สำนักข่าว Reuters รายงานว่า TikTok ได้ประกาศปลดพนักงานทั่วโลก โดยมีข้อมูลว่าสาขาที่มาเลเซีย ได้ปลดพนักงานจำนวนมากกว่า 700 ตำแหน่ง แต่ TikTok ยืนยันว่าจำนวนที่ได้รับผลกระทบมีน้อยกว่า 500 ตำแหน่ง
TikTok บอกว่าการปลดพนักงานรอบนี้จะเกิดขึ้นกับสาขาทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายดูแลตรวจสอบเนื้อหา ซึ่ง TikTok มีแผนใช้ AI มาทำหน้าที่นี้แทนมากขึ้น
ปัจจุบัน ByteDance ที่เป็นบริษัทแม่ของ TikTok มีพนักงานรวมมากกว่า 110,000 ตำแหน่ง ใน 200 เมืองทั่วโลก
ที่มา: Reuters
ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok เปิดตัวสินค้าหูฟังรุ่นแรก ซึ่งมีจุดขายคือเป็นหูฟังอัจฉริยะ สามารถสนทนากับแชทบอต Generative AI ได้โดยตรง
หูฟังแบบสวมคาดกับใบหูนี้ชื่อว่า Ola Friend รองรับความสามารถเป็นผู้ช่วยสั่งงานด้วยเสียง เมื่อเชื่อมต่อกับแอปสมาร์ทโฟน โดยออกเสียงเรียกใช้งานแชทบอตว่า Doubao Doubao (ซึ่งเป็นชื่อแชทบอตของ ByteDance) รองรับทั้งการแปลภาษา ฝึกภาษาอังกฤษ ฟังเพลง หรือค้นหาข้อมูล
Ola Friend มีน้ำหนักข้างละ 6.6 กรัม มีตัวเลือก 4 สี ตอนนี้มีขายเฉพาะในจีน ราคา 1,199 หยวน หรือประมาณ 5,700 บาท
คณะอัยการจาก 13 รัฐในอเมริกา ยื่นฟ้อง TikTok โดยให้เหตุผลว่าแพลตฟอร์มมีฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้งานเด็กเสพติด แม้แพลตฟอร์มจะยืนยันว่ามีการควบคุมจัดการส่วนนี้
บัญชี TikTok Policy ชี้แจงข้อกล่าวหานี้ โดยยืนยันว่าแพลตฟอร์มมีการปรับปรุงเพื่อปกป้องผู้ใช้งานเด็กอยู่ตลอด มีการลบบัญชีผู้ใช้งานที่ไม่เหมาะสม มีฟีเจอร์จำกัดเวลาใช้งาน มีฟีเจอร์ให้ครอบครัวจับคู่บัญชีเพื่อจัดการบัญชีเด็ก ที่ผ่านมาบริษัททำงานร่วมกับคณะอัยการมาตลอดสองปี การยื่นฟ้องจึงเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง
ในคำสั่งฟ้องของคณะอัยการนั้น ยังพูดถึงระบบเงินใน TikTok ที่ใช้ให้เป็นของขวัญในไลฟ์ ว่าเป็นช่องทางหนึ่งในการโอนเงินที่อาจผิดกฎหมายด้วย
แหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวระบุกับ Reuters ว่า ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok กำลังจะฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ด้วยชิป Huawei Ascend 910B เพิ่มเติม กระจายความเสี่ยงในการจัดหาชิป NVIDIA
ก่อนหน้านี้ ByteDance ก็ใช้ชิป Ascend 910B อยู่ก่อนแล้ว แต่ใช้งานรันโมเดลเป็นหลัก ไม่ได้ใช้ฝึกโมเดลที่ต้องการพลังประมวลผลหนักกว่า
ปัญหาอย่างหนึ่งคืออัตราการส่งมอบของ Ascend 910B ก็ไม่ดีนัก โดย ByteDance สั่งชิปไปแล้วกว่าแสนชุดแต่ส่งมอบได้สามหมื่นชุดเท่านั้น
ที่มา - Strait Times
ByteDance ประกาศว่าบริการฟังเพลงสตรีมมิ่ง TikTok Music จะปิดให้บริการในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2024 นี้ โดยลูกค้าที่สมัครใช้งานไว้จะถูกยกเลิกอัตโนมัติ และบัญชีจะถูกลบทั้งหมดหลังจากวันดังกล่าว สามารถโอนย้ายเพลย์ลิสต์ที่มีออกมาได้ภายในวันที่ 28 ตุลาคม
ผู้บริหารของ TikTok ชี้แจงเหตุผลของการปิดตัวแอปแยกสำหรับฟังเพลงนี้ ว่าเพื่อโฟกัสการพัฒนาประสบการณ์ฟังเพลงที่แอปหลัก TikTok ซึ่งยังคงบทบาทสำคัญต่อการอุตสาหกรรมเพลงในทุกส่วน
ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok รายงานกรณีทุจริตในองค์กรกว่า 125 กรณี ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ไล่พนักงานออกไปแล้ว 88 คน ส่วนอีก 17 คนโดนเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว
การกระทำผิดมีตั้งแต่การรับสินบนจากคู่ค้าและอินฟลูเอนเซอร์ หรือกระทั่งการยักยอกทรัพย์สินบริษัท โดย ByteDance ประกาศชัดว่า บริษัทยึดมั่นในการต่อต้านคอร์รัปชันและการติดสินบน
South China Morning Post มองว่าท่าทีดังกล่าวสะท้อนว่า ByteDance จริงจังกับการรักษาและดึงดูดคนทำงานระดับหัวกะทิ สอดคล้องกับที่บริษัทประกาศขึ้นโบนัสเมื่อต้นปีให้กับพนักงานที่ทำผลงานได้ดี แม้บริษัทยังต้องเผชิญวิกฤติกับสหรัฐฯ อยู่ก็ตาม
Cloudflare เพิ่มฟีเจอร์สำหรับการบล็อคเว็บจากบอตที่ผู้พัฒนา AI ใช้ดูดข้อมูลเพื่อการฝึก AI ของตัวเอง หลังจากสำรวจพบว่าลูกค้าถึง 85% ต้องการบล็อคไม่ได้ AI เหล่านี้มาดูดข้อมูลไป แต่ในความเป็นจริง เว็บจำนวนมากกลับเขียน robots.txt ไม่ครบถ้วน โดยอาจห้ามเพียงบอตดังๆ เช่น GPTBot ของ OpenAI เท่านั้น
ฟีเจอร์ใหม่นี้เป็นตัวเลือกเดียว กดแล้วบล็อคบอตทุกตัวพร้อมกันหมด โดย Cloudflare จะเป็นผู้ติดตามข้อมูลว่าบอตแต่ละตัวมาจากช่องทางไหนบ้าง และเพิ่มมาตรการบล็อคให้อัตโนมัติ
ในแง่ของปริมาณการดูดเว็บ GPTBot กลับไม่ใช่บอตที่ดูดข้อมูลเว็บมากที่สุด แต่เป็น Bytespider, Amazonbot, และ ClaudeBot แล้วจึงตามด้วย GPTBot
ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok พึ่งปล่อยพลิเคชัน Whee ที่มีหน้าตากับฟังก์ชันชวนให้นึกถึง Instagram ออกมาเงียบ ๆ โดยตอนนี้เปิดให้ดาวน์โหลดได้ใน Google Play แค่บางประเทศเท่านั้น และแน่นอนว่าไม่มีสหรัฐอเมริกา
ตอนนี้อาจจะเป็นแค่การเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการของแอปพลิเคชันดังกล่าว เนื่องจากยังไม่ได้มีการเปิดให้ดาวน์โหลดได้ทั่วโลก แต่ที่น่าสนใจก็คือ ByteDance พึ่งจะออกแอปพลิเคชัน TikTok Notes ที่มีหน้าตาแบบ Instagram ออกมาเมื่อไม่นานมานี้ แล้วทำไมยังมีแอปพลิเคชัน Whee ที่มีฟังก์ชันคล้ายกันออกมาอีก
ByteDance ประกาศแต่งตั้ง John Rogovin นั่งเก้าอี้ที่ปรึกษากฎหมาย (General Counsel) คนใหม่ของบริษัท ที่ดูภาพรวมเรื่องกฎหมายทั้งหมด
ก่อนหน้านี้ John Rogovin เคยทำงานในตำแหน่งเดียวกันที่ Warner Bros Discovery โดยเข้ามาทำงานแทน Erich Andersen ที่ปรึกษาคนเก่า แต่โดนลดบทบาทลงไปเรื่อยๆ ในช่วงหลัง โดยเฉพาะเรื่องของความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐ ก่อนเจ้าตัวจะประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และไปรับตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ (Special Counsel) แทน โดย TikTok ให้เหตุผลว่า อยากให้ Erich ดูแลเรื่องความเชื่อมั่น, ความปลอดภัย และกฎหมายของบริษัทมากกว่า
มีรายงานว่าหลังจากสหรัฐลงนามรับรองกฎหมายแบน TikTok โดย ByteDance บริษัทแม่ มีทางเลือกคือขายธุรกิจ TikTok แยกออกมา หรือหยุดให้บริการในประเทศ ซึ่ง TikTok ก็ได้ฟ้องศาลกลับในประเด็นดังกล่าว ขณะเดียวกัน ByteDance ก็เริ่มมองทางเลือกอื่นหากจำเป็นต้องทำตามคำสั่งจริง
ข้อเสนอล่าสุดของ ByteDance คือการสร้างอัลกอริทึมใหม่อีกตัวที่เหมือน TikTok แต่ปรับแต่งให้รองรับเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่มีผู้ใช้งาน 170 ล้านคน อัลกอริทึมนี้จะดูแลจัดการโดยบริษัทอิสระที่แยกขาดจากบริษัทแม่ในจีน อัลกอริทึมนี้ถูกพัฒนามามากกว่าหนึ่งปีแล้วในชื่อโครงการภายในว่า Project Texas
Bloomberg รายงานสงคราม AI ฝั่งจีนที่กำลังร้อนแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังค่าย Alibaba เปิดสงครามราคา หั่นค่าใช้บริการ AI ของตัวเองที่ชื่อ Qwen (ชื่อเต็มคือ Tongyi Qianwen) ลงมากถึง 97% บีบให้คู่แข่งต้องเล่นสงครามราคาตาม
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ค่าย Baidu ประกาศว่าบริการ Ernie AI บางโมเดลย่อยเปลี่ยนมาให้บริการฟรี และฝั่งค่าย ByteDance ก็ต้องลดราคาโมเดล Doubao 99% ตามมาด้วยเช่นกัน
เมื่อต้นเดือนนี้ Alibaba เพิ่งออก Qwen เวอร์ชัน 2.5 ที่มีความสามารถมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้งานโมเดล AI จากฝั่งจีนยังจำกัดเฉพาะบริษัทจีนซะมาก ตัวอย่างลูกค้าที่ Alibaba นำมาโชว์ยังมีเฉพาะบริษัทจีนด้วยกันเอง เช่น Xiaomi และ Perfect World Games
Bloomberg รายงานว่า ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ได้ปิดดีลซื้อกิจการ Oladance บริษัทผู้ผลิตหูฟังของจีน ด้วยมูลค่าราว 50 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้ ByteDance มีพอร์ตโฟลิโอบริษัทในเครือด้านเทคโนโลยีเพิ่มอีกด้านหนึ่ง
Oladance ก่อตั้งเมื่อ 5 ปีที่แล้ว โดยทีมวิศวกรซึ่งเคยร่วมงานกับ Bose โดยมีสินค้าเป็นหูฟังหลายรุ่น โดยออกแบบให้มีส่วนแกนที่คล้องกับใบหู
ByteDance และ Oladance ยังไม่ได้ออกมายืนยันดีลซื้อขายกิจการนี้ อย่างไรก็ตามดีลนี้เป็นการสะท้อนทิศทางของ ByteDance ซึ่งมี TikTok และ AI เป็นเครื่องมือสำคัญ การได้บริษัทผลิตหูฟังเข้ามาจึงสามารถนำมาเสริมการสร้างอุปกรณ์ AI ได้ ในแบบเดียวกับ Snap หรือ Meta ที่มีแว่นตาอัจฉริยะ เป็นต้น
หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐลงนามรับรองกฎหมาย ให้ ByteDance ต้องขายธุรกิจ TikTok ในสหรัฐอเมริกาออกมา ไม่เช่นนั้นแอปจะถูกแบนในประเทศ ล่าสุดตัวแทน ByteDance ออกมาปฏิเสธหลังมีรายงานข่าวบริษัทได้เริ่มเจรจาขายธุรกิจแล้ว โดยบอกว่าบริษัทไม่มีแผนการขาย TikTok ออกมาตามคำสั่งดังกล่าวแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ Shou Zi ซีอีโอ TikTok ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อกฎหมายดังกล่าวว่าขัดกับหลักรัฐธรรมนูญในด้านสิทธิเสรีภาพ และจะต่อสู้ในศาลต่อไป
Joe Biden ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ลงนามรับรองแพ็คเกจกฎหมาย 4 ฉบับ ซึ่ง 3 ฉบับเป็นความช่วยเหลือทางการทหารกับยูเครน อิสราเอล และไต้หวัน ส่วนอีกหนึ่งฉบับคือคำสั่งให้ ByteDance ต้องขายกิจการ TikTok ออกมา หรือถูกแบนห้ามให้บริการในประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้สภาผู้แทนฯ และวุฒิสภา ได้ลงมติรับรองกฎหมายชุดดังกล่าวแล้ว
เมื่อเช้าที่ผ่านมาตามเวลาในไทย วุฒิสภาของสหรัฐผ่านแพ็กเกจร่างกฎหมาย 4 ฉบับด้วยคะแนน 79-18 โดยหนึ่งในนั้นคือร่างกฎหมายที่สั่งให้ Bytedance แยก TikTok ในสหรัฐ โดยให้กรอบเวลาในการหาผู้ซื้อกิจการ 1 ปี ไม่เช่นนั้นตัวแอปจะถูกแบนในประเทศ โดยเบื้องต้นจะมีการกำหนดเส้นตาย หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีเดือนพฤศจิกายนนี้
ส่วนอีก 3 กฎหมายที่พ่วงไปด้วย คือร่างกฎหมายให้ความช่วยเหลือทางการทหารกับยูเครน อิสราเอล และไต้หวัน ขณะที่ท่าทีของ Bytedance น่าจะไปในทิศทางไม่อนุญาตให้เกิดการขายกิจการในสหรัฐ เพราะไม่ต้องการให้ทั้งอัลกอริทึมของบริษัทและข้อมูลที่เป็นความลับ ตกอยู่ในมือของสหรัฐ
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ผ่านร่างกฎหมาย 4 ฉบับ ด้วยคะแนน 360-58 ซึ่งรายละเอียดในกฎหมาย 4 ฉบับนั้น ฉบับหนึ่งเป็นร่างกฎหมายให้แยก TikTok ออกจาก ByteDance หรือมิฉะนั้นแอปจะต้องงดให้บริการในอเมริกา ซึ่งเป็นฉบับแก้ไขจากร่างกฎหมายที่เคยผ่านสภาฯ ไปเมื่อเดือนที่แล้ว โดยปรับแก้ไขระยะเวลาที่ TikTok ต้องหาผู้ซื้อกิจการจาก 6 เดือน นานขึ้นเป็น 12 เดือน
ร่างกฎหมายอีก 3 ฉบับที่รวมเป็นแพ็คเกจให้พิจารณาไปพร้อมกัน คือร่างกฎหมายให้ความช่วยเหลือทางการทหารกับยูเครน อิสราเอล และไต้หวัน ซึ่งร่างกฎหมายทั้ง 4 ฉบับนี้ จะถูกส่งให้วุฒิสภาพิจารณาลงมติรับรองแบบยกชุด เร็วที่สุดในวันอังคารนี้
มีรายงานข้อมูลผลประกอบการเบื้องต้นของ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ประจำปี 2023 มีกำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี (EBITDA) เพิ่มขึ้น 60% จากปี 2022 เป็น 4 หมื่นล้านดอลลาร์ รายได้เพิ่มขึ้น 50% เป็น 1.2 แสนล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ByteDance ไม่ได้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น ข้อนี้จึงเผยแพร่ภายในและให้สำหรับนักลงทุนในบริษัท
ความน่าสนใจหากตัวเลขรายได้-กำไรของ ByteDance เป็นตามข้อมูลนี้ เท่ากับบริษัทมีรายได้แซง Tencent บริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ของจีนไปแล้ว (ปีที่ผ่านมารายได้ 8.4 หมื่นล้านดอลลาร์) และเนื่องจากธุรกิจของ ByteDance เป็นแพลตฟอร์มโซเชียล จึงอาจสะท้อนการแย่งชิงผู้ใช้งานมาด้วย
มีประเด็นเพิ่มเติมหลังจากสภาผู้แทนฯ สหรัฐ ลงมติรับรองร่างกฎหมายแยก TikTok ออกจากบริษัทแม่ ByteDance มิฉะนั้นต้องหยุดให้บริการในประเทศ ซึ่งยังมีขั้นตอนการลงมติจากวุฒิสภา อย่างไรก็ตามมีคนเตรียมทีมรอซื้อ TikTok แล้ว
คนที่ออกมาให้ข่าวครั้งนี้คือ Steven Mnuchin อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในสมัยรัฐบาล Donald Trump โดยเขาบอกว่าได้รวมกลุ่มนักลงทุนจำนวนหนึ่ง เพื่อร่วมกันลงเงินซื้อกิจการ TikTok แล้ว หากกฎหมายนี้ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ โดยเขาเองมองว่าสุดท้ายวุฒิสภาจะรับรองกฎหมายนี้ ทำให้ ByteDance ต้องขายกิจการ TikTok ออกมาในที่สุด ทั้งนี้ Mnuchin ไม่ได้ให้ข้อมูลว่ากลุ่มนักลงทุนที่เขาชักชวนมานั้นมีใครบ้าง
สภาผู้แทนฯ สหรัฐได้ลงมติพิจารณาร่างกฎหมายให้แยก TikTok ออกจากบริษัทแม่ ByteDance โดยผลการลงมติออกมาสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนน 352-65 เกิน 2 ใน 3 จึงถือว่าผ่านการอนุมัติ
ในขั้นตอนถัดไปร่างกฎหมายจะถูกเสนอพิจารณาต่อวุฒิสภา ซึ่งน่าจะมีขั้นตอนการไต่สวน เป็นระยะเวลาพอสมควร และหากวุฒิสภาอนุมัติ ก็จะเป็นขั้นตอนการลงนามรับรองของประธานาธิบดี Joe Biden ซึ่งก่อนหน้านี้เขาออกความเห็นว่าจะรับรองกฎหมาย หากวุฒิสภาเห็นชอบ
ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ปฏิเสธรายงานข่าวที่มีออกมาก่อนหน้านี้ ว่า Zhang Yiming ประธานบริษัท ได้เริ่มการเจรจาหาผู้ซื้อธุรกิจ TikTok ในช่วงที่สภาสหรัฐฯ กำลังพิจารณาอาจออกคำสั่งให้ ByteDance ต้องแยกธุรกิจ TikTok ออกมา มิฉะนั้นจะไม่สามารถให้บริการในสหรัฐอเมริกาได้
สภาสหรัฐฯ จะลงมติประเด็นดังกล่าวในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการเสนอพิจารณามาจากคณะกรรมการพลังงานและการค้าสหรัฐ ที่ลงมติผ่านร่างกฎหมายไปก่อนหน้า
ที่มา: TechNode
สัปดาห์นี้มีประเด็นสำคัญในฝั่งสหรัฐ ซึ่งเริ่มจากคณะกรรมการพลังงานและการค้าสหรัฐ ได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายให้แยก TikTok ออกจากบริษัทแม่ ByteDance ของจีน ซึ่งที่ผ่านมา TikTok ยืนยันมาตลอดว่าไม่มีการส่งข้อมูลผู้ใช้งานให้รัฐบาลจีน
ร่างกฎหมายนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนฯ ในวันพุธ ถ้าหากมีมติรับรองก็จะส่งต่อไปยังวุฒิสภาในลำดับถัดไป ขณะที่ประธานาธิบดี Joe Biden ก็ให้สัมภาษณ์ว่าเขาจะลงนามรับรองกฎหมายนี้ถ้าหากผ่านการพิจารณาของรัฐสภา มีผลให้ TikTok ต้องแยกบริษัทออกมาจาก ByteDance โดยไม่มีบริษัทจากจีนถือหุ้นอยู่ ภายในเวลาประมาณ 5 เดือน หากไม่สามารถปฏิบัติได้ TikTok ก็จะถูกระงับให้บริการในสหรัฐอเมริกา
มีรายงานว่า ByteDance ได้จัดการประชุมพนักงานใหญ่ประจำปีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยซีอีโอ Liang Rubo ได้บอกความกังวลของเขาต่อพนักงานทุกคน ซึ่งเขารู้สึกว่าพนักงานกำลังขาดความรู้สึกทำงานแบบอยู่ใต้ภาวะวิกฤต ที่ตื่นกลัวตลอดเวลา เหมือนกับการทำสตาร์ทอัพ เขาจึงกลัวว่า ByteDance จะกลายเป็นบริษัทเทคโนโลยี "ทั่ว ๆ ไป" ไม่สามารถสร้างสิ่งใหม่สู่ตลาดได้
ซีอีโอของบริษัทสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกเจ้าของแพลตฟอร์ม TikTok ยังบอกเป้าหมายสำคัญในปีนี้ คือการให้พนักงานรู้สึกว่ากำลังทำสตาร์ทอัพวันแรกตลอดเวลา, สร้างความน่าเชื่อถือและไว้ใจกับชุมชนในแพลตฟอร์ม และเลือกโฟกัสเฉพาะสิ่งที่มีความสำคัญสูงกับบริษัท
Reuters รายงานว่าหลังจาก ByteDance ประกาศถอนตัวจากธุรกิจเกม โดยปิดบริษัท Nuverse ตอนนี้ ByteDance ได้เริ่มเจรจากับผู้สนใจหลายราย เพื่อซื้อสินทรัพย์เกมของบริษัท โดยชื่อหนึ่งถูกระบุว่าอยู่ในการเจรจาคือ Tencent บริษัทอินเทอร์เน็ตและผู้ให้บริการเกมรายใหญ่นั่นเอง
ตัวแทนของ ByteDance ชี้แจงต่อรายงานนี้ว่า บริษัทยังคงเจรจาหาผู้ซื้อสินทรัพย์อยู่ แต่ดีลยังไม่มีข้อสรุป
เกมที่เป็นของ Nuverse และ ByteDance กำลังเจรจาหาผู้ซื้อได้แก่ Crystal of Atland, Earth: Revival
ที่มา: Reuters
Bloomberg รายงานอ้างอิงคนในว่าปีนี้ Bytedance จะทำรายได้ราว 1.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตจากปีที่แล้ว 30% (ซึ่งปีที่แล้วก็โต 30% เช่นกัน) ซึ่งด้วยตัวเลขนี้ ทำให้โซเชียลมีเดียจากจีน ทำรายได้แซงหน้า Meta และคู่แข่งในจีนเองอย่าง Tencent ที่คาดว่าจะสร้างรายได้ได้ที่ราว 8.6 หมื่นล้านเหรียญ
การเติบโตของ Bytedance หลักๆ มาจากการแตกไลน์ธุรกิจจากแอปโซเชียลมีเดียวิดีโอบน TikTok ให้มีบริการอีคอมเมิร์ซในตัว ขณะที่ Douyin หรือ TikTok ในจีน ก็แตกไลน์ธุรกิจกลายเป็นแพลตฟอร์ม All-in-one ที่นอกจากมีอีคอมเมิร์ซ ก็ยังมีทั้งบริการส่งอาหาร, จองโรงแรมไปจนถึงจองตั๋วเครื่องบิน
OpenAI แบนบัญชีของบริษัท ByteDance หลังมีรายงานว่าทาง ByteDance เอาเอาท์พุตของ OpenAI ไปฝึกปัญญาประดิษฐ์ของตัวเอง
เหตุการณ์ครั้งนี้รายงานโดย Alex Heath จาก The Verge ชี้ว่า ByteDance ฝึก LLM ของตัวเองที่ชื่อ Project Seed ด้วยเอาท์พุตของ OpenAI แม้ภายหลังจะเลิกใช้เอาท์พุตไปฝึกโมเดลโดยตรง แต่ก็ยังใช้สำหรับการวัดคุณภาพของโมเดลตัวเองอยู่
ทาง OpenAI ออกมายืนยันว่าได้แบนบัญชีของ ByteDance ไว้ชั่วคราวระหว่างสอบสวน แต่ที่จริงแล้ว ByteDance เรียก API ของ OpenAI ผ่านทาง Microsoft Azure และยังไม่แน่ชัดว่าไมโครซอฟท์แบนบัญชีของ ByteDance ไปหรือยัง