บริษัท Airbus, Delta Air Lines, OneWeb (ผู้ให้บริการดาวเทียม), Sprint และ Bharti Airtel (ผู้ให้บริการโทรคมนาคม) ได้ร่วมกันเปิดตัวกลุ่มพันธมิตร Seamless Air Alliance โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งคือเพื่อเป็นการปรับปรุงประสบการณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบนเครื่องบิน
เป้าหมายของ Seamless Air Alliance คือการลดค่าใช้จ่ายและอุปสรรคในการติดตั้งและให้บริการอินเทอร์เน็ตบนเครื่องบิน โดยการลดขั้นตอนกการติดตั้งและรับรองระบบ รวมถึงทำมาตรฐานเปิดสำหรับทุกคนให้ใช้งานร่วมกันได้ เพื่อให้ผู้โดยสารได้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงและ latency ต่ำ (ใครใช้อินเทอร์เน็ตบนเครื่องบินคงจะเข้าใจว่าระบบปัจจุบันมีค่าบริการค่อนข้างแพงและความเร็วไม่ได้สูงมาก)
สายการบินระดับท็อปของสหรัฐฯ เริ่มออกกฎเกี่ยวกับกระเป๋าไฮเทคแล้ว เนื่องจากปัจจุบันกระเป๋าประเภทนี้เริ่มเป็นที่นิยมมาก และกระเป๋าสมาร์ทแบคมักจะมีแบตเตอรี่ภายในซึ่งมีความเสี่ยงที่จะระเบิดหรือไหม้ได้
American Airlines ได้ออกกฎใหม่เกี่ยวกับกระเป๋าไฮเทค โดยกล่าวว่าตั้งแต่ 15 มกราคมเป็นต้นไป ลูกค้าที่เดินทางและใช้กระเป๋าสมาร์ทแบคจะต้องถอดแบตเตอรี่ออกมาในจุดตรวจสอบระหว่างการเดินทาง ซึ่งหากแบตเตอรี่ไม่สามารถถอดออกจากกระเป๋าได้ กระเป๋าใบนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้โหลดใต้เครื่อง โดยทางสายการบินอ้างถึงความเสี่ยงแบตเตอรี่ไหม้ที่อาจเกิดขึ้นได้จึงต้องออกกฎดังกล่าวเพื่อป้องกัน
เรื่องมีอยู่ว่าสายการบิน American Airlines มีระบบยื่นคำร้องขอลาหยุดงานของนักบินอัตโนมัติ โดยใช้ปัจจัยหลายอย่างในการอนุมัติคำขอ อาทิ อายุงาน หรือความต้องการนักบินในตอนนั้น แต่ระบบเกิดข้อผิดพลาด ส่งผลให้คำร้องขอลาหยุดของนักบินในช่วงเดือนธันวาคม ที่เป็นเทศกาลวันหยุดยาว ได้รับการอนุมัติเป็นจำนวนมาก จนเกิดผลกระทบกับสายการบินทำให้ไม่สามารถหานักบินมาทำงานได้ในช่วงดังกล่าว
Air New Zealand ประกาศร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัท Winding Tree สตาร์ทอัพจากสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อหาหนทางการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการปรับปรุงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของบริการในสายการบิน
หน่วยงานควบคุมการบินกลางของสหรัฐ หรือ FAA (Federal Aviation Administration) ได้ยื่นเอกสารต่อสหประชาชาติ ให้พิจารณาออกกฎห้ามผู้โดยสาร นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโน้ตบุ๊ก ใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางที่จะโหลดใต้ท้องเครื่องบิน
เหตุผลที่ FAA ระบุนั้นมาจากการทดสอบพบว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนมีความเสี่ยงที่จะระเบิดจากการได้รับความร้อนสูง เทียบเท่ากับสเปรย์อัดกระป๋อง (ที่ห้ามโหลดอยู่แล้ว) จึงเสนอให้ห้ามโหลดโน้ตบุ๊คด้วยเช่นกันเพื่อความปลอดภัย และแนะนำให้ถือติดตัวไปในห้องโดยสารแทน
เข้าใจว่าคนแถวนี้ถ้าเลือกได้ก็คงไม่โหลดโน้ตบุ๊กอยู่แล้ว
Lufthansa Group สายการบินจากเยอรมนีเตรียมเข้าเป็นพาร์ทเนอร์กับ Winding Tree สตาร์ทอัพจากสวิตเซอร์แลนด์เพื่อนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในการมาใช้ในการจองตั๋วเครื่องบิน
ปัญหาของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คือสตาร์ทอัพที่มีไอเดียเจ๋ง ๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและอยากจะทำแอพเพื่อเสนอลูกค้า จะมีกำแพงขนาดใหญ่คือเจ้าของแพลตฟอร์มต้องไปดีลกับสายการบิน, โรงแรม หรือบริการท่องเที่ยวอื่น ๆ โดยตรง ซึ่งเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก ประกอบกับการที่มีผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดนี้อยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้ยากเข้าไปใหญ่
Delta Air Lines สายการบินแห่งอเมริกาที่คอยทำเทคโนโลยีมาใช้กับระบบของสายการบินอยู่เรื่อย ๆ ตอนนี้ก็เป็นคิวของระบบเช็คอินของสายการบิน ซึ่งทางสายการบินจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ที่ติดตั้งแอพ Fly Delta บนมือถือ โดยบอร์ดดิ้งพาสจะปรากฏบนแอพ 24 ชั่วโมงก่อนเวลาบินอัตโนมัติ ไม่ต้องเช็คอินที่เคาน์เตอร์ ซึ่งเป็นสายการบินแรกของอเมริกาที่ให้บริการในลักษณะนี้
นอกจาก Delta แล้ว สายการบินอื่นอย่าง Lufthansa จากเยอรมันก็ทำระบบเช็คอินอัตโนมัติ หรือ JetBlue ก็เริ่มทดสอบกับฟีเจอร์นี้ลูกค้าในระดับ Even More Space ตั้งแต่ปี 2014
ทั้งนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า Delta จัดการรายละเอียดอื่นอย่างการเปลี่ยนกระเป๋าหรือเปลี่ยนที่นั่งอย่างไร จากเดิมที่เมื่อเช็คอินบนเว็บไซต์จะมีฟีเจอร์เหล่านี้ให้
EasyJet หนึ่งในสายการบินของยุโรปประกาศเตรียมให้บริการเครื่องบินไฟฟ้าในทศวรรษหน้า โดยทางสายการบินได้ร่วมมือกับสตาร์ทอัพด้านการบิน Wright Electric เพื่อทำให้วิสัยทัศน์นี้เป็นจริงได้
Jeff Engler ซีอีโอของ Wright Electric ได้ให้สัมภาษณ์กับ Ars Technica โดยกล่าวว่าระยะทำการบิน 335 ไมล์ที่ทาง EasyJet ต้องการนั้นอาจจะไม่สามารถทำได้ด้วยความสามารถของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน และก็ไม่น่าจะพัฒนาเร็วได้จนถึงเป้าหมายในทศวรรษหน้าอยู่ดี ปัจจุบันทางบริษัทกำลังพัฒนาเครื่องบินไฟฟ้าในขั้นตอนแรกอยู่ และอาจจะหาเทคโนโลยีแบตเตอรี่อื่นมาทดแทนอย่างเช่นลิเทียมซัลเฟอร์, อะลูมินัมแอร์ และเซลล์กำเนิดไฟฟ้า (fuel cell)
ระบบ Altea ของบริษัท Amadeus ที่สายการบินทั่วโลกใช้สำหรับเช็คอินผู้โดยสาร เกิดล่มเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ส่งผลให้กระบวนการเช็คอินที่สนามบินหลายแห่งทั่วโลกเกิดปัญหา
Amadeus เป็นบริษัทซอฟต์แวร์จากสเปน ที่ถือเป็นรายใหญ่ของวงการซอฟต์แวร์สำหรับสายการบิน ทาง Amadeus บอกว่าสาเหตุเกิดจากปัญหาเครือข่าย และเริ่มฟื้นระบบกลับคืนมาแล้ว
ตัวอย่างสนามบินที่ได้รับผลกระทบคือ Gatwick และ Heathrow ที่ลอนดอน, Changi ของสิงคโปร์, Frankfurt ที่เยอรมนี และ Charles De Gaulle ที่ฝรั่งเศส โดยปัญหาเกิดเฉพาะกับบางสายการบินที่ใช้ระบบของ Amadeus เท่านั้น
Netflix เตรียมขยายความร่วมมือกับสายการบินทั่วโลก เพื่อปรับปรุงระบบ Wi-Fi บนเครื่องบิน ที่ออกแบบมาไว้สำหรับอุปกรณ์มือถือโดยเฉพาะ โดยอาจอยู่ในรูปแบบ Wi-Fi คิดค่าบริการราคาถูก หรืออาจให้ใช้งานฟรีเลย
สาเหตุที่ Netflix ต้องลงมาทำเรื่องนี้เอง ก็เพื่อให้ลูกค้า Netflix สามารถสตรีมมิ่งวิดีโอได้แม้อยู่บนเครื่องบินนั่นเอง โดยเทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูลที่ Netflix ใช้ จะทำให้คุณภาพวิดีโอยังคมชัดเมื่อชมบนมือถือ แต่ใช้แบนด์วิดท์น้อยลง ซึ่งลดต้นทุนให้การสายการบินได้อีกทาง
Netflix คาดว่าจะเริ่มให้บริการนี้ได้กับสายการบินที่เป็นพาร์ทเนอร์ในปี 2018
ที่มา: Variety
ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ เคยสั่งห้ามผู้โดยสารสายการบินตะวันออกกลางถืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ขึ้นเครื่อง ซึ่งมีผลกับเที่ยวบินที่ออกจากสนามบินในตะวันออกกลางทุกแห่งไม่เว้นแม้แต่ Dubai, Abu Dabi และ Dohar ที่เป็นฮับสำคัญด้วย แต่ล่าสุดทางการสหรัฐฯ ก็ได้ออกคำสั่งใหม่โดยยกเว้นเฉพาะผู้โดยสารที่บินกับสายการบิน Etihad, Emirates และ Turkish เท่านั้น
เซิร์ฟเวอร์ของ British Airways ล่มขนานใหญ่กระทบผู้โดยสารถึง 75,000 คนแล้วในตอนนี้ หนังสือพิมพ์ The Times ก็อ้างแหล่งข่าวภายในระบุว่าสาเหตุเกิดจากเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปบำรุงรักษาศูนย์ข้อมูลของสายการบิน สับสวิตช์ปิดระบบจ่ายไฟโดยไม่ตั้งใจ
ก่อนหน้านี้ Alex Cruz ระบบในวิดีโอชี้แจงว่าปัญหาของเซิร์ฟเวอร์ล่มมาจากปัญหาระบบจ่ายไฟ แต่จากแหล่งข่าวของ The Times ตอนนี้การสอบสวนมุ่งไปที่ความผิดพลาดของมนุษย์มากกว่าอุปกรณ์
ที่มา - Strait Times
สายการบิน JetBlue ประกาศความร่วมมือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐ (US Customs and Border Protection) และบริษัทเทคโนโลยี SITA นำระบบการรู้จำใบหน้า (Facial Recognition) มาใช้แทนบอร์ดดิ้งพาส หรือบัตรโดยสารขึ้นเครื่องบิน ซึ่งนอกจากจะลดการใช้กระดาษ (paperless) แล้วยังไม่ต้องใช้อุปกรณ์มือถือยืนยันตัวตนด้วย (deviceless)
โดยสายการบิน JetBlue จะเริ่มทดสอบนำร่องเฉพาะเส้นทางจากสนามบิน Logan เมือง Boston ไปยังสนามบิน Queen Beatrix เมือง Aruba ตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้
ผู้โดยสารที่ต้องการใช้ระบบรู้จำใบหน้านี้ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใดๆ โดยระบบจะตรวจสอบข้อมูลใบหน้ากับฐานข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งมีภาพใบหน้าผู้โดยสารจากพาสปอร์ตหรือวีซ่าอยู่ก่อนแล้ว
สายการบิน British Airways ประสบปัญหาเซิร์ฟเวอร์ล่มขนานใหญ่ทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก โดยเฉพาะเที่ยวบินที่บินออกจากสนามบิน Heathrow และสนามบิน Gatwick ของวันเสาร์ที่ผ่านมา (เวลาอังกฤษ) ขณะที่เที่ยวบินที่ลงจอดยังคงลงจอดได้แต่ก็เกิดความล่าช้า
ระหว่างนี้ทางสายการบินออกประกาศขอร้องให้ผู้โดยสารอย่าไปสนามบิน ยกเว้นว่าจะได้รับคำยืนยันว่าเที่ยวบินของดนสามารถขึ้นบินได้ตามตาราง
สาเหตุของระบบล่มครั้งนี้เกิดจากปัญหา power supply โดย Alex Cruz ซีอีโอของสายการบินระบุว่าไม่มีหลักฐานว่าเป็นการโจมตีไซเบอร์แต่อย่างใด
ที่มา - The Guardian
ต่อเนื่องจากข่าวสหรัฐฯ สั่งห้ามนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนขึ้นเครื่องบิน เราได้เห็นการแก้ปัญหาของสายการบิน Emirates ที่ให้นำอุปกรณ์มาใช้งานได้จนถึงก่อนขึ้นเครื่องบิน ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาสายการบินจากตะวันออกกลางหลายแห่ง ก็แก้ไขปัญหานี้ได้น่าสนใจ
เริ่มจาก Turkish Airlines ได้ทวีตว่า ผู้โดยสารเส้นทางอเมริกาจะได้ใช้ Wi-Fi ฟรีตลอดเส้นทาง เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม
ส่วน Etihad Airways มี iPad ให้ยืม และให้ใช้งาน Wi-Fi ได้ฟรี เฉพาะผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน
แต่ที่จัดหนักที่สุดก็คือ Qatar Airways โดยผู้โดยสารชั้นธุรกิจสามารถยืมแล็ปท็อปเพื่อใช้ทำงานได้ ซึ่งสายการบินแนะนำให้นำไฟล์ที่ต้องการใช้เซฟไว้ใน USB และนำขึ้นเครื่องมาด้วย ส่วน Wi-Fi มีให้บริการฟรีเป็นเวลา 1 ชั่วโมง หากต้องการใช้งานตลอดการเดินทางคิดเพิ่ม 5 ดอลลาร์
มีแนวโน้มว่าสายการบินอื่นอาจเลือกใช้แนวทางเดียวกับ Qatar Airways เช่นกัน
ที่มา: Business Insider และ Qatar Airways
จากข่าวสหรัฐฯ ออกคำสั่งห้ามนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนขึ้นเครื่องบินเข้าประเทศ โดยมีผลกับเที่ยวบินจาก 8 ประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงดูไบ ที่มีสายการบินรายใหญ่ Emirates ดำเนินงานหลักด้วย
Tim Clark ประธานสายการบิน Emirates เปิดเผยว่าเพื่อให้คำสั่งนี้มีผลกระทบต่อผู้โดยสารน้อยที่สุด ทางสายการบินจะอนุญาตให้ผู้โดยสารใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้จนถึงก่อนเดินขึ้นเครื่องบิน โดยไม่ต้องโหลดในกระเป๋าเดินทางตั้งแต่ตอนเช็กอิน และเมื่อขึ้นเครื่องบิน ทางสายการบินจะจัดเก็บอุปกรณ์ไว้ในตู้คาร์โก้แยกเฉพาะ
ผู้บริหารท่าอากาศยานดูไบประเมินว่า จะมีผู้โดยสารเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะตัดสินใจเปลี่ยนสายการบินเพื่อเลี่ยงปัญหาดังกล่าว
ที่มา: Reuters
เมื่อวานนี้ สหรัฐห้ามผู้โดยสารสายการบินตะวันออกกลางจาก 8 ประเทศ ถืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่กว่าโทรศัพท์ขึ้นเครื่อง วันนี้ สหราชอาณาจักรประกาศสั่งห้ามแบบเดียวกัน กับสายการบินจาก 6 ประเทศที่บินเข้าสหราชอาณาจักร
ประเทศที่เข้าข่ายคือ ตุรกี เลบานอน จอร์แดน อียิปต์ ตูนิเซีย ซาอุดีอาระเบีย สายการบินที่ได้รับผลกระทบ มีทั้งสายการบินจาก 6 ประเทศเหล่านี้ และสายการบินของประเทศอื่นๆ รวมถึงสหราชอาณาจักรเอง (เช่น British Airways, EasyJet) ที่บินจาก 6 ประเทศเหล่านี้กลับเข้ามายังสหราชอาณาจักร
American Airlines สั่งเครื่องบินชุดต่อไปเป็น Boeing 737 Max จำนวน 100 ลำ ความพิเศษของมันคือจะไม่มีหน้าจอหลังที่นั่งอีกต่อไป แต่จะให้บริการความบันเทิงผ่าน Wi-Fi อย่างเดียว โดยลูกค้าสามารถใช้อุปกรณ์ของตัวเองเพื่อเข้าถึงรายการบันเทิงได้
ระบบบันเทิงในเครื่องบินมีต้นทุนประมาณลำละ 3 ล้านดอลลาร์ การถอดระบบเหล่านี้ออกยังช่วยลดน้ำหนักเครื่องบินลงเพราะลดสายไฟในตัวเครื่อง โดยระบบบันเทิงเหล่านี้จะไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แต่หากลูกค้าต้องการต่ออินเทอร์เน็ตก็สามารถซื้อเพิ่มได้ในราคา 16 ดอลลาร์ต่อวัน
ที่มา - Economist
Delta Air Lines สายการบินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ประสบปัญหาระบบไฟฟ้าของศูนย์ข้อมูล และไม่สามารถย้ายไปใช้ระบบสำรองได้ ส่งผลให้เที่ยวบินเกือบ 6,000 เที่ยวต้องล่าช้าหรือยกเลิก กระทบผู้โดยสารจำนวนมาก
เหตุการณ์เริ่มต้นในช่วง 2:30 น. ของเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ปัญหาศูนย์ข้อมูลหลักที่เมืองแอตแลนต้าใช้งานไม่ได้ทำให้เที่ยวบินของ Delta ทั่วโลกไม่สามารถออกบินได้ ตลอดทั้งวัน Delta ต้องยกเลิกเที่ยวบินไปแล้ว 740 เที่ยวบิน และมีเพียง 3,340 ที่สามารถกลับมาให้บริการได้ตามเส้นทางเดิม
Delta ชดเชยลูกค้าโดยให้เปลี่ยนตั๋วได้ฟรี 1 ครั้ง ถ้าไฟลท์ยกเลิกหรือล่าช้ามากก็สามารถขอคืนเงินได้เต็มจำนวน สำหรับลูกค้าที่เจอปัญหาเที่ยวบินล่าช้าเกิน 3 ชั่วโมง จะได้คูปองมูลค่า 200 ดอลลาร์เพิ่มด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสายการบิน ANA เกิดเหตุระบบล่มขนานใหญ่ นานถึง 4 ชั่วโมง 40 นาที ทำให้ผู้โดยสารติดค้างสนามบินจำนวนนับหมื่นราย ตอนนี้ทางสายการบินก็ออกมาชี้แจงสาเหตุ ระบุว่าเกิดจากสวิตช์เน็ตเวิร์คตัวหนึ่งที่เชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูลเสียหาย
วันนี้ที่สนามบินฮาเนดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระบบเช็คอินผู้โดยสารของสายการบิน All Nippon Airways หรือ ANA เกิดปัญหาขัดข้อง จนทำให้สายการบินต้องยกเลิกเที่ยวบินภายในประเทศจำนวนกว่า 120 เที่ยวบิน กระทบต่อผู้โดยสารมากกว่า 16,000 คน
รายงานข่าวระบุว่าปัญหาของระบบคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 8.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยทำให้ระบบอื่นๆ อย่างเช่นระบบสำรองที่นั่งและจำหน่ายตั๋วโดยสารไม่สามารถทำงานตามไปด้วย กระทบเป็นวงกว้างทั่วญี่ปุ่น และยังมีผลกระทบกับสนามบินอีกหลายแห่งตามไปด้วย โดยระบบกลับมาใช้งานได้อีกครั้งตอน 11.30 น. แต่ระบบจำหน่ายตั๋วยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งทางสายการบินออกมาขอโทษลูกค้าและรับปากจะเร่งสอบสวนหาสาเหตุต่อไป
สิ่งหนึ่งที่คนทั่วไปชอบทำกันเวลาจะโชว์ว่าตัวเองได้ขึ้นเครื่องบินนั้นก็คือการถ่ายรูปตั๋ว (boarding pass) แล้วอัพโหลดขึ้น social network แต่การทำอย่างนั้นอาจเป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวโดยที่เราคาดไม่ถึงได้
Brian Krebs บล็อกเกอร์ด้านความปลอดภัยชื่อดังที่เคยมีข่าวน่าตื่นเต้นเกี่ยวกับตัวเขามากมาย (อ่านเพิ่มได้จากข่าวเก่า) เขียนเล่าว่ามีผู้อ่านบล็อกของเขาคนหนึ่งชื่อ Cory ได้สงสัยว่าบาร์โค้ดที่ปรากฎบนตั๋วเครื่องบินนั้นบอกอะไรได้บ้างหลังจากที่มีเพื่อนบนเฟซบุ๊กคนหนึ่งโพสรูปตั๋ว เขาจึงสแกนบาร์โค้ดบนตั๋วเพื่อหาข้อมูลนี้
หากตามข่าวใน Blognone จะเห็นมีหลายสายการบินเริ่มนำแท็บเล็ตมาใช้แทนคู่มือนักบิน (Electronic Flight Bag: EFB) แล้ว อาทิ Delta Air Lines (Surface 2), Alaska Airlines (iPad), Austrian Airlines และ Lufthansa (Surface Pro 3)
ล่าสุด ไมโครซอฟท์เผยว่า สายการบิน ExpressJet Airlines และ SkyWest Airlines ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SkyWest ได้นำ Surface 3 รัน Windows 10 Pro ไปใช้แทนที่คู่มือนักบินแล้ว
ต่อจากข่าว United Airlines ประกาศโครงการหาบั๊กความปลอดภัย แจกไมล์สูงสุดหนึ่งล้านไมล์ เมื่อไม่นานมานี้ ความคืบหน้าล่าสุดคือล้านแตกเรียบร้อยแล้ว โดยสายการบิน United ได้มอบรางวัลหนึ่งล้านไมล์ให้กับผู้แจ้งเบาะแส 2 ราย
United ไม่ได้ระบุชื่อของผู้ที่ได้รางวัล แต่ Jordan Wiens นักวิจัยด้านความปลอดภัยรายหนึ่งออกมาประกาศว่าเขาเป็นผู้ที่ได้รับรางวัล 1 ล้านไมล์ จากการค้นพบช่องโหว่ในเว็บไซต์ของ United ที่แฮ็กเกอร์สามารถเจาะเข้าไปควบคุมเว็บไซต์ได้ เขาให้สัมภาษณ์กับ Reuters บอกว่าโครงการตามล่าหาบั๊กของ United น่าสนใจมาก และเป็นหนึ่งในบริษัทนอกวงการไอทีที่มีโครงการหาบั๊กลักษณะนี้
วันนี้สายการบิน United ต้องหยุดนำเครื่องขึ้นบินจำนวนมากก่อนจะเริ่มกลับมาให้บริการได้อีกครั้ง โดยทาง United ระบุสาเหตุว่าเป็นเพราะปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย
ปัญหาเกิดจากเราท์เตอร์ทำงานผิดพลาดทำให้ไม่สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้โดยสารจากระบบจองตั๋วตามข้อกำหนดความปลอดภัย และผู้โดยสารบางคนก็ไม่สามารถเช็คอินเพื่อขึ้นบินได้
ความเสียหายจากเหตุการณ์นี้ทำให้เครื่องบิน 30% ของ United ไม่สามารถขึ้นบิน, เที่ยวบิน 1,400 เที่ยวล่าช้า, และเที่ยวบินถูกยกเลิก 76 เที่ยวบิน
ปัญหาเกิดขึ้นครั้งแรก 8 โมงเช้าตามเวลา eastern time (UTC-5) จากนั้นอีก 25 นาทีระบบก็กลับมาใช้งานได้อีกครั้งก่อนจะล่มไปอีกครั้งตอน 9 โมง และถึงเวลา 9 โมง 45 นาที ทางสายการบินก็ประกาศหยุดนำเครื่องขึ้นบิน