ความคืบหน้าของข่าว Elon Musk แจก 1 ล้านดอลลาร์ ให้ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุดของรัฐวิสคอนซิน เอาใจแฟนๆ Elon จำนวนมากใน Blognone
หลักจาก Elon Musk ดันแคมเปญแจกเงินรวม 25 ล้านดอลลาร์ รณรงค์ให้ผู้ลงคะแนนสายอนุรักษ์นิยมออกไปเลือกตั้ง Brad Schimel ผู้สมัครสายอนุรักษ์นิยมและผู้สนับสนุน Donald Trump
ผลปรากฏว่า Susan Crawford ผู้พิพากษาสายเสรีนิยม สามารถเอาชนะได้ด้วยคะแนน 55.1% ต่อ 44.9%
ข่าวเก่าที่เกี่ยวข้องกัน Elon บอกกลุ่มผู้ประท้วง Tesla รับเงินมาประท้วง ต้องจับกุมแหล่งทุน
Elon Musk มอบเช็คมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ ให้ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งในรัฐวิสคอนซิน 2 คน ในกิจกรรมชุมนุมทางการเมืองของเขา ก่อนการเลือกตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุดของรัฐวิสคอนซิน ในวันนี้ (1 เมษายน 2025 ตามเวลาสหรัฐ)
ผู้พิพากษาศาลสูงสุดของรัฐวิสคอนซิน มีวาระครั้งละ 10 ปี ซึ่ง Elon Musk สนับสนุนผู้สมัครสายอนุรักษ์นิยม Brad Schimel ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เขาจึงจัดกิจกรรมแจกเงินแบบเดียวกับตอนเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 เพื่อกระตุ้นให้ผู้ลงคะแนนสายอนุรักษ์นิยม ออกมาลงคะแนนในวันเลือกตั้งกันเยอะๆ
นอกจากการแจกเงินก้อนใหญ่ 1 ล้านดอลลาร์แล้ว ยังมีแคมเปญชักชวนคนทั่วไปออกมาลงคะแนน โดยให้เงิน 20 ดอลลาร์ ทั้งผู้มาลงคะแนนและผู้ชักชวนด้วย
เว็บไซต์ WIRED อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตนระบุว่าทีมงาน DOGE ที่ตอนนี้อยู่ภายใต้ Elon Musk กำลังพยายามเข้าไปย้ายโค้ดระบบประกันสังคม จากเดิมเป็น COBOL เป็นสู่ภาษายุคใหม่กว่า เช่นจาวา โดยวางแผนจะทำให้เสร็จภายในเวลาไม่ถึงปี
ตอนนี้ประชาชนสหรัฐฯ รับเงินจากระบบประกันสังคมรวม 67 ล้านคน คิดเป็นเป็นสวัสดิการปีละ 930,000 ล้านดอลลาร์ หากระบบมีปัญหาจนทำให้กระบวนการจ่ายเงินล่าช้าก็จะส่งผลกระทบกับคนจำนวนมาก กระบวนการย้ายระบบขนาดใหญ่เช่นนี้มักใช้ระยะเวลาหลายปี ที่ผ่านมาประกันสังคมสหรัฐฯ เคยพยายามย้ายโค้ดมาตั้งแต่ปี 2017 แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่สำเร็จ
สำนักโพล YouGov ร่วมกับ Yahoo! News สำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันจำนวน 1,677 คนที่มีต่อ Elon Musk, Tesla และ DOGE
คำถามสำคัญคือ สนใจซื้อหรือเช่ารถ Tesla ในอนาคตหรือไม่
บรรษัทรับประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (Federal Deposit Insurance Corporation - FDIC) ออกประกาศชี้แจงว่าสถาบันการเงินที่รับฝากเงิน สามารถทำธุรกรรมคริปโตได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจาก FDIC ก่อน หลักจากก่อนหน้านี้เคยตีความกฎหมายว่าต้องขออนุญาตล่วงหน้ามาตั้งแต่ปี 2022
แม้ว่าจะเปิดทางให้สถาบันการเงินทำธุรกรรมเกี่ยวข้องกับเงินคริปโตได้ แต่ FDIC ก็ระบุว่าสถาบันการเงินยังคงต้องจัดการความเสี่ยงให้ดีพอ
Travis Hill รักษาการประธาน FDIC ระบุว่าการกลับแนวปฎิบัติครั้งนี้จะเป็นมาตรการแรกในอีกหลายมาตรการที่จะเปิดให้ธนาคารทำธุรกรรมคริปโตและบล็อคเชนในอนาคต
Appfigures บริการเก็บสถิติการใช้งานแอพ เปิดเผยว่าหลังจาก เหตุการณ์ "Signalgate" ที่ผู้นำระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐ ไล่ตั้งแต่รองประธานาธิบดี JD Vance และรัฐมนตรีหลายกระทรวง ตั้งกลุ่มลับ Signal เพื่อคุยเรื่องการโจมตีกบฎในเยเมน แล้วเผลอดึงนักข่าวจาก The Atlantic เข้าไปด้วย
ผลจากการที่กลุ่ม Signal เป็นข่าวใหญ่ตลอดสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกา เลยกลายเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ Signal ให้คนส่วนมากรู้จัก ยอดดาวน์โหลดทั่วโลกเพิ่ม 28%, ยอดดาวน์โหลดในสหรัฐอเมริกาเพิ่ม 45% ส่วนยอดดาวน์โหลดในประเทศเยเมนก็เพิ่ม 42% ทำให้แอพทะยานขึ้นจากยอดดาวน์โหลดอันดับ 50 ของเยเมนมาอยู่อันดับ 9 ทันที
จากข่าว บุคคลระดับสูงในรัฐบาล Donald Trump เผลอดึงนึกข่าวเข้ากลุ่ม Signal จนกลายเป็นประเด็นทางการเมือง ประเด็นที่คนสงสัยกันมากคือ Michael Waltz ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของรัฐบาล เผลอนำนักข่าว Jeffrey Goldberg เข้ากลุ่มแชทไปได้อย่างไร
Karoline Leavitt โฆษกของทำเนียบขาว ออกมาแถลงแล้วว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Council), สำนักงานกฎหมายของทำเนียบขาว รวมถึง Elon Musk (ผู้ไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการในรัฐบาล) กำลังเข้ามาสอบสวนเรื่องนี้
Leavitt บอกว่า Elon เสนอตัวนำความเชี่ยวชาญทางเทคนิค มาช่วยค้นหาคำตอบว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ประเด็นข่าวการเมืองที่น่าสนใจวันนี้คือ Jeffrey Goldberg บรรณาธิการบริหารของเว็บไซต์ข่าว The Atlantic ถูกผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาล Donald Trump เผลอดึงเข้ากลุ่มแชท Signal ที่คุยกันเรื่องแผนการโจมตีฝ่ายกบฎฮูตี (Houthi) ในประเทศเยเมน
Goldberg เล่าว่าเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา เขาได้รับคำขอเป็นเพื่อนใน Signal จาก Michael Waltz ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของรัฐบาล Donald Trump ซึ่งเขาไม่แน่ใจนักว่าเป็นตัวจริงหรือไม่ แม้เคยพบเจอกันในชีวิตจริง แต่เขาก็ตัดสินใจรับเป็นเพื่อนด้วย ซึ่ง Waltz ไม่ได้แชทคุยอะไร
Perplexity AI บริษัทพัฒนาเครื่องมือค้นหาข้อมูลด้วย AI ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่แสดงความสนใจซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่เดือนมกราคม ประกาศแนวทางการบริหารงาน TikTok เพิ่มเติม หากบริษัทได้เป็นเจ้าของจริง คาดว่าเพื่อให้ข้อเสนอนี้ดูน่าสนใจที่สุด
Perplexity บอกว่าสิ่งที่ต้องทำอย่างแรกคือการสร้างอัลกอริทึม TikTok ในอเมริกาขึ้นมาใหม่ เพราะถ้าใช้อัลกอริทึมเดิมต่อไป ก็ยังเป็นส่วนของ ByteDance อัลกอริทึมใหม่นี้มีความโปร่งใส เปิดเผยรายละเอียด ซึ่งเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นหาก TikTok ตกเป็นของกลุ่มทุนรายอื่น
กลุ่มผู้สร้างสรรค์ผลงานในฮอลลีวูดทำจดหมายเปิดผนึกถึงสำนักงานนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของทำเนียบขาว (OSTP) เพื่อให้ทบทวนนโยบายแผนปฏิบัติการด้าน AI (U.S. AI Action Plan) ซึ่ง OpenAI และ Google ได้ยื่นข้อเสนอ ให้ลดความเข้มงวดในการนำข้อมูลเนื้อหาลิขสิทธิ์มาใช้ฝึกฝนข้อมูล
ก่อนหน้านี้ OSTP ได้เปิดรับฟังความเห็นจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ซึ่งมีหลายประเด็นข้อเสนอจาก OpenAI และ Google โดยมีประเด็นพูดถึงการเปิดให้เข้าถึงข้อมูลเนื้อหาเพื่อการฝึกฝน AI อย่างยุติธรรม ซึ่งรวมถึงเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ด้วย
กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีฝั่งยุโรปกว่า 100 องค์กร รวมตัวกันในชื่อ EuroStack เขียนจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้รัฐบาลยุโรป เข้ามาลงทุนในเทคโนโลยีของยุโรปเอง เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีของต่างชาติ โดยเฉพาะสหรัฐ
EuroStack เป็นชื่อเรียกกว้างๆ ที่มีความหมายครอบคลุมตั้งแต่ระดับฮาร์ดแวร์ (ลงไปถึงระดับชิป) ซอฟต์แวร์ และบริการออนไลน์ต่างๆ ว่ายุโรปควรทำได้เอง ถึงแม้ในเอกสารข้อเสนอไม่ได้ระบุชื่อแบรนด์มากนัก แต่กรณีตัวอย่างคือรัฐบาลยุโรปควรหาโมเดลแหล่งทุนสนับสนุนเบราว์เซอร์ในยุโรป เพื่อไม่ให้ต้องพึ่งพารายได้จากโฆษณาของกูเกิล เป็นต้น
นอกจาก OpenAI แล้ว กูเกิลก็ยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลสหรัฐเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการด้าน AI (U.S. AI Action Plan) เช่นกัน โดยบอกว่า AI นั้นไม่ใช่เพียงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็นความก้าวหน้าของวิธีสร้างความก้าวหน้าในสิ่งต่าง ๆ ด้วย
กูเกิลบอกว่าในวันนี้เราเห็นแล้วว่า AI ช่วยปฏิบัติวงการวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพได้มาก เพิ่มการค้นพบในสิ่งใหม่ รวมทั้งเปลี่ยนแปลงหลายอย่างด้านเศรษฐกิจ เมื่อเป็นโอกาสที่มีมหาศาล กูเกิลจึงเรียกร้องให้มีระเบียบกำกับดูแลที่เหมาะสม ส่งเสริมให้อเมริกายังคงความเป็นผู้นำด้านนี้
กูเกิลให้ข้อเสนอ 3 ข้อ ดังนี้
OpenAI ยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลสหรัฐเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการด้าน AI (U.S. AI Action Plan) โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความสามารถ และใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ได้อย่างอิสระ ซึ่งจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
OpenAI บอกว่าข้อเสนอนี้เพื่อส่งเสริมให้สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ รักษาความสามารถในการแข่งขันได้ มีประเด็นสำคัญดังนี้
หลังจาก Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พยายามกดดันให้ยูเครนยอมรับข้อตกลงหยุดยิงด้วยการหยุดความช่วยเหลือด้านต่างๆ สิ่งหนึ่งที่หยุดไปด้วยคือการส่งอัพเดตต่างๆ ให้กับยุทโธปกรณ์ที่ส่งมอบไปแล้ว หนึ่งในนั้นคือเครื่องรบกวนเรดาร์ AN/ALQ-131 ที่ติดตั้งในเครื่องบิน F16
AN/ALQ-131 มีความสามารถในการส่งคลื่นรบกวนจนเรดาร์ของรัสเซียใช้การไม่ได้ อย่างไรก็ดีในสนามรบจริงนั้นฝั่งรัสเซียก็มีการปรับคลื่นความถี่หนีไปมา โดยที่ผ่านมากองทัพสหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือด้วยการปรับความถี่ให้กองทัพยูเครนเรื่อยมา แต่หลังจากทรัมป์สั่งหยุดความช่วยเหลือ การปรับแต่งส่วนนี้ก็หยุดไป
ยูเครนเสียเครื่องบินรบจำนวนมากในช่วงแรกของสงคราม เพราะไม่มีระบบรบกวนเรดาร์ยุคใหม่ใช้งาน
ประเด็น TikTok ในสหรัฐอเมริกานั้นยังไม่จบ เพราะประธานาธิบดี Donald Trump ลงคำสั่งเลื่อนการแบนแอปในประเทศออกไป 75 วัน เท่านั้น แต่กฎหมายยังคงมีผล โดย TikTok ต้องขายธุรกิจในอเมริกาออกมา ซึ่งเวลาก็เหลือไม่มากแล้ว
ล่าสุด Trump เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวขณะเดินทางกลับไปวอชิงตันดีซีบนเครื่องบิน Air Force One ว่าดีลขายธุรกิจ TikTok ในอเมริกาน่าจะเกิดขึ้นแน่อีกไม่นาน โดยตอนนี้ฝ่ายบริหารของรัฐบาลสหรัฐได้เจรจากับผู้สนใจซึ่งมีอยู่ 4 กลุ่ม แต่ละกลุ่มมีหลายบริษัท-บุคคลรวมอยู่ ซึ่งเป็นรายไหนก็ดีทั้งสิ้น
Mat Piscatella นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมเกมของ Circana (NPD เดิม) โพสต์แสดงความเห็นเรื่องผลกระทบของนโยบายกำแพงภาษี Donald Trump ต่ออุตสาหกรรมเกมในสหรัฐว่า จะทำให้ต้นทุนเกมแบบแผ่นดิสก์นั้นแพงขึ้น เพราะแหล่งผลิตเกมแผ่นอยู่ในเม็กซิโก ซึ่งจะโดนกำแพงภาษีเพิ่ม 25%
เขาคาดว่าผู้ขายเกมจะต้องขึ้นราคาเกมแบบแผ่นดิสก์ตามภาษีที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เกมแบบดิจิทัลแพงขึ้นตามไปด้วย (ตามนโยบาย price parity เกมแบบแผ่นกับดิจิทัลต้องราคาเท่ากันเสมอ)
The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวภายในทำเนียบขาว บอกว่าฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี Donald Trump กำลังประเมินว่าต้องออกคำสั่งบล็อก DeepSeek ในอุปกรณ์ของรัฐบาลหรือไม่ ด้วยเหตุผลเรื่องความมั่นคง เนื่องจากไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนพอจาก DeepSeek ว่าแชทบอตนั้นเก็บข้อมูลอะไรจากผู้ใช้งานไป และพวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลใดได้บ้าง
แนวทางเบื้องต้นคือการออกคำสั่งห้ามดาวน์โหลดแอป DeepSeek ในอุปกรณ์ของรัฐบาล แต่หากต้องจำกัดมากกว่านั้น อาจยกระดับไปถึงการแบนแอป DeepSeek จากแอปสโตร์ และจำกัดที่ระดับผู้ให้บริการคลาวด์ในอเมริกา ว่าสามารถให้บริการโมเดล AI ใดของ DeepSeek ได้บ้าง
ประธานาธิบดี Donald Trump ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order) จัดตั้งกองทุนสำรองบิตคอยน์โดยเฉพาะ โดยบิตคอยน์ที่อยู่ในกองทุนนี้เป็นส่วนที่ยึดทรัพย์มากจากคดีต่าง ๆ ไม่ได้นำงบประมาณมาซื้อ
คาดว่าบิตคอยน์ส่วนที่ควบคุมโดยรัฐบาลสหรัฐนี้มีประมาณ 200,000 BTC ซึ่งคำสั่งนี้กำหนดให้รัฐบาลมีอำนาจควบคุมบิตคอยน์นี้ ห้ามขายออกมา ให้ถือเป็นการสะสมความมั่งคั่งของประเทศ กำกับดูแลโดยกระทรวงการคลัง คาดว่าจะมีผลกับเงินคริปโตสกุลอื่นที่ยึดทรัพย์ทางคดีด้วย ตามแผนที่ Trump เคยบอกก่อนหน้านี้
ประเด็นที่ต้องหารือกันจากนี้คือการเพิ่มเงินคริปโตสกุลอื่นให้เข้าแผนกองทุนสำรอง เบื้องต้นคือ ETH, XRP, SOL, ADA และจะมีเงินสกุลอื่นอีกหรือไม่ในอนาคต
ประธานาธิบดี Donald Trump แถลงนโยบายต่อรัฐสภาของสหรัฐเมื่อคืนนี้ และมีประเด็นแตะเรื่องกฎหมาย CHIPS Act ส่งเสริมการตั้งโรงงานผลิตชิปบนแผ่นดินสหรัฐอเมริกา ออกในปี 2022 ยุครัฐบาล Joe Biden ว่าเป็นกฎหมายที่แย่มาก (horrible)
Trump ใช้คำว่า “Your CHIPS Act is a horrible, horrible thing” บอกว่ารัฐบาลต้องใช้เงินหลายแสนล้านดอลลาร์ไปอย่างไม่เกิดประโยชน์ บริษัทผู้ผลิตชิปรับเงินไปแต่ไม่ใช้งาน และเอาเข้าจริงแล้ว สหรัฐไม่จำเป็นต้องให้เงินจูงใจบริษัทชิปมาตั้งโรงงาน เพราะบริษัทเหล่านี้ต้องเข้ามาเองอยู่แล้วเพื่อเลี่ยงกำแพงภาษี
รัฐบาลมณฑลออนทาริโอของแคนาดา ยกเลิกสัญญา Starlink มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ เป็นการตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาต่อแคนาดา
สัญญาฉบับนี้เซ็นเมื่อปี 2024 โดยมณฑลออนทาริโอ จะสั่งจานดาวเทียม Starlink เพื่อให้บ้านหรือธุรกิจในพื้นที่ห่างไกล 15,000 แห่งมีอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมใช้งาน แต่ล่าสุดสัญญาฉบับนี้ยกเลิกไปแล้ว หลังรัฐบาล Donald Trump ขี้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา ทำให้ฝั่งแคนาดาต้องตอบโต้บ้าง นอกจากการยกเลิกสัญญา Starlink แล้ว มณฑลออนทาริโอยังแบนไม่ให้บริษัทสัญชาติอเมริกันเข้ามารับงานจ้างของรัฐบาลด้วย
ที่มา - CBC
TSMC ประกาศเพิ่มการลงทุนโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐอเมริกาอีก 100,000 ล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันมีแผนการลงทุนอยู่แล้ว 65,000 ล้านดอลลาร์ โดยการลงทุนนี้จะเป็นระยะเวลาต่อเนื่องหลายปี ผ่านการสร้างโรงงานเพิ่มเติมในรัฐแอริโซนาอีก 3 แห่ง เป็นโรงงานชิปแพ็คเกจจิ้ง 2 แห่ง และอีกแห่งเป็นศูนย์วิจัยพัฒนา ถือเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่สุดจากบริษัทต่างประเทศในสหรัฐอเมริกาโครงการหนึ่ง
C.C. Wei ซีอีโอ TSMC แถลงแผนการลงทุนนี้ที่ทำเนียบขาวร่วมกับประธานาธิบดี Donald Trump โดยเขาบอกว่า การสร้างโรงงานชิปในอเมริกานั้นมาจากวิสัยทัศน์ของ Trump ตั้งแต่ปี 2020 ตอนนี้ทุกอย่างเป็นจริงแล้ว ส่วน Trump บอกว่าเซมิคอนดักเตอร์เป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจในศตวรรษที่ 21 มีบทบาทตั้งแต่ AI ไปจนถึงยานยนต์ ไปจนถึงอุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง ชิปที่จำเป็นนี้ต้องถูกผลิตจากโรงงานในอเมริกา ด้วยทักษะและแรงงานในอเมริกา นั่นคือสิ่งที่เขากำลังทำอยู่
ในยุคที่ DOGE ครองเมือง (ครองจริงๆ) เอาเข้าจริงแล้ว รัฐบาลสหรัฐมีหน่วยงานลักษณะเดียวกันชื่อ 18F ก่อตั้งในปี 2014 ยุครัฐบาลบารัค โอบามา เป็นหน่วยงานย่อยภายใต้สำนักบริหารงานทั่วไป (General Services Administration หรือ GSA) ของรัฐบาล (ชื่อ 18F มาจากที่ตั้งของสำนักงาน ที่หัวมุมถนน 18th และ F ในวอชิงตันดีซี)
18F เป็นทีมขนาดเล็ก (ประมาณ 90 คน) มีภารกิจเข้าไปช่วยหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ สร้างเทคโนโลยีที่จำเป็น ตัวอย่างผลงานสำคัญคือ login.gov บริการล็อกอินกลางของภาครัฐ, ระบบดีไซน์กลางของเว็บไซต์ภาครัฐ, Analytics.usa.gov ระบบวิเคราะห์ข้อมูลคนเข้าเว็บของรัฐบาล (ผลงานอื่นๆ อ่านใน Wikipedia)
ประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศเดินหน้าแผนการตั้งกองทุนสำรองของสหรัฐที่เป็นเงินคริปโต โดยลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารให้กำหนดแผนการสำรองเงินคริปโตในสกุลต่าง ๆ มีเป้าหมายให้อเมริกาเป็นเมืองหลวงของเงินคริปโต
เงินคริปโตที่ระบุว่าอยู่ในแผนทุนสำรองของสหรัฐได้แก่ Bitcoin, ETH, XRP, SOL และ ADA
ประกาศนี้ทำให้ราคาเงินคริปโตในสกุลที่กล่าวมาปรับเพิ่มขึ้นสูงทันที Bitcoin ปรับเพิ่ม 10% อยู่ที่ระดับ 94,000 ดอลลาร์, XRP +33%, ETH +14%, SOL +25% และ ADA +65%
ฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีกำหนดเวลาศึกษาแผนการตั้งกองทุนสำรองคริปโตใน 6 เดือน ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
การตั้งหน่วยงาน Department of Government Efficiency หรือ DOGE ของรัฐบาล Donald Trump เป็นการโอนหน่วยงานเดิมที่มีอยู่แล้วคือ หน่วยบริการดิจิทัลภาครัฐ United States Digital Service (USDS) มาเปลี่ยนชื่อเป็น United States DOGE Service
จากการเข้ามาบริหารของ Elon Musk ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ล่าสุดมีพนักงานของ USDS เดิมจำนวน 21 ราย ยื่นใบลาออกต่อหัวหน้าคณะทำงาน (Chief of Staff) ของทำเนียบขาวแล้ว โดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการนำความเชี่ยวชาญของตัวเองไปสนับสนุนภารกิจของ DOGE ซึ่งเป็นการทำลายระบบไอทีของรัฐบาล ทำให้ข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกันตกอยู่ในความเสี่ยง และยกเลิกบริการภาครัฐที่สำคัญ
แอปเปิลประกาศแผนการลงทุนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งระดับแอปเปิลก็จัดชุดใหญ่บนวงเงิน 5 แสนล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า โดยแอปเปิลบอกว่าเพื่อรองรับนวัตกรรมใหม่ที่คิดค้นจากอเมริกา โรงงานการผลิตขั้นสูง และโอกาสใหม่ที่มาจากปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ซึ่งต้องการแรงงานทักษะฝีมือจำนวนมาก
แผนการลงทุนมูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์ของแอปเปิลนี้ มีทั้งการสร้างโรงงานการผลิตขั้นสูงในเมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส เพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้กับ Apple Intelligence แอปเปิลยังเพิ่มเงินสนับสนุในกองทุนการผลิตขั้นสูง สำหรับสถาบันผลิตบุคลากรรุ่นใหม่ที่ตั้งอยู่ในเมืองมิชิแกน รวมทั้งเพิ่มการลงทุนในการวิจัยพัฒนาเพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่รวมทั้งวิศวกรรมซิลิคอน