ที่งานจัดแสดงสินค้าในฮ่องกง Emdoor และ Ployer สองผู้ผลิตแท็บเล็ตจากประเทศจีน เปิดตัวแท็บเล็ตใช้ Windows 8.1 โดยมีราคาอยู่ที่ 65 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,100 บาท) เท่านั้น

สำหรับแท็บเล็ตของ Emdoor (ชื่อรุ่น EM-I8170, ภาพท้ายข่าว) ใช้หน่วยประมวลผลกลางเป็น Intel Bay Trail แบบสี่แกน (ไม่ระบุรุ่น), ขนาดหน้าจอที่ 7 นิ้ว ความละเอียด 1024x600 พิกเซล, หน่วยความจำ 16 GB และแรม 1 GB ส่วนของ Ployer เปิดเผยมาเฉพาะแค่หน่วยประมวลผลกลางที่เหมือนกับของ Emdoor และหน้าจอที่ขยับมาเป็นขนาด 8 นิ้วเท่านั้น (ไม่ระบุความละเอียด)

ไม่มีระบุว่าจะวางขายที่ไหนบ้างและอย่างไรบ้าง

ที่มา - Windows Phone Central

มีนักพัฒนารายหนึ่งนำ Windows 95 ไปรันบนซัมซุง Gear Live นาฬิกาบนระบบปฏิบัติการ Android Wear ผ่านอีมูเลเตอร์ aDosBox

ถึงแม้จะไม่สามารถรันโปรแกรมใดก็ตามบน Windows 95 ได้เนื่องจากปัญหาแรมไม่พอและนักพัฒนาไม่สามารถเพิ่มแรมผ่าน aDosBox ได้ แต่ก็ประสบความสำเร็จในการบูท Windows ขึ้นมาและควบคุมการทำงานบนจอสัมผัสของนาฬิกาได้ ดูคลิปได้ที่ท้ายข่าวครับ

ที่มา: Gdgt Arena

เมื่อต้นปีในงาน BUILD ไมโครซอฟท์ประกาศแจก Windows ฟรีสำหรับผู้ผลิตอุปกรณ์หน้าจอขนาดเล็กกว่า 9" ล่าสุดไมโครซอฟท์ออกมาประกาศความสำเร็จของโครงการนี้ ด้วยตัวเลขบริษัทรายใหม่ที่มาร่วมวงทำสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ตรัน Windows เพิ่มขึ้นอีก 50 รายด้วยกัน

หลังจากเปิดตัว Windows 10 สิ่งที่หักปากกาเซียนเต็มๆ คือชื่อ เพราะก่อนหน้าโผของชื่อ Windows รุ่นนี้เป็น Windows 9 ซึ่งเหตุผลที่จำเป็นต้องข้ามชื่อ Windows 9 ไป คาดว่าเพราะดันไปมีปัญหากับชื่อของ Windows 95 และ Windows 98

เรื่องนี้เป็นเรื่องทางด้านเทคนิคล้วนๆ คือโปรแกรม Windows จากนักพัฒนารายอื่นจะใช้คำสั่ง version.StartWith("Windows 9") เพื่อเช็คว่า Windows ที่รันอยู่เป็น Windows 95 หรือ Windows 98 และการเขียน "Windows 9" โดดๆ แบบไม่มี extra character จึงมีความหมายรวม Windows 9, Windows 95 และ Windows 98 ทั้งหมด เมื่อ Windows 9 รันโปรแกรมนี้จะถูกรันในโหมดที่เข้ากับ Windows 95 และ Windows 98 ทันที

หลังจากที่ Microsoft ประกาศจะเปิดให้ดาวน์โหลด Windows 10 รุ่น Technical Preview ภายในวันนี้ ล่าสุด Microsoft ออกมาประกาศผ่านทางทวิตเตอร์ของตนเองว่าเปิดให้ดาวน์โหลดแล้ว

โดยผู้ที่จะดาวน์โหลด Windows 10 Technical Preview ได้ จะต้องมี Microsoft Account เพื่อเข้าร่วมโครงการ Windows Insider Program แล้วจึงจะดาวน์โหลดไปใช้ได้ โดยมีทั้งรุ่นสำหรับผู้ใช้ทั่วไป และรุ่นสำหรับองค์กรให้ดาวน์โหลด

ข่าวใหญ่ประจำวันนี้คือ Windows รุ่นใหม่ใช้ชื่อ Windows 10 ที่หลายคนอาจสงสัยว่าเพราะเหตุใด ไมโครซอฟท์ถึงเลือกใช้ชื่อนี้ (และข้ามเลข Windows 9 ไปเลย)

ไมโครซอฟท์ไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ตรงๆ แต่ในโพสต์ประกาศเปิดตัว Windows 10 ระบุว่าโลกไอทีในปัจจุบันแตกต่างไปจากโลกไอทีที่ Windows เติบโตขึ้นมาในอดีต จึงได้เวลาของ "New Windows" ที่สร้างขึ้นมาใหม่ในยุคสมัย mobile-first, cloud-first นี้ และ Windows 10 คือก้าวแรกของ Windows ยุคใหม่ (Windows 10 represents the first step of a whole new generation of Windows)

เซอร์ไพรส์กันตั้งแต่เริ่มงานด้วยการเปิดตัว Windows 10 ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ที่รองรับการใช้งานกับทุกอุปกรณ์ทั้งสัมผัสและไม่สัมผัส มี Store ตัวเดียวใช้ร่วมกันทั้งแพลตฟอร์ม โดยมีรายละเอียด และฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่มาพร้อมกับรุ่นแรกๆ ของ Windows 10 ดังนี้

• หน้าตาโดยรวมของ Windows 10 จะคล้ายกับ Windows 8.1
• แต่ปุ่ม Start ของ Windows 10 จะเปิด Start Menu ในหน้าเดสก์ท็อปแล้ว หน้าตาเหมือนกับบน Windows 7 ที่เพิ่ม Start Screen เข้ามา และสามารถค้นหาได้ทันที
• สามารถปิดเครื่อง หรือรีสตาร์ตได้จาก Start Menu เช่นกัน

• tiles บน Start Menu สามารถปรับขนาดได้เหมือนกับบน Start Screen

ที่งานแถลงข่าวของ Microsoft วันนี้ Terry Myerson ผู้บริหารของ Microsoft ที่ดูแลด้านระบบปฏิบัติการ ประกาศว่า Windows รุ่นใหม่จะมีชื่อว่า "Windows 10" โดยจะรวมเอาระบบปฏิบัติการทั้งหมดของบริษัทเข้ามาเป็นหนึ่งเดียว โดยระบุว่า Windows 10 จะเป็น "แพลตฟอร์ม" ที่ทำงานอยู่บนอุปกรณ์ทุกประเภท ตั้งแต่หน้าจอไปจนถึงหน้าจอทีวี (ไม่แน่ใจว่าจะหมายรวมถึง Xbox One ด้วยหรือไม่)

โดย Myerson ระบุว่าทั้งหมดจะมี Store ร่วมกัน สำหรับทุกอุปกรณ์ และแอพพลิเคชันทุกตัวที่สร้างบน Windows 10 จะสามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเริ่มต้นให้บริษัทขนาดใหญ่ (Enterprise) ที่ทางบริษัทไปคุยด้วย ได้เริ่มต้นทดลองใช้ก่อนครับ

ยิ่งเข้าใกล้วันงานแถลงข่าวเกี่ยวกับ Windows รุ่นถัดไปของไมโครซอฟท์เข้าไปเมื่อไร ข่าวลือต่าง ๆ เริ่มถาโถมเข้ามาเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเกี่ยวกับชื่อของ Windows รุ่นถัดไป ทั้งจากที่หลุดปากจากประธานของไมโครซอฟท์ฝรั่งเศส, ข้อสังเกตจากสื่อต่าง ๆ ทำให้คาดว่าไมโครซอฟท์จะใช้ชื่อแค่ Windows เฉย ๆ ขณะที่นักวิเคราะห์เองก็คาดว่าถ้าหากไม่ใช่ 2 แบรนด์นี้ก็อาจจะใช้แบรนด์อื่น

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไมโครซอฟท์ได้แจกโบนัสม้วนฟิล์ม 3 กิกะไบต์กับผู้ใช้ทุกคนที่ตั้งค่าให้ซิงค์ภาพถ่ายและวิดีโอไปยัง OneDrive ไปเมื่อช่วงต้นปีนี้ มาวันนี้ไมโครซอฟต์ประกาศข้อเสนอพิเศษแบบจำกัดเวลา ให้ข้อเสนอเพิ่มพื้นที่ส่วนนี้เป็น 15 กิกะไบต์แบบถาวรสำหรับผู้ใช้ OneDrive ทุกคน มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้ iPhone ที่ต้องการอัพ iOS 8 ไม่ต้องลบแอพและภาพถ่ายทิ้งไปเพื่อหาพื้นที่มาอัพเกรด iOS 8 โดยเฉพาะ

ถ้ายังจำกันได้ ก่อนหน้านี้นักพัฒนาที่อยากทำแอพลงแพลตฟอร์ม Windows และ Windows Phone ผ่าน Dev Center (ก่อนหน้านี้ชื่อว่า Dev Hub) จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรายปีปีละ 99 เหรียญ และเพื่อเป็นการดึงให้นักพัฒนามาสนใจแพลตฟอร์มนี้มากขึ้น เมื่อช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้จัดโปรโมชันลดราคาลงเหลือ 19 เหรียญ ซึ่งก็เพิ่งหมดไปได้ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้

หลังจากโปรโมชันหน้าร้อนจบลง ดูเหมือนไมโครซอฟท์จะพอใจกับผลงานในครั้งนี้ จึงคงราคาต่อไปที่ 19 เหรียญ พร้อมทั้งปรับให้เป็นค่าธรรมเนียมตลอดชีพไปด้วย ซึ่งด้วยราคานี้จะถูกที่สุดจากสามแพลตฟอร์มหลักเลยทีเดียว (แอนดรอยด์อยู่ที่ 25 เหรียญ)

ตรงตามข่าวลือ ไมโครซอฟท์ส่งบัตรเชิญสื่อต่างประเทศร่วมงานแถลงข่าว Windows และตลาดองค์กร (what's next for Windows and the enterprise) ที่ซานฟรานซิสโกในวันที่ 30 กันยายนนี้

คาดว่างานนี้ไมโครซอฟท์จะเปิดตัว Windows 9 หรือโค้ดเนม Threshold ซึ่งมีภาพและวิดีโอหลุดออกมามากมายในช่วงหลัง และน่าจะเปิดให้ดาวน์โหลด Windows Technical Preview หลังงานแถลงข่าวด้วย

ตามข่าวก่อนหน้านี้บอกว่าไมโครซอฟท์ยังพัฒนา UI ของ Threshold ไม่เสร็จสมบูรณ์ และ Windows Technical Preview รุ่นแรกอาจตั้งใจให้นักพัฒนาและลูกค้าองค์กรนำมาทดสอบแอพเท่านั้น

รู้กันไปก่อนหน้าจากเอกสารภายในแล้วว่าไมโครซอฟท์มีแผนจะเปลี่ยนแบรนด์ของ Windows Phone ไปเป็น Windows เฉยๆ ล่าสุดมีภาพของแบรนด์ใหม่ดังกล่าวบนสมาร์ทโฟนจริงๆ มาให้เห็นแล้ว

สมาร์ทโฟนรุ่นที่มีรูปออกมาคือ GoFone GF47W จากแบรนด์สัญชาติอังกฤษ My Go สมาร์ทโฟนหน้าจอ 4.7" รัน Windows Phone 8.1 ที่นอกจากจะมาพร้อมกับแบรนด์ Windows ยังมีโลโก้มาด้วย (ถึงจริงๆ แล้วมันจะเหมือนกันหมดก็ตาม) ทั้งนี้ทั้งนั้นไมโครซอฟท์ยังไม่ได้ออกมายืนยันเรื่องนี้แต่อย่างใด

หลายฝ่ายคาดกันว่าการเปลี่ยนไปใช้แบรนด์ Windows น่าจะเป็นความพยายามรวมแบรนด์อุปกรณ์พกพาทั้ง Windows Phone และ Windows RT เข้าด้วยกันก็เป็นได้

บทความนี้เป็นตอนสุดท้ายของ "ไตรภาคไมโครซอฟท์-โนเกีย" โดยสองตอนแรกคือ ย้อนตำนาน Nokia เดินหมากพลาดตาเดียว พ่ายแพ้ทั้งกระดาน ย้อนรอยความผิดพลาดของโนเกียในโลกสมาร์ทโฟน และ One Windows ย้อนตำนานไมโครซอฟท์ กับการหลอมรวมระบบปฏิบัติการเป็นหนึ่งเดียว ความพยายามของไมโครซอฟท์ในการปฏิรูป Windows ให้เข้ากับยุคสมัย

บทความตอนนี้จะอธิบายว่าทำไม Windows ถึงสูญเสียอิทธิพลลงไปอย่างมาก โดยจะมองเชิงเปรียบเทียบกับยุทธศาสตร์ของคู่แข่งใน สามก๊กไอที คือแอปเปิลและกูเกิลด้วย

Raymond Chen พนักงานเก่าแก่ของไมโครซอฟท์ โพสต์ลงในบล็อกของ The New Old Thing ใน MSDN ของไมโครซอฟท์เกี่ยวกับเบื้องหลังการพัฒนา Blue Screen of Death โดยย้อนความไปในอดีตเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ในสมัยที่กำลังพัฒนา Windows 3.1 อยู่

เรื่องมีอยู่ว่า Steve Ballmer (ซึ่งตอนนั้นเป็นหัวหน้าแผนกระบบอยู่) ได้เข้าไปหาในทีม เขาได้ดูการเดโมฟีเจอร์ Ctrl+Alt+Delete เขาได้พยักหน้าแล้วบอกไปว่า "มันแจ๋วมากเลย แต่ผมไม่ชอบข้อความเหล่านั้น มันดูเหมือนไม่ใช่ในสิ่งที่ผมต้องการเลย"

เว็บไซต์ The Verge กับ WinBeta และ WZor บล็อกเกอร์รัสเซียที่เคยมีประวัติปล่อยข้อมูลวงในสายไมโครซอฟท์บ่อยครั้ง เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ Windows รหัส Threshold เพิ่มเติม ดังนี้

ต่อจากข่าว Windows Threshold อัพเดตได้ทันทีไม่ต้องลงใหม่ เสร็จในคลิกเดียว ก็มีข่าวลือจาก ZDNet ออกมาอีกว่า เมื่อ Threshold หรือ Windows 9 ออกรุ่นจริงช่วงไตรมาสที่สองของปีหน้า เราจะไม่เห็นการออก Windows รุ่นใหญ่ (เช่น Windows 10, Windows 11) อีกแล้ว และการอัพเดต Windows จะกลายเป็นอัพเดตย่อยๆ แต่บ่อยๆ ลักษณะเดียวกับ Azure หรือ Office 365 แทน

นโยบายของไมโครซอฟท์จะมีผลต่อ Windows Phone ด้วย แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะรวมถึง Windows Server หรือไม่ และนโยบายนี้จะเหมาะสำหรับผู้ใช้ภาคธุรกิจ (ที่นานๆ อัพเดตระบบกันสักที) แค่ไหน

เว็บไซต์ WinBeta เผยรายละเอียดของระบบปฏิบัติการ Windows รุ่นถัดไป โค้ดเนม Threshold ดังนี้

Tom Warren นักข่าวสายไมโครซอฟท์ของเว็บไซต์ The Verge เปิดเผยว่า ไมโครซอฟท์มีแผนจัดงานเปิดตัว Windows รหัส Threshold ในวันที่ 30 กันยายนนี้ (วันจัดงานอาจเปลี่ยนแปลงได้)

ในงานดังกล่าว ไมโครซอฟท์จะเน้นพูดถึงฟีเจอร์ใหม่ที่จะมากับ Windows รุ่นหน้า แต่ไม่น่าจะเผยชื่ออย่างเป็นทางการ (ถึงจะคาดกันว่าท้ายที่สุดมันจะได้ชื่อว่า Windows 9 ก็ตาม)

บอร์ด Galileo ของอินเทลเป็นบอร์ด x86 แต่ก่อนหน้าที่ไม่สามารถรันวินโดวส์ได้เพราะระบบบูตไม่เหมือนเครื่องพีซีปกติ ตอนนี้เฟิร์มแวร์ล่าสุดของ Galileo ก็ปรับให้รันวินโดวส์จากโครงการ Windows Developer Program for IoT ที่ประกาศมาตั้งแต่เดือนเมษายน

Windows for IoT ที่ใช้กับบอร์ด Galileo จะเป็นรุ่นพิเศษที่ทำงานเหมือน Arduino ได้ผ่าน Arduino Wiring API และสามารถเรียกใช้ API ของวินโดวส์ได้บางส่วนแบบเดียวกับลินุกซ์ที่สามารถเรียกฟังก์ชั่นของ glibc และ system call ต่างๆ ได้ แต่ข้อเสียคือเวลาติดตั้งจะนานถึงครึ่งชั่วโมง และบูตแต่ละครั้งใช้เวลาสองนาที

บทความนี้เป็นภาคต่อของ ย้อนตำนาน Nokia เดินหมากพลาดตาเดียว พ่ายแพ้ทั้งกระดาน เราเห็นโนเกียทำระบบปฏิบัติการแล้วแก้ แก้แล้วทิ้ง อยู่หลายรอบ จนต้องยอมเสียเอกราชไปใช้ Windows Phone ของไมโครซอฟท์ แต่มาถึงวันนี้สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น

ผู้ใช้ Windows Phone เองก็คงทราบปัญหาดีว่าไมโครซอฟท์ใช้เวลาพัฒนานานมาก นานจนเสียโอกาสหลายๆ อย่างไปเยอะ แต่การจะบอกว่า "ไมโครซอฟท์ขี้เกียจ" อย่างเดียวก็อาจมองโลกแคบไปสักนิด เพราะแท้จริงแล้ว พัฒนาการของ Windows Phone รวมถึง Windows 8.x เองถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการใหญ่ One Windows ของไมโครซอฟท์ด้วย

Paul Thurrott คอลัมนิสต์สายไมโครซอฟท์ เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับชุด Office รองรับการสัมผัสตั้งแต่แรก (ขอเรียกตามที่มาของข่าวว่า Office Touch) บนแพลตฟอร์มวินโดวส์ ดังนี้

เว็บไซต์ ZDNet รายงานว่า ไมโครซอฟท์จะปล่อย Windows รหัส Threshold รุ่น Technology Preview ให้ใครก็ได้สามารถดาวน์โหลดไปทดสอบได้ราวปลายเดือนกันยายนหรืออย่างช้าต้นเดือนตุลาคมปีนี้

แหล่งข่าวยังบอกว่า ผู้ที่ติดตั้ง Threshold จะต้องยอมรับเงื่อนไขที่จะรับอัพเดตจากไมโครซอฟท์โดยอัตโนมัติเป็นประจำทุกเดือน

เว็บไซต์รีวิวฮาร์ดแวร์ชื่อดัง AnandTech ได้ทำการนำเอาเว็บเบราว์เซอร์หลัก ๆ ในตลาดมาทดสอบโดยการติดตั้งลงบนโน้ตบุ๊ก Dell XPS 15 ที่รันวินโดวส์ 8.1 64 บิต แล้วทำการจำลองการใช้เว็บเบราว์เซอร์แต่ละตัวด้วยซอฟต์แวร์ทดสอบอัตโนมัติที่เขียนขึ้นเอง เพื่อหาว่าจะใช้เวลากี่นาทีก่อนที่แบตเตอรี่จะเหลือเพียง 7%

สำหรับเว็บเบราว์เซอร์ที่เป็นเหยื่อการทดสอบครั้งก็มีดังนี้ครับ

จากข่าวก่อนหน้านี้ที่ไมโครซอฟท์ออกแอพ SNIPP3T บน iOS ก่อนใครเพื่อน ซึ่งหลายคนก็เกิดข้อสงสัยแล้วว่า ทำไมไมโครซอฟท์ถึงไม่ทำแอพนี้ลง Windows Phone ก่อน