ต่อเนื่องจากข่าวสวีเดนสั่งแบน Huawei และ ZTE ห้ามใช้อุปกรณ์ในเครือข่าย 5G ที่กำลังประมูล ล่าสุด Zhao Lijian โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาเรียกร้องแสดงความไม่เห็นด้วยท่าทีของสวีเดน พร้อมเรียกร้องสวีเดนยกเลิกคำสั่งแบน
Zhao บอกว่าสวีเดนควรแสดงจุดยืนที่เป็นธรรมและยืนอยู่บนฐานของความจริงมากกว่านี้ และแก้ไขการตัดสินใจที่ผิดพลาดทันที เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างจีน-สวีเดน รวมถึงหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทสวีเดนในจีนด้วย
สวีเดนเป็นประเทศล่าสุดที่ประกาศแบนอุปกรณ์เครือข่ายจาก Huawei และ ZTE แล้ว
คำสั่งแบนมาจาก Swedish Post and Telecom Authority (PTS) ซึ่งเปรียบได้กับ กสทช. ของสวีเดน ระบุว่าในการประมูลคลื่น 5G ย่าน 3.5GHz และ 2.3GHz ที่จะมีขึ้นในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ มีเงื่อนไขว่าโอเปอเรเตอร์ที่ประมูลชนะจะต้องไม่ใช้อุปกรณ์จาก Huawei หรือ ZTE ด้วย
ในกรณีที่โครงข่ายเดิมมีอุปกรณ์ของสองยี่ห้อนี้อยู่ จะอนุญาตให้ใช้ต่อได้จนถึง 1 มกราคม 2025 เป็นอย่างช้าที่สุด
หลัง ZTE เปิดตัว Axon 20 มือถือกล้องหน้าใต้จอรุ่นแรก ไปเมื่อ 2 กันยายนที่ผ่านมา วันนี้แอคเคาท์ทวิตเตอร์ @StationChat ได้ปล่อยภาพรายละเอียดบริเวณหน้าจอเพิ่มเติม เพื่ออธิบายว่า ZTE ใช้วิธีไหนในการซ่อนกล้อง
@StationChat รายงานว่าจำนวนเม็ดพิกเซลและความหนาแน่นของพิกเซลเหนือบริเวณกล้อง จะน้อยกว่าบริเวณอื่นบนหน้าจอ โดยอาจมีความละเอียดในระดับ 720p ในชณะที่หน้าจอโดยรวมอยู่ที่ระดับความละเอียด 1080p และเมื่อมีเม็ดพิกเซลน้อยกว่า ย่อมมีช่องว่างระหว่างเม็ดพิกเซลมากกว่า ในพื้นที่เท่ากัน
ZTE บริษัทที่เราน่าจะคุ้นเคยกันพอสมควร จากการเป็นยี่ห้อเร้าเตอร์ที่หลายๆ ค่ายในไทยใช้ แต่แบรนด์นี้ยังทำมือถือด้วย และล่าสุดหลังจากที่ Xiaomi ประกาศเตรียมทำมือถือกล้องใต้จอในปีหน้า ZTE ก็ตัดหน้า ชิงเปิดตัว ZTE Axon 20 5G มือถือกล้องใต้หน้าจอที่พร้อมเปิดขายให้คนทั่วไปเป็นรุ่นแรก
South China Morning Post รายงานอ้างอิงข้อมูลที่ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า รัฐบาลอินเดียเตรียมจะสั่งห้ามไม่ให้ผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศสั่งชิ้นส่วนอุปกรณ์ 5G จาก Huawei และ ZTE โดยเรื่องนี้จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการหลังนายกรัฐมนตรีลงนามในคำสั่งนี้
อินเดียกับจีนอาจกระทบกระทั่งกันบ้างตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ความสัมพันธ์ของสองประเทศนี้อยู่ในช่วงวิกฤติหลังการปะทะกันของทหารบริเวณพรมแดนประเทศในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน โดยก่อนหน้านี้บริษัทเทคของจีนก็ได้รับผลกระทบไปแล้วจากการแบนแอป 2 ระลอกรวมกันกว่า 100 แอป
ZTE เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Blade A3 Prime สมาร์ทโฟนราคาถูก แรมแค่ 2GB รัน Android 10 (ทำไมไม่ใช้ Android Go?) และที่สำคัญ สามารถถอดแบตเตอรี่ได้ สนนราคาอยู่ที่ 99 ดอลลาร์ (ประมาณ 3000 บาท) วางขายแล้วบน Visible
หลังจากมีข่าว LG ประกาศไม่เข้าร่วมงาน MWC 2020 เพราะกลัวพนักงานติดไวรัสโคโรนา ค่าย ZTE ที่มีข่าวออกมาว่าทยอยยกเลิกนัดหมายในงาน MWC ก็ออกมาแถลงการณ์ยืนยันว่า ยังเข้าร่วมงาน MWC ต่อไป
มาตรการด้านความปลอดภัยที่ ZTE ประกาศเพิ่มเติมคือ
ZTE ร่วมกับ China Telecom ในมณฑณเสฉวนแถลงความสำเร็จในการใช้งานโครงข่าย 5G ช่วยแพทย์วินิจฉัยอาการปอดบวมของผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ผ่านทางไกลเป็นครั้งแรก
ZTE บอกว่าใช้อุปกรณ์สถานีฐาน 5G ทั้งที่ตั้งภายนอกอาคารและภายในอาคารบนคลื่นความถี่ต่ำ เปลี่ยนโรงพยาบาล West China ของมหาวิทยาลัยเสฉวนให้กลายเป็นศูนย์กลางในการวินิจฉัยและให้คำแนะนำในการรักษา (central node) ให้กับโรงพยาบาล 27 แห่งที่มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในมณฑลเสฉวน ก่อนจะขยายไปยังเมืองอู่ฉั่น มณฑลหูเป่ย ที่อยู่ห่างออกไปราว 1,155 กิโลเมตรต่อไป
ที่มา - PR Newswire
Taiyo Yuden บริษัทผู้ผลิตตัวเก็บประจุในชิ้นส่วนสมาร์ทโฟนคาดการณ์ว่า ปีหน้าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจะสั่งซื้อชิ้นส่วนสำหรับสมาร์ทโฟน 5G มากขึ้น หลังบริษัทเริ่มได้รับคำสั่งซื้อชิ้นส่วนเพื่อใช้ในสถานีฐาน 5G จาก Huawei และ ZTE เพิ่มขึ้นแล้ว
นอกจากนี้ CEO ของ Taiyo Yuden คาดว่า Huawei จะขายสมาร์ทโฟน 5G ในประเทศจีนได้กว่า 100 ล้านเครื่อง และถ้า Apple เปิดตัว iPhone ที่รองรับ 5G อย่างที่คาดกัน บริษัทก็มีความสามารถในการผลิตชิ้นส่วนให้เพียงพอต่อความต้องการอยู่แล้ว
ที่มา: Bloomberg
ZTE เปิดตัวสมาร์ทโฟน Axon 10s Pro รุ่นอัพเดตสเปกจาก Axon 10 Pro เดิมที่ขายอยู่ในประเทศจีนตอนนี้ ใช้ดีไซน์เดิมแต่เปลี่ยนจากสีน้ำเงินเดิมเป็นสีดำ ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snaprdragon 865 รองรับโครงข่าย 5G, Wi-Fi 6, แรม LPDDR5, สตอเรจแบบ UFS3.0
ZTE Axon 10s Pro จะเริ่มขายในประเทศจีนช่วงไตรมาสแรกปี 2020 นี้ ยังไม่เผยราคาแต่คาดว่าจะไม่เกิน 3,000 หยวนหรือราว 13,000 บาท สเปกมีดังนี้:
เป็นประเด็นกันมายาวนานแล้วเมื่อการออกแบบสมาร์ทโฟนยุคนี้ เน้นเต็มจอไร้ขอบ แต่เนื่องจากกล้องหน้ายังจำเป็น ผลที่ได้ก็คือการตัดพื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับกล้องจนกลายเป็นติ่ง สำหรับข่าวนี้เป็นแนวทางแก้ปัญหาจาก ZTE
โดยเว็บไซต์ Notebook Italia เผยแพร่ภาพหลุดที่เป็นเรนเดอร์ของสมาร์ทโฟนตัวใหม่จาก ZTE รุ่น Axon S และ Axon V ซึ่งแม้จะไม่เปิดเผยรายละเอียดสเป็กฮาร์ดแวร์ แต่จากภาพก็ทำให้เห็นว่า ZTE ลองแก้ปัญหากล้องหน้าไม่ให้เกิดติ่งอย่างไร
นักวิจัยด้านสื่อมหาวิทยาลัยฮ่องกง ทำการวิจัยประเด็นที่มีการเซนเซอร์มากที่สุดบน WeChat ในปี 2018 คือ พบว่าในบรรดาเนื้อหาที่ถูกเซนเซอร์มีประเด็น ประเด็นสงครามการค้า จีน-สหรัฐฯ, การแบนอุปกรณ์ ZTE และการจับกุมซีเอฟโอหัวเว่ย รวมอยู่ด้วย
สำนักข่าวรอยเตอร์สอ้างแหล่งข่าวไม่ระบุชื่อ 3 แหล่ง ระบุว่าโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังออกคำสั่งฝ่ายบริหาร (executive order) ห้ามบริษัทเอกชนสหรัฐฯ ใช้อุปกรณ์เครือข่ายจาก Huawei และ ZTE
คาดว่าตัวคำสั่งจะไม่ได้ระบุชื่อบริษัททั้งสองลงไปตรงๆ แต่กำหนดเงื่อนไขของบริษัทให้ตรงกับบริษัททั้งสอง โดยแหล่งข่าวระบุว่าตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างร่างตัวข้อความในประกาศ
หากประกาศนี้เป็นจริง จะเป็นการยกระดับจากเมื่อเดือนสิงหาคม ที่มีการออกคำสั่งห้ามหน่วยงานรัฐใช้อุปกรณ์จากบริษัททั้งสองไปก่อนแล้ว
หลังรัฐบาล, กระทรวงกลาโหมสหรัฐ, กระทรวงกลาโหมออสเตรเลียและรัฐบาลนิวซีแลนด์สั่งแบนการใช้งานอุปกรณ์ของ Huawei และ ZTE ตามคำเตือนของหน่วยงานด้านความมั่นคงไปก่อนหน้านี้
ล่าสุดญี่ปุ่นกำลังจะเป็นอีกประเทศที่เดินตามรอยนี้ เมื่อ Reuters รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวไม่เปิดเผยว่ารัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเล็งจะแบนการใช้งาน Huawei และ ZTE ในภาครัฐเพื่อป้องกันข่าวกรองรั่วไหลและการโจมตีทางไซเบอร์ พร้อมใช้มาตรการด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมด้วย อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวของ Reuters บอกว่ารัฐบาลญี่ปุ่นไม่ได้ระบุชื่อ Huawei หรือ ZTE เป็นการเจาะจง
หลังมีประเด็นออกมาตั้งแต่ต้นปี ที่ FBI, CIA และ NSA ประสานเสียงกันเตือนชาวอเมริกันว่าอย่าใช้สินค้า ZTE และ Huawei ก่อนจะลามไปยังออสเตรเลียและกองทัพสหรัฐ ล่าสุดมาตรการนี้ออกมาเป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการแล้ว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เพิ่งจะลงนามในกฎหมาย Defense Authorization Act ซึ่งมีการพูดถึงการสั่งให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่ทำงานร่วมกับภาครัฐ ไม่ให้ใช้งานอุปกรณ์และบริการของ Huawei/ZTE ที่จำเป็นและสำคัญ (essential and critical) กับระบบที่หน่วยงานใช้งานอยู่ อย่างไรก็ตามอุปกรณ์บางชิ้นของสองแบรนด์นี้ยังคงอนุญาตให้ใช้งานตราบเท่าที่ตัวอุปกรณ์ ไม่สามารถเข้าถึงหรือดูข้อมูลได้
CNN รายงานว่าคณะกรรมการแห่งชาติของพรรคเดโมแครต (Democrat National Committee - DNC) ประกาศแจ้งเตือนทีมงานและสมาชิกพรรคเดโมแครต ไม่แนะนำให้ใช้งานสมาร์ทโฟนของ ZTE และ Huawei ไม่ว่าจะส่วนตัวหรือทำงาน
การเตือนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังคณะกรรมการ (DNC) ทราบเรื่องว่าทางพรรคมีการพิจารณาจะซื้อสมาร์ทโฟนจาก ZTE มาให้ทีมงานใช้งาน โดยประเด็นด้านความมั่นคงกับ ZTE และ Huawei เกิดขึ้นหลัง FBI, NSA, CIA ประสานเสียงกันออกมาเตือน
ที่มา - CNN
หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐบรรลุข้อตกลงกับ ZTE เพื่อยกเลิกแบน ซึ่ง ZTE ได้ปฏิบัติตามไปบ้างแล้ว เหลือเพียงรายละเอียดในการจ่ายค่าเงินประกัน 400 ล้านเหรียญ
ล่าสุดวันนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศว่าได้ลงนามในข้อตกลงนี้กับทาง ZTE เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงรอให้ทาง ZTE จ่ายเงินประกัน 400 ล้านเหรียญเท่านั้น สำนักงานด้านอุตสาหกรรมและความปลอดภัย (Bureau of Industry and Security - BIS) จะยกเลิกการแบนทันที และแทนที่ด้วยเงื่อนไขข้อตกลง
สืบเนื่องจากกรณีที่ ZTE บรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐเพื่อยกเลิกการแบน โดยมีเงื่อนไขคือจ่ายค่าปรับ 1 พันล้านเหรียญพร้อมเงินประกัน 400 ล้านเหรียญ และเปลี่ยนบอร์ดยกชุด ล่าสุดทาง ZTE ประกาศเปลี่ยนบอร์ดชุดใหม่แล้ว
เมื่อวันศุกร์ที่แล้วในการประชุมประจำปีของบริษัท ZTE ประกาศรายชื่อบอร์ดชุดใหม่ 8 คนนำโดย Li Zixue ที่ถูกเลือกให้เป็นประธานบอร์ด พร้อมด้วยด้วยทีมบริหารชุดใหม่ ขณะที่บอร์ดเก่าทั้งชุดและทีมผู้จัดการอาวุโสได้ยื่นใบลาออกในวันเดียวกัน
Wilbur Ross รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยว่าบรรลุข้อตกลงกับ ZTE เรื่องยกเลิกการแบนธุรกิจของ ZTE ในสหรัฐแล้ว
ภายใต้ข้อตกลงนี้ ZTE จะยอมเสียค่าปรับ 1 พันล้านดอลลาร์ และยอมให้ทีมตรวจสอบที่รัฐบาลสหรัฐเลือก เข้าไปเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของธุรกิจ (โดยที่ ZTE เป็นผู้จ่ายค่าจ้าง แต่สหรัฐเป็นฝ่ายเลือกคน) นอกจากนี้ ZTE จะต้องเปลี่ยนตัวบอร์ดบริหารและผู้บริหารเป็นชุดใหม่ภายใน 30 วัน
ZTE ยังจะต้องจ่ายเงินประกันอีก 400 ล้านดอลลาร์ เพื่อค้ำประกันว่าจะไม่ทำผิดซ้ำในอนาคต ถ้าหากมีปัญหาใดเกิดขึ้น รัฐบาลสหรัฐก็จะริบเงินประกันก้อนนี้ (รวมแล้วต้องจ่าย 1.4 พันล้านดอลลาร์)
จากกรณี สหรัฐแบน ZTE จนเกิดผลกระทบตามมามากมาย ทำให้ฝั่งจีนเริ่มตระหนักว่า ถ้าหากต้องพึ่งพาชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (โดยเฉพาะชิป) จากสหรัฐ จะมีความเสี่ยงหากโดนกีดกันทางการค้าในลักษณะนี้
Pony Ma หรือชื่อจีน Ma Huateng ซีอีโอของ Tencent บริษัทจีนที่มีมูลค่าสูงที่สุดในปัจจุบัน จึงออกมาประกาศว่าจะผลักดันวงการเซมิคอนดักเตอร์ของจีนให้ก้าวหน้าขึ้น เขาให้สัมภาษณ์ว่ากรณี ZTE ถือเป็นสัญญาณที่ทำให้คนจีนรู้ว่า ถึงแม้ระบบ mobile payment ของจีนจะโดดเด่น แต่ถ้าไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีชิป ไม่มีระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเอง ก็ไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
ต่อจากประเด็น Trump ประกาศจับมือประธานาธิบดีจีน แก้ปัญหา ZTE โดนแบน ล่าสุดประธานาธิบดี Trump ทวีตข้อความว่าเขาเจรจากับ ZTE เสร็จเรียบร้อยแล้ว
รายละเอียดของการเจรจาครั้งนี้ยังมีน้อย Trump บอกเพียงว่า ZTE จะกลับมาทำธุรกิจได้ แต่ต้องแลกกับการตรวจสอบด้านความมั่นคงที่เข้มข้นขึ้น, เปลี่ยนตัวผู้บริหารและบอร์ดบริหาร, จ่ายค่าปรับ 1.3 พันล้านดอลลาร์ และการันตีซื้อชิ้นส่วนจากสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนหนึ่งด้วย
ข้อมูลจาก Reuters ระบุว่าสหรัฐจะส่งเจ้าหน้าที่ด้าน compliance ไปนั่งที่ ZTE เพื่อตรวจสอบกระบวนการทางธุรกิจ ส่วนตัวเลขค่าปรับ 1.3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 900 ล้านดอลลาร์ที่ ZTE เคยตกลงจ่ายในช่วงก่อนหน้านี้
จากประเด็น สหรัฐแบนห้ามทำการค้ากับ ZTE ส่งผลกระทบต่อบริษัทเข้าเต็มๆ และถึงขั้นประธานาธิบดีสหรัฐ-จีน ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว
มีตัวเลขภายในของ ZTE หลุดออกมา บริษัทประเมินว่าความเสียหายครั้งนี้มีมูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านหยวน (ประมาณหนึ่งแสนล้านบาท) โดยมาจากลูกค้ากลุ่มโทรคมนาคมที่ยกเลิกสัญญา โรงงานและพนักงานประมาณ 75,000 คนที่ต้องอยู่เฉยๆ ไม่ได้ผลิตอะไร และค่าใช้จ่ายต่อวันประมาณ 80-100 ล้านหยวน (400-500 ล้านบาท)
ประเด็นเรื่องสหรัฐอเมริกาแบนห้ามทำการค้ากับ ZTE กลายเป็นวาระระดับโลกไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า เขากับประธานาธิบดี Xi Jinping ของจีน กำลังร่วมมือกันเพื่อให้ ZTE กลับมาทำธุรกิจได้โดยเร็ว
Trump ยังบอกว่าเขาได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ (Commerce Department) ไปจัดการเรื่องนี้แล้ว ที่น่าสนใจคือในทวีตของเขายังพูดว่าการแบน ZTE ส่งผลให้คนจำนวนมากในจีนต้องตกงาน ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์เรื่องการจ้างงานในสหรัฐ vs จีน ตามมาอีกด้วย
ผลกระทบจาก สหรัฐแบน ห้ามบริษัทอเมริกันค้าขายกับ ZTE ส่งผลต่อธุรกิจของ ZTE แล้ว โดยบริษัทเปิดเผยว่าหยุดการดำเนินการทางธุรกิจหลายอย่างชั่วคราว เช่น หยุดขายสินค้าออนไลน์ทั้งบนเว็บไซต์ของตัวเองและบนหน้าร้าน Taobao ของ Alibaba
ZTE บอกว่าบริษัทยังมีเงินสดในมือเหลือเฟือ และจะปฏิบัติตามกฎหมาย-กฎระเบียบอย่างเคร่งครัด รวมถึงกำลังเจรจากับรัฐบาลสหรัฐเพื่อให้ยกเลิกหรือแก้ไขคำสั่งแบนด้วย
ประเด็นเรื่องการแบน ZTE เป็นเรื่องที่รัฐบาลจีนให้ความสนใจ และหยิบมาหารือกับทูตพาณิชย์ของสหรัฐแล้ว
สืบเนื่องจากการเตือนของหน่วยงานด้านข่าวกรองและความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา ที่บอกคนอเมริกันว่าอย่าใช้สินค้าของ Huawei และ ZTE จนกระทรวงกลาโหมออสเตรเลียเตรียมจะเลิกใช้ Huawei และ ZTE ล่าสุดกระทรวงกลาโหมสหรัฐตามรอย สั่งให้กองทัพสหรัฐทั่วโลกเลิกใช้งานโทรศัพท์ของทั้งสองแบรนด์แล้ว