สำหรับคนที่ชอบหลงลืมวางของสำคัญทิ้งไว้โน่นไว้นี่ อาจต้องการเครื่องมืออะไรสักอย่างที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ และตอนนี้มีคนประดิษฐ์แผ่นสติ๊กเกอร์บลูทูธที่จะทำให้ผู้ใช้นำไปแปะกับอะไรก็ได้ และหาตำแหน่งของมันได้ง่ายๆ ผ่านทางแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน

ชื่อของผลิตภัณฑ์คือ Stick-n-Find ซึ่งมีหน้าตาคล้ายเหรียญสีดำ มีไฟ LED และลำโพงขนาดจิ๋ว พร้อมระบบส่งสัญญาณผ่านบลูทูธ โดยอาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ CR2016 ซึ่งใช้งานได้นานนับปี ทั้งนี้การใช้งานก็เพียงนำเหรียญดังกล่าวไปติดกับสิ่งของที่ต้องการ เช่น พวงกุญแจ, รีโมท หรือแม้แต่ปลอกคอสัตว์เลี้ยง

INAX Corporation ผู้ผลิตชักโครกอัตโนมัติซีรีส์ SATIS เปิดตัวแอพบนแอนดรอยด์ชื่อ My SATIS สำหรับควบคุมชักโครกด้วยสมาร์ทโฟนแล้ว

ตัวสมาร์ทโฟนที่ลงแอพดังกล่าว จะสามารถเชื่อมต่อกับชักโครกผ่านบลูทูธ และใช้งานฟังก์ชันของชักโครกอย่างเปิดฝา ราดน้ำ ล้างก้น ปรับความร้อนที่นั่ง หรือแม้แต่การเปิดเพลงคลอระหว่างปฏิบัติภารกิจก็ยังได้

ตัวแอพ My SATIS สำหรับควบคุมเปิดให้ดาวน์โหลดที่ญี่ปุ่นเท่านั้น (เข้าใจว่าฟรี) แต่คนที่อยากใช้จริงๆ คงลำบากหน่อย เพราะว่าตัวชักโครกที่สามารถเชื่อมต่อกับแอพนี้ได้นั้นค่าตัวสูงลิบถึงราวๆ 4,540 เหรียญ (ประมาณ 140,000 บาท) เริ่มขายช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าครับ

WHDI (Wireless Home Digital Interface) เทคโนโลยีสำหรับส่งข้อมูลกันระหว่างอุปกรณ์บันเทิงภายในบ้านที่มี AMIMON เป็นรายหลักถือสิทธิบัตรอยู่ แต่ยังไม่สามารถตีตลาดได้มากนัก เนื่องจากตัว AMIMON ผลิตอยู่เจ้าเดียว

ผ่านไปกว่าสามปี ตอนนี้ AMIMON ประกาศเปิดสิทธิ์การเข้าถึงสิทธิบัตรให้กับผู้ผลิตภายนอก สามารถนำเทคโนโลยี WHDI เข้าไปรวมกับชิปเซ็ตของตัวเองได้แล้ว เพื่อสร้าง ecosystem ในระดับโลก และขยายไปยังอุปกรณ์อื่นๆ เช่น รถยนต์ กล้อง หรืออุปกรณ์พกพาอื่นๆ

ตอนนี้ WHDI เริ่มมีใช้วงแคบๆ ในทีวี แท็บเล็ต และโน้ตบุ๊กบ้างแล้ว โดยสามารถสตรีมวิดีโอความละเอียด 1080p ได้ลื่น และกินไฟต่ำ รวมถึงมีแผนโชว์สตรีม 4K ในงาน CES 2013 อีกด้วย

ที่ผ่านมาเราได้เห็นโครงการระดมทุนเพื่อผลิตนาฬิกาสำหรับสมาร์ทโฟนมาหลายโครงการ (เช่น Pebble และ STRATA ที่ระดมทุนผ่าน Kickstarter) แต่นาฬิกาเหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์กับ Android และ iOS เท่านั้น ทิ้งให้ผู้ใช้งาน Windows Phone ต้องตกเทรนด์กันไป อย่างไรก็ตามในตอนนี้มีผู้ริเริ่มโครงการนาฬิกาสำหรับสมาร์ทโฟนในชื่อ Gnomio ซึ่งรองรับ Windows Phone 8 โดยเฉพาะแล้วผ่านการระดมทุนทาง Indiegogo

มีผู้ไปพบว่า ไมโครซอฟท์ได้จดสิทธิบัตรแว่นตาลักษณะเดียวกับ Google Glass ของกูเกิล โดยสิทธิบัตรดังกล่าวระบุว่าผู้ใช้จะใช้แว่นตานี้ในการรับชมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสด ณ เวลานั้น อาทิ การแข่งขันกีฬา เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมของวัตถุหรือคนที่อยู่ในแนวสายตาที่ผู้ใช้มองไปได้ อาทิ ภาพรีเพลย์ของการแข่งขันกีฬา หรือการแปลภาษาได้

เช่นเคย หน้าตาของฮาร์ดแวร์ดังกล่าวจะเป็นอย่างใดเชิญชมได้ที่ท้ายข่าว

ที่มา: USPTO

Vuzix บริษัทผู้ผลิตแว่นตาไฮเทคพ่วงเทคโนโลยีสมัยใหม่เปิดตัวแว่นตารุ่นใหม่ในชื่อ Vuzix M100 ที่มีหน้าตา และฟังก์ชันละม้ายคล้ายคลึงกับแว่นตาในฝันของคนแถวนี้อย่าง Google Glass

สเปคของ Vuzix M100 ใช้ซีพียูความถี่ 1GHz มีกล้องวิดีโอความละเอียด 720p หน่วยความจำภายใน 4GB มี GPS และสามารถแสดงผลไปยังนัยน์ตาที่ความละเอียด WQVGA (ราวๆ 432x240 พิกเซล) โดยใช้ระบบปฏิบัติการเป็น Android 4.0 รุ่นปรับแต่ง สามารถลงแอพได้ แบตเตอรี่ใช้ได้ราว 8 ชั่วโมง

การใช้งานของ Vuzix M100 มันสามารถดูวิดีโอ ส่งข้อความ อีเมล และฟังวิทยุได้ โดยทำงานร่วมกับอุปกรณ์พกพาที่เชื่อมต่อกันอย่างสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต (ทั้ง Android และ iOS) แน่นอนว่าใช้เป็นแฮนฟรีได้ด้วย

หลายคนที่เคยเห็นหน้าจอ E Ink ของเครื่องอ่านอีบุ๊กทั้งหลาย อาจเคยคิดว่าถ้ามันรัน Android ได้ก็คงดี ล่าสุดเรามี "มือถือต้นแบบ" ที่ใช้หน้าจอ E Ink แล้วครับ

ผู้สร้างมือถือตัวนี้คือบริษัท Onyx Internation ผู้ผลิตเครื่องอ่านอีบุ๊กหลายรุ่น ได้ทดลองสร้างโทรศัพท์มือถือที่ใช้จอ E Ink และรันระบบปฏิบัติการ Android 2.3 Gingerbread แล้ว

แน่นอนว่าหน้าจอ E Ink ถึงแม้จะชัดเพียงใดแต่ก็มีปัญหาเรื่อง refresh rate หรือการวาดหน้าจอช้าเกินไป แต่อย่างน้อยๆ ข่าวนี้คงเป็นข่าวดีของคนที่ฝันเห็นสมาร์ทโฟนที่แบตเตอรี่อาจอยู่ได้นานหลายๆ วัน แม้ว่าในตอนนี้จะยังเป็นแค่จอขาวดำก็ตาม

โลจิเทคเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นรีโมทสำหรับอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง โดยให้ชื่อว่า **Harmony Touch** มาพร้อมหน้าจอสัมผัส ใช้งานควบคู่กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ถึง 15 เครื่องในเวลาเดียวกัน

ตัวรีโมทยังคงมีปุ่มกดคำสั่งต่างๆ พร้อมไฟ backlit หากแต่มีหน้าจอสัมผัสขนาด 2.4 นิ้ว มาทดแทนส่วนของปุ่มกดตัวเลขที่เราเห็นอยู่ในรีโมททั่วๆ ไป ซึ่งผู้ใช้สามารถสั่งงานได้โดยการ tap, swipe และ scroll

ฟังก์ชันการใช้งานของหน้าจอสามารถจดจำช่องรายการทีวีได้ 50 ช่อง ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับแต่งตำแหน่งไอคอนได้ตามความต้องการ และแน่นอนว่าสามารถเรียกแป้นกดตัวเลขขึ้นมาใช้งานแทนปุ่มจริงที่หายไปได้ด้วย

รีโมทสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์กว่า 225,000 รายการ จาก 5,000 ยี่ห้อ โดยสั่งงานผ่านสัญญาณอินฟราเรด

Wall Street Journal มีโอกาสได้ทดสอบ Google Glass รุ่นทดสอบกับ Sergey Brin ทำให้เรารู้ความสามารถของมันเพิ่มมาอีก 2 อย่าง

• สั่งงานด้วยเสียงได้ เช่น พูดว่า OK Glass แล้วบนจอภาพจะขึ้นไอคอนกล้องถ่ายภาพมาบอกว่าถ่ายเรียบร้อยแล้ว
• time-lapse ถ่ายภาพอัตโนมัติตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น ทุก 10 วินาที ตัวของ Brin บอกว่าฟีเจอร์นี้ช่วยให้เขาถ่ายภาพลูกๆ ได้โดยไม่ต้องพะวงถึงการหยิบสมาร์ทโฟนออกมาจากกระเป๋าอีกต่อไป

ซอฟต์แวร์ของ Google Glass ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี ยังขาดฟีเจอร์ที่เคยประกาศไว้อย่างระบบนำทาง การโทรศัพท์และส่งข้อความ เป็นต้น

นอกจากที่ Nokia เปิดตัว Nokia Lumia 820 และ 920 ที่สามารถชาร์จไร้สายได้ ล่าสุด Nokia ยังเปิดตัวหูฟัง Bluetooth ไร้สาย Nokia Luna รุ่นปรับปรุงใหม่ ที่สามารถชาร์จไร้สายได้เฉกเช่น Nokia Lumia รุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่น

โดยคุณสมบัติคร่าว ๆ ของหูฟัง Nokia Luna รุ่นนี้สามารถเชื่อมต่อผ่านทาง Bluetooth และ NFC (ไม่มีหัวเชื่อมต่อหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร) แบตเตอรี่ของหูฟังนี้สามารถสแตนด์บายได้ถึง 35 ชั่วโมง สนทนาได้ยาวถึง 8 ชั่วโมง และนอกจากชาร์จแบตเตอรี่ผ่านแท่นชาร์จไร้สายแล้ว ยังสามารถชาร์จผ่านสาย Micro USB ได้อีกด้วย แต่น่าเสียดายเล็กน้อยว่า Nokia ยังไม่มีการประกาศราคามาเลย

โครงการ Google Glass ที่ดูเงียบๆ ลงไปหลังงาน Google I/O กลับมาโชว์ตัวอีกครั้งแต่อยู่ในโลกของแฟชั่น! โดยกูเกิลจับมือกับแบรนด์เสื้อผ้า DVF ให้นางแบบใส่แว่นตา Google Glass ขึ้นเดินโชว์บนแคตวอล์ค (Segey Brin ก็ขึ้นไปเดินกับเขาด้วย)

ภาพที่ถ่ายด้วยกล้องจาก Google Glass ถูกโพสต์ขึ้นที่ Google+ ของ DVF (หรือแท็ก #DVFthroughGlass) และในวันที่ 13 กันยายน ทาง DVF จะนำวิดีโอจากงานมาตัดต่อเป็นหนังสั้นเผยแพร่อีกทีหนึ่งครับ

ที่มา - VentureBeat

ในงาน IFA 2012 ที่กรุงเบอร์ลินยังคงมีสินค้าเปิดตัวเรื่อย ๆ อย่างล่าสุดนี้ Nokia ประกาศจับมือกับ Monster Cable (ผู้ผลิต Beats by Dr.

Nokia ประกาศจับมือกับ JBL ผู้ผลิตลำโพงและอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงชื่อดังระดับโลก เปิดตัว Nokia PlayUp ลำโพงแบบไร้สาย พร้อมระบบเสียงแบบทรงพลังจาก JBL ในสีสันตามแบบฉบับ Nokia Lumia พร้อมรองรับการเชื่อมต่อแบบครบครันทั้ง NFC (ที่จะมาใน Lumia รุ่นหน้า), Bluetooth หรือช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร มีน้ำหนัก 760 กรัม และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง

นอกจากนี้ Nokia ยังเตรียมปล่อยแอพควบคุมลำโพงนี้สำหรับอุปกรณ์ Nokia Lumia ทั้งในปัจจุบันและอนาคต สนนราคาของลำโพงตัวนี้อยู่ที่ 149 ยูโร หรือประมาณ 6,000 บาท

เราเพิ่งเห็น COOLPIX S800c กล้องคอมแพคพลังแอนดรอยด์ตัวแรกจาก Nikon ไปไม่นานนี้ ล่าสุดมีข่าวลือจาก GSMArena ว่าซัมซุงเตรียมเปิดตัวกล้องพลังแอนดรอยด์ของตัวเองในชื่อ Galaxy S Camera

ตามข่าวบอกว่า Galaxy S Camera จะหน้าตาเหมือน Galaxy S III นำไปประกบติดกับกล้องถ่ายภาพ ความหนาประมาณ 1.5-2 เท่าของ S III รุ่นปกติ, ตัวเครื่องด้านหลังมีแต่จอไม่มีปุ่มจริงใดๆ ส่วนจอภาพมีขนาด 4.8" เป็นจอ Super AMOLED, เซ็นเซอร์กล้องขนาด 16MP ซูมได้ 10 เท่า, ระบบปฏิบัติการเป็น ICS และมีทั้งรุ่น Wi-Fi กับรุ่น 3G ให้เลือก (โทรออกไม่ได้)

คาดว่า Galaxy S Camera จะเปิดตัวในงาน IFA สิ้นเดือนนี้พร้อมกับ Galaxy Note 2

เมื่อเจ้าพ่อแห่งการจดโน้ตจากโลกออฟไลน์-ออนไลน์มาเจอกัน เลยได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นสินค้าแนวใหม่ที่น่าสนใจมาก

บริการจดโน้ตออนไลน์ Evernote ประกาศความร่วมมือกับบริษัทสมุดโน้ตชื่อดัง Moleskine ออกสมุดโน้ต Moleskine รุ่นพิเศษลาย Evernote ที่ทำได้มากกว่าจดโน้ตธรรมดา

สมุดโน้ตเล่มนี้ (ชื่ออย่างเป็นทางการคือ Evernote Smart Notebook) ใช้การตีเส้นด้วยลายจุดแบบพิเศษ ซึ่งเมื่อเราจดโน้ตและนำแอพ Evernote มาถ่ายหน้ากระดาษแล้ว แอพจะเช็คพิกัดจากจุดบนหน้ากระดาษเพื่อให้ได้ภาพที่ไม่เอียงหรือบิดเบี้ยว จากนั้นเราสามารถนำโน้ตไปเข้าฟีเจอร์ handwriting recognition เพื่อแปลงมันเป็นข้อความได้อีกต่อหนึ่ง

ถูกดัดแปลงต่อไปเรื่อยๆ กับเจ้าคอมพิวเตอร์จิ๋ว Raspberry Pi ที่ตอนนี้ถูกจับยัดลงในแบตเตอรี่กริปสำหรับกล้อง DSLR เสียแล้ว

ผลงานที่ว่าเป็นฝีมือของช่างภาพชื่อว่า David Hunt ที่ดัดแปลง Raspberry Pi ด้วยการยัดลงไปในกริปของ EOS 5D Mark II เท่านี้กริปกล้องก็กลายเป็นศูนย์รวมการเชื่อมต่อ ทั้งพอร์ต USB ช่องเสียบสายแลน HDMI และยังต่อ Wi-Fi ได้อีกด้วย

ในเบื้องต้น Hunt ทดลองต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต แล้วสตรีมภาพทันทีที่ถ่ายไปยัง iPad ที่รันแอพ ShutterSnitch ซึ่งก็ทำงานได้ดี แต่เขายังบอกว่ายังพอจะเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานที่น่าจะเป็นไปได้อีกหลายอย่าง ยกมาแค่คร่าวๆ ประมาณนี้ครับ

Little Printer เครื่องพิมพ์จิ๋วขนาดสี่นิ้วเศษๆ ที่สตูดิโอสัญชาติอังกฤษ BERG ใกล้ขายเต็มทีแล้ว หลังจากเพิ่งเปิดให้จองในวันนี้

สิ่งที่ เครื่องพิมพ์จิ๋วที่ว่าสามารถทำได้ในช่วงแรกคือสามารถสั่งพิมพ์ข่าวจากสำนักข่าว The Guardian พิมพ์นัดหมายประจำวัน ทวีตบน Twitter หรือแม้กระทั่งเช็คอินบน foursquare ซึ่งทั้งหมดทำผ่านระบบกลุ่มเมฆ BERG Cloud ที่เข้าถึงผ่านแอพมือถือ โดยทีมงานบอกว่ามี API สำหรับให้แอพอื่นมาใช้งานร่วมด้วย

ค่าตัวของ Little Printer อยู่ที่ 199 ปอนด์ และจะเริ่มส่งของในอีก 60 วัน ใครไม่เคยเห็นมาก่อนลองไปดูได้จาก BERG ครับ

หลังความสำเร็จของ Pebble นาฬิกาสำหรับซิงก์สมาร์ทโฟนที่ทำยอดไปได้มากถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับโปรเจคใน Kickstarter ก็เริ่มมีเจ้าอื่นออกมาทำตามบ้างแล้ว หนึ่งในโปรเจคที่น่าสนใจของ Kickstarter ตอนนี้คงหนีไม่พ้น MetaWatch STRATA ที่เพิ่งเปิดโปรเจคมาได้ไม่ถึงห้าวัน แต่มีผู้สนับสนุนไปเกือบ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว (จากเป้า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

ฟีเจอร์ของ MetaWatch STRATA ไม่ได้ต่างจาก Pebble นักคือสามารถซิงก์กับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth 4.0 ทั้งแอนดรอยด์ และ iOS เพื่อคุมเพลง ดูข้อความ สภาพอากาศ สถานะบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค ฯลฯ

Edited: เนื่องจากคุณ Ethaizone ทักท้วงมาว่าข่าวที่นำเสนอไปเนื้อความผิดพลาด หลังจากที่เราได้ตรวจสอบอีกรอบก็พบว่าผิดพลาดจริง (ตอนเขียนข่าวกำลังเบลอๆ เลยทำให้สำคัญในเนื้อความผิด) จึงข้อแก้เนื้อข่าวและหัวข่าวใหม่นะคะ

Pebble นาฬิกาสำหรับใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟน หนึ่งในโปรเจคที่มีคนสนับสนุนมากที่สุดในเว็บไซต์ KickStarter ซึ่งปีนี้เข้าร่วมงาน Google I/O 2012 ด้วย และได้ปล่อย SDK ตัวพรีวิวระหว่างงานมาแล้ว

ตัว SDK ที่ปล่อยมาครั้งนี้ยังใช้ได้กับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์เท่านั้น และยังไม่เรียบร้อยดี (document ยังทำไม่เสร็จเลย) ใครที่สนใจอยากทำแอพใช้งานร่วมกับ Pebble หรือลงเงินกับโปรเจคนี้ไว้ สามารถไปดูรายละเอียด, ลงชื่อรับข้อมูล SDK ตัวจริงได้จาก Pebble Developer ครับ

ที่มา - The Verge

นักวิจัยจาก Grenoble Institute of Technology กับ Paper Technical Centre ได้ร่วมกันคิดค้น wallpaper ติดผนังห้องที่สามารถป้องกันสัญญาณไวไฟไม่ให้ออกไปนอกบริเวณที่ติดเอาไว้ได้

ประโยชน์ของมันมีไว้สำหรับป้องกันสัญญาณไวไฟออกไปข้างนอกบริเวณที่กำหนด และสัญญาณไวไฟจากภายนอกจะไม่สามารถเข้ามายังบริเวณที่ติด wallpaper ตัวนี้ไว้ด้วย แต่ที่แตกต่างจากการป้องกันคลื่นวิทยุแบบ Faraday Cage คือ wallpaper ชนิดนี้จะทำการป้องกันเฉพาะสัญญาณไวไฟ และปล่อยให้คลื่นวิทยุอื่นๆ (เช่นคลื่นโทรศัพท์มือถือ) เข้ามาได้ปกติ

ตัวผลิตภัณฑ์จริงจะออกวางขายช่วงปี 2013 และจะมีราคาพอๆ กันกับ wallpaper คุณภาพปานกลาง (ต้นฉบับใช้คำว่า mid-range wallpaper)

Pebble นาฬิกาจออีเปเปอร์ที่ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน ประกาศปิดออเดอร์ชุดแรกอย่างเป็นทางการ ที่จำนวน 85,000 เรือน หลังจากที่มียอดผู้สนับสนุนโครงการใน Kickstarter ทะลุ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำลายทุกสถิติที่เคยมีมาในเว็บนี้ไปแล้ว

Pebble รุ่นขายจริงจะมีสเปค และฟีเจอร์ที่เหนือกว่ารุ่นที่เอามาโชว์ (เพราะได้รับเงินทุนล้นหลาม) อย่างแรกเลยคือกันน้ำดีพอจะใส่ไปว่ายน้ำได้ และรองรับแอพสำหรับออกกำลังกายตัวแรกอย่าง RunKeeper แล้ว ปิดท้ายด้วยเปลี่ยนสเปคบลูทูธจากเดิม 2.1 เป็น 4.0 ซึ่งจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ไปได้อีกเล็กน้อย และในอนาคตจะรองรับการเชื่อมต่อกับเซนเซอร์อื่นๆ (เช่นเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจ) แต่จะยังทำไม่เสร็จในตอนแรก จะใช้ได้หลังจากที่อัพเดตแล้ว (แน่นอนว่าฟรี)

ในยุคที่นาฬิกากลายเป็นเครื่องประดับ (เพราะเราดูเวลาผ่านมือถือกันหมดแล้ว!) ฟังก์ชันของนาฬิกาจึงต้องเพิ่มขึ้นเพื่อให้ใช้งานได้มากกว่าเดิม อย่างช่วงหลังมานี้จะเห็นนาฬิกาที่เชื่อมต่อกับมือถือเพื่อใช้งานฟังก์ชันของมือถือได้เปิดตัวมาเรื่อยๆ

Pebble ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มของนาฬิกาเหล่านั้น แถมยังเพิ่งเริ่มระดมทุนใน Kickstarter เมื่อวันที่ 11 เมษายนนี้เอง แต่ผ่านไปเพียงสองวันก็มีผู้สนับสนุนโครงการเกือบสองล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เข้าไปแล้ว

อะไรทำให้ Pebble เป็นที่สนใจขนาดนี้คงต้องดูวิดีโอแนะนำจากทีมผู้สร้างจากบริษัท Pebble Technology กัน

กูเกิลเพิ่งเปิดตัวแว่นตารุ่นต้นแบบของ Project Glass ไปได้ไม่นาน (ดูหน้าตาได้จากข่าวนี้) วันนี้ทาง Innovega เผยข้อมูลของอุปกรณ์ประเภทเดียวกันที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกัน คือใช้การแสดงผลแบบ HUD แต่เล็กยิ่งกว่า เพราะมันคือคอนแทคเลนส์ "iOptik"

iOptik คือคอนแทคเลนส์ที่ใช้เทคโนโลยี augmented reality ช่วยแสดงผลข้อมูลผ่านอินเทอร์เฟซแบบ HUD โดยตัวคอนแทคเลนส์แบ่งเป็นสามชั้นคือส่วนคอนแทคเลนส์ ส่วนฟิลเตอร์ด้านนอก และส่วนแสดงผลตรงกลาง

ก่อนหน้านี้มีข่าวเรื่องเคสใส่ไอโฟนที่รักษาตัวเองได้จากค่ายผู้ผลิตรถยนต์อย่าง Nissan ไปแล้ว เพื่อให้มันครบชุดไป วันนี้มารู้จักกับฟิล์มกันรอยที่รักษาตัวเองได้บ้าง

ฟิล์มที่ว่านี้เป็นผลงานของบริษัท Toray Advance Film ตั้งชื่อฟิล์มนี้ว่า "Self-cure Coat Film" (ความหมายก็ตรงตัวว่าฟิล์มที่รักษาตัวเองได้) โดยระบุว่าฟิล์มดังกล่าวหากว่ามีรอยขีดข่วนเกิดขึ้นจะสามารถหายไปได้ภายในเวลาเพียง 10 วินาที ณ อุณหภูมิห้อง แถมยังเริ่มขายในญี่ปุ่นแล้วทั้งสำหรับมือถือ แท็บเล็ต และโน๊ตบุ๊ก

ความลับของฟิล์มนี้คือการเพิ่มชั้นของฟิล์มเข้าไปอีกหนึ่งชั้น ด้วยวัสดุที่ทำมาจาก polyethylene terephthalate ทำให้ฟิล์มมีความยืนหยุ่น และเหนียวมาก แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถทนการกรีดจากมีดได้