่า Verizon ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือระบบ CDMA ของสหรัฐได้ออกมากล่าวว่าทางบริษัทได้ทำการอัพเกรดเครือข่ายทั้งหมดเพื่อรอไอโฟนไว้แล้ว

Verizon Wireless ได้ทำการอัพเกรดเครือข่ายทั้งหมดให้สามารถรองรับการรับส่งข้อมูลที่มากที่จะเกิดขึ้นจากไอโฟนได้ … โดยทุกอย่างนั้นพร้อมหมดแล้ว เราพร้อมที่จะสนับสนุนการใช้งานมากขนาดนั้นแล้ว

Verizon เห็นว่าผู้ใช้ไอโฟนหลายคนได้ออกมาบ่นว่าความสามารถของเครือข่ายของ AT&T นั้นเป็นปัญหามาก และทางบริษัทเองก็ "น่าจะ" เป็นผู้ร่วมธุรกิจที่ดีกับแอปเปิลหลังจากที่สัญญาผู้ให้บริการไอโฟนแต่เพียงผู้เดียวระหว่าง AT&T กับแอปเปิลหมดลง

Piper Jaffray นักวิเคราะห์ตลาดได้ระบุว่าจากการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ แล้ว น่าจะมีโอกาสประมาณ 70% ที่แอปเปิลจะตัดสินใจขาย iPhone บนเครือข่าย Verizon ด้วยในกลางปีหน้า และจะทำให้จำนวนผู้ใช้ iPhone ในสหรัฐฯ เติบโตถึง 40% ในปีเดียว

ปัจจุบัน AT&T มีผู้ใช้งานประมาณ 82 ล้านเลขหมาย ซึ่งการขยาย iPhone ให้กับ Verizon ด้วยจะเป็นการขยายขนาดตลาดถึงเท่าตัว เพราะ Verizon เองก็มีฐานผู้ใช้ถึง 89 ล้านเลขหมาย นอกจากนี้ Piper ยังระบุด้วยว่า Verizon จะเป็นหนึ่งในจุดขายที่สำคัญของ iPhone รุ่นถัดไป

ที่มา - AppleInsider

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Ralph de la Vega หัวหน้าส่วนงานบริการลูกค้าบุคคลทั่วไป (Head of Consumer Services) ของ AT&T ได้ออกมาประกาศว่าในอนาคตทาง AT&T อาจมีการปรับเปลี่ยนการเก็บค่าบริการข้อมูลสำหรับผู้ใช้ที่ใช้งานมากเป็นพิเศษเพิ่มเติม จากที่เดิมโปรโมชันสำหรับสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง iPhone จะให้ใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัด

ทาง AT&T ได้ระบุว่า ปัจจุบันมีลูกค้าที่ใช้สมาร์ทโฟนอยู่ 3% โดยในกลุ่มนี้กลับใช้แบนด์วิธสูงถึง 40% ของทั้งหมด โดยแบนด์วิธส่วนมากเกิดจากการสตรีมข้อมูลภาพและเสียงจากโปรแกรมบน iPhone

จากที่ Verizon ได้พยายามโจมตี AT&T แบบตรงๆ และเครื่องไอโฟนของแอปเปิลแบบอ้อมๆ ผ่านโฆษณาชุดใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ ล่าสุดทั้งทางแอปเปิลและ AT&T ได้มีโฆษณาชุดใหม่เพื่อตอบโต้เพิ่มเติม

ชุดแรกเป็นของโฆษณาไอโฟนของแอปเปิล โดยมีเนื้อหาหลักๆ เป็นการแสดงถึงคุณสมบัติในการใช้อินเทอร์เน็ตในระหว่างการคุยโทรศัพท์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของ 3G ทางฝั่ง GSM ที่ CDMA ทำไม่ได้ (AT&T ทำได้ แต่ Verizon ทำไม่ได้) โดยมีคำเปรยทิ้งท้ายโฆษณาว่า "โทรศัพท์และเครือข่ายของคุณทำได้ไหม?" (Can your phone and your network do that?) ซึ่งนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่แอปเปิลออกโฆษณาที่มีการโจมตีเครือข่ายอื่นๆ ด้วย จากที่แต่เดิมจะเน้นแต่ตัวคุณสมบัติของไอโฟนอย่างเดียว

จบอย่างรวดเร็วกับคดีที่ AT&T ฟ้องให้ระงับโฆษณาของ Verizon (ดูข่าวเก่า) เมื่อวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาในสหรัฐฯ ศาลได้ปฏิเสธคำขอดังกล่าวของ AT&T โดยระบุว่า แม้ว่าโฆษณาชุดนี้จะดูตุกติกไปบ้าง (sneaky) แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความเข้าใจผิด (misleading) อย่างชัดเจน จึงไม่เข้าข่ายที่จะทำให้ระงับโฆษณาชุดนี้ได้

อย่างไรก็ตามศาลยังระบุด้วยว่า เนื่องจากผู้ชมโทรทัศน์ส่วนใหญ่ไม่ได้มีความรับผิดชอบในการพิสูจน์ข้อมูลข้อเท็จจริงมากนัก (semi-catatonic) จึงเป็นไปได้จริงๆ ที่ผู้ชมส่วนใหญ่จะตีความข้อมูลหลายๆ อย่างผิดเพี้ยนไป

ในข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายของ AT&T ล่าสุด ได้มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับปริมาณการใช้งานเครือข่าย 3G นั่นคือโดยรวมแล้ว มียอดการใช้งานข้อมูลบน 3G ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาสูงขึ้นถึง 4 เท่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยเขตที่มีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นสูงสุดคือ San Francisco มีตัวเลขอยู่ที่ 20 เท่า

แม้ว่านี่จะเป็นข่าวเล็กๆ ของโทรศัพท์มือถือเจ้าหนึ่งในสหรัฐฯ แต่น่าจะเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาที่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่งผลต่อความต้องการในการใช้บริการข้อมูลความเร็วสูงที่เพิ่มขึ้นตามไม่แพ้กัน จนแม้แต่ในประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ก็อาจจะไม่สามารถขยับขยายได้ตามความต้องการอย่างทันท่วงที

ยังไม่จบจากที่ Verizon ออกโฆษณาเพื่อโจมตีคุณภาพของเครือข่าย 3G ของ AT&T (ดูข่าวเก่า) จนทาง AT&T ต้องมีการยื่นฟ้องต่อศาลให้ระงับโฆษณาชุดดังกล่าว (ดูข่าวเก่า) ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาทาง Verizon ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลให้ยกคำฟ้องดังกล่าว โดยกล่าวหาว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และ AT&T ไม่ได้ยื่นฟ้องเพราะโฆษณาของ Verizon ไม่เป็นความจริง แต่ AT&T ฟ้อง Verizon เพราะโฆษณานั้นเป็นความจริง และความจริงนั้นเจ็บปวด

จากข่าวเก่าที่ Verizon ได้ออกโฆษณาชุดคริสต์มาสใหม่ถึง 3 ตัว (ดูข่าวเก่า) ล่าสุด AT&T ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อระงับโฆษณาดังกล่าว และเรียกร้องค่าเสียหายจาก Verizon

จากที่เราเพิ่งทราบข่าวที่ Verizon รุมยิงโฆษณาที่โจมตีถึงการให้บริการ 3G ที่ไม่ครอบคลุมของ AT&T (ดูข่าวเก่า) ในวันนี้มีข้อมูลใหม่ว่าจริงๆ แล้วข้อมูลของ Verizon เป็นความจริงทางเทคนิกเท่านั้น

ก่อนอื่นต้องท้าวความก่อนว่า การให้บริการของ AT&T เป็นการใช้มาตรฐาน GSM แบบเดียวกับประเทศไทยเรา โดยมีมาตรฐานของข้อมูลเป็น GPRS (2G), EDGE (2.5G), UMTS (3G) และ LTE (4G) ตามลำดับ ในขณะที่ทางฝั่ง Verizon ใช้มาตรฐานในกลุ่มของ CDMA แทน โดยการให้บริการข้อมูล 3G จะเป็นมาตรฐานที่มีชื่อว่า EVDO Rev.A อย่างไรก็ตามปัจจุบัน Verizon กำลังมีแผนการจะย้ายค่ายจาก CDMA เป็นเพื่อให้บริการ 3G, 4G ในมาตรฐาน UMTS และ LTE แทน ซึ่งเป็นที่นิยมทั่วโลกมากกว่า

แคมเปญโฆษณาของ Verizon เริ่มจากโฆษณา iDon't ตีจุดอ่อนของ iPhone ที่มีข้อจำกัดมากมาย จากนั้นเป็นชุด Stealth ไม่ได้กัดใครแต่เปิดตัวมือถือ Droid

ล่าสุดใกล้คริสต์มาสซึ่งเป็นฤดูจับจ่ายของฝรั่ง Verizon ซึ่งเป็นโอเปอเรเตอร์อันดับหนึ่งของสหรัฐ ได้โจมตีคู่แข่งอันดับสอง AT&T เข้าที่จุดอ่อนอย่างจัง นั่นคือเครือข่าย 3G ของ AT&T ที่โดนเสียงบ่นมาโดยตลอด Verizon ชูว่าเครือข่ายของตัวเองกว้างกว่า AT&T ถึง 5 เท่า

ต่อเนื่องจากข่าว AT&T โต้ Google เกี่ยวกับ Network Neutrality ซึ่ง AT&T ร้องเรียนกับ FCC ว่าโปรแกรม Google Voice ของกูเกิลปิดกั้นไม่ให้โทรออกไปยังพื้นที่ห่างไกล การจุดประเด็นของ AT&T รอบนี้มีผลให้ ส.ส. สหรัฐจำนวนหนึ่งออกมากดดัน FCC ด้วย และสุดท้าย FCC ได้ออกจดหมายขอข้อมูลเพิ่มเติมจากกูเกิล ให้อธิบายการทำงานของ Google Voice (ลักษณะเดียวกับที่ทวงถามแอปเปิลกรณี App Store)

ปฏิกิริยาของกูเกิลก็ออกมารวดเร็ว โดยกูเกิลยังไม่ตอบ FCC อย่างเป็นทางการ แต่ออกมาโต้ AT&T ผ่านบล็อกของบริษัท โดยอธิบายว่า Google Voice ไม่ให้โทรออกไปยังเบอร์ในพื้นที่ห่างไกลเพราะ

ก่อนหน้านี้มีข่าวลือเกี่ยวกับอุปกรณ์ Android จาก Dell ออกมาเรื่อยๆ แต่สุดท้ายแล้ว Dell Mini i3 มือถือตัวแรกที่ออกมากลับขายเฉพาะในประเทศจีนเสียอย่างนั้น

ตอนนี้ข่าวลือรอบใหม่มาอีกแล้วครับ Wall Street Journal รายงานว่า Dell ยังทำมือถือ Android อยู่ ข้อมูลตอนนี้มีแค่ว่ามันจะวางขายกับเครือข่าย AT&T ในสหรัฐ ถ้าเป็นจริงจะทำให้ AT&T กลายเป็นโอเปอเรเตอร์รายที่ 4 ของสหรัฐที่มีมือถือ Android จำหน่าย ต่อจาก T-Mobile, Sprint และ Verizon ตามข่าวบอกว่ากำหนดออกขายคือปีหน้าครับ

AT&T ผู้ให้บริการเครือข่าย GSM ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐได้ทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายเครือข่ายใหม่ เมื่อก่อนนโยบายเก่าของ AT&T ไม่อนุญาตให้นำเครือข่าย 3G ของบริษัทไปใช้เพื่อบริการ VoIP บนโทรศัพท์มือถือ ส่งผลให้เกิดปัญหาอย่างการปฏิเสธโปรแกรมต่าง ๆ บนไอโฟนขึ้นมา

แต่หลังจากการที่ FCC หรือ กทช. ของสหรัฐมีนโยบายที่จะผลักดันความเป็นกลางของอินเทอร์เน็ต (Net Neutrality) ทำให้ AT&T ที่คัดค้านเรื่องนี้มาตลอดจำเป็นที่จะต้องยอมถอยบ้าง ส่งผลให้โปรแกรมต่าง ๆ ไอโฟนอาจได้รับอนุญาตให้ใช้เครือข่ายมือถือในการเชื่อมต่อกับบริการ VoIP ได้

เรื่องของความเป็นกลางในการใช้เครือข่าย (Network Neutrality) กำลังเป็นประเด็นร้อนที่ถกเถียงกันในกลุ่มอุตสาหกรรมการสื่อสารในสหรัฐฯ เมื่อ FCC ได้พยายามผลักดันที่จะออกข้อบังคับให้ผู้บริการเครือข่ายต่างๆ ไม่ให้ปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลหรือใช้แอพพลิเคชันต่างๆ อย่างการจำกัดความเร็ว P2P เป็นต้น โดย Julius Genachowski ประธานกรรมการของ FCC ได้ออกมาประกาศถึงหลักการ 6 ข้อของการให้บริการอินเทอร์เน็ต ได้แก่

จากที่เป็นข่าวกันมานานแสนนานเรื่องกรณีที่แอปเปิลปฏิเสธ Google Voice เข้าใน App Store เมื่อวานนี้ทางแอปเปิลได้ตอบคำถามที่ทาง FCC ถามไว้เมื่อต้นเดือน โดยประกาศไว้บนเว็บไซต์ของแอปเปิลแล้วครับ ซึ่งผมได้ทำการสรุปคร่าวๆ เป็นภาษาไทยได้ดังต่อไปนี้ครับ

1. ทำไมแอปเปิลจึงปฏิเสธโปรแกรม Google Voice สำหรับ iPhone รวมถึงนำโปรแกรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Google Voice ออกจาก App Store แล้วนอกเหนือจาก Google Voice แล้ว มีโปรแกรมอื่นๆ อีกไหมที่ถูกถอดหรือปฏิเสธจาก App Store โดยกรุณาระบุชื่อโปรแกรมพร้อมทั้งข้อมูลการติดต่อของนักพัฒนาโปรแกรมนั้นๆ

จาก แอปเปิลปฏิเสธโปรแกรม Google Voice ไม่ให้เข้า App Store และ AT&T: เราไม่ได้แบน Google Voice เป็นหน้าที่ของแอปเปิลต่างหาก ความคืบหน้าล่าสุดคือ FCC ซึ่งเทียบได้กับ กทช. ของสหรัฐออกโรงมายุ่งกับเรื่องนี้แล้ว เริ่มจากการส่งจดหมายไปยังบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งสาม ขอคำตอบแบบเคลียร์ๆ จากกรณีการแบน Google Voice ที่เกิดขึ้น

คำถามที่ FCC ส่งถึงตัวแทนฝ่ายกิจการรัฐบาลของแอปเปิลมี 6 ข้อ สรุปสั้นๆ ดังนี้

ต่อเนื่องจากข่าว แอปเปิลปฏิเสธโปรแกรม Google Voice ไม่ให้เข้า App Store หลังจากเสียงโวยส่วนใหญ่ถล่มเข้าไปที่ AT&T ว่าเป็นผู้สั่งไม่ให้เอา Google Voice ขึ้น iPhone App Store แต่ตอนนี้ AT&T ออกมาปฏิเสธแล้ว

Glenn Lurie ผู้บริหารระดับสูงของ AT&T ตอบเว็บไซต์ TechCrunch มาทางอีเมลว่า AT&T ไม่มีสิทธิ์ดูแล App Store แต่อย่างใด อำนาจทั้งหมดในการ "อนุมัติโปรแกรม" เป็นของแอปเปิลแต่เพียงผู้เดียว

Wall Street Journal รายงานว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐกำลังพิจารณาเบื้องต้นว่า AT&T โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐนั้นเข้าข่ายการผูกขาด iPhone หรือไม่

ข้อหาที่ AT&T อาจจะโดนในอนาคตก็คือ ทำลายโอกาสแข่งขันของโอเปอเรเตอร์รายเล็ก โดยการผูกขาดโทรศัพท์รุ่นที่ได้รับความนิยมสูงไว้แต่เพียงผู้เดียว ขณะนี้ยังเป็นแค่การพิจารณาเบื้องต้นของกระทรวงยุติธรรม และยังไม่ได้เริ่มสืบสวนอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า ล็อบบี้ยิสต์ของกูเกิลอยู่เบื้องหลังการพิจารณาครั้งนี้

ที่มา - Business Insider

ภาพหลุดชุดใหญ่ของมือถือรุ่นใหม่ๆ จาก AT&T โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐ มีทั้ง Android, BlackBerry, Windows Mobile และ Palm webOS หลายตัวก็ลงเป็นข่าวใน Blognone ไปบ้างแล้ว

แม้ว่า AT&T จะเป็นผู้ผูกขาดไอโฟนเพียงรายเดียวในสหรัฐฯ อยู่ก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าผู้ให้บริการรายใหญ่นี้จะไม่ต้องการผูกติดกับแพลตฟอร์มรายใดรายหนึ่งมากเกินไป จึงได้เปิดตัว HTC Lancaster ซึ่งใช้ Android มาอีกตัว

HTC Lancaster มีคุณสมบัติใกล้เคียง T-Mobile G1 ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะคีย์บอร์ดสไลด์ด้านข้าง แต่รองรับ HSDPA ในความถี่ 850 และ 1900 ของ T-Mobile (ข่าวดีคือเอามาใช้กับ DTAC บ้านเราได้)

เลยจากช่วงเปิดตัวกระหน่ำในเมืองนอกไป หวังว่าจะมีข่าวเข้าเมืองไทยกับข่าวลดราคากันเยอะๆ ซักที

ที่มา - Engadget

ไม่นานมานี้ มีผู้ที่ได้รับข่าววงในเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้า ซึ่งปรากฏว่ามีมือถือใหม่จำนวนสามรุ่นจาก AT&T Mobile ซึ่งไม่มีการระบุรายละเอียดที่แน่นอนส่งมายัง Best Buy (ดังรูป)

โดยเจ้าสามรุ่นที่ปรากฏอยู่ในรายการมีชื่อรุ่นว่า CHARLIE 1, 2, และ 3 ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า เจ้าสามรุ่นที่ปรากฏนี้ตัวใดตัวหนึ่งน่าจะเป็นไอโฟนรุ่นใหม่

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นี่ก็เป็นเพียงแค่การคาดการณ์เท่านั้น คงต้องรอให้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจจะเป็นภายในงาน WWDC ย่อมเป็นได้

ถ้าหากข่าวลือนี้เป็นจริง คุณคิดว่าสามรุ่นที่ว่าจะมีอะไรบ้าง สำหรับผมคือ New iPhone, New iPod Touch และ iPad :P

อาจจะเป็น 16G สีดำ, 32G สีดำ, 32G สีขาว อะไรแบบนี้หรือเปล่านะ

การที่ iPhone 8GB มีราคาขายเครื่องละ 199 ดอลลาร์ และ 299 ดอลลาร์สำหรับรุ่น 16GB นั้นเป็นการขายต่ำกว่าทุนแน่ แต่ราคาทุนที่แท้จริงของ iPhone อยู่ที่เท่าไรย่อมมีแต่แอปเปิลที่ทราบ

นักวิเคราะห์จากบริษัท Oppenheimer ออกมาประมาณตัวเลขให้ว่าราคา 199 ดอลลาร์นี้ บริษัทโทรศัพท์มือถือ (ในที่นี้คือ AT&T ของสหรัฐ)​ ช่วยเราจ่ายมาแล้ว 325 ดอลลาร์เพื่อทำราคาเครื่องให้ถูก ดึงดูดลูกค้าให้เซ็นสัญญาจ่ายรายเดือน ตัวเลขนี้ (ถึงจะเป็นตัวเลขคาดการณ์) สูงกว่าตัวเลขปกติของสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 200 ดอลลาร์ต่อเครื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า AT&T ทุ่มกับ iPhone มากพอสมควร