Paul Tassi คอลัมนิสต์ของ Forbes วิเคราะห์ดีลไมโครซอฟท์ซื้อ Bethesda ว่าเป็นการซื้อเกม exclusive สำหรับ Xbox จริง แต่ไม่ได้ซื้อเพื่อต่อสู้กับโซนี่เพียงอย่างเดียว

ในระยะสั้น เราอาจมองการแข่งขันในวงการเกมที่ Xbox vs PlayStation เป็นหลัก ซึ่งไมโครซอฟท์ยังอ่อนแอกว่าในแง่เกม exclusive ที่เป็นจุดขายของแพลตฟอร์ม การควักเงิน 7.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.4 แสนล้านบาท) เพื่อแก้ปัญหานี้จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผล

Amazon เปิดบริการสตรีมเกมในชื่อ Luna ช่วงนี้เป็นการทดสอบวงปิด รองรับการเล่นเกมความละเอียด 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที และจะรองรับ 4K ในอนาคต จุดเด่นของ Luna คือให้บริการผ่านเว็บแอปได้ ทำให้ใช้งานบน iOS ได้ด้วย (มีแอปเฉพาะบนพีซี, แมค, และ FireTV) โดยผู้ใช้ต้องมีอินเทอร์เน็ตระดับ 10Mbps สำหรับการเล่นเกม 1080p และ 35Mbps สำหรับ 4K

ไมโครซอฟท์เปิดบริการคลาวด์เกมมิ่ง xCloud วันที่ 15 กันยายน ตามที่ประกาศไว้ กับลูกค้า Xbox Game Pass Ultimate ใน 22 ประเทศ (ไม่มีไทย)

ไมโครซอฟท์ระบุว่ามีเกมบน xCloud ให้เล่นมากกว่า 150 เกม (และจะมีเกมจาก EA Play ตามมาอีกชุดใหญ่) ตัวอย่างเกมคอนโซล-พีซีดังๆ ที่เล่นได้บนมือถือคือ The Outer Worlds, The Witcher 3, Sea of Thieves, Resident Evil 7, Nier Automata, No Man’s Sky, Metro 2033 Redux และเกมตระกูล Halo เป็นต้น (รายชื่อเกมทั้งหมดดูได้ตามที่มา)

จากที่ก่อนหน้านี้ แอปเปิลยืนยัน บล็อคบริการเกมสตรีมมิ่งแบบ xCloud หรือ Stadia เพราะผิดกฎแพลตฟอร์ม วันนี้แอปเปิลกลับลำ ยอมเปลี่ยนเงื่อนไขของ App Store ยอมรับแอพตระกูลเกมสตรีมมิ่งแล้ว แต่ก็ยังมีเงื่อนไขคือ ผู้ให้บริการเกมสตรีมมิ่งจะต้องส่งเกมแต่ละเกมในระบบให้แอปเปิลตรวจแยกทีละเกมด้วย

เงื่อนไขของแอปเปิลยังระบุว่า เกมที่ให้บริการในระบบสตรีมมิ่งจำเป็นต้องมีให้ดาวน์โหลดโดยตรงผ่าน App Store ด้วย เพื่อสร้างความเท่าเทียมกันระหว่างลูกค้าที่เป็นและไม่เป็นสมาชิก

กฎข้อนี้แปลว่าบริการ xCloud ของไมโครซอฟท์จะไม่สามารถเปิดให้เล่นเกมอย่าง Halo ที่ไม่มีบนเวอร์ชัน iOS ได้เลย

NVIDIA เปิดตัว NVIDIA Broadcast App ซอฟต์แวร์ใหม่สำหรับการสตรีมเกมถ่ายทอดสดหรือประชุมออนไลน์โดยไม่ต้องลงทุนอุปกรณ์อย่าง ไมโครโฟนคุณภาพสูง, ห้องเก็บเสียง, หรือฉากหลัง แต่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาประมวลผลภาพและเสียงแทน โดยมี 3 ฟีเจอร์ได้แก่

ไมโครซอฟท์เพิ่งเปิดตัวบริการเกมสตรีมมิ่ง Project xCloud อย่างเป็นทางการ โดยรองรับเฉพาะอุปกรณ์กลุ่ม Android เท่านั้น จึงเกิดคำถามตามมาว่าฝั่ง iOS จะเป็นอย่างไร เพราะไมโครซอฟท์ยังปิดการทดสอบ xCloud บน iOS ไปพร้อมกันด้วย

วันนี้มีคำตอบชัดเจนแล้วจากทางแอปเปิล ว่าบริการเกมสตรีมมิ่งลักษณะนี้ (ทั้ง xCloud หรือ Stadia) ผิดนโยบายของ App Store เนื่องจากแอปเปิลไม่สามารถตรวจสอบเนื้อหาของเกมที่สตรีมมาได้

แอปเปิลระบุว่าเกมใดๆ ที่เปิดให้เล่นบน iOS จำเป็นต้องถูกตรวจสอบบนมาตรฐานเดียวกัน เพื่อปกป้องผู้ใช้ และเพื่อความเป็นธรรมกับนักพัฒนาที่เผยแพร่เกมแบบปกติ (ผ่านการดาวน์โหลด ไม่ใช่สตรีม)

ต่อจากประกาศก่อนหน้านี้ วันนี้ไมโครซอฟท์เปิดตัวโครงการเกมสตรีมมิ่ง Project xCloud อย่างเป็นทางการ โดยจะผนวกเป็นส่วนหนึ่งของ Xbox Game Pass Ultimate ที่คิดราคา 14.99 ดอลลาร์อยู่เดิม (ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม)

ก่อนหน้านี้ สมาชิก Xbox Game Pass Ultimate สามารถเล่นเกมในไลบรารีได้บน Xbox One และพีซี ประกาศนี้จะทำให้เล่นเกมเหล่านี้ (ประมาณ 100 เกม) บนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต Android ได้ด้วย โดยยังได้สิทธิเล่นเกมใหม่ของไมโครซอฟท์แบบ Day One ด้วยเช่นกัน

หลังจากไมโครซอฟท์เปิดทดสอบบริการเกมสตรีมมิ่ง Project xCloud มาได้สักพักใหญ่ๆ โดยยังไม่คิดค่าบริการลักษณะเดียวกับคู่แข่งอย่าง Google Stadia ก็มีคนคาดกันว่าไมโครซอฟท์น่าจะผนวก xCloud เข้ามากับบริการเกมแบบเหมาจ่ายรายเดือน (แต่ไม่สตรีมมิ่ง) คือ Xbox Game Pass ด้วย

วันนี้ไมโครซอฟท์ประกาศยืนยันเรื่องนี้ โดยบอกว่าสมาชิก Xbox Game Pass Ultimate รุ่นท็อปสุด ที่จ่ายเงินเดือนละ 14.99 ดอลลาร์ ได้เล่นเกมแบบเหมาจ่ายทั้งบน Xbox One และพีซี (ถ้าเอาแพ็กเกจปกติเฉพาะคอนโซลเดือนละ 9.99 ดอลลาร์) จะได้ใช้บริการ xCloud ฟรีโดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

IDC (International Data Corporation) แถลงข้อมูลร่วมกับ Esports Charts บริษัทรวบรวมข้อมูลด้าน Esports เปรียบเทียบยอดชั่วโมงการดูสตรีมเกมบน Twitch ในช่วงก่อนกับหลัง COVID-19 ระบาด พบอัตราการรับชมเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

Twitch แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งชั้นนำของโลก ดูเหมือนจะได้ผลประโยชน์จากช่วงที่คนอยู่บ้านเพราะโควิดแบบเต็มๆ เพราะหลังจากทำลายสถิติมียอดคนสตรีมเกมรวมกันกว่า 2 พันล้านชั่วโมง ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน และทำสถิติจำนวนชั่วโมงที่คนดูรวมกันในไตรมาสแรก ทะลุ 3 พันล้านชั่วโมง ล่าสุดก็ทำสถิติใหม่ทะลุ 5 พันล้านชั่วโมงไปแล้ว

Strauss Zelnick ซีอีโอของ Take-Two Interactive ค่ายเกมยักษ์ใหญ่เจ้าของ 2K และ Rockstar ไปพูดที่งานสัมมนา Bernstein Annual Strategic Decisions Conference ยอมรับว่า Google Stadia ทำผลงานได้น่าผิดหวัง

Zelnick เล่าว่า Take-Two ตัดสินใจเข้าร่วม Stadia เพราะมองเห็นศักยภาพของเทคโนโลยีเกมสตรีมมิ่ง ที่จะกลายมาเป็นกระแสหลักของวงการในอนาคต ตัวเขาเองเชื่อว่าสตรีมมิ่งจะเกิดแน่ๆ เพราะขยายตลาดไปจับคนที่อยากเล่นเกมแต่ไม่อยากซื้อคอนโซล อย่างไรก็ตาม เขามองว่า Stadia เติบโตช้ากว่าที่คิด และกูเกิลโฆษณาเกินจริงไป (overpromising) เรื่องเทคโนโลยีเกมสตรีมมิ่ง

หลังเปิดบริการมาได้ราว 6 ปี ล่าสุดโซนี่ระบุในพรีเซนต์งบการเงินว่า PlayStation Now บริการคลาวด์เกมมิ่งมีจำนวนผู้ใช้บริการแตะ 2.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเท่าตัว โดยจำนวนผู้ใช้งานเมื่อสิ้นสุดเดือนมีนาคมปีที่แล้วอยู่ที่ราว 1 ล้านคนเท่านั้น

โซนี่ระบุว่าจำนวนผู้เล่นเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากการเปิดฟีเจอร์ให้ดาวน์โหลดเกมเอามาไว้ในเครื่อง เสริมเข้าไปจากตัวเลือกสตรีมอย่างเดียว ไม่รวมการลดราคาเมื่อปลายปีที่แล้ว

ช่วงไวรัสระบาด หลายๆ คนอาจจะอยู่บ้าน ประชุมงานผ่านกล้อง จนเกือบผันตัวเองเป็นสตรีมเมอร์ไปแล้ว ซึ่งชาว Twitch ก็กำลังทำแบบนั้นจริงๆ เพราะตั้งแต่สิ้นเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา คนกว่า 5 ล้านคน สตรีมเกมไปแล้วกว่า 2 พันล้านชั่วโมง หรือคิดเป็น 230,000 ปีเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยอดผู้ชมในช่วงเดียวก็เพิ่มขึ้นจาก 1.1 ล้านคนในปีที่แล้ว เป็น 2.8 ล้านคนในปีนี้ และเป็นผู้ชมที่ดูเกมหลากหลาย ทั้งดุเดือดเลือดพล่านอย่าง Doom: Eternal ไปจนถึงเกมฟุตบอลอย่าง FIFA 20 และ เกมน่ารักๆ อย่าง Animal Crossing: New Horizons

ไมโครซอฟท์ยังเดินหน้าขยายบริการคลาวด์เกมมิ่ง Project xCloud ต่อไป (ปัจจุบันยังมีสถานะเป็นพรีวิว) โดยจะเปิดในยุโรปตะวันตก 11 ประเทศ

การขยายพื้นที่บริการ xCloud มายังยุโรป ทำให้ xCloud ทัดเทียมกับ Google Stadia ที่ให้บริการใน 14 ประเทศ (อเมริกาเหนือและยุโรป) โดย Stadia เป็นบริการแบบคิดเงินแล้ว แต่ xCloud ยังเปิดให้เล่นฟรีอยู่

ไมโครซอฟท์ยังอธิบายว่าจะทยอยเปิดให้ผู้เล่นเข้ามาลองใช้งาน xCloud ทีละนิด เพื่อป้องกันปัญหาทราฟฟิกมากจนเกินควรในช่วงนี้ด้วย

GeForce Now บริการเกมสตรีมมิ่งของ NVIDIA ที่เพิ่งปลดสถานะเบต้า กลับเสียเกมดังจากค่าย Activision Blizzard (เช่น Call of Duty และ Destiny 2) ออกไปจากระบบ

NVIDIA แถลงว่า Activision Blizzard เป็นฝ่ายขอถอนเกมไปจาก GeForce Now เอง แต่ก็ไม่ได้ให้เหตุผลไปมากกว่านั้น

เว็บไซต์ The Verge วิเคราะห์ว่าสงครามคลาวด์เกมมิ่งกำลังเริ่มดุเดือด (อ่านบทความ
Cloud Gaming แพลตฟอร์มเกมยุคหน้าที่อาจทำให้ไมโครซอฟท์กลับมาครองตลาดเกม
ประกอบ) จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า Activision Blizzard กำลังเจรจานำเกมของตัวเองไปลงบริการคลาวด์เกมมิ่งเจ้าอื่น หรือไม่ก็เป็นกลวิธีในการเจรจาให้ได้ส่วนแบ่งรายได้จาก NVIDIA เพิ่มขึ้นนั่นเอง

NVIDIA ถือเป็นบริษัทแรกๆ ที่ให้บริการเกมสตรีมมิ่งมาตั้งแต่ปี 2014 โดยช่วงแรกใช้ชื่อว่า NVIDIA Grid และเปลี่ยนชื่อมาเป็น GeForce Now

หลายปีที่ผ่านมา GeForce Now มีสถานะเป็น Beta มาตลอด (แต่เก็บเงิน 7.99 ดอลลาร์ต่อเดือนมานานแล้ว) ล่าสุด NVIDIA ประกาศเปิดบริการ GeForce Now อย่างเป็นทางการกับเขาสักที แพ็กเกจใหม่ของ GeForce Now แบ่งเป็น 2 ระดับ

Andrew GiantWaffle Bodine สตรีมเมอร์บน Twitch ได้สร้างสถิติโลกจำนวนการเล่นเกมมากที่สุดในระยะเวลา 30 วัน โดย GiantWaffle สตรีมตัวเองขณะเล่นเกมใน 30 วันนี้เป็นจำนวน 572 ขั่วโมง หรือ ราว 19 ชั่วโมงต่อวัน ทำลายสถิติเดิมที่มีคนทำไว้ที่ 569 ขั่วโมง

สำหรับเกมที่ GiantWaffle เลือกมาเล่นนั้นมีความหลากหลายมาก เช่น Red Dead Redemption 2, Luigi’s Mansion 3, Escape From Tarkov, Rocket League, Factorio และ Rainbow Six Siege รวมถึงการเล่น Death Stranding ตั้งแต่ต้นจนจบโดยใช้เวลากว่า 30 ชั่วโมงอีกด้วย

ฟีเจอร์หนึ่งของ Galaxy Note 10 คือการสตรีมเกมจากพีซี (ในบ้าน) ไปเล่นบนมือถือ ซัมซุงเรียกมันว่า PlayGalaxy Link และบอกว่าจะเปิดให้ใช้งานในภายหลัง

เวลาผ่านมานานหลายเดือน (นานกว่าที่สัญญาไว้) ในที่สุดซัมซุงก็ออก PlayGalaxy Link รุ่น Beta มาให้ตามสัญญา (ได้ทั้งบน Note 10/S10) แต่ก็ยังจำกัดการใช้งานเฉพาะในบางประเทศ ซึ่งยังไม่มีไทย

วิธีการใช้งานคือต้องติดตั้งแอพ PlayGalaxy Link ทั้งฝั่งพีซีและฝั่งมือถือ จากนั้นเพิ่มเกมที่อยู่ในพีซีของเราเข้าในไลบรารีของ PlayGalaxy Link แล้วสตรีมเกมไปเล่นบนมือถือได้ทันที (รองรับทั้งการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi และ 4G/5G)

คู่แข่งอย่าง Google Stadia จะเริ่มให้บริการวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ ฝั่งของ Microsoft xCloud ก็ไม่น้อยหน้า ประกาศข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา SteamDB เว็บไซต์ติดตามข้อมูล Steam ได้เผยว่ามีโค้ดชุดหนึ่งเพิ่มมาในส่วนของข้อตกลงกับพาร์ทเนอร์ แสดงให้เห็นเงื่อนไขที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามานั้นเกี่ยวกับสิ่งที่ Valve เรียกว่า Steam Cloud Gaming

อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายละเอียดของสิ่งที่ Valve กำลังจะทำมากไปกว่านี้ แต่ถ้าดูจากชื่อนี่อาจจะเป็นการก้าวเข้ามาสู่สงครามเกมสตรีมมิ่งอย่างเต็มตัวก็ได้ ในขณะที่ Google Stadia ที่อาจจะถือว่าเป็นคู่แข่งสำคัญจะเปิดให้บริการในวันที่ 19 พ.ย.นี้

ที่มา - SteamDB

Jim Ryan ซีอีโอของ PlayStation ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ GamesIndustry.biz ในหลายประเด็น ส่วนใหญ่พูดถึงการปรับโครงสร้างองค์กรของ Sony Interactive Entertainment (SIE) เตรียมรับคอนโซลยุคถัดไป PS5

ถึงแม้ในบทสัมภาษณ์ไม่มีข้อมูลใหม่ของ PS5 มากนัก แต่ Jim Ryan พูดถึงทิศทางของ PlayStation Now ที่จะต้องรับมือกับบริการเกมสตรีมมิ่งใหม่ๆ อย่าง Google Stadia และ Microsoft xCloud

กูเกิลประกาศข่าวในงานแถลงข่าว Pixel 4 ว่าบริการเกมสตรีมมิ่ง Stadia จะเปิดบริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้

กูเกิลเคยประกาศราคาของ Stadia มาก่อนแล้วตั้งแต่ตอนงาน E3 ว่าเฉพาะตัวบริการคลาวด์ Stadia Pro คิดราคา 9.99 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยผู้เล่นต้องซื้อเกมแยกต่างหาก (กูเกิลจะมีเกมเล่นฟรีให้บ้างเล็กน้อย เช่น Destiny 2) โมเดลจะต่างจากบริการเกมสตรีมมิ่งอื่นๆ เช่น PlayStation Now, GeForce Now หรือ xCloud ของไมโครซอฟท์ (ซึ่งยังไม่เปิดราคา) ที่เป็นการเล่นเกมแบบเหมาจ่าย รวมค่าเกมมาด้วยเลย (จะมองว่า Stadia เหมือนการเช่าเครื่องร้านเน็ตก็ได้ แค่เปลี่ยนเป็นเช่าเครื่องบนคลาวด์)

ผู้ที่ต้องการเล่น Stadia ในช่วงเปิดตัวจะต้องซื้อชุด Stadia Founder’s Edition ราคา 129.99 ดอลลาร์ ซึ่งจะรวมคอนโทรลเลอร์ 1 อัน, Chromecast Ultra สำหรับต่อทีวี และสมาชิก Stadia Pro นาน 3 เดือน

ไมโครซอฟท์เปิดทดสอบบริการเกมสตรีมมิ่ง Project xCloud ตามสัญญา โดยยังจำกัดแค่ 3 ประเทศคือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้

ส่วนเกมที่เปิดให้ทดสอบยังมีแค่ 4 เกมคือ Halo 5, Gears 5, Killer Instinct, Sea of Thieves และยังจำกัดเฉพาะอุปกรณ์ Android เท่านั้น

บริการสตรีมเกม Stadia ของกูเกิลนั้น ตัวเกมจะรันอยู่บนคลาวด์ทั้งหมด กูเกิลบอกว่าความละเอียดภาพสูงสุดถึง 4K และมีเฟรมเรตระดับ 60 fps แต่ถึงอย่างนั้นก็คงมีคนสงสัยว่าต่อให้ได้อินเทอร์เน็ตเร็วแค่ไหน ปัญหาความหน่วง (Latency) จนทำให้เกมแล็กก็น่าจะเกิดขึ้นได้อยู่ดี

ท่ามกลางกระแสการแข่งขันของระบบสตรีมมิ่งที่ดุเดือด ผู้เข้าแข่งขันมีทั้ง Stadia ของกูเกิล, xCloud ของไมโครซอฟท์, GeForce Now ของ NVIDIA และการมาถึงของบริการ subscription รายเดือนอย่าง Apple Arcade และ Google Play Pass หรือ Xbox Game Pass ก็ตาม ทำให้โซนี่ตัดสินใจลดค่าบริการรายเดือนของ PlayStation Now ในอเมริกาลงจาก $19.99 เหลือเพียง $9.99 หรือลดไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว