กูเกิลออกระบบปฏิบัติการ Wear OS 5.1 รุ่นพรีวิวมาแบบเงียบๆ การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือเปลี่ยนแกนของระบบปฏิบัติการจาก Android 14 ที่ใช้ใน Wear OS 5.0 มาเป็น Android 15 รุ่นใหม่ล่าสุด
ความน่าสนใจคือกูเกิลไม่ปรับเลขเวอร์ชันของ Wear OS ขึ้นเป็นเลข 6 (เวอร์ชันใหญ่) ตามรอบของ Android หลักแล้ว กูเกิลยังไม่มีคำอธิบายใดๆ ว่าทำไมถึงเลือกตั้งเลขเวอร์ชันเป็น 5.1 แต่คาดว่าเป็นเพราะมีฟีเจอร์ใหมเข้ามาไม่เยอะนัก ในแง่ผู้ใช้น่าจะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย
นอกจากตัวแกนระบบปฏิบัติการแล้ว ฟีเจอร์ใหม่สำหรับอุปกรณ์สวมใส่มีเพิ่มเข้ามา 2 อย่าง ได้แก่
ถ้าจะเข้าไปลงทุนสร้างโรงงานผลิตสมาร์ตโฟนในอินโดนีเซีย มีกฎข้อหนึ่งที่ต้องทำตาม คือต้องใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในอินโดนีเซียไม่น้อยกว่า 35% นี่คือประเด็นที่ทำให้ iPhone และ Google Pixel ถูกอินโดนีเซียสั่งห้ามซื้อขาย
ในทางตรงกันข้าม Oppo มีสัดส่วนตรงนี้ราว 36-37% โดยข้อมูลจากฝั่งโรงงานผลิตบอกว่า ชิ้นส่วนที่ Oppo ซื้อจากซัพพลายเออร์ในประเทศ มีทั้งแบตเตอรี่ บรรจุภัณฑ์ อแดปเตอร์ รวมถึงสาย USB และมีแผนที่จะซื้อเพิ่มเติมอีกด้วย
แผนกวิจัยของ DeepMind ขึ้นชื่อเรื่องการนำโมเดล machine learning ไปใช้กับงานวิจัยแขนงต่างๆ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ AlphaFold ใช้ช่วยงานวิจัยโปรตีนจนได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมี
ล่าสุด DeepMind เผยแพร่งานวิจัย AlphaQubit ในวารสาร Nature เป็นการนำเทคนิค machine learning ของ DeepMind ไปช่วยงานวิจัยด้านควอนตัมคอมพิวเตอร์ของทีม Google Quantum AI
Android เพิ่มฟีเจอร์ Restore Credentials ภายใต้ Credential Manager API ให้นักพัฒนาแอพสามารถคืนค่าแอพของผู้ใช้เวลาย้ายเครื่อง โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องล็อกอินใหม่อีกครั้ง
หลักการของ Restore Credentials คือแอพจะบันทึก restore key เข้าไปใน Android Credential Manager ของเครื่อง ซึ่งจะแบ็คอัพคีย์เหล่านี้ไว้บนคลาวด์ของกูเกิลให้ด้วย เมื่อผู้ใช้ย้ายเครื่องใหม่ โอนถ่ายตัวไฟล์แอพ ข้อมูล และคีย์ มายังเครื่องใหม่ แอพจะขอ restore key เพื่อล็อกอินบัญชีผู้ใช้อีกรอบ ผู้ใช้เปิดแอพมาครั้งแรกจึงไม่ต้องล็อกอินใหม่อีกเลย
กูเกิลบอกว่า restore key เป็น public key ที่เข้ากันได้กับระบบจัดการ passkey / FIDO 2 จึงผ่านมาตรฐานความปลอดภัยที่ใช้ในอุตสาหกรรมอยู่แล้ว
เว็บ Android Authority อ้างข้อมูลที่ได้มาบอกว่ากูเกิลได้ยกเลิกโครงการพัฒนาแท็บเล็ต Pixel Tablet 2 แล้ว โดยเป็นการเสริมกับข้อมูลก่อนหน้านี้จาก Android Headlines ที่บอกเมื่อวันก่อนว่ากูเกิลสั่งยกเลิกโครงการ Pixel Tablet 3 แล้ว ซึ่งหากเป็นตามนี้จริงก็เป็นการถอยจากตลาดแท็บเล็ตของกูเกิลเองรอบที่สอง
กูเกิลเคยออกแท็บเล็ต Pixel Slate ในปี 2018 และไม่มีแท็บเล็ตใหม่ออกมาเลยจนกระทั่งปี 2023 ได้เปิดตัว Google Pixel Tablet ออกมา
กูเกิลเปิดตัวแอพย้ายข้อมูลข้ามอุปกรณ์ Android ตัวใหม่ชื่อ Android Switch ที่ก่อนหน้านี้เริ่มใช้กับ Pixel 9 มาก่อนแล้ว แต่จะเริ่มใช้กับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นๆ ในปี 2025 เป็นต้นไป
Android Switch เป็นแอพที่ช่วยคัดลอกข้อมูลจากมือถือเครื่องเก่า ที่กระบวนการแบบ post-setup data copy เกิดขึ้นภายหลังเซ็ตมือถือเครื่องใหม่เสร็จแล้ว (สำหรับคนที่เซ็ตมือถือใหม่ก่อน แล้วค่อยมาย้ายข้อมูลภายหลัง) ตัวแอพออกแบบมาให้ยืดหยุ่น เข้าใจง่ายขึ้น และมีตัวเลือกย้ายเฉพาะข้อมูลที่เก็บบนมือถือ ไม่ต้องย้ายข้อมูลที่เก็บบนคลาวด์อยู่แล้วให้ซ้ำซ้อน
Google Play ประกาศแอป Android แห่งปีรางวัล Google Play's Best of 2024 ซึ่งให้กับแอป เกม ทั้งจากการคัดสรรของทั้งโดยทีมงาน และจากความนิยมของผู้ใช้งาน
รางวัลแอปดีที่สุดปีนี้เป็นของ Partiful แอปสำหรับสร้างคำเชิญร่วมงานเลี้ยง ซึ่งมีลูกเล่นทั้งการออกแบบคำเชิญ ระบบจัดการ RSVP ที่เรียบง่าย ส่วนแอปเกมปีนี้เป็นของ AFK Journey เกม RPG แบบโอเพนเวิลด์
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ยื่นเรื่องไปยังศาลอย่างเป็นทางการ ให้มีคำสั่งแยก Chrome ออกจาก Google มาเป็นอีกบริษัท หลังศาลมีคำตัดสินว่า Google มีพฤติกรรมผูกขาด Search
กระทรวงยุติธรรมอ้างอิงคำอธิบายของผู้พิพากษา Amit Mehta ที่ระบุในคำตัดสินว่า เบราเซอร์ Chrome มีส่วนช่วยในการผูกขาด Search ซึ่งนอกจากการแยกบริษัทแล้ว กระทรวงยังเสนอให้ Google เปิดไลเซนส์เรื่องข้อมูล อัลกอริทึม การแสดงผลการค้นหา ให้คู่แข่งนำไปใช้ปรับปรุงบริการของตัวเอง ไปจนถึงเรื่องความโปร่งใสในการแสดงผลโฆษณาและต้อยอมให้เว็บไซต์ opt-out การนำข้อมูลไปใช้เทรน AI
กูเกิลเพิ่มความสามารถให้ Gemini Advanced สามารถจดจำข้อมูลพื้นฐานที่ผู้ใช้งานต้องการได้แล้ว เช่น อาชีพ ความสนใจ หรืองานอดิเรก เพื่อให้ Gemini สามารถให้คำตอบที่ตรงกับความต้องการมากยิ่งขึ้น
ในการใช้งานให้ไปที่ Settings > Saved info แล้วเพิ่มข้อมูลที่ต้องการ Gemini จดจำอ้างอิงในการให้คำตอบ ในระหว่างการสนทนาผู้ใช้งานยังสามารถสั่งให้ Gemini เพิ่มข้อมูลใน Saved info ได้ด้วย ข้อมูลนี้สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขได้ตามที่ต้องการ
ฟีเจอร์ Saved info รองรับเฉพาะผู้ใช้งาน Gemini Advanced บัญชีบุคคลเท่านั้น ไม่รองรับในบัญชีองค์กรหรือการศึกษา ตอนนี้รองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ และยังไม่สามารถใช้งานกับ Gemini Live ได้
Mishaal Rahman บล็อกเกอร์สาย Android ชื่อดัง อ้างแหล่งข่าวภายในกูเกิลว่า บริษัทกำลังพยายามรวม ChromeOS เข้ากับ Android เพื่อแก้ปัญหาระบบปฏิบัติการทั้งสองตัวไม่เหมาะสำหรับแท็บเล็ตมากนัก และเสียตลาดนี้ให้ iPad มายาวนาน
การที่ Android ออกแบบมาสำหรับโทรศัพท์มือถือ และ ChromeOS ออกแบบมาสำหรับโน้ตบุ๊ก ทำให้การใช้งานบนแท็บเล็ตนั้นขาดๆ เกินๆ ด้วยกันทั้งคู่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมากูเกิลพยายามแก้ปัญหาโดยเพิ่มฟีเจอร์ให้แต่ละฝั่ง แต่ก็ไม่สำเร็จนัก ไอเดียล่าสุดของกูเกิลในตอนนี้คือหลอมรวมระบบปฏิบัติการทั้งสองเข้าด้วยกัน แต่จะเป็นฝั่ง ChromeOS ย้ายเข้ามาหา Android
กูเกิลออก Android 16 Developer Preview 1 ตามที่เคยประกาศไว้ว่าจะออก Android API สองรุ่นในปี 2025 โดยจะออกรุ่น Major SDK ในไตรมาส 2 และ Minor SDK ในไตรมาส 4
Android 16 DP1 เป็นรุ่นพรีวิวของ Major SDK ที่จะออกในไตรมาส 2 เพื่อให้สอดคล้องกับการออกมือถือใหม่ของพาร์ทเนอร์ในช่วงไตรมาส 3 ส่วนการออกรุ่น Minor SDK ในไตรมาส 4 ยังไม่ระบุว่าจะใช้เลขเวอร์ชันอย่างไร (เช่น 16.1 หรือ 17)
NVIDIA ประกาศความร่วมมือกับทีม Google Quantum AI เพื่อช่วยให้กูเกิลสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมได้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยให้ยืมซูเปอร์คอมพิวเตอร์ NVIDIA Eos ของตัวเอง รันซิมูเลเตอร์ จำลองการประมวลผลควอนตัมผ่านแพลตฟอร์ม CUDA-Q
ที่ผ่านมา กูเกิลมีงานวิจัยด้านคอมพิวเตอร์ควอนตัมมายาวนาน แต่การสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่มีจำนวน qubit สูงๆ และรันการประมวลผลต่อเนื่องไปนานๆ จะเริ่มเจอปัญหา noise เพิ่มขึ้นจนไม่สามารถประมวลผลต่อได้ ถือเป็นข้อจำกัดสำคัญในการสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมในปัจจุบัน
Bloomberg อ้างแหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ว่าทางกระทรวงจะเดินหน้าขอให้ผู้พิพากษาสั่งให้กูเกิลขายธุรกิจ Chrome ออกไป ในคดีที่ศาลตัดสินแล้วว่ากูเกิลมีพฤติกรรมผูกขาด search engine
คดีนี้เพิ่งตัดสินในศาลชั้นต้นไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2024 ว่ากูเกิลมีความผิดจริง ซึ่งกระทรวงยุติธรรมในฐานะผู้ฟ้องจะต้องเสนอมาตรการเยียวยาตลาดเพื่อลดผลจากการผูกขาดของกูเกิลลง ซึ่งขึ้นกับผู้พิพากษาในคดีว่าจะรับข้อเสนอนี้หรือไม่ แต่กูเกิลประกาศแล้วว่าจะยื่นอุทธรณ์
Google Docs เพิ่มฟีเจอร์สร้างภาพ AI ด้วยโมเดลภาพรุ่นใหม่ล่าสุดของกูเกิลคือ Imagen 3 จากในแถบ sidebar ด้านข้างของ Google Docs โดยตรง
วิธีการตรงไปตรงมาคือเลือกเมนู Create an image แล้วใส่ prompt ตามต้องการได้เลย สามารถเลือกสัดส่วนและสไตล์ของภาพแบบเจาะจงได้ด้วย
ฟีเจอร์นี้ทยอยเปิดใช้แล้วกับลูกค้า Google Workspace ที่มีแพ็กเกจ Gemini หรือ Google One AI Premium
กูเกิลประกาศเพิ่มความสามารถใหม่ให้ Gemini สำหรับลูกค้าองค์กร Google Workspace เพื่อให้ใช้งาน Gemini ในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น
โดย Gems เครื่องมือสร้างคัสตอมแชทบอตที่กำหนดความสามารถเฉพาะ ซึ่งกูเกิลบอกว่าเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ลูกค้า Gemini Advanced ใช้งานมากที่สุด รองรับไฟล์ข้อมูลหลายฟอร์แมตได้แก่ Google Docs, Google Sheets, TXT, DOC, DOCX, PDF, RTF, DOT, DOTX, HWP, HWPX, XLS, XLSX, CSV, TSV โดยกรณีของ Google Docs และ Google Sheets นั้น Gems จะเรียนรู้ข้อมูลใหม่เมื่อพบการอัปเดตไฟล์ด้วย
กูเกิลยังเพิ่ม Premade Gems ชุดคัสตอมแชทบอตที่กำหนดความสามารถเฉพาะด้านมาแล้ว เช่น การตลาด, การขาย, การจ้างงาน, การเขียนก๊อปปี้ เป็นต้น
MLPerf ชุดทดสอบความสามารถคอมพิวเตอร์และการ์ดเร่งความเร็วสำหรับงานด้าน machine learning โดยเฉพาะ ออกผลทดสอบเวอร์ชั่น 4.1 ที่เน้นวัดความสามารถในการฝึกปัญญาประดิษฐ์กลุ่ม generative AI ทั้งการสร้างข้อความและภาพ โดยผลในรอบนี้มีผู้แข่งสำคัญเพียงสองราย คือ NVIDIA และ Google
NVIDIA โชว์ผลทดสอบการฝึก Llama 2 70B แบบ fine-tuning เซิร์ฟเวอร์ DGX B200 เครื่องเดียว ใช้การ์ด B200-SXM แรม 180GB จำนวน 8 ใบ พร้อมซีพียู Xeon Platinum 8570 สามารถฝึก Llama 2 70B ได้เสร็จใน 12.958 นาที เทียบกับ H200 ที่ใช้เวลาประมาณ 24 นาที ขณะที่การฝึก GPT3 สามารถใช้ DGX B200 จำนวน 8 เครื่องฝึกเสร็จใน 193.738 นาทีนับเป็นคลัสเตอร์ขนาดเล็กที่สุดในที่ส่งผลทดสอบนี้
หลังจากเปิดให้ดาวน์โหลดในบางประเทศ ตอนนี้ Google Gemini เวอร์ชันสำหรับ iOS ได้เปิดให้ดาวน์โหลดใน App Store ของประเทศไทยแล้ว ซึ่งในอันดับแอปฟรียอดนิยมของสโตร์ประเทศไทยล่าสุดอยู่ที่อันดับ 6
Google Gemini เป็นแอปแยกสำหรับใช้งานปัญญาประดิษฐ์ Gemini โดยเฉพาะ จากเดิมต้องใช้งานผ่านแอป Google ซึ่งในแอปแยกนี้มีความสามารถการสั่งงานด้วยเสียงเพิ่มเติม ส่วนฝั่ง Android มีแอปแยกออกมาก่อนหน้าแล้ว
แอพ Gemini บนมือถือ Android เริ่มเปิดให้ใช้งานส่วนขยาย (extension) สำหรับควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมผ่านแพลตฟอร์ม Google Home
แอพ Gemini ในช่วงแรกๆ ยังขาดฟีเจอร์ด้านการควบคุมและสั่งการแอพ-อุปกรณ์ภายนอกแบบเดียวกับที่ Google Assistant เคยทำได้ แนวทางของกูเกิลคือค่อยๆ เปิดให้ใช้งานผ่าน extension ซึ่งก่อนหน้านี้ เพิ่งออก Utilities Extension ที่สั่งงานแอพตัวอื่นๆ ในสมาร์ทโฟนได้
ฟีเจอร์ของข่าวนี้คือ Google Home Extension ต้องเปิดใช้งานในหน้า Settings ของแอพ Gemini ก่อน จากนั้นเราสามารถสั่งงานให้ Gemini เปิดไฟ ปรับแอร์ ปิดผ้าม่าน ควบคุมทีวี ปรับเสียงลำโพง ฯลฯ ได้แบบเดียวกับที่ทำผ่านแอพ Google Home
มีรายงานว่ากูเกิลได้เริ่มปล่อยแอป Google Gemini เวอร์ชัน iOS โดยสถานะตอนนี้ยังทดสอบเฉพาะในบางพื้นที่ หลังจากมีแอป Android ออกมาแบบจำกัดกลุ่มตั้งแต่ต้นปี
ปัจจุบันผู้ใช้งาน iOS สามารถเรียกใช้ฟีเจอร์ Gemini ผ่านแอป Google ได้ แต่ในแอป Gemini จะมีฟีเจอร์สั่งงานด้วยเสียง Gemini Live เพิ่มมา ซึ่งผู้ใช้ Android ได้ฟีเจอร์นี้ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษทั้งหมดแล้ว
ในตอนนี้พบว่ามีเฉพาะ App Store ของฟิลิปปินส์ที่มีแอป Google Gemini ให้ดาวน์โหลด ซึ่งกูเกิลยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะเพิ่มเติมพื้นที่ทดสอบอย่างไร
กูเกิลจับมือกับบริษัท Sourcegraph ผู้พัฒนา AI ช่วยเขียนโค้ดชื่อ Cody ทดลองนำโมเดล Gemini 1.5 ที่รองรับอินพุตขนาดยาว 1 ล้านโทเคน ว่าช่วยให้คุณภาพของคำตอบดีขึ้นอย่างไร
Cody เป็นการนำ AI มาอ่านโค้ดภายในขององค์กรลูกค้า เพื่อช่วยให้ค้นหาและแนะนำการเขียนโค้ดใหม่ ใช้ร่วมกับ IDE ยอดนิยมทั้ง Visual Studio และตระกูล JetBrains ได้ โมเดลภาษาที่ Cody เลือกใช้งานเป็นโมเดลยอดนิยมหลายตัวในตลาด เช่น Claude 3/3.5, GPT-4o, Gemini, Mixtral (ลูกค้าเลือกเองโมเดลได้) โดยโมเดลที่ใช้งานในระดับโปรดักชันมีขนาด context window ยาว 10,000 โทเคน (10k)
กูเกิลประกาศว่า Google Vids แอปสร้างวิดีโอนำเสนอเอกสารด้วยปัญญาประดิษฐ์ Gemini จะเริ่มเปิดให้ใช้งานได้ทั่วไปแล้วสำหรับลูกค้า Workspace บางกลุ่ม ได้แก่ Business, Enterprise, Essentials และ Education Plus จากก่อนหน้านี้เปิดให้ใช้งานผ่าน Workspace Labs เฉพาะลูกค้าที่จ่ายแพ็คเกจเสริม Gemini for Workspace
Google Vids เปิดตัวมาตั้งแต่เดือนเมษายน ให้ผู้ใช้งานสร้างวิดีโอนำเสนอจากเอกสารใน Google Drive สามารถเลือกรูปแบบ ปรับแต่งภาพที่แทรก ไปจนถึงรายละเอียดเล็กน้อย สามารถแทรกวิดีโอบรรยายของตนเอง หรือบันทึกหน้าจอ หรือไฟล์เสียง เข้าไปเพิ่มเติมได้ด้วย
ต้องยอมรับว่ากูเกิลเปิดตัว Gemini หลัง ChatGPT เป็นเวลานานพอสมควร ทำให้ตลาด AI/LLM มุ่งไปที่ฝั่ง OpenAI กันหมด แอพที่เรียกใช้งาน LLM จึงมักเขียนเพื่อรองรับโมเดลของฝั่ง OpenAI โดยเรียกใช้ OpenAI Library (ทั้งที่เป็น official และ unofficial) กันซะเป็นส่วนใหญ่
ล่าสุดกูเกิลประกาศ "แฝงตัว" ให้รองรับการเรียกใช้ Gemini ผ่าน OpenAI Library ได้แล้ว ช่วยลดภาระการแก้โค้ดลง โดยโค้ดสามารถเรียกใช้ OpenAI Library ได้เหมือนเดิม แต่ในส่วนของโมเดลเปลี่ยนเป็นเรียก Gemini แทน ช่วยให้แก้โค้ดเพียงไม่กี่บรรทัดเท่านั้น
Google Maps กำลังอัปเดตฟีเจอร์ใหม่เพื่อให้ระบบนำทางมีความแม่นยำและสะดวกต่อผู้ใช้มากขึ้น เช่น การแสดงเส้นนำทางสีฟ้าบ่งบอกเลนที่ต้องขับชัดเจน พร้อมแสดงทางม้าลาย ป้ายจราจร โดยจะใช้ได้ใน 30 เมืองในสหรัฐฯ ทั้งบน Android และ iOS
Google Maps ยังเพิ่มฟีเจอร์ให้คำแนะนำสถานที่ปลายทาง โดยจะแนะนำข้อมูลของจุดหมายปลายทางทั้งทางเข้าอาคาร ลานจอดรถ และเส้นทางเดินไปยังประตูด้านหน้า และยังเพิ่มระบบรายงานสภาพอากาศที่อาจส่งผลต่อการขับขี่
นอกจากนี้ Google ยังเพิ่มฟีเจอร์ AI เพื่อช่วยค้นหาสถานที่ใหม่ๆ และทดสอบการรายงานเหตุการณ์ด้วยเสียงผ่าน Waze อีกด้วย
แนวทางของกูเกิลนั้นชัดเจนว่า ต้องการเอา Gemini มาเป็นผู้ช่วย AI แทน Google Assistant แต่ถึงแม้ Gemini สนทนาภาษามนุษย์ได้ลื่นไหลกว่า กลับยังขาดฟีเจอร์สั่งงานหลายๆ อย่างของ Assistant ทำให้ยังไม่สามารถแทนกันได้อย่างสมบูรณ์
ล่าสุด 9to5google รายงานว่า Gemini เริ่มออกส่วนขยายกลุ่ม Utilities Extension ที่สั่งงานควบคุมมือถือได้แบบเดียวกับที่ Assistant ทำได้แล้ว เช่น ตั้งนาฬิกาปลุก, ตั้งนาฬิกาจับเวลา, เปิดแอพ, เปิดเว็บ, ถ่ายภาพแบบตั้งเวลา, ปรับระดับเสียง, ปรับระดับความสว่างหน้าจอ, หยุด-เล่นเพลงหรือวิดีโอ เป็นต้น
ปัจจุบันโมเดล LLM เก่งๆ มีหลากหลายโมเดล แต่ส่วนใหญ่ถูกพัฒนาจากกรอบของภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่นที่เป็นภาษาหลักของโลก รวมถึงชุดข้อมูลและการปรับแต่ง ก็ถูกตีกรอบด้วยอิทธิพลและมุมมองจากตะวันตกเป็นหลัก ทำให้ในหลายๆ ประเทศ หลายๆ ภูมิภาค ที่มีภาษาและบริบททางวัฒนธรรมเฉพาะ ไม่สามารถเข้าถึง LLM ได้ ซึ่งบริษัทใหญ่ๆ ก็คงไม่เน้นพัฒนาให้ หรือประเทศนั้นๆ จะพัฒนาเอง ก็ไม่ได้มีทรัพยากรเพียงพอ