หลังกฎหมายความมั่นคงฮ่องกงมีผลบังคับใช้ส่งผลให้บริษัทเทคโนโลยีต้องสำรวจว่าจะมีผลต่อตลาดอย่างไรบ้าง โดยบริษัทขนาดใหญ่ๆ มักระบุว่ากำลังสำรวจผลกระทบแต่บริษัทท้องถิ่นหรือบริษัทเล็กลงมาก็เริ่มเดินหน้าย้ายออกจากฮ่องกงแล้ว
รายใหญ่ที่สุดคือ Naver จากเกาหลีใต้ที่ก่อนหน้านี้เคยใช้ฮ่องกงเป็นศูนย์ข้อมูลสำรองร่วมกับสิงคโปร์ได้ตัดสินใจย้ายข้อมูลส่วนบุคคลไปสิงคโปร์ แม้ว่าจะยืนยันว่ารัฐบาลฮ่องกงยังไม่เคยขอข้อมูลมายังบริษัท
บริษัทขนาดเล็กกว่านั้นอย่างบริษัทซอฟต์แวร์ Oursky ระบุว่าหากบริษัททำตามกฎหมายฮ่องกงอาจจะกลายเป็นการละเมิดระเบียบในชาติอื่นที่เป็นลูกค้า ทำให้ตอนนี้เตรียมแผนเปิดสำนักงานในลอนดอนและญี่ปุ่นเพิ่มเติม ขณะที่บริษัท Measurable AI ที่ลูกค้ากว่าครึ่งอยู่ในสหัฐฯ ก็เตรียมย้ายธุรกิจบางส่วนไปสิงคโปร์และนิวยอร์ค
ก่อนหน้านี้ Structure Research เคยคาดว่าฮ่องกงจะมีรายได้จากศูนย์ข้อมูลถึงห้าหมื่นล้านบาทในปี 2023
ที่มา - Nikkei Asian Review, Japan Times
ภาพจาก Shutterstock
Comments
เริ่ม ย้าย ออกกัน แล้ว
สิงคโปร์โตขึ้่นแน่นอน
ผมแทงโตเกียวมากกว่านะครับ โดยเฉพาะด้านการเงิน (เชื่อมต่อยุโรปเร็วกว่า)
แต่เอาจริงก็คงแบ่งๆ กันไป
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้าไปก็แถวๆ สิงค์โปร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น
เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ
หนึ่งประเทศ สองระบบเป็นแค่นิยาย
ไม่มีใครมาไทยบ้างเหรอ?
ดูยังไงฮ่องกงก็พินาศแน่ๆ
อย่างจีนเองดูท่าก็คงไม่สนฮ่องกงแล้ว จะพังก็พังไป ดีกว่าปล่อยเสี้ยนหนามของจีนเอาไว้
ส่วนอเมริกา ก็จะเล่นงานจีนอย่างเดียว ถ้าฮ่องกงจะพังมันก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ขอแค่ให้จีนเจ็บใจ หรือมีเลือดตกยางออกบ้างก็ยังดี
ประชาธิปไตยนี่ ให้ความรู้สึกถึงการครอบงำทางความคิดแบบสุดโต่งอย่างบอกไม่ถูกเลยนะครับ
ขอแค่ประชาธิปไตย เหตุผลหรือหายนะอย่างอื่น ไม่สนใจ ใครจะชิบหาย ประเทศจะพัง ช่างมัน
ปิดหูปิดตา สนใจแค่ประชาธิปไตย ใคเรห็นต่าง รุมด่า รุมประนาม
ใครมีชื่อเสียงแล้วไม่เข้าร่วม ก็เรียกพวกไปรุม ระราน ให้เขามาเข้าร่วม
ถ้าเขาไม่มา ก็โยนให้เขาเป็นฝั่งตรงข้าม แล้วเข้าไปรุมด่า
ทำไมประชาธิปไตย ต้องเต็มไปด้วยความเกลียดชังขนาดนั้น
ทั้ง ๆ ที่คอนเซปมันก็ดีแท้ ๆ
น่ากลัวจริง ๆ
หืม มีใครไปครอบงำความคิดใครในช่องความคิดเห็นในข่าวนี้หรือ
ผมหมายถึงสิ่งที่เห็นในโลกข้างนอกน่ะครับ
หรือต้องพูดเกี่ยวกกับข่าวเท่านั้นเหรอ
แต่มันก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับข่าวอยู่นะ ถึงจะไม่ทั้งหมดก็เถอะ
เป็นช่วงของการต่อสู้ทางความคิด ไม่แปลกจะมีความขัดแย้ง แน่นอนว่าทุกฝั่งมีกลุ่มหัวรุนแรง แบ่งเขาแบ่งเราอยู่เสมอ ซึ่งต้องพยายามห้ามปรามและให้เค้าเห็นคุณค่าของคนทุกคน เพราะประชาธิปไตยคือการหาแนวร่วมทางความคิดให้ได้มากที่สุด การทำให้ฝั่งตรงข้ามไม่สามารถเข้าเป็นแนวร่วมใหม่ได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ
แต่สุดท้ายปลายทางความขัดแย้งของแนวคิดพื้นฐาน ประชาธิปไตยจะให้ประโยชน์กับทุกคนได้มากกว่า
ผมเห็นด้วยกับคอนเซปนี้นะครับ
ถ้าเกิดทำตามวิธีที่ถูกต้องกัน มันจะดีมาก ๆ เลย
แต่ภาพที่เห็นคือ ไม่มีเหตุผลกันแล้ว
เน้นโจมตี บิดเบื้อนข้อมูล แล้วก็รุมด่า
ซึ่งมันก็มีเหตุผลและช่องทางที่ถูกต้องให้ไปได้แบบหล่อ ๆ เลย
แบบ เรืองนี้ฝั่งคุณทำดีนะ แต่ถ้าเกิดทำ x y z จะดีกว่านี้มาก
แต่ไม่มีเลย ไม่มีเหตุผล ไม่มีทางออกอื่นมาเสนอ
เน้นโจมตี บิดเบือน สร้างความเกลียดชัง รัว ๆ
ไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่กับแนวทางแบบนี้
แต่มันก็มีทางเลือกอื่นอยู่ คนที่พยายามเสนอแนวทางมาตลอด
แต่คนก็ไม่ค่อยสนใจกันเท่าไหร่ จะไปกระจุกอยู่แต่กับคนที่สร้างความเกลียดชัง