Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ให้สัมภาษณ์กับ The Verge เนื่องในโอกาสเปิดตัว Bing โฉมใหม่พลัง AI ซึ่งเขามั่นใจว่าจะช่วยให้ Bing แข่งขันกับกูเกิลได้อย่างสูสีมากขึ้น และชิงส่วนแบ่งตลาดมาจากกูเกิลได้
Nadella ยอมรับว่ากูเกิลครองตลาด search ด้วยส่วนแบ่งที่เยอะมาก เปรียบได้กับเป็นลิงกอริลลาตัวใหญ่ ตัวเขาทำเรื่อง search มาตั้งแต่ 20 ปีก่อน (Nadella เคยอยู่ในฝ่าย Online Services ของไมโครซอฟท์) และรอจังหวะนี้มานานมาก หลังจากเขาได้ลองใช้ OpenAI เขาก็พบว่ามันมาถึงแล้ว และคิดว่านวัตกรรมของ Bing รอบนี้จะช่วยชิงส่วนแบ่งตลาดจากกูเกิลได้
ไมโครซอฟท์ประกาศฟีเจอร์แชตบน Bing ตามข่าวลือก่อนหน้านี้ แต่เป็นการออกแบบโมเดลใหม่สำหรับการค้นหาเว็บโดยเฉพาะเรียกว่า Prometheus Model และไมโครซอฟท์ระบุว่าโมเดลนี้ทรงพลังยิ่งกว่า ChatGPT เสียอีก
Prometheus Model ออกแบบสำหรับการค้นหา ทำให้มันสามารถรับข้อมูลใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น และเข้าใจปัจจัยอื่นๆ เช่น พื้นที่ที่ผู้ค้นหาอยู่ การใช้งานสามารถใช้ทั้งช่องค้นหาปกติที่สามารถพิมพ์คำถามลงไปได้โดยตรง หรือจะใช้แท็บแชตที่กลายเป็นหน้าจอแชตคล้าย ChatGPT เพื่อถามคำถามที่ประมวลผลมาแล้ว เช่น ให้ Bing ช่วยวางแผนเที่ยวให้
ความนิยมของแชทบ็อต ChatGPT ทำให้คนจำนวนมากทดสอบสั่งงานบ็อตในรูปแบบต่างๆ จนล่าสุดกลายเป็นประเด็นทางการเมือง (สหรัฐ) ขึ้นมา หลังมีคนลองไปสั่ง ChatGPT แต่งกลอนให้ประธานาธิบดีสองคนล่าสุดของสหรัฐคือ Donald Trump และ Joe Biden
ผลปรากฏว่า ChatGPT แต่งกลอนให้ Biden ได้ตามที่สั่ง แต่กลับปฏิเสธไม่แต่งกลอนให้ Trump โดยให้เหตุผลว่าจะไม่ยุ่งกับการเมือง
สื่ออย่าง Forbes พยายามยืนยันผล โดยทดลองสั่งให้ ChatGPT แต่งกลอนให้ Trump และ Biden ก็พบข้อความแบบเดียวกัน
ถึงแม้ ChatGPT จะสร้างความกังวลในวงการการศึกษา เช่น การนำมาใช้เขียนบทความหรือช่วยทำการบ้าน แต่ Paul von Hippel อาจารย์จาก University of Texas ได้เขียนบทความหลังพบว่า ChatGPT กลับตอบคำถามผิดหลายครั้ง เมื่อเป็นคำถามของวิชาคณิตศาสตร์ ทั้งที่น่าจะเป็นวิชาที่ ChatGPT ตอบได้ดีที่สุด เพราะคณิตศาสตร์คือพื้นฐานของคอมพิวเตอร์
Google Cloud เข้าลงทุนใน Anthropic บริษัทสตาร์ตอัพด้าน AI ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2021 โดยอดีตพนักงานของ OpenAI หลายคน ซีอีโอ Dario Amodei ยังเป็นหัวหน้าทีมพัฒนา GPT-2, GPT-3 และดูแลงานสายวิจัยของ OpenAI อีกด้วย
Anthropic นิยามตัวเองว่าเป็น AI safety and research company มีเป้าหมายพัฒนา AI ที่เชื่อถือและไว้วางใจได้ แก้ปัญหาคำตอบมั่วๆ ของ AI ที่อาจสร้างอันตรายให้ผู้ใช้งาน ปัจจุบันบริษัทมีงานวิจัยด้านนี้ตีพิมพ์ออกมาแล้วชิ้น (รายชื่อ)
ไมโครซอฟท์ยังเดินหน้านำ GPT ของ OpenAI ที่เข้าไปลงทุนไว้ ผนวกเข้ามาในบริการของตัวเองอีกเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้คือ Azure, Teams Premium และตัวล่าสุดคือ Microsoft Viva Sales
ชื่อ Microsoft Viva อาจไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เพราะเพิ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 โดยเป็นแอพพลิเคชันที่รันอยู่ใน Microsoft Teams และ Outlook อีกทีหนึ่ง เน้นจับกลุ่มตลาดพนักงานภายในองค์กร ให้พูดคุย ทำกิจกรรม เรียนรู้ พัฒนาตัวเอง ฯลฯ ผ่านระบบของ Viva
ไมโครซอฟท์เริ่มให้บริการ Microsoft Teams Premium อย่างเป็นทางการ หลังเปิดตัวมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022
Microsoft Teams Premium เป็นแพ็กเกจอัพเกรดของ Microsoft Teams ในราคา 10 ดอลลาร์/คน/เดือน (ช่วงโปรโมชั่นเหลือ 7 ดอลลาร์/คน/เดือน) โดยจะได้ฟีเจอร์ระดับสูงเพิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง
Intelligent Recap ใช้ AI สรุปประชุมออนไลน์ออกมาเป็นเอกสารให้ พร้อมไฮไลท์การพูดของผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละคน
ตอนนี้เอนจินการสรุปประชุมยังเป็นของเก่าอยู่ แต่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะอัพเกรดเป็น OpenAI GPT-3.5 ที่เป็นผลจากไมโครซอฟท์เข้าไปลงทุนใน OpenAI
ข้อมูลนี้ไม่ได้มาจากทาง OpenAI เอง แต่เป็นการวิเคราะห์ของ UBS วาณิชธนกิจรายใหญ่ ประเมินว่า ChatGPT บริการแชตบอต AI ของ OpenAI มีจำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) มากกว่า 100 ล้านคน ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยตัวบริการเปิดให้ใช้งานได้ทั่วไปเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
UBS บอกว่าในเดือนแรกของการให้บริการ จำนวน MAUs มีประมาณ 57 ล้านคน เฉพาะวันแรกที่เปิดให้ใช้งานมีคนมาใช้ประมาณ 13 ล้านคน ด้วยอัตราดังกล่าวจึงกล่าวได้ว่า ChatGPT เป็นแอปสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ที่มีผู้ใช้เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยจำนวน 100 ล้านคน ภายใน 2 เดือน เทียบกับ TikTok ใช้เวลา 9 เดือน และ Instagram ใช้เวลา 2 ปีครึ่ง
OpenAI เปิดบริการ subscription สำหรับการใช้งาน ChatGPT อย่างเป็นทางการในชื่อ ChatGPT Plus โดยคิดราคาที่ 20 ดอลลาร์ต่อเดือน
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ChatGPT จะเปิด subscription ในชื่อ Professional Plan ที่ราคา 42 ดอลลาร์ต่อเดือน แต่ยังเป็นระบบรอคิวหรือ waitlist จนเปลี่ยนมาเป็น ChatGPT Plus นั่นเอง ซึ่งในตอนนั้น ChatGPT เองก็บอกว่า 42 ดอลลาร์ เป็นราคาที่สูง
ผู้สมัคร ChatGPT Plus จะได้สิทธิประโยชน์ที่มากกว่า ทั้งสามารถเข้าใช้งานได้เป็นปกติ แม้เวลานั้นจะมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก, ได้รับคำตอบที่รวดเร็วมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป และได้สิทธิเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ก่อนใคร
หลังจากหลายคนแสดงความกังวล OpenAI ก็ไม่รอช้า เปิดตัวเครื่องมือสำหรับจำแนก (Classifier) ว่าข้อความตัวหนังสือนั้น เขียนโดยมนุษย์ หรือใช้เครื่องมือ AI ช่วยในการเขียน (รวมทั้ง ChatGPT ด้วย) ซึ่ง OpenAI ก็ยอมรับว่าไม่มีทางตรวจสอบได้ครบทุกกรณี แต่น่าจะช่วยลดปัญหาบทความที่เขียนด้วย AI แต่บอกว่าใช้คนเขียน ซึ่งสามารถส่งผลรุนแรงได้ในบางกรณี
ไมโครซอฟท์ประกาศลงทุนใน OpenAI เพิ่มเติมอีกหลายพันล้านดอลลาร์ กระจายเงินลงทุนไปหลายปีโดยไม่ระบุทั้งมูลค่าเต็มและระยะเวลา (มีข่าวลือว่ามูลค่าถึงหมื่นล้านดอลลาร์แต่ไมโครซอฟท์ไม่ระบุในประกาศ) นับเป็นการประกาศการลงทุนครั้งที่สาม หลังจากลงทุนในปี 2019 และ 2021 โดยความร่วมมือมี 3 ด้านหลัก ได้แก่
Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ไปขี้นเวทีงานของ StrictlyVC พูดถึงอนาคตของโมเดล AI ในสังกัดคือ GPT-4 ที่ถูกพูดถึงกันมาก โดยเขาไม่ยอมบอกว่าจะออกเมื่อไรและมีพารามีเตอร์จำนวนเท่าไร เพื่อลดกระแสความคาดหวังของผู้คนลง
โมเดล GPT-3 เปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 จากนั้นได้อัพเกรดเป็น GPT-3.5 ตัวที่ใช้ใน ChatGPT ในปี 2022 ที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก ทำให้ผู้คนคาดหวังกันมากว่า GPT-4 จะพัฒนาไปจากปัจจุบันอีกมาก
OpenAI เปิดบริการ ChatGPT แบบ Professional Plan ตามที่ออกแบบสอบถามก่อนหน้านี้ คิดราคาเดือนละ 42 ดอลลาร์ แลกกับการใช้งานที่ไม่ติดลิมิตช่วงคนใช้เยอะๆ ได้คำตอบเร็วกว่าเวอร์ชันฟรี และได้ใช้ฟีเจอร์ใหม่ในอนาคตก่อนคนอื่น
แผนการเก็บเงิน ChatGPT เป็นส่วนสำคัญของโมเดลการหารายได้ของ OpenAI ที่คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 200 ล้านดอลลาร์
ไมโครซอฟท์เปิดบริการ Azure OpenAI Service อย่างเป็นทางการ เข้าสถานะ General Availability (GA) หลังจากเปิดทดสอบมาตั้งแต่ปลายปี 2021
ไมโครซอฟท์เข้าลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI มาตั้งแต่ปี 2020 และได้สิทธิการใช้งาน GPT-3 แต่เพียงผู้เดียว (ล่าสุดมีข่าวลือว่าจะลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์แลกกับหุ้น 49%) ไมโครซอฟท์จึงนำโมเดลหลายตัวของ OpenAI เช่น GPT-3.5, Codex, DALL-E 2 มาให้บริการกับลูกค้าภายนอกบน Azure
OpenAI เตรียมหาโมเดลสร้างรายได้จาก ChatGPT ด้วยการออกเวอร์ชัน Professional ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดราคา แต่มีให้ลงชื่อเป็น waitlist แล้ว
จุดต่างสำคัญของ ChatGPT Professional คือใช้งานได้ตลอดเวลา ไม่มีช่วงพัก (blackout windows) ตอบสนองเร็วกว่าเวอร์ชันฟรี และไม่จำกัดปริมาณข้อความที่แชทคุยกับ AI
ตอนนี้ OpenAI ยังอยู่ระหว่างการสอบถามความคิดเห็นผู้ใช้จากห้องแชทใน Discord เพื่อกำหนดราคาที่เหมาะสม และยังไม่มีประกาศผ่านช่องทางอื่นอย่างเป็นทางการ
เว็บ Semafor อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง เผยว่าไมโครซอฟท์กำลังเจรจาเพื่อขอลงทุนใน OpenAI บริษัทผู้พัฒนาปัญญาประดิษฐ์แชทบ็อต ChatGPT ด้วยวงเงินถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินลงทุนนี้คิดที่มูลค่ากิจการของ OpenAI 29,000 ล้านดอลลาร์ (ตามข่าวก่อนหน้า) ทั้งนี้หากดีลดังกล่าวเจรจาลงตัว คาดว่าจะประกาศเป็นทางการได้ภายในปีนี้
มีรายงานว่า OpenAI บริษัทวิจัยปัญญาประดิษฐ์ กำลังเจรจาขายหุ้นปัจจุบันบางส่วน (ไม่ได้เพิ่มทุน) โดยตกลงกันที่มูลค่ากิจการของบริษัท 29,000 ล้านดอลลาร์ ผู้สนใจซื้อที่ถูกระบุชื่อคือบริษัทการลงทุน Thrive Capital และ Founders Fund
การซื้อขายหุ้น OpenAI ครั้งนี้เป็นวิธีการเทนเดอร์ โดยผู้ซื้อจะซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมทั่วไป เช่น พนักงานของบริษัท คิดเป็นมูลค่ารวมอย่างน้อย 300 ล้านดอลลาร์
Open AI เปิดโอเพนซอส Point-E ซึ่งเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถสร้างภาพ 3 มิติด้วยการที่ผู้ใช้ป้อนข้อความลงไป พร้อมปล่อยงานวิจัยแสดงรายละเอียดการทำงานของ Point-E
Point-E ได้รับการเทรนโดยชุดข้อมูลหลายล้านชุด โดยประกอบด้วยโมเดลปัญญาประดิษฐ์ 2 ตัว คือ โมเดลที่เปลี่ยนจากข้อความไปเป็นรูปภาพที่ทำงานเหมือนกับ DALL-E 2 หรือ Stable Diffusion และโมเดลที่เปลี่ยนจากรูปภาพไปเป็นภาพ 3 มิติอีกที
ChatGPT แชทบ็อตจาก OpenAI ซึ่งแสดงประสิทธิภาพการทำงานได้น่าสนใจ แต่คำถามตามมาก็คือแล้ว OpenAI คาดหวังว่าจะทำเงินจากผลิตภัณฑ์นี้ขนาดไหน?
Reuters อ้างข้อมูลจากการพิทช์กับนักลงทุนของ OpenAI ล่าสุด ระบุว่าองค์กรประเมินว่าจะมีรายได้ในปีหน้า (2023) ราว 200 ล้านดอลลาร์ และจะก้าวกระโดดที่ระดับพันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ตัวเลขนี้อาจสะท้อนการคาดการณ์ความสามารถ ChatGPT ว่าจะโตได้อีกเพียงใด
ปัจจุบัน OpenAI มีมูลค่ากิจการที่ราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์ อ้างอิงจากราคาซื้อขายหุ้นในตลาดรอง ปัจจุบันมีรายได้จากการเก็บค่าไลเซนส์ใช้งานกับนักพัฒนาในราคาไม่สูงนัก
ประเด็นเด่นในสัปดาห์ที่ผ่านมาคือการเปิดตัวแชทบ็อต ChatGPT จาก OpenAI ที่มีความสามารถในการตอบโต้ และค้นหาข้อมูลได้เหมือนมนุษย์ ความโดดเด่นนี้ทำให้มีหลายคนวิเคราะห์ว่าอาจส่งผลลบกับผู้ให้บริการเสิร์ชเอ็นจินรายใหญ่อย่างกูเกิลในระยะยาวได้
CNBC รายงานว่าในการประชุมพนักงาน all-hands ที่ผ่านมาของกูเกิล มีพนักงานสอบถามว่าบริษัทมีแผนจะแข่งขันอย่างไรกับ ChatGPT เพราะดูเหมือนบริษัทอาจพลาดโอกาสที่สำคัญนี้ไป
Stack Overflow ประกาศนโยบายห้ามโพสต์คำตอบจากแชทบ็อต OpenAI ChatGPT ที่กำลังฮิตในช่วงนี้ โดยให้เหตุผลว่าค่าเฉลี่ยของคำตอบจาก ChatGPT ไม่ถูกต้องมากนัก (the average rate of getting correct answers from ChatGPT is too low) การนำคำตอบจาก ChatGPT มาแปะอาจเป็นโทษ (substantially harmful) และทำให้ผู้ใช้เว็บบอร์ดสับสนว่าคำตอบที่ถูกต้องคืออะไร
OpenAI เปิดให้ทดลองคุยกับแชทบ็อต ChatGPT ที่ใช้เอนจิน GPT เวอร์ชัน 3.5 ที่ปรับปรุงเพิ่มขึ้นจาก GPT-3 ที่เปิดตัวในปี 2021
ความสามารถของ ChatGPT เน้นไปที่การสนทนาโต้ตอบ ตอบคำถาม และสามารถยอมรับความผิดพลาดในสิ่งที่ตัวเองสุนทนาได้ ตัวอย่างที่ OpenAI นำมาโชว์คือการใช้ ChatGPT ช่วยหาบั๊กในโค้ดโปรแกรมตัวอย่าง
Mira Murati ซีทีโอของ OpenAI บอกว่าจุดเด่นของ ChatGPT ที่ต่างจากโมเดลสนทนาโต้ตอบตัวอื่นๆ คือการยอมรับได้ว่าไม่รู้ ไม่เข้าใจ หรือตอบผิดพลาดไป ไม่ได้พยายามตอบทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับโมเดลรุ่นก่อนหน้า
Open AI เปิด API ของ DALL·E เป็น public beta ให้นักพัฒนาแอปพลิเคชันสามารถติดตั้ง DALL·E ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่สร้างภาพขึ้นมาตามคำบรรยายลงในแอปพลิเคชันและผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นมาเองได้โดยตรงแล้ว
บริษัทเผยว่ามีการดึง API ของ DALL·E ไปใช้งานบ้างแล้วเช่น เช่น Microsoft ที่ใช้ DALL·E ในแอปออกแบบที่ชื่อว่า Designer รวมทั้งติดตั้งใน Bing และ Microsoft Edge นอกจากนี้ยังมีบริษัทแฟชัน CALA ที่นำ AI ไปใช้เพื่อสร้างแบบเสื้อผ้าด้วยการพิพม์ตัวอักษร รวมทั้ง Mixtiles ที่เป็นเว็บไซต์ที่ให้คนเข้ามาสร้างภาพจาก AI
ที่มา: OpenAI
สำหรับช่างภาพผู้ขายงานผ่านเว็บภาพสต็อคต่างๆ คงพอจะคาดเดาได้ว่าไม่ช้าก็เร็วน่าจะมีภาพที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ทั้งหลายมาร่วมแข่งขันในตลาดด้วย ซึ่งวันนั้นก็กำลังจะมาถึงแล้วเมื่อ Shutterstock ประกาศความร่วมมือกับ OpenAI เปิดทางให้นำเอาภาพที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ DALL-E มาลงขายบนแพลตฟอร์มได้โดยตรงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ Shutterstock ยังคงห้ามขายภาพที่สร้างจากปัญญาประดิษฐ์ตัวอื่นที่ไม่ใช่ DALL-E ของ OpenAI
มีรายงานว่า ไมโครซอฟท์เริ่มเจรจาเพื่อลงทุนเพิ่มเติมใน OpenAI บริษัทที่เน้นงานวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยหวังการนำเทคโนโลยีมาใช้กับผลิตภัณฑ์บริษัท ซึ่ง OpenAI ก็มีแผนเตรียมเปิดระดมทุนรอบใหม่อยู่แล้ว
ไมโครซอฟท์ลงทุนใน OpenAI ไปครั้งแรกในปี 2019 ด้วยเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหลังจากนั้น Azure ก็ทำข้อตกลงให้ใช้สิทธิ GPT-3 ได้เพียงรายเดียว และน่าจะได้เทคโนโลยีใหม่ในอนาคตมาเสริมอีก