BlackBerry แจ้งนักวิเคราะห์ว่าบริษัทจะยกเลิกการประชุมนักวิเคราะห์และถามตอบกับผู้บริหาร หลังจากที่บริษัทรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสในวันศุกร์นี้ โดยให้เหตุผลว่าตอนนี้ Fairfax ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้เสนอขอซื้อหุ้นคืนทั้งหมด ทำให้บรรยากาศไม่เหมาะสมในการเปิดให้ถามตอบตอนนี้

BlackBerry รายงานตัวเลขประเมินผลประกอบการไตรมาสก่อนหน้านี้ว่าจะขาดทุนเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์ และปลดพนักงานออก 4,500 คน ยิ่งเมื่อรวมกับการถูกซื้อกิจการโดยผู้ถือหุ้นรายเดียว ก็ทำให้สถานการณ์บริษัทตอนนี้ค่อนข้างอึมครึมเกินกว่าที่ผู้บริหารจะชี้แจงได้นั่นเอง

BlackBerry แถลงข่าวผลประกอบการไตรมาสที่สองล่วงหน้าประมาณหนึ่งอาทิตย์ โดยขาดทุนเกือบพันล้านเหรียญในไตรมาสที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังเตรียมปลดพนักงานประมาณ 4,500 คน และจะเปลี่ยนทิศทางของบริษัท โดยเน้นไปยังตลาดระดับองค์กรและโปรซูเมอร์ ซึ่งคือกลุ่มลูกค้าที่เคยเป็นหัวใจหลักของ BlackBerry

โดยรายละเอียดคร่าวๆมีดังนี้ครับ

Adobe รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2013 สิ้นสุดเดือนสิงหาคมตามปฏิทินการเงินบริษัท รายได้ 995.1 ล้านดอลลาร์ ลดลง 7.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 164.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งยังคงเป็นผลจากการที่บริษัทไปเน้นบริการออนไลน์ Creative Cloud แทนการขายซอฟต์แวร์แบบเดิม ส่งผลต่อรายได้และกำไรในระยะสั้น

เมื่อบริษัทปรับกลยุทธ์มาเน้น Creative Cloud ก็ต้องดูตัวเลขจำนวนผู้ใช้งาน ซึ่งสิ้นสุดไตรมาสนี้ก็มีผู้ใช้บริการแล้วมากกว่า 1,031,000 คน เพิ่มขึ้นมามากกว่า 300,000 คนจากไตรมาสที่แล้ว ทั้งนี้เป้าหมายของ Adobe คือมีผู้ใช้ภายในสิ้นปีเกิน 1,250,000 คน

ไมโครซอฟท์ประกาศวันนี้ว่าบอร์ดบริหารมีมติให้เพิ่มเงินปันผลรายไตรมาส จากเดิม 0.23 ดอลลาร์ เป็น 0.28 ดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 22% โดยมีผลเดือนธันวาคมปีนี้ นอกจากนี้บอร์ดยังมีมติให้ขยายระยะเวลาซื้อหุ้นบริษัทคืน เป็นวงเงินรวมถึง 40,000 ล้านดอลลาร์ โดยไม่มีกำหนดอายุโครงการ จากเดิมที่โครงการจะหมดอายุในวันที่ 30 กันยายน 2013

ซีเอฟโอ Amy Hood บอกว่ามติของบอร์ดนี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการคืนเงินให้กับผู้ถือหุ้นไมโครซอฟท์

ทั้งนี้ไมโครซอฟท์เริ่มจ่ายเงินปันผลในปี 2003 ที่ 0.08 ดอลลาร์ต่อหุ้น และทยอยปรับเพิ่มเงินปันผลมาโดยตลอดทุกปีครับ

ที่มา: ไมโครซอฟท์

Barnes & Noble รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปี 2014 ตามปีปฏิทินบริษัท รายได้ลดลง 8.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และบริษัทขาดทุนอีก 87 ล้านดอลลาร์ โดยส่วนธุรกิจ Nook มีรายได้ลดลงถึง 20.2%

Michael Huseby ซีอีโอระบุว่าจากไตรมาสก่อนหน้านี้มีการสื่อสารว่าบริษัทจะเลิกผลิต Nook นั้นเป็นความเข้าใจผิด โดยบริษัทจะยังคงควบคุมการออกแบบฮาร์ดแวร์และแพลตฟอร์มต่อไป ตั้งแต่กลุ่มสินค้าอีรีดเดอร์จอขาวดำ ไปจนถึงแท็บเล็ตหน้าจอสี เนื่องจากหากบริษัทยังต้องการขายเนื้อหา ก็จำเป็นต้องมีฮาร์ดแวร์เป็นของตัวเอง

เลอโนโวประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของปีบัญชี 2013 รายได้รวม 8.8 พันล้านดอลลาร์ กำไรรวม 170 ล้านดอลลาร์ เป็นรายได้จากตลาดจีนไปถึง 3.7 พันล้านดอลลาร์ ที่เติบโตดีที่สุดคือสหรัฐฯ มีรายได้รวม 1.9 พันล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว 29% ขณะที่ยุโรปมีรายได้ 1.9 พันล้านดอลลาร์เท่ากัน และเติบโต 18%

ตลาดที่สวนทางกับตลาดอื่นๆ คือ เอเชียแปซิฟิก รายได้ 1.3 พันล้านดอลลาร์ รายงานไม่ระบุความเปลี่ยนแปลงโดยตรง แต่ระบุว่ายอดส่งมอบลดลง 8.1% แต่เน้นว่าเฉพาะในอาเซียนนั้น บริษัทยังทำได้ดี โดยมีส่วนแบ่งเป็นอันดับสอง อยู่ที่ 13.2%

Cisco รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2013 ตามปีการเงินบริษัท มีรายได้ 12.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2.8 พันล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ในช่วงแถลงผลประกอบการ ซีอีโอ John Chambers ได้ประกาศว่าบริษัทจะปลดพนักงานลง 4,000 คน หรือคิดเป็น 5% ของพนักงานรวมทั้งหมด โดยมีสาเหตุจากเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวช้า ทำให้การเติบโตของบริษัทไม่สามารถเป็นไปได้อย่างที่คาดหวัง

ที่มา: All Things D และ Tech Trader Daily

สามบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในไทยได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 ครบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ข่าวไตรมาส 1/2556) ช่วงไตรมาสที่ผ่านมาถือว่ามีความเคลื่อนไหวอยู่มากในอุตสาหกรรม ซึ่งสรุปในภาพรวมได้ดังนี้

J.T. Wang ประธานบริษัทเอเซอร์กล่าวในระหว่างการรายงานผลประกอบการว่า เอเซอร์มีแผนลดจำนวนฮาร์ดแวร์ใหม่ที่รันบนแพลตฟอร์ม Windows และเพิ่มฮาร์ดแวร์ใหม่ที่รันบนแพลตฟอร์ม Android และ Chrome OS เอเซอร์ยังคาดว่ารายได้จากฮาร์ดแวร์บนแพลตฟอร์ม Android และ Chrome OS จะสูงถึงร้อยละ 30 ของรายได้ทั้งหมดในปี 2014

Wang ยังแสดงความผิดหวังต่อไมโครซอฟท์ โดยกล่าวว่าไมโครซอฟท์ต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อสร้างหรือกระตุ้นความเชื่อมั่นในผู้ใช้พีซีอีกครั้ง เนื่องจากผู้คนไม่เต็มใจที่จะซื้อและกระทั่งหยุดการตัดสินใจซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่ไว้ชั่วคราวแล้ว

เอเซอร์เปิดเผยรายได้ในไตรมาสสองของปีนี้ โดยบริษัทขาดทุน 11.4 ล้านดอลลาร์ เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วนั้นบริษัทได้กำไร 1.9 ล้านดอลลาร์

LINE ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สองประจำปี 2013 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ทำรายได้รวมเพิ่มขึ้นอีกเป็น 9.77 พันล้านเยน สูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าถึง 66.9%

ในไตรมาสนี้ LINE สามารถทำเงินจากการขายของในเกมได้มากขึ้น นับเป็นสัดส่วนรายได้ถึง 53% ส่วนสติ๊กเกอร์เพียวๆ สูงถึง 27% ที่เหลือเป็นรายได้ที่มาจาก official account ของบรรดาแบรนด์ต่างๆ

แผนเพิ่มเติมของ LINE ในปีนี้คือการขยายบริการไปในระดับโลกมากขึ้นอีก และตั้งเป้าว่าจะมีผู้ใช้ทะลุ 300 ล้านคนภายในปีนี้ หลังจากเพิ่งทำได้ 200 ล้านคนไปเมื่อเดือนกรกฎาคม

ที่มา - Tech In Asia

Groupon รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สองของปี 2013 มีรายได้รวมก่อนหักส่วนแบ่งกับร้านค้า 1.41 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยตลาดอเมริกาเติบโตถึง 30% โดยขาดทุนสุทธิลดลงเหลือ 7.6 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ Groupon ยังประกาศว่า Eric Lefkofsky ที่ดำรงตำแหน่งซีอีโอชั่วคราว หลังจากที่ผู้ก่อตั้งถูกไล่ออก จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งซีอีโอ ขณะที่ซีอีโอชั่วคราวร่วมอีกคน Ted Leonsis จะเป็นประธานบอร์ดบริหาร

สิ่งที่น่าสนใจในไตรมาสนี้คือลูกค้าตลาดอเมริกามากกว่า 50% มีการทำคำสั่งซื้อต่างๆ ผ่านมือถือ ซึ่งเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 30% ครับ

LinkedIn เครือข่ายสังคมสำหรับคนทำงานรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2013 มีรายได้ 363.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 59% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32% โดยมีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 238 ล้านคน

ซีอีโอ Jeff Weiner กล่าวว่า จำนวนผู้ใช้งานที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องส่งผลให้ตัวเลขการเงินออกมาสดใส ซึ่งบริษัทจะยังลงทุนต่อเนื่องเพื่อขยายแพลตฟอร์มรองรับการเติบโตในระยะยาว

โซนี่รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปีการเงิน 2013 ของบริษัท มีรายได้ 1.7 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และกลับมามีกำไรสุทธิ 3.5 พันล้านเยน จากที่ปีก่อนขาดทุน

กลุ่มธุรกิจโทรศัพท์มือถือมีการเติบโตที่ดี โดยทำยอดขายได้ 389 พันล้านเยน เพิ่มขึ้นถึง 36.2% ซึ่งมาจากจำนวนเครื่องที่มากขึ้นและราคาต่อเครื่องเฉลี่ยที่สูงขึ้น ขณะที่กลุ่มธุรกิจเกมกลับตรงกันข้าม มียอดขายทรงตัวที่ 117.9 พันล้านเยน และขาดทุนจากการดำเนินงานในกลุ่มนี้ 14.8 พันล้านเยน

จากผลประกอบการนี้ทำให้เห็นว่ายุทธศาสตร์ของ Xperia Z นั้นประสบความสำเร็จดี ขณะที่กลุ่มเกมนั้นคงต้องฝากความหวังกับ PlayStation 4 อยู่มากทีเดียว

นินเทนโดประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสแรกตามปีงบประมาณ (เริ่มนับเดือนเมษายนจนถึงมิถุนายน) ทำรายได้รวม 81.5 พันล้านเยน ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย แต่พลิกกลับมากำไรได้ที่ 8.6 พันล้านเยน

ผลงานในไตรมาสนี้มาจากยอดขายทางฝั่ง 3DS ทั้งตัวเครื่อง และเกมที่กำลังดีวันดีคืน ขายได้เพิ่มอีก 2.39 ล้านเครื่อง (เป็น 3DS 1.4 ล้านเครื่อง และ 3DS LL/XL อีก 990,000 เครื่อง) กับอีก 11 ล้านก็อปปี้ ในขณะที่ฝั่งคอนโซลยังย่ำแย่ Wii U ขายเครื่องได้เพิ่มเพียง 160,000 เครื่อง กับเกมอีก 1 ล้านก็อปปี้เท่านั้น ส่วนอีกสองเครื่องรุ่นเก่าก็มีตัวเลขออกมาเช่นกัน ดังนี้

ไมโครซอฟท์ยื่นเอกสารทางการเงินต่อ SEC (คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐ) ซึ่งในเอกสารนี้ระบุว่าในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการขาย Surface ทั้งสิ้น 853 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท)

ไมโครซอฟท์ไม่ได้เปิดเผยว่าขาย Surface เป็นจำนวนเครื่องได้เท่าไร แต่ถ้าลองหารด้วยราคาเปิดตัวของ Surface RT ที่ 500 ดอลลาร์ต่อเครื่อง ก็จะได้ประมาณ 1.7 ล้านเครื่อง ซึ่งใกล้เคียงกับข่าววงในของ Bloomberg ที่ระบุว่าไมโครซอฟท์ขาย Surface ได้ราว 1.5 ล้านเครื่อง

ซัมซุงรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สองของปี 2013 มีกำไรสุทธิ 7.77 ล้านล้านวอน (6.96 พันล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้นถึง 49% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว ส่วนรายได้เพิ่มขึ้น 20.7% อยู่ที่ 57.46 ล้านล้านวอน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่ของบริษัทตามที่เคยออกมาคาดการณ์ก่อนหน้านี้

อเมซอนประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สองของปี 2013 รายได้เพิ่มขึ้น 22% จากปีที่แล้วเป็น 15,700 ล้านดอลลาร์ แต่ผลกำไรกลับติดลบเป็นขาดทุน 7 ล้านดอลลาร์ และการคาดการณ์ไตรมาสหน้า อเมซอนยังคาดว่าจะขาดทุนต่อ โดยอาจจะอยู่ในช่วง 65 ล้านดอลลาร์ถึง 440 ล้านดอลลาร์

อเมซอนทำธุรกิจในรูปแบบขยายกิจการออกไปอย่างต่อเนื่องโดยทำกำไรได้ไม่มากนักมาโดยตลอด ปีที่แล้วที่ทำกำไรได้ก็เพียง 7 ล้านดอลลาร์เท่านั้น แต่การลงทุนที่ผ่านมาก็ส่งผลต่อรายได้อย่างต่อเนื่อง รายได้ในหมวดอื่นๆ ของอเมซอนที่รวมทั้งโฆษณาและบริการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆอย่าง Amazon EC2 นั้นทำรายได้ 892 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 798 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่แล้ว

Facebook รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2013 มีรายได้ 1.81 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 51% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยคิดเป็นรายได้จากโฆษณาถึง 88% ขณะที่รายได้โฆษณา 41% นั้นมาจากการโฆษณาบนมือถือซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับ 30% ของไตรมาสก่อนหน้านี้ และมีกำไรสุทธิ 488 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 65%

ซีอีโอ Mark Zuckerberg กล่าวว่าบริษัทมีการเติบโตที่ดี ทั้งการดึงดูดผู้ใช้งานที่สูงขึ้นมาก จนทำให้มีผลประกอบการออกมาแข็งแกร่งโดยเฉพาะบนมือถือ ที่ Facebook ได้ลงทุนปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งานส่วนนั้นเพื่อเป็นรากฐานที่สำคัญต่อไป

ยักษ์เกาหลี LG แถลงผลประกอบการทางการเงินประจำไตรมาสที่สองของปีนี้ ปรากฎว่าบริษัทขายมือถือได้มากเป็นประวัติการณ์ถึง 12.1 ล้านเครื่องในไตรมาสเดียว

รายได้ของบริษัทในไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่ 15.23 ล้านล้านวอน เพิ่มจากปีก่อน 10.1% ส่วนกำไรอยู่ที่ 156 พันล้านวอน ลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย

LG แบ่งธุรกิจของตัวเองเป็น 4 ฝ่าย

แอปเปิลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ตามปีปฏิทินของบริษัท บนคำถามของนักวิเคราะห์ว่าตัวเลขไตรมาสนี้ไม่น่ามีอะไรให้ตื่นเต้น เนื่องจากช่วงไตรมาสที่ผ่านมานั้นแอปเปิลไม่มีสินค้าใหม่เปิดตัวเลย โดยบริษัทรายงานรายได้ 35.3 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 6.9 พันล้านดอลลาร์ ลดลงถึง 21.6% ส่วนมาร์จิ้นก็ลดลงเช่นกันอยู่ที่ 36.9% โดยยอดขายในต่างประเทศคิดเป็น 57% ของรายได้รวม

สำหรับยอดขายรายผลิตภัณฑ์นั้น iPhone ขายได้ 31.2 ล้านเครื่อง เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ขายได้ 26 ล้านเครื่อง ส่วน iPad ขายได้ 14.6 ล้านเครื่อง ลดลงจาก 17 ล้านในปีก่อน และ Mac ขายได้ 3.8 ล้านเครื่อง ลดลงจาก 4 ล้านเครื่องในปีก่อน

แอปเปิลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สามของปี 2013 ตามปฏิทินการเงินของบริษัท ทำรายได้รวมไปทั้งสิ้น 35.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และทำกำไรได้ 6.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าจะทำรายได้เหนือกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่กำไรกลับลดลงพอสมควร (เทียบกับเมื่อปีก่อนที่ 8.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) แต่ถึงกระนั้นก็ยังเหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม

ในไตรมาสนี้ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีสุดคงหนีไม่พ้น iPhone ทำยอดไปได้ 31.2 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า 20% ในขณะที่ iPad ยอดขายตกลงเหลือ 14.6 ล้านเครื่อง ลดลง 14% ส่วน iPod ยังคงทรุดหนัก ยอดขายลงลงถึง 32% ลงมาอยู่ที่ 4.57 ล้านเครื่องแล้ว และ Mac ก็ยังอยู่ในสภาวะคงตัว ลดลงมา 7% อยู่ที่ 3.75 ล้านเครื่อง

เอเอ็มดีรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปี 2013 รายได้รวม 1.16 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่ลดลง 18% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยยังขาดทุนสุทธิ 65 ล้านดอลลาร์

Rory Read ประธานและซีอีโอกล่าวว่าสถานการณ์บริษัทหลังปรับโครงสร้างค่อยๆ ส่งผลที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และการได้ประโยชน์จากกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีการเติบโตสูง ไปจนถึงอุตสาหกรรมพีซีดั้งเดิม ด้วยผลการดำเนินงานที่ออกมาบริษัทจึงคาดหวังว่าจะสามารถกลับมามีกำไรได้ในไตรมาสถัดไป

ที่มา: เอเอ็มดี

กูเกิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2013 มีรายได้รวม 14.11 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 19% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน แต่กำไรสุทธิอยู่ที่ 3.23 พันล้านดอลลาร์ ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ 3.36 พันล้านดอลลาร์

รายได้หลักของกูเกิลยังคงเป็นโฆษณาบนหน้าเว็บกูเกิล โดยเพิ่มขึ้น 18% และคิดเป็น 68% ของรายได้รวมทั้งหมด และรายได้ทั้งหมดนั้นมาจากนอกอเมริกา 55% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสที่แล้วที่ 54% ส่วนตัวเลขที่นักวิเคราะห์กังวลมากที่สุดคือราคาต่อคลิก ซึ่งลดลงถึง 6% สะท้อนให้เห็นว่าโฆษณาบนมือถือยังไม่เติบโตดีนัก

ไมโครซอฟท์รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของปี 2013 ตามปฏิทินการเงินบริษัท มีรายได้ 19.90 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 4.97 พันล้านดอลลาร์ น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้ ซึ่งเป็นผลจากรายการพิเศษลงบันทึกขาดทุน Surface RT ที่ค้างสต็อกอยู่ 900 ล้านดอลลาร์

ซีเอฟโอไมโครซอฟท์คนใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง Amy Hood กล่าวว่าถึงแม้ไตรมาสนี้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากตลาดพีซีที่ถดถอย แต่ยังมีการตอบรับที่ดีในสินค้าของกลุ่มลูกค้าองค์กรและบริการบนกลุ่มเมฆ ซึ่งช่วยให้รายได้บริษัทยังดีต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่ดีจากลูกค้าทั่วไปในบริการออนไลน์อย่าง Office 365, Outlook.com, Skype และ Xbox LIVE

โนเกียรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปี 2013 มีรายได้ 5.69 พันล้านยูโร ลดลง 24% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน มีกำไรจากการดำเนินงาน 303 ล้านยูโร ซึ่งดีกว่าไตรมาสก่อนหน้านี้ และสุทธิยังขาดทุนอยู่ 115 ล้านยูโร ซึ่งเป็นการขาดทุนที่น้อยลง

ยอดขาย Lumia ในไตรมาสนี้ยังคงเพิ่มขึ้น โดยขายได้ 7.4 ล้านเครื่อง สูงกว่าไตรมาสที่แล้วที่ 5.6 ล้านเครื่อง โดยมี Lumia 520 และ 720 เป็นตัวกระตุ้นยอดขาย ขณะที่มือถือตระกูล Asha ขายได้ 4.3 ล้านเครื่อง ส่วน Symbian นั้นโนเกียใช้คำว่าขายได้ "ประมาณศูนย์เครื่อง" โดยคิดเป็นตัวเลขยอดขายมือถือรวมทั้งหมด 53.7 ล้านเครื่อง