Webtoon Entertainment (Webtoon) แพลตฟอร์มอ่านการ์ตูนจากเกาหลีใต้ ที่คนไทยรู้จักในชื่อ LINE WEBTOON ได้ไอพีโอนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นแนสแดคของสหรัฐแล้ว โดยใช้ตัวย่อในการซื้อขาย WBTN ราคาหุ้นวันแรกปรับเพิ่มจากราคาไอพีโอ 21.00 ดอลลาร์ต่อหุ้น ปิดที่ 23.00 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 9.52% มูลค่ากิจการ 2.92 พันล้านดอลลาร์

Webtoon ก่อตั้งในปี 2005 โดยซีอีโอ Junkoo Kim ซึ่งเขาพัฒนาเป็นโครงการพิเศษระหว่างทำงานเป็นวิศวกรดูแลระบบค้นหาที่ Naver

เงินจากไอพีโอนี้ Webtoon ระบุว่าจะนำมาใช้ขยายการเติบโตในตลาดสหรัฐอเมริกา แบบเดียวกับที่ประสบความสำเร็จในเอเชีย รายได้หลักของแพลตฟอร์ม 80% มาจากการขายคอนเทนต์, 10% จากโฆษณา และ 10% จากลิขสิทธิ์ไลเซนส์ต่าง ๆ

Webtoon Entertainment บริษัทลูกของ Naver ได้เริ่มแผนนำบริษัทไอพีโอเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นแนสแดค คาดว่าจะเริ่มซื้อขายหุ้นได้ภายในปีนี้

ในรายงานระบุว่า Naver Webtoon ได้ติดต่อธนาคาร Goldman Sachs และ Morgan Stanley ให้เป็นตัวแทนในการรับประกันการจำหน่าย มาตั้งแต่เมื่อต้นปี

ปริมาณการซื้อขายคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม Webtoon ในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 9.3% เป็น 4.44 แสนล้านวอน หรือราว 1.2 หมื่นล้านบาท มูลค่ากิจการที่บริษัทประเมินไว้ในการเข้าตลาดหุ้นสหรัฐคือประมาณ 3-4 พันล้านดอลลาร์

ที่มา: The Korea Times

Choi Sooyeon ซีอีโอ Naver บริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ในเกาหลีใต้ เปิดเผยในการแถลงผลประกอบการประจำไตรมาส ว่าบริษัทกำลังพิจารณาว่าจะลดสัดส่วนการถือหุ้นหรือขายหุ้นทั้งหมดใน LY Corp บริษัทโฮลดิ้งที่เป็นเจ้าของ LINE และ Yahoo Japan หรือไม่

Naver บริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ของเกาหลีใต้ และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ LINE ประกาศซื้อกิจการ Poshmark แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของอเมริกา โดยจะซื้อหุ้นของบริษัททั้งหมดคิดเป็นมูลค่ารวมราว 1,200 ล้านดอลลาร์ จ่ายเป็นเงินสดทั้งหมด

Choi Soo-Yeon ซีอีโอ Naver และ Manish Chandra ซีอีโอ Poshmark มองว่าดีลนี้จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการสร้างรายได้และบริหารต้นทุนให้กับ Poshmark เช่น การปรับปรุงระบบโฆษณา, การขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ ตลอดจนระบบไลฟ์ขายสินค้า

Poshmark เป็นแพลตฟอร์มเน้นสินค้ามือสองประเภทเครื่องแต่งกาย ซึ่งเป็นที่สนใจของบริษัทรายใหญ่มากขึ้น ก่อนหน้านี้ Etsy ก็ซื้อกิจการ Depop

คณะกรรมาธิการบริการการเงิน หรือ FSC (ย่อมาจาก Financial Services Commission) ของเกาหลีใต้เพิ่งพิจารณาอนุมัติให้บริษัทเทคอย่าง Naver และ Kakao ทำการทดสอบระบบแนะนำประกันผ่านแอพได้ในช่วงต้นเดือนตุลาคม งานนี้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ประกอบอาชีพตัวแทนขายประกันเต็มๆ จึงมีการออกมารวมตัวประท้วงคัดค้านนโยบายดังกล่าว

Naver แอปแชทในเกาหลีใต้ทำ COVID-19 AI CareCall Service ใช้เสียงผู้ช่วยอัจฉริยะสอบถามผู้ที่ได้รับวัคซีน COVID-19 ไปแล้วว่ามีอาการที่เกิดจากผลข้างเคียงวัคซีนหรือไม่ โดยระบบจะติดตามผู้ที่รับวัคซีนอายุ 75 ปีขึ้นไป เร่ิมใช้งานแล้วในเมืองปูซาน, ซองนัม, ซูวอน และเมืองจอนจู จังหวัดชอลลาเหนือ

Z Holdings บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของ Yahoo! Japan และ LINE Corporation แถลงควบรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์แล้วในวันนี้ หลังจากประกาศดีลนี้เมื่อช่วงปลายปี 2019

ผลจากการควบรวมนี้ทำให้บริษัทใหม่ Z Holdings มีบริการบนอินเทอร์เน็ตมากกว่า 200 บริการ มีจำนวนผู้ใช้งานรวมมากกว่า 300 ล้านคน และขึ้นมาเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่แห่งหนึ่งของญี่ปุ่น

ธุรกิจหลักของ Yahoo! Japan และ LINE ทั้งบริการเสิร์ช, เว็บพอร์ทัล, โฆษณา และแอปแชต จะยังคงให้บริการต่อไปตามเดิม โดยเพิ่มการโฟกัสใน 4 ธุรกิจใหม่ได้แก่

Naver บริษัทแม่ของ LINE และเจ้าของ Webtoon เข้าซื้อ Wattpad แอปพลิเคชั่นอ่านหนังสือ ก่อตั้งจากแคนาดา ในราคา 600 ล้านดอลลาร์ คาดว่าจะมาเสริมกำลังใน Webtoon เพื่อขยายฐานคนอ่าน

S.M. Entertainment ค่ายดนตรีใหญ่ของวงการ K-POP เผยได้รับเงินลงทุนจาก Naver บริษัทแม่ของ LINE เป็นมูลค่า 1 แสนล้านวอน หรือราว 83.8 ล้านดอลลาร์

Naver Cloud Platform (NCP) ธุรกิจคลาวด์ของ Naver บริการค้นหารายใหญ่ของเกาหลีใต้และบริษัทแม่ของ LINE ประกาศเปิดบริการ Neurocloud ที่เป็นคลาวด์สำหรับตั้งในศูนย์ข้อมูลลูกค้า เน้นกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่ต้องการย้ายข้อมูลออกจากศูนย์ข้อมูลของตัวเอง

NCP เปิดบริการในเกาหลีใต้, สหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, สิงคโปร์, และเยอรมัน โดยมีแผนขยายบริการมายังไทย, เวียดนาม, และไต้หวันในอนาคต

Neurocloud ให้บริการพื้นฐานสำคัญ เช่น เซิร์ฟเวอร์, สตอเรจ (มีเฉพาะ block storage และ NAS), บริการ Kubernetes, และบริการฐานข้อมูล (MySQL, Redis, PostgreSQL)

หลังกฎหมายความมั่นคงฮ่องกงมีผลบังคับใช้ส่งผลให้บริษัทเทคโนโลยีต้องสำรวจว่าจะมีผลต่อตลาดอย่างไรบ้าง โดยบริษัทขนาดใหญ่ๆ มักระบุว่ากำลังสำรวจผลกระทบแต่บริษัทท้องถิ่นหรือบริษัทเล็กลงมาก็เริ่มเดินหน้าย้ายออกจากฮ่องกงแล้ว

รายใหญ่ที่สุดคือ Naver จากเกาหลีใต้ที่ก่อนหน้านี้เคยใช้ฮ่องกงเป็นศูนย์ข้อมูลสำรองร่วมกับสิงคโปร์ได้ตัดสินใจย้ายข้อมูลส่วนบุคคลไปสิงคโปร์ แม้ว่าจะยืนยันว่ารัฐบาลฮ่องกงยังไม่เคยขอข้อมูลมายังบริษัท

GMM ร่วมกับ V Live แพลตฟอร์มวิดีโอของ Naver เกาหลีใต้ ขนศิลปินไทย เช่น เป๊ก ผลิตโชค, วง Cocktail, วง Lomosonic ฯลฯ ทำคอนเสิร์ตออนไลน์ GMM Online Festival เป็นเทศกาลดนตรี 2 วัน คือ 4-5 ก.ค. ซื้อบัตรผ่าน V Coin ของแพลตฟอร์ม V Live ราคา 350 บาท

Naver บริษัทแม่ของ LINE และ Z Holdings บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของ Yahoo! Japan ในเครือ SoftBank ประกาศบันทึกข้อตกลงอย่างเป็นทางการ เพื่อควบรวมกิจการระหว่าง LINE กับ Yahoo! Japan ตามที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ทั้งสองบริษัทคาดว่าการควบรวมจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคมปีหน้า โดยทั้งสองบริษัทต่างต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนมีนาคมก่อน

ข้อตกลงดังกล่าวระบุว่า Z Holdings และ Naver จะทำการซื้อหุ้น LINE จากผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมด เพื่อนำบริษัทออกจากตลาดหุ้น แล้วตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่เพื่อถือหุ้น Z Holdings ที่เป็นเจ้าของ Yahoo! Japan และ LINE ฝ่ายละ 50%

Naver บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของเกาหลีใต้ ประกาศว่าแอปบริการไลฟ์สตรีมมิ่งศิลปิน K-pop ของบริษัท V Live จะเพิ่มการโฟกัสและทำตลาดในอีก 4 ประเทศของเอเชีย ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น

ข้อมูลน่าสนใจคือ 4 ประเทศดังกล่าว Naver บอกว่า พิจารณาจากความนิยมศิลปิน K-Pop ที่นั่น โครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ระบบแฟมด้อมในประเทศ ตลอดจนภาพอุตสาหกรรมบันเทิงของประเทศนั้น ๆ เนื่องจาก Naver มีแผนจะร่วมมือกับบริษัทบันเทิงของแต่ประเทศ นำศิลปินเข้ามาไลฟ์ในแอปด้วยเช่นกัน

สำหรับประเทศไทย Naver จะใช้ LINE ในการทำการตลาดเป็นหลัก

ที่งาน LINE Developer Day 2018 บริษัท LINE เปิดตัวบริการ Chatbot Engine เครื่องมือสำหรับสร้างแชทบ็อต

ก่อนหน้านี้ LINE เปิดให้ทำแชทบ็อตอยู่แล้ว แต่กระบวนการยังค่อนข้างยุ่งยากและนักพัฒนาต้องทำงาน manual เยอะ แต่ด้วย Chatbot Engine ทำให้การสร้างแชทบ็อตง่ายขึ้น มี GUI ให้พร้อมสรรพสำหรับการกำหนดคำถาม-คำตอบของบ็อตด้วย

ทีมพัฒนาของ LINE ระบุว่าเบื้องต้นยังรองรับบ็อตที่แชทแบบข้อความเท่านั้น แต่ในอนาคตจะทำให้รองรับการคุยด้วยเสียงเช่นกัน

แอพเซลฟี่จากเกาหลีใต้ Snow ประกาศรับเงินเพิ่มทุนมูลค่ารวม 50 ล้านดอลลาร์ จาก SoftBank (บริษัทแม่ ไม่ใช่กองทุน Vision Fund) และกองทุน Sequoia ของจีน

Snow เป็นบริษัทในเครือของ Naver ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งแอพแชตอย่าง LINE โดยแอพ Snow เองได้ความนิยมสูงในเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และจีน เดิมแอพมีแนวทางเป็นเครือข่ายสังคมแบบ Snapchat แต่ต่อมาได้ปรับเน้นไปที่การเป็นแอพกล้อง AR ที่ใส่ลูกเล่นสติกเกอร์ และเอฟเฟกต์ต่างๆ ที่หลากหลาย

เคยมีรายงานว่า Facebook พยายามซื้อกิจการ Snow ในตอนที่เป็นเครือข่ายสังคมด้วย แต่ดีลไม่บรรลุ ปัจจุบัน Snow นอกจากมีแอพกล้อง AR นี้แล้ว ยังเป็นเจ้าของแอพถ่ายภาพอาหาร Foodie และแอพ B612 ที่ซื้อมาจาก LINE ด้วย

Naver ผู้ให้บริการเทคโนโลยีในเกาหลีใต้ ออกแถลงการณ์ขนาดยาวเรียกร้องให้ Google เปิดเผยข้อมูลรายได้จากการทำธุรกิจในประเทศ และยังระบุว่า Google ไม่ได้ก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพมากนักในเกาหลีใต้

ผู้ก่อตั้งของ Naver และอดีตประธาน Lee Hae-jin ระบุว่า ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทั้งในระดับโลกและระดับท้องถิ่นควรแข่งขันกันอยู่ในระดับที่เท่าเทียมกัน แต่บริษัทต่างชาติอย่าง Google และ Facebook กลับได้รับผลกำไรมหาศาลจากเกาหลีโดยไม่ต้องเสียภาษี ด้าน Google ก็โต้แย้งว่า Google จ่ายภาษีตามสมควรในเกาหลีและมีส่วนช่วยในการสร้างงานที่นี่ ก่อนหน้านี้ยังเคยบอกว่า "ข้อมูลเกี่ยวกับรายได้และกำไรของ Google ในเกาหลีจะถูกรายงานไปยังหน่วยงานด้านภาษีของเกาหลีอยู่แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ภาษีของเกาหลีได้ตรวจสอบบัญชีและพบว่าบริษัทปฏิบัติตามข้อกำหนดทุกอย่าง"

เกาหลีใต้เป็นประเทศหนึ่งที่พัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดหลังบอบช้ำจากสงครามในคริสต์ศตวรรษที่ 19 และทำได้ดีมาตลอดคือเรื่องเทคโนโลยีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ แต่ถ้าเป็นเรื่อง AI เกาหลีใต้ไม่ได้เป็นผู้นำโลกในด้านนี้

ตัวจุดประเด็นสำคัญคือนักแข่งเกมโกะชาวเกาหลีใต้ Lee Se-dol แพ้เกมให้กับปัญญาประดิษฐ์จาก Google สำนักข่าวรายงานว่าเป็นวันที่น่าเศร้าของเกาหลีใต้ บางสำนักข่าวพาดหัวว่าเป็นวิวัฒนาการที่น่าสะพรึงกลัวของปัญญาประดิษฐ์

ย้อนกลับไปงานประชุมนักพัฒนา Google เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Scott Huffman รองประธาน Google ระบุว่า ผู้ช่วยอัจฉริยะหรือ Google Assistant จากเดิมที่รองรับได้เพียงภาษาอังกฤษนั้น จะรองรับภาษาเกาหลี อิตาลีและสเปนให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ ล่าสุด Google ทำ Google Assistant เวอร์ชั่นภาษาเกาหลีปล่อยเป็นระบบทดลองใช้แล้ว

Naver บริษัทแม่ของ LINE เปิดเบราว์เซอร์ Whale รุ่นเบต้าให้คนทั่วไปทดสอบ หลังจากพัฒนาในวงปิดมานานถึงหกปี โดยตัวเบราว์เซอร์มีฟีเจอร์เด่นๆ เช่น การแบ่งจอซ้าย/ขวา (แบบเดียวกับ editor สำหรับการเขียนโปรแกรม), อ่านข้อความเป็นเสียง, พิมพ์ข้อความด้วยเสียงพูด, และการอ่านข้อความในภาพ

ตลาดเบราว์เซอร์ในเกาหลียังถูกครองโดย Internet Explorer ด้วยส่วนแบ่งถึง 88% ตามมาด้วยโครมที่ 6.8% เท่านั้น ต่างจากภูมิภาคอื่นๆ ที่โครมเริ่มนำ

โค้ดของ Whale ใช้ Chromium เป็นฐาน

ที่มา - Korea Herald

LINE เปิดปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ตัวแรกชื่อว่า Clova การทำงานของ Clova จะเป็นผู้ช่วยในหลายด้าน โต้ตอบผ่าน Clova App

การเปิดตัวในงาน Mobile World Congress 2017 ที่ผ่านมา สามารถสั่งงานได้ทั้งค้นหาเส้นทาง ติดต่อผู้คน หรือ ตอบโต้กับผู้ใช้ได้ สามารถจัดการระบบภายในบ้านคล้ายกับ Gatebox.ai

อุปกรณ์ Clova จะวางขายให้กับ 2 ประเทศคือญี่ปุ่นและเกาหลี ในช่วง Summer 2017 นี้ แบ่งเป็น 2 ผลิตภัณฑ์คือ Clova Smart Speaker Wave และ Clova Smart Display Face

ที่มา Clova, LINE NEWS

Naver บริษัทด้านอินเทอร์เน็ตและบริษัทแม่ของ LINE เปิดเผยว่า Naver Labs บริษัทลูกในเครือกำลังพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ไร้คนขับสำหรับธุรกิจ Ride-Sharing ในอนาคต (ยังอยู่ในช่วง R&D)

โฆษกของ Naver Lab ระบุว่าบริษัทต้องการจะบุกตลาดรถยนต์ไร้คนขับด้วยเช่นกัน แต่อย่างน้อยบริษัทยังไม่คิดจะเริ่มธุรกิจ Ride-Sharing ณ ตอนนี้ โดยเทคโนโลยีรถไร้คนขับของ Naver อยู่ในระดับ 3 หมายความว่ายังคงต้องมีคนนั่งอยู่หลังพวงมาลัย สำหรับกรณีฉุกเฉิน แต่ไม่จำเป็นต้องมีสมาธิกับถนนอยู่ตลอดเวลา

ก่อนหน้านี้ในปี 2016 Naver ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานความปลอดภัยด้านการขนส่งให้ติดตั้งเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติบนรถยนต์แล้ว แต่ยังคงรอใบอนุญาตขับขี่รถไร้คนขับจากกระทรวงคมนาคม

V LIVE เป็นบริการจากบริษัท Naver ประเทศเกาหลีใต้ (เจ้าของเดียวกับแอพแชท LINE) บริการนี้จะเปิดให้ศิลปินของเกาหลีสามารถถ่ายทอดสดกิจกรรมต่างๆ ของตนเองให้แฟนๆ ได้รับชมได้ รวมไปถึงเผยแพร่คลิปในโอกาสต่างๆ เช่นเปิดตัวอัลบั้ม เอ็มวีใหม่หรือการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินก็จะสามารถรับชมได้จากบริการนี้ได้ก่อนใคร ส่วนแฟนๆ ก็สามารถรับชมได้ผ่านทางเว็บไซต์ vlive.tv หรือแอพบน iOS และ Android ได้ และยังสามารถทักทายศิลปินผ่านแชทรวมไปถึงส่งความรู้สึกเป็นไอคอนรูปหัวใจให้ศิลปินได้

LINE ได้เริ่มเข้าทำการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กแล้วเมื่อคืนนี้ตามเวลาในไทย โดยใช้ตัวย่อ LN และก็ช่วยให้กระแสของหุ้นไอพีโอกลุ่มเทคโนโลยีสดใสต่อเนื่อง เพราะปิดการซื้อขายวันแรกที่ 41.50 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าราคาไอพีโอซึ่งอยู่ที่ 32.80 ดอลลาร์ (เช่นเดียวกับหุ้นเทคโนโลยีก่อนหน้านี้ Twilio)

หุ้นของ LINE จะซื้อขายในตลาดหุ้นทั้งนิวยอร์กและโตเกียว โดยของโตเกียวจะเริ่มซื้อขายในช่วงเช้าวันนี้ (15 กรกฎาคม) โดย LINE ถือเป็นหุ้นไอพีโอกลุ่มเทคโนโลยีที่มีการระดมทุนสูงที่สุดจนถึงตอนนี้ของปี 2016

ความท้าทายของ LINE จากนี้คือการแสดงให้เห็นทิศทางว่าบริษัทจะโตไปทางใด ปัจจุบัน LINE ได้รับความนิยมใน 3 ประเทศหลักคือญี่ปุ่น, ไทย และไต้หวัน โดยมีเป้าหมายที่ 4 คืออินโดนีเซีย ผู้ใช้งานรวมทั่วโลก 218 ล้านคน ซึ่งผู้บริหาร LINE กล่าวว่าการเติบโตจะมุ่งไปที่การขยายบริการที่หลากหลายครอบคลุม และเน้นเจาะท้องถิ่นให้มากขึ้น

ที่มา: Recode ภาพ @NYSE

ก่อนจะเปิดตลาดขาย IPO อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ LINE ประกาศราคาเริ่มต้นของ IPO ล่าสุดขึ้นไปอยู่ที่หุ้นละ 32.80 เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากการประกาศก่อนหน้านี้มาประมาณ 8 เหรียญ

Tech in Asia ระบุว่าความเปลี่ยนแปลงนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากความผันผวนในตลาดหลังประชามติในสหราชอาณาจักร และจะทำให้ยอดระดมทุนเพิ่มขึ้นจากเดิมมาอยู่ที่ประมาณ 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดย LINE จะขาย IPO ที่ 35 ล้านหุ้น พร้อมด้วยเป็นหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment Portion) อีก 5.25 ล้านหุ้น

ที่มา - Tech in Asia