กูเกิลเตรียมเปิดศูนย์ข้อมูลในเอเชียเพิ่มเติม โดยศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์จะเสร็จสมบูรณ์ช่วงต้นปี 2013 นี้ ตามมาด้วยศูนย์ข้อมูลที่ไต้หวันในช่วงครึ่งหลังของปี และยังมีศูนย์ข้อมูลฮ่องกงตามมาอีกหนึ่งแห่ง (ยังไม่ระบุช่วงเวลา)
การเพิ่มศูนย์ข้อมูลในเอเชียรอบนี้ คาดว่าจะช่วยให้บริการของกูเกิลในภูมิภาคเร็วขึ้นอีกราว 30% (ตัวเลขประเมินของผู้เชี่ยวชาญภายนอก ไม่ใช่ของกูเกิลเอง)
กูเกิลเริ่มหาทำเลที่ตั้งศูนย์ข้อมูลในเอเชียมาตั้งแต่ปี 2007 โดยพิจารณาตัวเลือกหลายประเทศ (ไม่มีไทยอยู่ในรายชื่อ) แต่สุดท้ายแล้วเลือก 3 ประเทศดังกล่าว
Charlotte Observer รายงานว่า แอปเปิลเพิ่มเซลล์เชื้อเพลิง (fuel cell) ที่ใช้แก๊สชีวภาพ 100% ในศูนย์ข้อมูลที่ Maiden, North Carolina เป็น 10 เมกะวัตต์ จากเดิม 4.8 เมกะวัตต์ ที่เคยรายงานไปเมื่อต้นปี เนื่องจากแอปเปิลต้องการให้ศูนย์ข้อมูลนี้ผ่านมาตรฐาน LEED หรือมาตรฐานสิ่งปลูกสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระดับ Platinum (ข่าวเก่า)
Dell ยังไล่ล่าซื้อบริษัทซอฟต์แวร์องค์กรมาเสริมทัพต่อไป ล่าสุดประกาศซื้อ Gale Technologies บริษัทที่พัฒนาซอฟต์แวร์บริหารศูนย์ข้อมูล ให้งานบำรุงรักษาต่างๆ เป็นไปอย่างอัตโนมัติ
บริษัท Gale Technologies ก่อตั้งในปี 2008 และมีผลิตภัณฑ์หลัก 2 ตัวคือ GaleForce เครื่องมือบริหารศูนย์ข้อมูล และ Cloud Scheduler ช่วยให้แอดมินระบบบริหารอุปกรณ์เสมือนบนกลุ่มเมฆ
เทคโนโลยีของ Gale Technologies จะถูกผนวกเข้ากับบริการกลุ่ม Active Infrastructure ของ Dell
Cisco ออกรายงาน Cisco Global Cloud Index ประเมินสถานการณ์ของ "ข้อมูล" ที่ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกระหว่างปี 2011-2016
ตัวเลขของ Cisco ระบุว่า "ปริมาณ" ข้อมูลในศูนย์ข้อมูลจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีกเกือบ 4 เท่าตัว จาก 2.6ZB (1 ZB = 1 พันล้าน TB) ในปี 2012 เป็น 6.6ZB ในปี 2016 (อัตราเติบโตปีละ 31%)
ที่น่าสนใจคือ "ประเภท" ของข้อมูลในศูนย์ข้อมูลหนึ่งแห่ง ถูกส่งออกไปนอกศูนย์ข้อมูลเพียง 24% เท่านั้น โดย 76% ของข้อมูลทั้งหมดจะวิ่งวนอยู่ภายในศูนย์ข้อมูลเอง (ข้ามระหว่างเซิร์ฟเวอร์กัน) ส่วนตัวเลข 24% ก็ยังแบ่งเป็น 7% เป็นการส่งข้อมูลระหว่างศูนย์ข้อมูลคนละแห่ง (เช่น replication) เหลือเพียง 17% ที่ส่งข้อมูลไปยังผู้ใช้ที่ปลายทางจริงๆ
ข่าวบริษัทเว็บใหญ่ๆ เริ่มสั่งเครื่องรุ่นพิเศษจากผู้ผลิต เช่น Gigabyte หรือ Asus นั้นเป็นเรื่องที่รู้กันมานานแล้ว แต่อินเทลก็ออกมาเปิดเผยว่าในบรรดาบริษัทเหล่านั้น กูเกิลเป็นบริษัทที่แปลกกว่าบริษัทอื่นเพราะสั่งชิปตรงจากอินเทล แล้วประกอบเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดด้วยตัวเอง
ข่าวที่ว่ากูเกิลซื้อชิปตรงจากอินเทลเป็นข่าวมานาน แต่ทั้งหมดไม่มีการยืนยันจากทั้งสองบริษัท และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่อินเทลออกมายืนยันเอง
Diane Bryant ผู้จัดการฝ่ายกลุ่มธุรกิจศูนย์ข้อมูลของอินเทลระบุว่า กูเกิลเป็นผู้ให้บริการแบบกลุ่มเมฆรายเดียวที่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งเซิร์ฟเวอร์, สตอเรจ, และเครือข่ายด้วยตัวเอง โดย Mercury Research ประมาณว่ากูเกิลซื้อชิปสำหรับผลิตเซิร์ฟเวอร์ปีละ 1.6 ล้านตัวหรือ 10% ของตลาดรวม
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อปีที่แล้ว Facebook เปิดโครงการ Open Compute โดยเปิดเผยรายละเอียดทางวิศวกรรมในศูนย์ข้อมูลของตัวเองต่อบุคคลภายนอก
โครงการย่อยที่สำคัญอย่างหนึ่งของ Open Compute คือ Open Rack หรือการออกแบบแร็คเซิร์ฟเวอร์แบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพการทำงานสำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่มากขึ้น
แร็คเซิร์ฟเวอร์ในปัจจุบันมักพัฒนาจากมาตรฐาน EIA 310-D ที่ออกแบบมานานแล้ว ไม่สอดคล้องกับความต้องการของศูนย์ข้อมูลในยุคปัจจุบัน รวมถึงมาตรฐานบางอย่างไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน ทำให้แร็คข้ามยี่ห้อทำงานด้วยกันไม่ได้
Larry Ellison ซีอีโอแห่งออราเคิลขึ้นเวทีในงานสัมมนา D10 ของ All Things D โดยพูดถึงการซื้อซันเมื่อ 3 ปีก่อนว่าเป็นดีลที่สร้างกำไรให้กับออราเคิลมากที่สุดของบริษัท ถึงแม้นักวิเคราะห์จะมองว่ากลุ่มธุรกิจฮาร์ดแวร์ของออราเคิลยังดูไม่ค่อยดีเท่าใดนัก แต่เขายืนยันว่าในแง่ผลกำไรแล้วธุรกิจฮาร์ดแวร์ของออราเคิลนั้นสูงที่สุดในตลาด
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยสงสัยว่าอีเมลแต่ละฉบับมีการเดินทางอย่างไร ไม่ต้องรอรายการกบนอกกะลาพาไปหาคำตอบเพราะกูเกิลได้เผยเรื่องนี้แล้วใน Story of Send ซึ่งเป็นการนำเสนอข้อมูลของขั้นตอนการเดินทางอีเมลแต่ละฉบับในรูปแบบกราฟิกสวยงาม ตั้งแต่เริ่มกดปุ่มส่ง จนข้อมูลเคลื่อนย้ายผ่านศูนย์ข้อมูล มีการสแกนไวรัส และส่งไปถึงจุดหมาย
ถึงแม้หัวเรื่องจะว่าด้วยการเดินทางของอีเมลแต่ที่จริง Story of Send เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Google Green ที่กูเกิลต้องการตอกย้ำภาพการบริหารศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ของกูเกิลว่ามีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นพลังงานสะอาดในอัตราส่วนที่สูงมากกว่าศูนย์ข้อมูลของที่อื่น
กูเกิลประกาศศูนย์ข้อมูลหนึ่งแห่งในประเทศไต้หวัน โดยจะใช้เทคนิคการเก็บพลังงานความร้อนที่เรียกว่า Thermal Energy Storage
แนวคิดของ Thermal Energy Storage ไม่มีอะไรซับซ้อน หลักการคือค่าไฟของภาคอุตสาหกรรมในเวลากลางวันจะแพงกว่ากลางคืน ทำให้ศูนย์ข้อมูลลักษณะนี้จะเปิดแอร์เฉพาะตอนกลางคืนเพื่อประหยัดไฟ ส่วนกลางวันจะระบายความร้อนด้วยน้ำแข็งหรือสารทำความเย็นที่เป็นของเหลวแทน (ตอนกลางคืนก็จะนำสารเหล่านี้ไปแช่แข็งเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ในตอนกลางวันวันถัดไป)
ข้อมูลศูนย์ข้อมูลของกูเกิลนั้นเป็นความลับกันมานาน ตัวกูเกิลเองก็ปล่อยข้อมูลออกมาเรียกกระแสกันเป็นระยะๆ แต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีข้อมูลใหม่เพิ่มเข้ามาอีกสองอย่างนั่นคือกูเกิลใช้น้ำเสียระบายความร้อน และกูเกิลปิดไฟศูนย์ข้อมูลของตัวเองจนมืด
เรื่องการใช้น้ำเสียระบายความร้อนนั้นกูเกิลเป็นคนให้ข่าวกับทาง Wired เองว่ากำลังก่อสร้างศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ในรัฐจอร์เจียโดยทำงานร่วมกับโรงงานบำบัดน้ำเสียท้องถิ่นให้ส่งน้ำมายังกูเกิลแทนที่จะปล่อยกลับสู่แหล่งน้ำธรรมชาติเหมือนปรกติ กูเกิลระบุว่าเหตุผลสำคัญของการใช้น้ำเสียคือกูเกิลไม่อยากเบียดเบียนน้ำจืดสำหรับการบริโภคเพิ่มเติม แต่การใช้น้ำเสียก็น่าจะลดค่าใช้จ่ายให้กับกูเกิลในระยะยาวได้ด้วย
แอปเปิลเพิ่มเติมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานทดแทนที่ศูนย์ข้อมูลของตนเองในรัฐนอร์ทแคโรไลนาบนเว็บไซต์ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมของตนเอง ซึ่งในรายงานล่าสุดกล่าวถึงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 100 เอเคอร์ (ประมาณ 250 ไร่) ซึ่งสามารถผลิตพลังงานได้ทั้งสิ้น 42 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นโรงงานไฟฟ้าส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา
สำนักข่าว Fox News ของสหรัฐรายงานข่าววงในจากแหล่งข่าวหลายสายที่พูดตรงกันว่า นักลงทุนผู้อยู่เบื้องหลัง Wikileaks และ Julian Assange กำลังเริ่มย้ายเซิร์ฟเวอร์ไปยังน่านน้ำสากล เพื่อไม่ให้อยู่ใต้เขตกฎหมายของประเทศใดๆ
ตามกฎหมายระหว่างประเทศในปัจจุบัน เขตน่านน้ำสากลจะใช้กฎหมายพาณิชย์นาวี (maritime law) ซึ่งไม่มีอำนาจฟ้องร้องหรือดำเนินคดี
แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะช่วงหลังสงครามโลกก็มีชาวอังกฤษกลุ่มหนึ่งไปตั้งถิ่นฐานบนป้อมปืนในทะเลเหนือ นอกชายฝั่งอังกฤษ และประกาศตัวเป็นเอกราชในชื่อประเทศ Sealand ถึงแม้จะไม่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ แต่ศาลอังกฤษก็เคยตัดสินว่าไม่มีอำนาจทางกฎหมายต่อ Sealand เพราะอยู่นอกอาณาเขตของอังกฤษ
กลุ่มนักวิจัยจากไมโครซอฟท์และมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเสนอแนวคิดในการติดตั้งศูนย์ข้อมูลไว้ในบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ในเมืองหนาว เพื่อให้ความอบอุ่นภายในบ้าน แนวคิดดังกล่าวเกิดจากข้อเท็จจริงที่ว่า ศูนย์ข้อมูลปลดปล่อยความร้อนออกมาเป็นปกติอยู่แล้ว และเพื่อไม่ให้ความร้อนเหล่านั้นสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ นักวิจัยจึงเสนอให้นำความร้อนดังกล่าวมาใช้ทดแทนฮีตเตอร์หรือเครื่องทำความร้อน
มีข่าวลือมาตั้งแต่ต้นปีแล้วว่าเฟซบุ๊กจะขยายศูนย์ข้อมูลเพิ่มนอกสหรัฐฯ ล่าสุดเฟซบุ๊กออกมายืนยันแล้วว่าแผนดังกล่าวเป็นเรื่องจริง สถานที่คือเมือง Luleå ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศสวีเดน โดยศูนย์ข้อมูลแห่งนี้จะกลายเป็นศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป สามารถรองรับผู้ใช้งานได้ถึง 800 ล้านคน
Tom Furlong ผู้อำนวยการส่วนการดำเนินงานเว็บไซต์เฟซบุ๊กให้สัมภาษณ์กับนักข่าว Reuters ถึงเหตุผลที่เลือกเมือง Luleå เป็นที่ตั้งของศูนย์ข้อมูลว่าเป็นเมืองที่มีภูมิอากาศที่ดี (ใกล้กับมหาสมุทรอาร์กติก) และใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างพลังงานน้ำ และมีแรงงานที่พร้อมเพรียง
มีรายงานว่าแอปเปิลกำลังสร้างฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อจ่ายพลังงานให้กับศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์ที่เตรียมไว้สำหรับ iCloud ในรัฐ North Carolina กินพื้นที่ประมาณ 171 เอเคอร์ (ประมาณ 0.7 ตารางกิโลเมตร หรือ 432 ไร่) โดยจะตั้งอยู่บนที่ดินฝั่งตรงข้ามถนนกับตัวศูนย์ข้อมูล
ก่อนหน้านี้กรีนพีซรายงานว่าศูนย์ข้อมูลของแอปเปิลใช้พลังงานสะอาดเพียง 6% น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทที่มีศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่อื่นอย่าง Google, Facebook, Amazon, Yahoo ที่ต่างเลือกที่จะใช้พลังงานสะอาดอยู่ก่อนแล้ว
Cisco เคยเปิดเผยศูนย์ข้อมูลเคลื่อนที่ไปแล้ว [ข่าวเก่า] ในสัปดาห์นี้ ถึงคราว HP ประกาศส่งมอบศูนย์ข้อมูลเคลื่อนที่ของ HP ให้กับบริษัทแอร์บัส และ HP ยังกล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลนี้เป็นศูนย์ข้อมูลเพื่อการประมวลผลสมรรถนะสูงเชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และให้พลังประมวลผลรวดเร็วอันดับที่ 29 ของโลกที่จัดโดย TOP500 ครั้งล่าสุดอีกด้วย
กูเกิลประกาศวันนี้ว่าบริษัทมีแผนจะสร้างศูนย์ข้อมูลในทวีปเอเชียเป็นครั้งแรก โดยมาทีเดียว 3 ประเทศเลย ประกอบด้วยสิงคโปร์ ฮ่องกง และไต้หวัน ซึ่งกูเกิลได้ซื้อที่ดินในประเทศดังกล่าวเอาไว้แล้ว
กูเกิลกล่าวว่าอัตราการเพิ่มของผู้ใช้งานที่มาจากฝั่งเอเชียนั้นเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าทวีปอื่นในโลก จึงจำเป็นต้องวางศูนย์ข้อมูลเพิ่มเติมในบริเวณดังกล่าวเพื่อรองรับการใช้งาน กูเกิลคาดว่าวงเงินที่ใช้ในการก่อสร้างจะอยู่ราว 200 ล้านดอลลาร์ ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 1-2 ปี
ที่มา: The Wall Street Journal
ทุกวันนี้คงไม่มีใครปฏิเสธแล้วว่า "ศูนย์ข้อมูล" (data center) ต้องใช้พลังงานเยอะมาก และบริษัทส่วนมากก็ไม่ค่อยเปิดเผยว่าศูนย์ข้อมูลของตัวเองใช้ไฟเท่าไร ซึ่งรวมถึงกูเกิลในฐานะเจ้าพ่อแห่งศูนย์ข้อมูลด้วย
แต่คราวนี้กูเกิลกลับลำ ออกมาเปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานของตัวเองแล้ว
ข้อมูลของกูเกิลน่าตกใจไม่น้อย เพราะในปี 2010 ศูนย์ข้อมูลทั้งหมดของกูเกิลใช้ไฟฟ้ารวมกัน 260 เมกะวัตต์ชั่วโมงตลอดปี ตัวเลขนี้มากแค่ไหน? เท่ากับ 1/4 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หนึ่งโรง
จากข่าวก่อนหน้านี้ว่าบริการบนกลุ่มเมฆของแอปเปิลที่ชื่อ iCloud น่าจะทำงานอยู่บน AWS ของอเมซอนและ Azure ของไมโครซอฟท์จริง ก็เกิดคำถามว่าแล้วตกลงศูนย์ข้อมูลขนาดมหึมาที่แอปเปิลลงทุนสร้างด้วยเงินเป็นพันล้านดอลลาร์ ซึ่งสตีฟ จ็อบส์เองได้
นี่เป็นเทคนิคทางวิศวกรรมอีกอย่างหนึ่งที่วิศวกรของ Facebook เปิดเผยผ่านโครงการ Open Compute เปิดเผยรายละเอียดศูนย์ข้อมูลประสิทธิภาพสูง
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมีความสนใจที่จะสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วประเทศไทย เพื่อที่จะรองรับการใช้งานบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด ในการเปิดใ้ห้ประชาชนใช้บริการ e-Services ต่าง ๆ ของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่เสียที โดยก่อนหน้านี้ผู้ที่ริเริ่มไอเดียบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดขึ้นมาก็คืออดีตนายกทักษิณ ชินวัตรนั่นเอง
นอกจากเรื่องการเปิดดาต้าเซ็นเตอร์แล้ว รัฐบาลยังต้องการเริ่มโครงการทางด้าน ICT ต่าง ๆ อีกมากมาย ที่นอกเหนือไปจากนโยบายที่ได้เปิดเผยมาก่อนหน้านี้แล้วอย่างเช่น One Tablet Per Child (OTPC) หรือ Wi-Fi สาธารณะทั่วประเทศ
จากที่ทราบกันไปแล้วว่า Facebook สร้างศูนย์ข้อมูลขนาดยักษ์ของตัวเองขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว และสร้างเสร็จแล้วในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
ในช่วงเดือนที่ผ่านมา (มิ.ย. 2554) Facebook ก็ได้ฤกษ์ถ่ายโอนข้อมูลขนาดมหึมาของตนเองบนเฟรมเวิร์ค Hadoop จากระบบเดิมสู่ระบบใหม่ และเปิดใช้งานระบบจากศูนย์ข้อมูลใหม่อย่างเป็นทางการ
เมื่อสองสามปีก่อนการออกแบบศูนย์ข้อมูลของบริษัทใหญ่ๆ เช่นกูเกิล, อเมซอน, และเฟชบุ๊กนั้นเป็นความลับระดับสุดยอดที่เราได้เพียงเห็นภาพมุมแคบๆ นานๆ ครั้งเท่านั้น แต่ช่วงหลังๆ ข้อมูลเหล่านี้กลับเป็นเครื่องมือชั่นดีสำหรับการโปรโมทบริษัท เราก็เริ่มจะเห็นบริษัทต่างๆ เปิดเผยข้อมูลออกมา และตอนนี้ก็ถึงคิวของอเมซอนบ้างแล้ว
งานนี้ James Hamilton อดีตวิศวกรของ Microsoft Research ที่ย้ายงานมาอเมซอนได้นำเสนอข้อมูลว่าศูนย์ข้อมูลของ Amazon Web Services (AWS) นั้นกำลังเติบโตเร็วมาก โดยทุกๆ วันจะมีการเพิ่มกำลังประมวลผลพอที่จะรองรับงานของเว็บอเมซอนเองในช่วง 5 ปีแรกได้สบายๆ โดยในช่่วง 5 ปีแรกของอเมซอนนั้นตัวอเมซอนเองก็เป็นเว็บขายของออนไลน์ที่มียอดขาย 2,760 ล้านดอลลาร์เข้าไปแล้ว