มีหลายแหล่งข่าวยืนยันว่า แอปเปิลเตรียมเปิดให้จอง iPad ภายในวันที่ 25 ก.พ.นี้ โดยเริ่มต้นจะเปิดให้จองเฉพาะในสหรัฐฯ และเฉพาะรุ่นที่มี Wi-Fi อย่างเดียวเท่านั้น
ที่มา: Electronista
แท็บเล็ตอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจคือ Dell Mini 5 ซึ่งยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ Michael Dell ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัทกลับเอาไปถือโชว์นักข่าวเรียกเสียงฮือฮาหลายครั้ง (ข่าวเก่า Dell โชว์ Android Slate หน้าจอ 5", เดลล์โชว์ Mini 5 แท็บเล็ตใช้แอนดรอยด์)
เว็บไซต์ Engadget ลงทุนเดินทางไปถึงเสิ่นเจิ้นเพื่อเอา Dell Mini 5 หรือรหัสภายใน "M01M" มาทดสอบ สเปกของฮาร์ดแวร์เป็นดังนี้
การเปิดตัว iPad เมื่อเดือนที่แล้วเล่นเอาคู่แข่งทั้งหลายเครียดไปตามๆ กัน โดยเฉพาะเรื่องราคา ตอนนี้เวลาผ่านไปเกือบเดือน เริ่มมีความเคลื่อนไหวจากค่ายพรรคต่างๆ ที่กลับไปปรับทัพกันมาเพื่อล้ม iPad บ้างแล้ว
ถึงแม้ บิล เกตส์ และ ไมโครซอฟท์ ได้ร่วมวงวิจารณ์ iPad ว่าคงไม่เวิร์คและเป็นระบบปิดมากกว่าไมโครซอฟท์เสียอีก แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ไมโครซอฟท์สนใจทำชุดออฟฟิศสำหรับ iPad อยู่ก็เป็นได้!
ระหว่างที่นิตยสาร T3 กำลังสัมภาษณ์ Mike Tedesco ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อาวุโสของไมโครซอฟท์ว่าทางบริษัทสนใจที่จะทำชุดออฟฟิศสำหรับ iPad หรือไม่ Tedesco ก็ได้ตอบว่า "ใช่ มันเป็นอะไรที่เรากำลังสนใจอยู่"
ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากไมโครซอฟท์เกี่ยวกับข่าวดังกล่าวแต่อย่างไร
การเปิดตัว iPad ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก ทั้งในทางบวกและทางลบ แม้ว่าสตีฟ จ็อบส์ อาจไม่สนใจเสียงวิจารณ์ของนักข่าว นักวิเคราะห์ หรือคอมเมนต์บนอินเทอร์เน็ต แต่ถ้าเป็นบิล เกตส์ พูดถึง iPad ก็ต้องสนใจบ้างสิน่า
บิล เกตส์ บอกว่า "iPad นั้นไม่เวิร์ค" เขาบอกว่าเขาเป็นผู้สนับสนุนส่วนติดต่อผู้ใช้แบบสัมผัส และการอ่านหนังสือด้วยฟอร์แมตดิจิทัล แต่เขายังเชื่อเช่นกันว่า การป้อนข้อมูลด้วยปากกา เสียง และคีย์บอร์ด (ซึ่งเป็นวิธีป้อนข้อมูลที่เน็ตบุ๊กใช้) จะยังเป็นวิธีการป้อนข้อมูลมาตรฐานไปอีกนาน
ผู้บริหารของแอปเปิลได้พบกับนักวิเคราะห์การเงินจาก Credit Suisse ซึ่งได้ให้ข้อมูลที่สำคัญว่า แอปเปิลอาจลดราคาของ iPad ลงไปจากเดิมอีก ถ้าหากว่าปฏิกิริยาตอบรับของ iPad นั้นไม่ดีในช่วงวางขายจริง
แอปเปิลยังพยายามบอก Credit Suisse ว่าตลาดของ iPad จะไม่ไปกินตลาดของ iPod touch แน่นอน
ที่มา - Wall Street Journal
บริษัทวิจัย Retrevo Pulse ได้สำรวจความเห็นผู้บริโภคประมาณ 1,000 คน โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงคือสัปดาห์ก่อนเปิดตัว iPad และสัปดาห์หลังเปิดตัว ผลลัพธ์ที่ได้ไม่น่าพึงประสงค์สำหรับแอปเปิลนัก
Lee Williams ซีอีโอของ Symbian Foundation ให้สัมภาษณ์กับ ZDNet UK เกี่ยวกับการโอเพนซอร์ส Symbian เขาบอกว่ามีโค้ดที่ถูกทิ้งไปประมาณ 20% ของโค้ดส่วนที่เป็นของบริษัทอื่นๆ ทั้งหมด และทางโครงการ Symbian ได้เขียนโค้ดที่เป็นโอเพนซอร์สขึ้นมาใช้แทน สรุปว่าเสียความสามารถโดยรวมของแพลตฟอร์มไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
Nobuyuki Oneda ผู้บริหารฝ่ายการเงิน (CFO) ของโซนี่ให้สัมภาษณ์ในงานแถลงผลประกอบการของบริษัท โดยให้ความเห็นเกี่ยวกับ iPad ว่า "นี่เป็นตลาดที่เราสนใจ และเรามีความมั่นใจว่าสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ลักษณะนี้ได้"
เขายังไม่เปิดเผยข้อมูลอื่นๆ แต่ยอมรับว่าโซนี่ก้าวช้ากว่าแอปเปิลไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม มันเป็นตลาดที่โซนี่สนใจจะลงไปแข่งด้วยอย่างจริงจัง นอกจากนี้ เขาบอกว่าในเดือนตุลาคม โซนี่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์พกพาชุดใหม่ที่เชื่อมต่อกับบริการออนไลน์ตัวใหม่ของโซนี่ได้ด้วย
ถ้าเป็น Vaio Tablet ผมว่าคงเฉยๆ แต่ถ้าเป็น PSPad นี่สะเทือนวงการแน่นอน
ที่มา - ComputerWorld
หลังจากเกิดปฏิบัติการหักเหลี่ยมโหด CrunchPad หลังจาก Fusion Garage แยกทางกับ TechCrunch และขายเครื่องเองในชื่อ JooJoo ทางฝ่าย TechCrunch ก็ได้ฟ้อง Fusion Garage แล้วเรื่องทั้งหมดก็เงียบไปเลย แต่เมื่อสองวันก่อน Fusion Garage ได้ออกมาประกาศว่าตอนนี้พร้อมผลิตแล้ว เริ่มส่งมอบได้ตั้งแต่เดือนนี้ ตัวเครื่องมีรายละเอียดดังนี้ (ภาพตัวเครื่องดูได้ท้ายข่าว)
หลังจากเมื่อต้นปีมีข่าวลือว่า HTC ร่วมมือกับกูเกิลผลิตแท็บเล็ตที่ใช้ Chrome OS ล่าสุดกูเกิลได้เปิดเผย mockup และรายละเอียดของส่วนติดต่อผู้ใช้ของ Chrome OS บนแท็บเล็ตแล้ว (รูป mockup ดูได้จากท้ายข่าว)
จากข้อมูลบนหน้าเว็บดังกล่าว หน้าจอที่คาดว่า Chrome OS จะรองรับคือ 5-10 นิ้ว ส่วนติตด่อผู้ใช้เป็นแบบสัมผัสทั้งหมด (touch UI) และอาจใช้แท็บในการแสดงผลอย่างเดียว ไม่มีการเปิดหน้าต่าง (window) ขึ้นมา ส่วนแถบเครื่องมือ (toolbar) ก็สามารถถูกซ่อนได้อัตโนมัติเมื่อแสดงผลเต็มหน้าจอ (full-screen) แถมยังมีแนวคิดที่จะย้ายแท็บไปแสดงผลด้านข้างเมื่อพลิกเครื่องให้แสดงผลแนวนอนอีกด้วย
Scott Lin ประธานของ Acer ฝั่งไต้หวันให้สัมภาษณ์ว่า Acer ไม่มีแผนจะทำแท็บเล็ตในลักษณะเดียวกับ iPad แต่อย่างใด ในปี 2010 จะมุ่งเน้นที่โน้ตบุ๊กแบบบางเบาเสียมากกว่า
เขาบอกว่าการออกแบบฮาร์ดแวร์แบบ iPad ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ Acer แต่ความยากจะอยู่ที่การผูกกับบริการออนไลน์มากกว่า และแอปเปิลเป็นบริษัทที่ค่อนข้างพิเศษ เพราะสามารถขายผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในระบบปิดในกลุ่มผู้ใช้ในวงกว้างได้ เพราะในอดีตที่ผ่านมา มีแต่ผลิตภัณฑ์แบบเปิดที่ขายได้ในวงกว้าง
เขายังบอกด้วยว่า iPad จะไม่กระทบยอดขายของเน็ตบุ๊ก เพราะเป็นคนละตลาดกัน และ Acer จะเปิดตัวโน้ตบุ๊กสุดบางที่หนาเพียง 2 ซม. ในเร็วๆ นี้
ที่มา - Digitimes
เป็นสองข่าวที่พูดเรื่องใกล้เคียงกัน รวบเป็นข่าวเดียวเช่นเคย
ข่าวแรก หลังการเปิดตัว iPad ก็เริ่มมีคนคำนวณว่าต้นทุนที่แท้จริงของมันอยู่ที่เท่าไร บริษัทวิจัย BroadPoint AmTech ประมาณการณ์ว่า ต้นทุนทางการผลิตของ iPad รุ่น $499 จะอยู่ที่ $270.5 (แปลว่าแอปเปิลกำไร $208 ต่อเครื่อง) ถ้าเป็น iPad รุ่นสูงกว่านั้น กำไรจะยิ่งเพิ่มขึ้น เช่น รุ่น $629 มีต้นทุนที่ $306.50, รุ่น $729 ต้นทุน $332
ส่วนที่แพงที่สุดในเครื่องคือจอภาพ $100 ส่วนชิป A4 ตัวละ $15 บริษัทนี้คาดว่าแอปเปิลจะขาย iPad ได้ 7 ล้านเครื่องในปีนี้ และมองว่า iPad จะเป็นขุมทองขุมใหม่ที่แอปเปิลทำกำไรได้ง่ายมาก - ComputerWorld
สงสัยคุณไมเคิล เดลล์คิดว่า ในงาน CES 2010 ยังโชว์ต้นแบบแท็บเล็ตที่ใช้ชิป Snapdragon ของ Qualcomm และติดตั้งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ไม่จุใจ เลยเอาไปเล่นโชว์ในงาน World Economic Forum ที่กรุงดาวอส ประเทศสวิทเซอร์แลนด์อีกรอบให้เห็นกันจ๊ะๆ กันไปเลย (ดูคลิปได้ท้ายข่าว)
สำหรับรายละเอียดคร่าวๆ ของ Mini 5 ซึ่งเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของแท็บเล็ตนี้ จะใช้ซีพียู Snapdragon ความเร็ว 1GHz หน้าจอ 5 นิ้ว ติดตั้งแอนดรอยด์ 1.6 มาพร้อมกับกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รองรับ Wi-Fi บลูทูธ และ 3G ส่วนราคาอยู่ที่ 1,098 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 36,500 บาท) แบบไม่ติดสัญญา
ตามคำบอกเล่าของคุณเดลล์เปิดเผยว่า เดลล์จะวางขาย Mini 5 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ช่วงนี้เราเต็มไปด้วยข่าวของ Apple iPad นะครับ อ่านข่าวเกี่ยวกับฟีเจอร์ไปเยอะแล้ว มาดูข้อเสียที่มีคนติกันบ้าง
อันนี้ผมเอามาจาก Gizmodo แต่ก็ยังมีเว็บไซต์อื่นๆ อีกหลายแห่ง ตามไปอ่านกันเองได้ เช่น Mashable, VentureBeat, Lifehacker
ในที่สุด ผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่หลายคนรอคอยมานานก็เพิ่งได้รับการเปิดตัว
Apple iPad มีคุณสมบัติหลักๆ ดังนี้
- จอ Capacitive ขนาด 9.7 นิ้ว ความละเอียด 1024x768 พิกเซล
- หน่วยประมวลผล 1GHz ของ Apple เอง (A4 custom-designed)
- น้ำหนัก 680-730 กรัม
- หนา 1.34 ซม. (บางน่าชมมาก)
- มี Wi-Fi แบบ 802.11 a/b/g/n
แอปเปิลเปิดตัวแท็บเล็ตตามคาด สรุปว่าใช้ชื่อ "iPad" ตามที่เก็งกันไว้ในช่วงแรกๆ (ก่อนที่ชื่อ iSlate จะเริ่มเป็นข่าว)
หน้าตาของมันคงหาคำอธิบายใดๆ ที่ดีกว่า "iPhone ยักษ์" ไม่ได้ สเปกเบื้องต้นมีดังนี้
สเปกแบบเต็มๆ ดูได้จาก Apple iPad
เหลือเวลาอีกไม่ถึง 10 ชม. ก็จะถึงเวลาการเปิดตัวเครื่อง Tablet ของทาง Apple แต่ปรากฎว่าวันนี้ทาง Engadget ได้ลงภาพของเครื่อง Tablet ที่เหมือนกับถูกปักหมุดเอาไว้กับโต๊ะ แล้วเปิดโปรแกรม Google Maps ของ iPhone อยู่
นอกจากนี้ Engadget ยังออกมาบอกอีกว่าเขาได้รับรายงานถึงราคาของ Apple Tablet ว่าจะอยู่ที่ $800 ถ้าซื้อแบบติดสัญญากับ Verizon และ $1000 ถ้าซื้อแบบไม่ติดสัญญา โดยจะมาพร้อมกับความกว้างของจอขนาด 10''
ในส่วนของชื่อนั้น ยังไม่มีการเปิดเผยแต่อย่างใด โดยที่มีข่าวออกมาว่าทางการภายในของ Apple นั้นยังคงเรียกมันด้วยชื่อโค้ดเนมว่า K48 อยู่
ในระหว่างที่ CEO ของ McGraw-Hill ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ถึงผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้วตามปกติ ปรากฏว่าช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวถามถึงความเห็นเกี่ยวกับข่าวลือเรื่องแท็บเล็ตตัวใหม่ของแอปเปิล ซึ่ง Terry McGraw ก็เปิดเผยข้อมูลอย่างฉะฉานว่า แอปเปิลจะเปิดตัวแท็บเล็ตตัวนี้ในวันพุธ และแท็บเล็ตจะทำงานบน iPhone OS อีกด้วย
McGraw-Hill เป็นบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์รายใหญ่ในสหรัฐ คาดกันว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่จะมี e-book บนแท็บเล็ตของแอปเปิลเช่นกัน
เอชพีปล่อยวีดีโอล่าสุดเกี่ยวกับ Windows 7 Slate PC ที่คุณสตีฟ บัลเมอร์โชว์ในงาน CES 2010 ที่ผ่านมา โดยวีดีโอดังกล่าวคุณ Phil McKinney ตำแหน่ง CTO ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล ได้กล่าวไว้ว่า ในส่วนของเอชพีนั้นมองเห็นว่ามีช่องว่างระหว่างสมาร์ทโฟนกับแท็บเล็ตและโน้ตบุ๊ก ดังนั้นปีนี้จึงเป็นโอกาสของเครื่องรูปแบบ Slate อันเนื่องมาจากต้นทุนต่ำ ใช้ซีพียูน้อยกว่า พกพาได้สะดวกและแสดงมัลติมีเดียคอนเทนต์ได้ตามความต้องการ
9to5Mac (via MacRumors) ได้รายงานว่าจากข้อมูลที่ได้รับจากผู้ผลิตและสำนักพิมพ์หนังสือทั้งหลายนั้น พอสรุปได้ว่าแอปเปิลได้พยายามที่จะดึงบริษัทเหล่านี้มาร่วมงานกับตน โดยแอปเปิลได้ออกมาบอกกับบริษัทเหล่านี้ว่าอุปกรณ์ตัวนี้จะเป็น "Game changer" สำหรับตลาด e-Book เลยทีเดียว
โดยข้อตกลงระหว่างแอปเปิลกับบริษัทเหล่านี้นั้นจะเสร็จภายในวันพุธนี้ เพื่อที่แอปเปิลจะได้มีข้อมูล "Partnership" ไปนำเสนอในงาน ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ นั้นเก็บเอาไว้คุยกันหลังจากงาน ส่วนบริษัทอื่น ๆ ที่ก่อนนี้มีข่าวว่าจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการนำ e-Book มาขายลักษณะเดียวกับโปรแกรม e-Book ทั้งหลายบนไอโฟน ในตอนนี้นั้นถูกตัดออกไปแล้ว เนื่องจากแอปเปิลต้องการที่จะทำงานร่วมกับผู้ผลิตและสำนักพิมพ์เองโดยตรง
คุณ Monty Wong รองประธานและผู้จัดการกลุ่มธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของเอชพีที่ประเทศไต้หวัน ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเอชพีกำลังพัฒนาแท็บเล็ตและโน้ตบุ๊กที่ฝังโปรเจกเตอร์ขนาดเล็กในตัว โดยเลนส์โปรเจกเตอร์น่าจะติดอยู่ที่ตำแหน่งที่เคยเป็นกล้องเว็บแคม แต่เขาได้กล่าวเสริมว่าเอชพีไม่มีแผนปล่อยผลิตภัณฑ์ลักษณะดังกล่าวในปีนี้
ไม่ว่าแท็บเล็ตจากแอปเปิลจะมาจริงหรือเปล่า แต่ดูเหมือนประโยชน์ที่น่าจะตรงใจคนใช้แท็บเล็ตอย่างนึงคือการใช้อ่านหนังสือ, นิตยสาร โดย Condé Nast เจ้าของนิตยสารในเครือชื่อดังหลายฉบับ ได้รายงานว่านิตยสาร GQ ฉบับเดือนมกราคมมียอดขายผ่าน iTunes Store กว่า 12,000 ฉบับ
ดูเหมือนว่า iSlate อาจจะไม่ใช่ชื่อของ Tablet ใหม่ของแอปเปิลก็ได้ เมื่อ MacRumors รายงานว่าได้พบหลักฐานเกี่ยวกับการใช้เครื่องหมายการค้า iPad ของแอปเปิล โดย "iPad" นี้นั้นได้ถูกยื่นจดทะเบียนไว้โดยแอปเปิลเมื่อประมาณกลางปีที่แล้วในประเทศแคนาดา ซึ่งใหม่กว่าเครื่องหมายทางการค้า iSlate ที่ถูกจดไว้ตั้งแต่ปี 2006-2007
นอกจากนี้แล้ว ชื่อเครื่องหมายทางการค้า iPad นี้ก็ยังได้ถูกยื่นจดทะเบียนในยุโรปและฮ่องกงอีกเช่นกัน แต่คราวนี้บริษัทที่ได้ทำการจดชื่อ iPad นั้นกลับเป็นบริษัทชื่อ IP Application Development LLC โดยบริษัทเดียวกันนี้ได้ทำการยื่นขอเครื่องหมายทางการค้า iPad ในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ด้วยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้
หลังจากที่ลือกันมาหนาหูว่าแอปเปิลน่าจะจัดงานแถลงข่าวในวันที่ 27 มกราคมที่จะถึงนี้ (ดูข่าวเก่า) ในวันนี้แอปเปิลก็ได้ทำการส่งจดหมายเชิญไปยังสื่อแขนงต่างๆ อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว โดยในอีเมล์ที่ส่งเชิญนี้มีภาพรูปแอปเปิลขาวอยู่บนพื้นหลังที่เป็นรอยสีพ่นเลอะๆ หลากสีสัน พร้อมกับคำโปรยว่า "Come see our latest creation." (ดูได้จากที่มา)
คงเป็นที่แน่ชัดว่า แอปเปิลคงจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่มานำเสนอในงานแถลงข่าวนี้อย่างแน่นอน โดยจะเป็นอุปกรณ์ Tablet ตามที่คนร้อยทั้งร้อยเดาไว้หรือไม่ก็คงต้องรอดูกัน