Meta รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2023 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 34,146 ล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิก็เพิ่มขึ้นเป็น 11,583 ล้านดอลลาร์ ปัจจัยหลักจากรายได้ที่เพิ่มสูง และค่าใช้จ่ายที่ลดลง 7% เป็นผลจากการปลดพนักงานชุดใหญ่
รายได้เฉพาะส่วนธุรกิจโฆษณาสะท้อนการเติบโตได้สูงอยู่ที่ 33,643 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 24% และเป็นสถิติใหม่สูงสุดของบริษัท นับจากสถิติสูงสุดเดิมในไตรมาส 4 ปี 2021
จำนวนผู้ใช้งานเฉพาะ Facebook แบบเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) เพิ่มเป็น 3,049 ล้านบัญชี ส่วนจำนวนผู้ใช้งานรวมทุกแอปในเครือเป็นประจำทุกเดือน (Family Monthly Active People - MAP) มี 3.96 พันล้านคน
ปัจจุบันมีรูปแบบการหลอกลวงเกิดขึ้นจำนวนมาก ทาง Meta ประเทศไทยออกมาพูดถึงมาตรการการรับมือปัญหาภัยลวงออนไลน์ มีการร่วมมือกับกระทรวง DE และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดตัวแคมเปญ #StayingSafeOnline ให้ความรู้เท่าทันภัยทางออนไลน์
เฮเซเลีย มาร์กาเรต้า ผู้จัดการฝ่ายนโยบายสาธารณะด้านนโยบายเศรษฐกิจจาก Meta ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่าการตรวจจับและป้องกันสแกมบนแพลตฟอร์มของ Meta หากพบบัญชีที่มีพฤติกรรมการหลอกลวง เจ้าของบัญชีจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ใช้งานบัญชีปลอมหรือนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเองที่ไม่เป็นความจริง หากเจ้าของบัญชีไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ตามที่กำหนด หรือหากผู้ตรวจสอบพบว่ามีการละเมิดกฎและนโยบายต่างๆ บัญชีดังกล่าวก็จะถูกลบ
รัฐแคลิฟอร์เนีย และอีก 32 รัฐฟ้อง Meta บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram เกี่ยวกับการทำร้ายเยาวชนโดยกล่าวหาว่าแพลตฟอร์มโซเชี่ยลของ Meta ถูกออกแบบ และมีฟีเจอร์ที่ทำร้ายจิตใจเยาวชน
สำนวนส่งฟ้องความยาว 233 หน้า ยื่นต่อศาลรัฐบาลกลางทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย กล่าวหาว่า Meta ละเมิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคของรัฐ และกฎหมายของรัฐบาลกลางที่มุ่งปกป้องความเป็นส่วนตัวของเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี ส่วนรัฐอื่น ๆ เช่น ฟลอริดา ยูทาห์ และเวอร์มอนต์ ยื่นฟ้องแยกคดี เท่ากับว่าตอนนี้มีรัฐทั้งหมด 41 รัฐ และวอชิงตัน ดี.ซี. กำลังดำเนินการทางกฎหมายกับ Meta อยู่
ในช่วงที่ผ่านมาแพลตฟอร์มของ Meta ทั้ง Instagram และ Facebook ต่างใช้วิธีแสดงโพสต์จาก Threads แพลตฟอร์มโซเชียลตัวใหม่ที่หวังแข่งขันกับ X หรือ Twitter เดิม โดยแทรกเข้ามาในฟีด ซึ่งเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการดึงคนเข้าไปใช้งาน
ทุกวิธีการในการดึงผู้ใช้งานย่อมมีคนที่ไม่ชอบใจ แม้วิธีการนี้ไม่ใช้ของใหม่ เช่น Reels ใน Instagram ก็เคยแสดงผลบน Facebook เช่นกัน ซึ่งล่าสุดบัญชีทางการของ Threads ก็โพสต์ว่าวิธีการดังกล่าวเพื่อทำให้คนเห็นคอนเทนต์ล่าสุดใน Threads ได้โดยตรงผ่าน Facebook และ Instagram อย่างไรก็ตามบริษัทก็รับฟังฟีดแบ็กจากทุกคนในเรื่องนี้
มีรายงานว่าผู้ใช้งาน Threads บางคนเริ่มพบโพสต์ของ Threads ปรากฏในฟีดของ Facebook โดยมาเป็นแถบแบบปัดแนวนอน (carousel) ขึ้นข้อความว่า For You on Threads เพื่อดึงดูดให้เข้าไปใช้งาน Threads ที่ดูเหมือนหลายคนจะลืมไปแล้วว่าเคยมีโซเชียลนี้หวังแข่งกับ X
ก่อนหน้านี้ Meta ซึ่งเป็นเจ้าของ Threads เคยทดสอบฟีเจอร์แถบแนะนำโพสต์ใน Instagram ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกับ Facebook มาก่อนแล้ว แต่ดูเหมือนการตอบรับไม่ดีนักจึงเริ่มลดการแสดงผลส่วนนี้ไป
ก็คงต้องดูกันต่อไปว่าแผนนี้จะเพิ่มจำนวนการใช้งานในแพลตฟอร์มได้บ้างหรือไม่
Meta ประกาศเพิ่มความสามารถด้าน AI ช่วยสร้างเนื้อหา หรือ Generative AI สำหรับระบบโฆษณา Ads Manager เพื่อปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ตลอดจนช่วยลดเวลาในการทำงาน
ฟีเจอร์ด้าน GenAI ที่ประกาศได้แก่
Wall Street Journal อ้างเอกสารที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ระบุว่า Meta กำลังยื่นข้อเสนอกับสหภาพยุโรปเพื่อให้ปิดโฆษณาได้ โดยผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์นี้จะต้องจ่ายค่าใช้งานเดือนละ 10-14 ยูโร หรือประมาณเดือนละ 400-600 บาท ขึ้นกับช่องทางการจ่ายเงินที่ต้องจ่ายแพงขึ้นหากจ่ายผ่าน App Store และ Google Play
ข่าวนี้มีมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ไม่มีการรายงานราคาออกมา แม้ว่าตัวเลขราคาจะเป็นการอ้างแหล่งข่าว แต่โฆษกของ Meta ก็ระบุว่าบริษัทกำลังหาทางทำให้บริการเป็นไปตามการกำกับดูแล แต่บริษัทก็ยืนยันว่าเชื่อในการให้บริการฟรีที่สนับสนุนโดยโฆษณาแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย
The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องระบุว่า Meta ได้นำเสนอรายละเอียดต่อหน่วยงานกำกับดูแลของ EU ถึงการออกแพ็คเกจ Subscription ให้ผู้ใช้งานในภูมิภาค แลกกับการใช้งานแบบไม่มีโฆษณา โดยผู้ใช้ต้องจ่ายเงินประมาณ 10 ยูโรต่อเดือน (390 บาท) และคิดราคาเพิ่มอีก 6 ยูโรต่อบัญชีที่พ่วงเพิ่มเติมเข้ามา ราคานี้จะปรับเพิ่มขึ้นหากสมัครผ่านแอปมือถือ เนื่องจากต้องจ่ายส่วนแบ่งให้แอปเปิลหรือกูเกิล
Meta เปิดตัวเครื่องมือตกแต่งแก้ไขรูปภาพด้วย Generative AI สำหรับทุกแพลตฟอร์มทั้ง Instagram, Facebook, WhatsApp และ Messenger
เครื่องมือแรกคือการแก้ไขรูปภาพสำหรับลง Instagram มีสองฟีเจอร์คือ Restyle โดยป้อน prompt สไตล์ของภาพที่ต้องการ และ Backdrop สำหรับตัดต่อใส่ฉากหลังให้กับภาพตามต้องการ
เครื่องมืออีกชุดคือสติกเกอร์ AI สามารถใช้งานได้ทั้งใน Facebook Stories, Instagram Stories, Instagram DM, Messenger และ WhatsApp สามารถสร้างสรรค์สติกเกอร์ได้ตาม prompt ที่ระบุ เทคโนโลยีนี้ Meta บอกว่าใช้โมเดล Llama 2 และ Emu ในการรับข้อมูลและสร้างสรรค์ภาพวาดขึ้นมา
Facebook ประกาศเพิ่มฟีเจอร์สร้างโปรไฟล์แยก โดยให้เหตุผลว่าบางครั้งผู้ใช้งานก็ต้องการมีโปรไฟล์ส่วนตัว โปรไฟล์สำหรับการทำงาน หรือบางคนก็ต้องการอีกโปรไฟล์ไว้คุยกับเพื่อนสนิทด้วย ซึ่งจะแชร์คอนเทนต์ที่แตกต่างกัน โดยผู้ใช้ไม่ต้องสลับบัญชีหลักที่ล็อกอิน
วิธีการใช้งาน ให้เลือกชื่อสำหรับโปรไฟล์แยกที่ต้องการ พร้อมชื่อ @username โดยหนึ่งบัญชีหลักสามารถสร้างโปรไฟล์แยกได้เพิ่มสูงสุด 4 โปรไฟล์ แต่ละโปรไฟล์สามารถมีเพื่อน และเข้าร่วมกลุ่มต่าง ๆ ได้แยกจากกัน รวมถึงหน้าฟีดจะแตกต่างกันด้วย
Meta อัปเดตโลโก้ของ facebook ใหม่ โดยให้เหตุผลว่า “ต้องการปรับให้โลโก้ดูโดดเด่นและดึงดูดมากขึ้น ด้วยการปรับสีน้ำเงินของ Facebook ให้สื่อถึงความมั่นใจ (สีน้ำเงินเข้มขึ้น) และตัว f พิมพ์เล็กมีการปรับดีไซน์ให้ดูโดดเด่นมากขึ้น”
ส่วนโลโก้ Facebook แบบเต็มมีการเปลี่ยนมาใช้ฟอนต์ Facebook Sans ที่ทางบริษัทได้สร้างขึ้นมาเอง รวมไปถึงสีอิโมจิของปุ่มรีแอคชัน, ปุ่มต่างๆ ที่มีการใช้สีฟ้าก็มีการปรับมาใช้สีน้ำเงินเข้มขึ้นตามสีโลโก้ใหม่ นอกจากนี้ยังมีการขยายโทนสีน้ำเงินของ Facebook มากขึ้นเช่น Blue, Sky Blue, Light Blue, Navy และ Dark Navy
ทางบริษัทบอกว่านี่เป็นช่วงแรกของการปรับปรุงเอกลักษณ์ของบริษัทเท่านั้น ยังมีการออกแบบเพิ่มเติมอีก
Meta เปิดตัวบริการขายเครื่องหมายติ๊กถูก Meta Verified for Businesses สำหรับองค์กรภาคธุรกิจบน Facebook และ Instagram ในราคา 21.99 ดอลลาร์ต่อโซเชียลต่อเดือน หากต้องการทั้ง Facebook และ Instagram มีราคาเหมา 34.99 ดอลลาร์ต่อเดือน
Meta Verified for Businesses เป็นส่วนต่อขยายจาก Meta Verified สำหรับบุคคลทั่วไป ที่ราคา 11.99 ดอลลาร์ จ่ายเงินแล้วได้ยืนยันตัวตนว่าเป็นธุรกิจนั้นจริงๆ ไม่ถูกสวมรอย, มีบริการเฝ้าระวังการสวมรอยจากบัญชีชื่อแบบเดียวกัน, สามารถติดต่อฝ่ายซัพพอร์ตที่เป็นมนุษย์ได้โดยตรง, แสดงอยู่ในพื้นที่เด่นชัดบนผลการค้นหา และมีแนะนำให้ติดตามบน feed ด้วย
Facebook ประกาศปิดบริการ Facebook News ในยุโรป 3 ประเทศคือ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี หลังเริ่มเปิดบริการในยุโรปเมื่อปี 2021
Facebook News เป็นแท็บแยกของ News Feed เอาไว้อ่านข่าวโดยเฉพาะ เปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐปี 2019 และขยายไปยังบางประเทศ (ไม่มีไทย) แต่ภายหลัง Facebook ก็ทยอยถอนตัวจากคอนเทนต์สายข่าว โดยให้เหตุผลว่าคนไม่ได้สนใจเข้ามาอ่านข่าว โดยเฉพาะข่าวการเมืองจาก Facebook จึงหันมาปรับอัลกอริทึมให้เห็นโพสต์จากเพื่อนเพิ่มขึ้นแทน
มีรายงานจาก The New York Times ว่า Meta กำลังพิจารณาออกแพ็คเกจ Subscription สำหรับประเทศกลุ่ม EU เพื่อลดปัญหาข้อขัดแย้งเรื่องการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน และการแสดงผลโฆษณา โดยแพ็คเกจนี้เมื่อผู้ใช้งานจ่ายเงินแพลตฟอร์มของ Meta ทั้ง Facebook, Instagram จะไม่แสดงโฆษณาเลย
ปัจจุบัน Meta เปิดให้ผู้ใช้ใน EU สามารถเลือกปิดการติดตามข้อมูลผู้ใช้งานสำหรับแสดงโฆษณาแบบ Opt-out และเตรียมเปิดการตั้งค่านี้เป็น Opt-in ไปเลย
ที่ผ่านมาไอร์แลนด์ได้สั่งปรับ Meta 1.3 พันล้านดอลลาร์ จากสาเหตุมีการส่งออกข้อมูลผู้ใช้ในประเทศออกไปอเมริกา ผิดเงื่อนไข GDPR ซึ่งส่งผลให้ Meta ระมัดระวังในการให้บริการมากขึ้น
Meta ประกาศว่าเพื่อให้เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายดิจิทัล DSA ของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งมีประเด็นสำคัญคือผู้ใช้งานในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปหรือ EU ต้องสามารถปิดการใช้งาน (opt-out) ระบบแนะนำเนื้อหา (Recommendation) ที่เรียนรู้และปรับแต่งให้เข้ากับผู้ใช้งานแต่ละคนได้ โดย Meta จะเพิ่มตัวเลือกปิดการแนะนำเนื้อหามีผลกับ Reels, Stories และ Search ใน Facebook และ Instagram
Meta บอกว่าเมื่อผู้ใช้งานเลือกปิดระบบแนะนำ ฟีดจะเลือกเนื้อหามาแสดงโดยอิงตามบัญชีที่ติดตาม เรียงตามลำดับเวลาล่าสุดไปหาเก่าสุด ส่วนระบบ Search แสดงผลการค้นหาอิงตามคีย์เวิร์ดที่ป้อนเข้าไป โดยไม่มีการปรับแต่งผลลัพธ์อิงตามประวัติการใช้งานแต่ละคน
ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ประกาศเตรียมฟ้องศาลเพื่อขอคำสั่งให้ปิดกั้นเฟซบุ๊กไม่ให้สามารถใช้บริการในไทย เนื่องจากแพลตฟอร์มรับเงินค่าโฆษณาจากเพจปลอมแต่กลับไม่มีการตรวจสอบ
ปัญหาใหญ่ที่ประชาชนถูกหลอกลวงมาจากเฟซบุ๊ก โดยมีการหลอกลวงให้ลงทุนผ่านโซเซียล 70% มาจากเฟซบุ๊ก และหลอกขายของออนไลน์จำนวน 90% ก็มาจากเฟซบุ๊ก ที่ผ่านมาทางกระทรวงพยายามปิดแอคเคาท์ แต่ก็เหมือนจับแมวไล่หนู ปิดไป 1 เพจ ก็เปิดมาอีก 10 เพจ ซึ่งการที่เฟชบุ๊กรับเงินจากเพจเหล่านี้โดยไม่มีการตรวจสอบถือว่า เป็นผู้สนับสนุนและไม่รับผิดชอบต่อสังคม เป็นความผิดทาง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งชัยวุฒิระบุว่า ถ้าเฟซบุ๊กไม่ปรับปรุง ก็ไม่ควรทำธุรกิจในเมืองไทยต่อไป
จากกรณีกฎหมายข่าวออนไลน์ของแคนาดา ที่บังคับแพลตฟอร์มต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้สำนักข่าว จนเป็นผลให้ Google และ Meta ตัดสินใจปิดกั้นการมองเห็นข่าวของผู้ใช้ในแคนาดา เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย
สัปดาห์ที่แล้ว แคนาดาเกิดเหตุไฟป่าใหญ่ในเขต Northwest Territories ทางตอนเหนือของประเทศ ส่งผลให้คนจำนวนมากต้องอพยพ อย่างไรก็ตาม ชาวแคนาดาที่ต้องการแชร์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับไฟป่ากลับไม่สามารถทำได้ เพราะระบบตรวจจับข่าวของ Meta ไม่อนุญาตให้โพสต์ ผู้ใช้หลายคนจึงต้องเลี่ยงไปใช้วิธีแคปหน้าจอข่าวแล้วโพสต์แทน ซึ่งทำให้ไม่สามารถเผยแพร่ข้อมูลละเอียดได้
Messenger ของ Meta ประกาศผ่านบล็อกว่า แอปพลิเคชัน Messenger จะเลิกรองรับการรับและส่งข้อความแบบ SMS หลังอัปเดตเวอร์ชันของแอป ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2023
Messenger รองรับการรับส่งข้อความแบบ SMS ครั้งแรกในปี 2012 และถูกยกเลิกไปในปี 2013 หลังจากนั้น Messenger ได้ประกาศรองรับ SMS อีกครั้ง และให้บริการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งข้อความ SMS นั้นจะมีสีพื้นหลังเป็นสีม่วงแทนสีเริ่มต้นอย่างสีน้ำเงิน
Meta เริ่มปิดกั้นการมองเห็นโพสต์ข่าวในประเทศแคนาดาแล้ว หลังกฎหมาย Online News Act ของแคนาดาเริ่มบังคับใช้
สำนักข่าวต่างๆ ทั้งในและนอกแคนาดาจะยังสามารถโพสต์ลิงก์และเนื้อหาข่าวได้ต่อไป แต่ผู้ใช้ Facebook และ Instagram ในแคนาดาจะมองไม่เห็นโพสต์เหล่านี้ (คนนอกแคนาดายังเห็นตามปกติ) มาตรการนี้มีเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย Online News Act ที่กำหนดให้แพลตฟอร์มต้องจ่ายส่วนแบ่งให้สำนักข่าวด้วย
ก่อนหน้านี้ กูเกิลก็ประกาศถอดลิงก์ข่าวออกจากแพลตฟอร์มของตัวเองในลักษณะเดียวกัน
ในการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุด Meta เผยข้อมูลด้วยว่า Facebook จำนวนผู้ใช้งานรายเดือน (Monthly Active Users - MAUs) อยู่ที่ 3.03 พันล้านคนแล้ว ขณะที่จำนวนผู้ใช้งานรวมทุกแอปของ Meta รายเดือน (Family Monthly Active People - MAP) อยู่ที่ 3.88 พันล้านคน เทียบเท่าประชากรประมาณเกือบครึ่งโลก
นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้งาน Facebook รายวันยังเพิ่มขึ้น ยู่ที่ 2.064 พันล้านคน จากเดิมไตรมาสที่แล้ว มีจำนวนผู้ใช้รายวันอยู่ที่ 2.037 คนต่อวัน
ยอดผู้ใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมากจากการที่ Meta ผลักดัน Reels อย่างหนักทั้ง Instagram และ Facebook โดย Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ระบุยอดการเล่น Reels บนทุกแพลตฟอร์มรวมกัน อยู่ที่ 2 แสนล้านครั้งต่อวัน
Entrepreneur รายงานว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ได้โพสต์ภาพคู่กับ Dave Camarillo ในชุดกีฬาบราซิลเลียนยิวยิตสู (Jiu Jitsu ศิลปะป้องกันตัวจากประเทศญี่ปุ่น) ล่าสุดได้รับเข็มขัดสีน้ำเงินซึ่งเป็นระดับที่รองจากสายสีขาวที่อยู่ระดับสูงสุด ก่อนหน้านี้ Zuckerberg ก็ได้รับเหรียญทองในการแข่งขันด้วย
เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Elon Musk ซีทีโอ Twitter ได้ทวีตท้า Zuckerberg ดวลกันในมวยกรงที่ Vegas Octagon ทางด้าน Musk ก็มีสายดำเช่นกันแต่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า Zuckerberg
หลังจาก Twitter เปลี่ยนโลโก้เป็น X ผู้คนก็เริ่มจับตามองค่าย Meta ว่าสนใจจะลอกอะไรอีกหรือไม่ จนมีคนไปค้นเจอว่า Meta เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า X สำหรับบริการโซเชียลมาตั้งแต่ปี 2019
แต่เครื่องหมายการค้า X ตัวนี้ไม่ใช่ของใหม่ที่น่าตกใจ เพราะมันคือโลโก้ของ Mixer บริการไลฟ์สตรีมเกมของไมโครซอฟท์ที่ต้องปิดตัวลงในปี 2020 และโอนลูกค้าไปยัง Facebook Gaming แทน จึงไม่น่าแปลกใจนักที่ Meta กลายเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า X ของ Mixer ด้วย
Facebook ประกาศเปลี่ยนชื่อแท็บ Facebook Watch มาเป็น Facebook Video เพื่อให้สะท้อนทุกรูปแบบของวิดีโอที่ชมได้ ทั้งไลฟ์, วิดีโอสั้น Reels และวิดีโอยาวแบบปกติ
หน้าตาของ Facebook Video ยังเหมือนเดิมเกือบทุกอย่าง แต่เพิ่มเซคชัน Reels แบบในหน้า Feed หลักเข้ามาให้ และเลื่อนแนวขวางเพื่อดูคลิปสั้น Reels อื่นๆ ได้
Facebook Video ยังเพิ่มเซคชั่น Explore เมื่อกดปุ่มค้นหา ซึ่งจะแสดงรายการวิดีโอแนะนำตาม hashtag แบบเดียวกับหน้า Explore ของ Instagram และหากผู้ใช้เชื่อมบัญชี Facebook+Instagram ของตัวเองเข้าด้วยกัน ยังสามารถชมคลิปจาก Instagram Reels พร้อมคอมเมนต์ได้จากแอพ Facebook โดยตรงด้วย
Meta ประกาศว่าผู้ใช้งานสามารถใช้ Meta Avatar แบบเรียลไทม์ได้ในระหว่างวิดีโอคอลผ่าน Instagram หรือ Messenger ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ที่ต้องวิดีโอคอลแต่ตอนนั้นหน้าอาจยังไม่พร้อมเท่าไหร่นัก แต่ก็ต้องการแสดงออกสีหน้ากับคู่สนทนาบ้าง แทนที่จะใช้วิธีปิดกล้องเลย ทางเลือกนี้จึงพบกันครึ่งทาง รองรับในระดับการคุยแบบกลุ่มด้วย ฟีเจอร์นี้ใช้งานได้ทั้งใน iOS และ Android
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่นที่ประกาศเกี่ยวกับ Meta Avatar ดังนี้