หลังจากประสบปัญหามากมายกับแพลตฟอร์มโฆษณา iAd ล่าสุดแอปเปิลแก้เกมโดยการลดราคาขั้นต่ำของแคมเปญโฆษณาบน iAd ลงมา จากเดิมที่ 1 ล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 500,000 ดอลลาร์แล้ว

การลดราคาครั้งนี้น่าจะช่วยให้แบรนด์ขนาดรองลงมาตัดสินใจลงโฆษณากับ iAd ได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้แคมเปญโฆษณาล็อตแรกของ iAd (1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป) ได้หมดอายุลง แอปเปิลจึงลดราคาได้สะดวกใจกว่าเดิม

ที่มา - AllThingsD

แพลตฟอร์มโฆษณา iAd ของแอปเปิลมีข่าวด้านลบออกมาตลอด (ดูข่าวเก่า วงการโฆษณายากกว่าที่คิด iAd ยังไม่เดินหน้าอย่างที่แอปเปิลหวัง และ Adidas ถอนตัวจาก iAd เหตุเพราะแอปเปิลคุมเข้มเกินไป) ล่าสุดสถานการณ์ก็ดูแย่ลงกว่าเดิมเสียอีก

เว็บไซต์ TechCrunch อ้างแหล่งข้อมูลในวงการโฆษณา บอกว่าอัตราการลงโฆษณาบน iAd ร่วงลงอย่างหนักตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมา อัตราการลงโฆษณาต่อสล็อตว่าง (fill rate) ลดลงจาก 18% ลงมาเหลือ 6% ในขณะที่คู่แข่งของโฆษณาบนมือถือมีอัตราลงโฆษณาเกือบเต็ม

ในการแข่งขัน Super Bowl ที่เพิ่งจบไปช่วงเช้าวันนี้ บริษัทไฮเทคต่างหันมาลงโฆษณาระหว่างการแข่งขันเยอะมาก (ค่าโฆษณาก็ไม่ใช่ถูกๆ)

นอกจาก Motorola XOOM กับ Xperia Play ที่ลงเป็นข่าวไปแล้ว ก็ยังมีนิตสารภาคแท็บเล็ต The Daily ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่, Chatter บริการสนทนาออนไลน์ของ Salesforce.com ที่ได้ Will.i.am มาเป็นพรีเซนเตอร์ และอีกชุดที่น่าสนใจคือการลงโฆษณาของ Groupon กับ LivingSocial ซึ่งเป็นคู่แข่งกันโดยตรงในตลาด social commerce ที่กำลังร้อนแรง

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Motorola ปล่อยทีเซอร์ของโฆษณาแท็บเล็ต XOOM ที่เปรียบเทียบปี 1984 กับปี 2011 มาให้ดูเรียกน้ำย่อย วันนี้โฆษณาแบบเต็มๆ เปิดตัวในการแข่งขัน Super Bowl นัดชิงชนะเลิศ

โฆษณานี้มีความยาว 1 นาที เป็นเรื่องของพนักงานหนุ่มที่อาศัยอยู่ใน "โลกไร้จิตใจ" เลียนแบบนิยายเรื่อง 1984 ซึ่งประชากรในโลกนี้ใส่หูฟังสีขาว พนักงานคนนี้ใช้แท็บเล็ต XOOM ที่ทำอะไรได้มากกว่า (เช่น ถ่ายภาพ และ Google Maps 5.0) จนเปลี่ยนใจของสาวคนหนึ่งได้

ที่มา - Electronista

เมื่อปีที่แล้ว กูเกิลได้เพิ่มฟีเจอร์ลงในแพลตฟอร์มโฆษณา AdWords ชื่อ Click-to-Call หรือการลงหมายเลขโทรศัพท์ไว้ในโฆษณา ซึ่งผู้ที่ค้นข้อมูลผ่านมือถือและเห็นโฆษณาเหล่านี้ สามารถกดโทรออกไปยังเบอร์นั้นได้ทันที

ปรากฎว่าโฆษณาลักษณะนี้ได้รับความนิยมมาก Jonathan Rosenberg ผู้บริหารของกูเกิลบอกว่ามีคนโทรศัพท์จากโฆษณาเหล่านี้เป็นหลักล้านครั้งต่อเดือน แม้กูเกิลจะไม่ยอมบอกรายละเอียดมากกว่านี้ แต่ก็บอกว่าส่วนมากมาจากสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะอเมริกาเหนือ ยุโรป และญี่ปุ่น

Facebook เตรียมนำกิจกรรมของผู้ใช้ไปทำเป็นโฆษณาแบบเรื่องเล่าที่เรียกว่า Sponsored Story

สถานการณ์ตัวอย่างที่ Facebook ยกมาคือ ผู้ใช้ A "เช็คอิน" ที่ร้าน Starbucks ด้วยบริการ Facebook Places จากนั้น Starbucks สามารถนำ "สถานะ" ของผู้ใช้ A อันนี้ ไปโฆษณาให้ผู้ใช้ B ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ใช้ A ได้ (ดูภาพประกอบเข้าใจง่ายกว่าครับ) พูดง่ายๆ ว่าอนุญาตให้บริษัท ร้านค้า แบรนด์ต่างๆ นำข้อมูลสถานะไปทำโฆษณานั่นเอง

แผนการนี้ก่อให้เกิดประเด็นถกเถียงเรื่องความเป็นส่วนตัวอย่างมาก ที่สำคัญถ้าหากผู้ใช้ต้องการ "ปิด" ไม่ให้นำสถานะของตัวเองไปโฆษณา (opt-out) กลับไม่สามารถทำได้

หลังจากปล่อยให้ทาง Verizon เริ่มโฆษณา iPhone 4 ไปบ้างแล้วตอนแถลงเปิดตัว ตอนนี้ทางแอปเปิลเองก็ปล่อยโฆษณาชิ้นใหม่ของ iPhone 4 เพื่อโปรโมตบ้างแล้วครับ

โฆษณาดังกล่าว (ดูได้ท้ายข่าว) แสดงถึงการใช้งานของ iPhone ทั้งสองระบบในสหรัฐฯ (GSM ผ่าน AT&T และ CDMA ผ่าน Verizon) นั้นเหมือนกันทุกประการ และยังสามารถใช้ FaceTime ร่วมกันได้อีก โฆษณาจบลงด้วยคำว่า "Two is better than one" ครับ

ผลสำรวจจากบริษัท Knowledge Networks ระบุว่าผู้ใช้ iPad จำนวน 86% ตอบว่ายินดีจะ "ดูโฆษณา" เพื่อแลกกับการเข้าถึงเนื้อหาต่างๆ แบบไม่ต้องเสียเงิน

ผู้ใช้ 13% ตอบว่ายินดีจะเสียเงินเพื่อดูรายการทีวีหรืออ่านนิตยสารที่ตัวเองมีอยู่แล้วบนสื่ออื่น และราคาที่ยินดีจ่ายอยู่ที่ 2.60 ดอลลาร์ต่อเนื้อหาหนึ่งชิ้น

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่าจำนวนแอพเฉลี่ยที่ผู้ใช้ดาวน์โหลดมาคือ 24 ตัว ซึ่งเป็นแอพแบบเสียเงิน 6 ตัว

ที่มา - Mobile Marketing Watch

แม้ว่าแอปเปิลจะยังไม่ประสบความสำเร็จกับ iAd มากนัก แต่แนวทางโฆษณามัลติมีเดียเต็มรูปแบบของ iAd ก็น่าสนใจ และล่าสุด iAd ชิ้นแรกบน iPad จะถูกปล่อยออกมาแล้ว

เจ้าของโฆษณาชิ้นนี้คือดิสนีย์ ซึ่งต้องการโปรโมทภาพยนตร์เรื่อง Tron: Legacy ที่จะเข้าโรงเร็วๆ นี้ โฆษณาชิ้นนี้จะมีทั้งภาพยนตร์ตัวอย่างยาว 10 นาที, ภาพจากภาพยนตร์, โปรแกรมช่วยหาโรงใกล้บ้านพร้อมรอบฉาย, ตัวอย่างเพลงประกอบภาพยนตร์พร้อมลิงก์เพื่อซื้อเพลงจาก iTunes Store

ในอนาคตโฆษณา iAd บน iPad จะใช้ฟอร์แมตลักษณะนี้ และเริ่มขยายไปยังผลิตภัณฑ์อื่นๆ ช่วงต้นปีหน้า

ที่มา - AdAge

ทวิตเตอร์ได้เริ่มระบบโฆษณาแบบ "Promoted Tweet" มาได้พักนึงแล้วโดยโฆษณาประเภทนี้จะไปปรากฏตาม trending topics หรือ ผลการค้นหาตามคีย์เวิร์ดคำนั้นๆ

ในช่วงวัน Black Friday ถึงวัน Cyber Monday ซึ่งเป็นเทศกาลช้อปปิ้งของฝรั่ง เอชพีได้ซื้อโฆษณา Promoted Tweet เพื่อโปรโมทสินค้าของตนเอง แต่ที่เป็นข่าวก็คือทางเอชพีได้ซื้อโฆษณาในแท็ก #Apple หมายความว่าเวลาใครกดเข้าไปติดตามแท็กนี้ก็จะเจอโฆษณาสินค้าของเอชพี (ดูรูปหลังเบรก)

และนอกเหนือจากแท็ก #Apple แล้วยังมีคนไปพบโฆษณาของเอชพี ในแท็ก #mac และ #macbook อีกด้วย

ไมโครซอฟท์ออกโฆษณาใหม่ของ Windows 7 + Windows Live โดยเน้นประเด็นเรื่อง "ทัศนคติ" (perspective)

ถ้าเล่ามากกว่านี้จะถือว่าสปอยล์ โฆษณานี้ต้องดูวิดีโอด้วยตัวเองครับ

ที่มา - Winrumors

หลายคนคงรู้จักกับ Google Goggles โปรแกรมบนมือถือของกูเกิลที่ใช้ถ่ายรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อค้นหาข้อมูลของผลิตภัณฑ์นั้นๆ บนอินเทอร์เน็ต โดยใช้เทคโนโลยีด้านการประมวลผลภาพของกูเกิลเข้าช่วย

ตอนนี้กูเกิลกำลังพัฒนา Goggles ไปอีกขั้น โดยจับมือกับบริษัทในอเมริกา 5 รายคือ Buick, Disney, Diageo, T-Mobile และ Delta Airlines

บริษัททั้งห้ารายจะประสานงานกับกูเกิล ในการส่งภาพโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ (เช่น หนังสือพิมพ์หรือโปสเตอร์หนัง) ให้กับกูเกิล และถ้าใช้ Goggles ถ่ายภาพโฆษณาเหล่านี้ จะได้ผลลัพธ์เป็นการโฆษณาตามที่บริษัทเหล่านี้ระบุทันที เช่น ถ้าใช้ Goggles ถ่ายโปสเตอร์หนังของ Disney ผู้ใช้จะถูกถามว่าต้องการดูตัวอย่างหนังเรื่องนั้นๆ หรือไม่

เครือข่าย T-Mobile ในสหรัฐออกวิดีโอโฆษณาของมือถือ T-Mobile MyTouch 4G โดยเลียนแบบโฆษณาชุด Get a Mac ของแอปเปิล

โฆษณาชุดนี้เป็นการสนทนากันระหว่าง "สาว MyTouch" กับ "หนุ่ม iPhone 4" โดยที่หนุ่ม iPhone 4 นั้นมีเครือข่าย AT&T เป็นภาระแบกมาด้วย ก่อนจะปิดท้ายว่า MyTouch 4G สามารถสนทนาแบบเห็นหน้าได้บนเครือข่าย 4G ของ T-Mobile ในขณะที่ iPhone 4 คุย FaceTime ได้แต่ผ่าน Wi-Fi เท่านั้น

ที่มา - TechCrunch

หลังจากที่บริษัท HP ได้เปิดตัวมือถือสมาร์ทโฟนตัวใหม่ที่ชื่อ Palm Pre 2 ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ webOS 2.0 ไปเมื่อไม่นานนี้ ได้มีการเปลี่ยนโลโก้เป็น HP Palm กับคำโฆษณาเป็น "Faster, smarter and tons of fun." และเพิ่งได้เปิดตัวโฆษณาอย่างเป็นทางการ สามารถดูโฆษณาได้ที่ท้ายข่าว

ได้มีข่าวลือว่า HP ได้เริ่มสั่งการผลิตอุปกรณ์ทำอะไรบางอย่างที่ใช้งาน webOS จำนวน 5 ถึง 6 โครงการกับบริษัท Foxconn (เป็นโรงงานรับจ้างผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากเมืองจีน) ซึ่งจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากสมาร์ทโฟนและอาจจะมีแท็บเล็ตที่ใช้ webOS อยู่ในนั้นก็เป็นได้

Twitter เริ่มโฆษณาผ่าน Promoted Tweet ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ตอนแรกมันยังถูกจำกัดอยู่ที่ Trending Topics และผลการค้นหาเท่านั้น แต่วันนี้ Twitter เริ่มทดลองแสดงมันบน timeline ของผู้ใช้แล้ว

ตอนนี้ทุกอย่างยังอยู่ในขั้นทดลอง โดย Twitter จับมือกับโปรแกรม HootSuite ลองแสดง Promoted Tweet ในโปรแกรม HootSuite เพียงอย่างเดียว ผู้ใช้จะเห็นโฆษณาตามความสนใจที่ทวีตออกมาเท่านั้น ทั้ง Twitter และ HootSuite สัญญาว่าจะไม่สร้างความรำคาญให้ผู้ใช้ ถ้าผู้ใช้คนไหนเห็นโฆษณาบ่อยๆ แต่ไม่สนใจ ความถี่ในการแสดงโฆษณาจะลดลงเอง

หน้าเว็บแบบใหม่ของ Twitter (ที่เราเรียกกันว่า #newtwitter) มีฟีเจอร์พรีวิวรูปภาพจากบริการฝากภาพต่างๆ เช่น Twitpic, Tweetphoto โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องกดลิงก์เพื่อเข้าไปดูภาพ แต่มันยังไม่สามารถพรีวิวลิงก์ที่ไม่ใช่รูปภาพได้ในขณะนี้

ล่าสุด Twitter ได้เพิ่ม "widget" สำหรับแสดงข้อมูลต่างๆ เข้าไปในพื้นที่บริเวณนี้ (ซึ่งจะเป็นพื้นที่ทำเงินของบริษัทต่อไปในอนาคต) โดย widget อันแรกเป็น widget เพื่อการกุศลจากองค์กร Kiva ซึ่งเป็นตัวกลางระหว่างผู้กู้เงินในประเทศกำลังพัฒนา กับผู้ให้กู้ในประเทศพัฒนาแล้ว

บริษัทโฆษณาบนมือถือ Millennial Media เผยสถิติการโฆษณาบนมือถือประจำเดือนกันยายน (ดูสถิติของเดือนสิงหาคม สถิติโฆษณาชี้ Android โต 996% เมื่อเทียบกับต้นปี 2010)

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในเดือนนี้คือส่วนแบ่งของ Android (ในแง่รายได้เป็นจำนวนเงิน) แซงหน้า iPhone ไปแล้ว ทาง Millennial Media คาดว่าคงมีวันนี้ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกับ iOS ในภาพรวม (บวก iPod/iPad ด้วย) Android ยังเป็นรอง (46% เทียบกับ 29% ถ้าวัดตาม impression) ทาง Millennial Media ประเมินว่าถ้าแท็บเล็ต Android ออกสู่ตลาด สถานการณ์อาจเปลี่ยนไป ตัวเลขของ Android เติบโตขึ้น 26% จากเดือนก่อน และ 1,283% เมื่อเทียบกับต้นปี

เมื่อปี 2006 ไมโครซอฟท์ได้ซื้อบริษัทโฆษณาภายในตัวเกมชื่อ Massive ด้วยมูลค่าที่คาดว่าประมาณ 200-400 ล้านดอลลาร์

ปรากฎว่าผ่านมา 4 ปี Massive กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่คาด เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะอดีตลูกค้าของ Massive อย่าง EA หันมาทำระบบโฆษณาเอง ทำให้ Massive ขาดรายได้สำคัญไป และทีมงานของ Massive ไม่สามารถผนึกรวมเทคโนโลยีของตัวเองเข้ากับ Xbox Live ได้

ตอนนี้มีข่าววงในรายงานว่าไมโครซอฟท์กำลังหาผู้ซื้อ Massive มาได้สักระยะ ส่วน JJ Richards ผู้จัดการทั่วไปของ Massive กำลังหางานใหม่ และพนักงานบางส่วนของ Massive ถูกโยกไปทำอย่างอื่นแทนแล้ว

เมื่อเดือนมิถุนายน Twitter เริ่มโฆษณาผ่าน Promoted Tweet ซึ่งมีข้อมูลว่าราคา "เริ่มต้น" ที่ 100,000 ดอลลาร์ต่อทวีต

ล่าสุด Twitter พัฒนาวิธีโฆษณามาอีกขั้น โดยเพิ่ม Promoted Account ให้เราเลือกติดตามในส่วนของ Who to Follow ซึ่งแนะนำบัญชีผู้ใช้ที่น่าสนใจอยู่แล้ว (ดูตัวอย่างได้ตามภาพ เป็น Promoted Account ของ @xbox ซึ่งจะมีป้ายสีเหลืองคอยกำกับว่าเป็น "Promoted")

ทางบริษัทอธิบายว่าการเลือก Promoted Account มาแสดงจะขึ้นกับผู้ใช้แต่ละคน ถ้าผู้ใช้คนนั้นๆ ตามบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเกมอยู่บ้างแล้ว ทางระบบอาจเลือก @xbox ขึ้นมาแสดง

ต่อเนื่องจากข่าว วงการโฆษณายากกว่าที่คิด iAd ยังไม่เดินหน้าอย่างที่แอปเปิลหวัง โดยพาร์ทเนอร์ของแอปเปิลหลายรายไม่พอใจที่แอปเปิลควบคุมรูปแบบของโฆษณามากเกินไป และมีรายหนึ่งคือ Chanel ประกาศถอนตัวไปแล้ว

ล่าสุดมีข่าววงในออกมาว่า Adidas ถอนตัวจาก iAd แล้วเช่นกัน หลังจากนำเสนอแนวทางโฆษณาให้แอปเปิลอนุมัติเป็นครั้งที่สาม และยังไม่ผ่านเสียที มูลค่าโฆษณาของ Adidas นั้นมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์

ที่มา - Business Insider

ผลวิจัยร่วมจาก Duke University, Penn State University และ Intel Labs ระบุว่าโปรแกรมดังบน Android หลายตัวแอบส่งข้อมูลพิกัดจาก GPS หรือหมายเลขโทรศัพท์กลับไปให้บริษัทโฆษณาทราบ โดยไม่แจ้งให้ผู้ใช้ทราบล่วงหน้าว่าจะมีการส่งข้อมูลเหล่านี้

ทีมวิจัยได้ทดสอบโปรแกรมฟรีที่ได้รับความนิยมบน Android Market จำนวน 30 ตัว และพบว่าโปรแกรมจำนวนครึ่งหนึ่งแอบส่งข้อมูลดังกล่าว ในบางกรณี โปรแกรมบางตัวถึงกับส่งพิกัด GPS กลับไปให้บริษัทโฆษณาทุก 30 วินาทีเลยทีเดียว

กูเกิลนั้นมีนโยบายที่ชัดเจนสำหรับโปรแกรมที่สร้างปัญหาให้กับผู้ใช้ แต่สำหรับเรื่องที่เทาๆ อย่างการส่งข้อมูลส่วนตัว เรากลับยังไม่เห็นมาตรการจากกูเกิลมากนัก

Millennial Media บริษัทโฆษณาบนมือถือ เผยสถิติโฆษณาของตัวเองประจำเดือนสิงหาคม 2010 (ข่าวเก่าของเดือนพฤษภาคม 2010) เฉพาะในสหรัฐอเมริกา

Amazon ส่งเสริมการขายหนังสือบน Kindle Store ยิ่งๆ ขึ้น โดยออกแคมเปญ Kindle for the Web

Kindle for the Web คือการแปะโค้ด embed บนเว็บไซต์ทั่วไป แต่แทนที่จะเป็นโฆษณาหรือวิดีโอที่เราคุ้นเคยกัน กลับเป็นตัวอย่างหนังสือจาก Kindle Store แทน โดยหนังสือจะมีให้ทดลองอ่านฟรีเฉพาะบทแรกเท่านั้น ดูตัวอย่างท้ายข่าว

สำหรับเว็บไซต์หรือบล็อกที่อยากหารายได้ ทาง Amazon ยังรวม Kindle for the Web เข้ากับโครงการ affiliate ที่มีอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าใครกดเข้าไปซื้อหนังสือผ่านตัวอย่างที่เราแปะเอาไว้ เราก็ได้ส่วนแบ่งจาก Amazon เช่นกัน

แม้ว่าตลาดโฆษณาบนมือถือจะโตขึ้นเรื่อยๆ และเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากแห่งหนึ่ง แต่ผู้เล่นหน้าเก่าในตลาดโฆษณาออนไลน์เริ่มเจอคู่แข่งหน้าใหม่ๆ มาเบียดบังรัศมี

บริษัทวิจัย IDC ระบุว่าหน้าเก่ามีส่วนแบ่งตลาดลดลง

• กูเกิล ลดลงจากเดิม 27% เหลือ 21% ในปีนี้
• ไมโครซอฟท์ จาก 10% เหลือ 7%
• ยาฮู จาก 12% เหลือ 9%

• โนเกีย จาก 5% เหลือ 2%

  ในขณะที่หน้าใหม่และบริษัทขนาดเล็ก มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า

• แอปเปิล จาก 0% เป็น 9% เนื่องจากการซื้อ Quattro Wireless และการออก iAd

แนวทางการหารายได้แบบ Promoted Tweet ของทวิตเตอร์นั้นเปิดตัวมาตั้งแต่เดือนเมษายน และเริ่มทดสอบให้บริการจริงด้วยการโฆษณา Toy Story 3 มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยก่อนหน้านี้การโฆษณานี้เป็นโฆษณาที่ได้รับเชิญจากทางทวิตเตอร์เอง โดยผู้โฆษณาไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่วันนี้ทวิตเตอร์ก็เริ่มเก็บค่าบริการแล้ว โดย "เริ่มต้น" ที่ 100,000 ดอลลาร์ต่อทวีต