แอปเปิลออกอัพเดตซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ iOS 13.1.3 และ iPadOS 13.1.3 ในวันนี้ ต่อเนื่องจากอัพเดตก่อนหน้านี้ 13.1.2 ที่ออกมาเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว สามารถอัพเดตได้ผ่าน OTA โดยไปที่แอป Settings > General > Software Update

อัพเดตในรอบนี้แอปเปิลระบุว่าเป็นการแก้ไขปัญหาหลายรายการ ตลอดจนปรับปรุงประสิทธิภาพ อาทิ ปัญหาโทรศัพท์อาจไม่สั่นหรือส่งเสียงเมื่อมีสายเรียกเข้า, ปัญหาข้อมูลใน Health หลัง DST, ปัญหาดึงข้อมูล Voice Memos จาก iCloud, ปัญหาการจับคู่ Apple Watch ฯลฯ

ที่มา: MacRumors

ก่อนหน้านี้ Siri เรียกแอพอื่น ๆ มาทำงานได้แต่สำหรับแอพเพลงนั้น แอปเปิ้ลยังสงวน SiriKit ที่เชื่อมต่อกับแอพเพลงเอาไว้ให้ Apple Music เพียงแอพเดียว เวลาเราเรียก Siri ให้เปิดเพลงก็จะเปิดได้แค่ Apple Music เท่านั้นจนกระทั่ง iOS 13 แอปเปิ้ลจึงเปิดให้แอพเพลงยอดนิยมอย่าง Spotify สามารถใช้ SiriKit ได้เช่นกัน

โดยอัปเดตล่าสุด ถ้าเราต้องการให้ Siri เปิดเพลงจาก Spotify ก็แค่ระบุชื่อแอพขึ้นมาตอนสั่งงานเท่านั้น และทำงานร่วมกับ iPhone, iPad, CarPlay, AirPods แต่ HomePod ยังมีปัญหาอยู่เล็กน้อยและคาดว่าต้องรออัปเดตในภายหลัง

เรียกได้ว่าถ้าพลาดอัพเดตช้าไปไม่กี่วัน ก็จะมีตัวใหม่ออกมาต่อเนื่องเลย โดยล่าสุดแอปเปิลก็ออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 13.1.2 และ iPadOS 13.1.2 ซึ่งเป็นอัพเดตที่ต่อจาก iOS 13.1.1 และ iPadOS 13.1.1 ที่ออกมาเมื่อวันเสาร์ สามารถอัพเดตได้ผ่าน OTA โดยไปที่แอป Settings > General > Software Update

รายการอัพเดตใน iOS 13.1.2 นี้ เป็นการแก้ไขบั๊กหลายรายการดังนี้

หลังจากนักวิจัยที่ใช้ชื่อในอินเทอร์เน็ตว่า axi0mX ประกาศช่องโหว่ Checkm8 ที่ใช้เจาะอุปกรณ์ iOS เปิดทางการทำ jailbreak และฝังซอฟต์แวร์ลงในเครื่องแม้จะเป็นระบบปฎิบัติการรุ่นล่าสุด ทาง ArsTechnica ได้ติดต่อสัมภาษณ์ axi0mX เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

ทาง ArsTechnica ยืนยันว่าช่องโหว่นี้ กระทบ Apple Watch 1/2/3 ด้วย

ช่องโหว่ Checkm8 เป็นช่องโหว่ระดับ bootrom ซึ่งเป็นโค้ดระดับต่ำสุดของกระบวนการบูตอุปกรณ์ iOS ที่เขียนโค้ดอยู่ในหน่วยความจำที่เขียนทับไม่ได้ (ROM) ทำให้ไม่สามารถแพตช์แก้ไขในอนาคตได้ axi0mX ระบุว่าช่องโหว่ระดับนี้เคยพบครั้งล่าสุดเมื่อปี 2010 ใน iPhone 4

ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า axi0mX ออกมาประกาศช่องโหว่ checkm8 (อ่านว่า เช็ค-เมด/checkmate) เป็นช่องโหว่ของซอฟต์แวร์ใน bootrom ทำให้แฮกเกอร์สามารถข้ามกระบวนการตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์ที่ใช้ iOS ทั้งไอโฟนและไอแพดจำนวนมาก โดยอุปกรณ์จาก iPhone 4S ที่ใช้ชิป Apple A5 ไปจนถึง iPhone X ที่ใช้ชิป Apple A11

ช่องโหว่ใน bootrom จะเปิดทางให้แฮกเกอร์สามารถเปิดใช้ JTAG เพื่อดีบั๊กระบบ และแฮกซอฟต์แวร์ใดๆ บนเครื่อง หรือสามารถดึงข้อมูล SecureROM ออกมาได้ทั้งชุด เปิดทางอ่านกุญแจเข้ารหัสต่างๆ ของ iOS โดยความเสี่ยงของช่องโหว่นี้ ทำให้หากอุปกรณ์ตกอยู่ในมือคนร้าย คนร้ายจะสามารถฝังซอฟต์แวร์ลงไปในรอมได้

ROME: Total War – Alexander เนื้อเรื่องเสริมที่แยกตัวจากเกมหลักแบบ Standalone ที่ให้เราสวมบทเป็นพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชคุมกองทัพกรีกต่อสู้กับกองทัพเปอร์เซียและบุกเอเชียกลาง จะถูกพอร์ตลงสมาร์ทโฟนทั้ง iPhone และ Android แล้วในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ โดยเกมนี้เป็นภาคต่อจากจาก ROME: Total War และเนื้อเรื่องเสริม Barbarian Invasion ที่เพิ่มความท้าทายขึ้นไปอีก

หลังจาก Feral Interactive พอร์ตเกมนี้มาให้เล่น iPad สำเร็จตั้งแต่ปี 2017 ที่ผ่านมา การพอร์ตไปใส่สมาร์ทโฟนครั้งนี้ ทาง Feral Interactive ยังคอนเฟิร์มว่าเวอร์ชั่นสมาร์ทโฟนจะ "ให้ประสบการณ์การเล่นดีเหมือนที่เล่นในคอมพิวเตอร์เลย" (deliver the full experience of the desktop version)

นอกจากอัพเดตใหญ่ของ iPad ในชื่อ iPadOS แอปเปิลก็ได้ออกอัพเดต iOS 13.1 สำหรับผู้ใช้ iPhone และ iPod touch ด้วยเช่นกัน

นอกจากรายการแก้ไขบั๊กต่าง ๆ ที่มีรายงานใน iOS 13 แล้ว ยังมีคุณสมบัติใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ดังนี้

ทวิตเตอร์เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ให้ปักหมุดบัญชีที่เราชอบตามได้บนหน้า Home ปักได้สูงสุด 5 บัญชี เริ่มเฉพาะผู้ใช้งาน iOS ก่อน

ผู้ใช้ต้องเช้าไปที่เมนู Lists เพื่อปักหมุดบัญชี สามารถแก้ไขเลิกปักหมุดได้ เมื่อปักแล้ว คอนเทนต์จากบัญชีที่เราปักหมุดจะแสดงให้เห็นเข้ามาโดยตรงที่หน้า Home ถือเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทวิตเตอร์พยายามปรับให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้ใช้งาน จากที่มีฟีเจอร์ Top Tweets แสดงไทม์ไลน์โดยอิงกับความสนใจมากกว่าลำดับก่อนหลัง

เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ออกอัพเดตให้กับ Skype บนทุกแพลตฟอร์มโดยได้เพิ่มฟีเจอร์อำนวยความสะดวกให้กับการแชทเข้ามาหลายอย่าง พอสรุปได้ดังนี้

• เก็บร่างข้อความ (draft) ให้อัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้พิมพ์ข้อความทิ้งไว้แต่ยังไม่กดส่ง

แอปเปิลประกาศเลื่อนวันปล่อยอัพเดตระบบปฏิบัติการสำหรับ iPad ที่ใช้ชื่อใหม่ว่า iPadOS จากเดิมวันที่ 30 กันยายน เร็วขึ้นมาเป็นวันที่ 24 กันยายน (ในไทยจะเข้าสู่วันใหม่ตามเวลาท้องถิ่นเป็น 25 กันยายน)

นอกจากจะมีอัพเดต iPadOS แล้ว แอปเปิลยังเตรียมออกอัพเดต iOS 13.1 ต่อเนื่องจาก iOS 13.0 ที่ออกมาเมื่อคืน ในวันเดียวกันด้วย โดยเพิ่มฟีเจอร์ที่เคยประกาศไว้แต่ยังไม่ได้ใส่มาใน 13.0 อาท Siri Shortcut actions แบบอัตโนมัติ, แชร์คาดเวลาจะเดินทางไปถึงให้เพื่อนใน Maps ฯลฯ

นอกจากนี้ iOS 13.1 ยังแก้ไขบั๊กช่องโหว่ล็อกหน้าจอที่มีการรายงานออกมาก่อนหน้านี้ด้วย

แอปเปิลปล่อยอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 13 แล้ววันนี้ สำหรับผู้ใช้ iPhone และ iPod Touch โดย iPhone รองรับตั้งแต่รุ่น iPhone 6s ขึ้นไป และ iPod เฉพาะ 7th Gen

การอัพเดตสามารถอัพเดตแบบ OTA ได้โดยไปที่ Settings > General > Software update อัพเดตครั้งนี้เป็นอัพเดตใหญ่ ขนาดไฟล์จะค่อนข้างใหญ่ราว 2GB

ไฮไลท์สำคัญใน iOS 13 คือการเพิ่ม Dark Mode ที่สามารถกำหนดให้เปิดใช้อัตโนมัติระหว่างวันได้ด้วยตามเวลาพระอาทิตย์ตก ส่วนแอป Photos ก็ยกการจัดเรียงเครื่องใหม่ รวมทั้งเพิ่มของใหม่ในการแก้ไขรูปภาพและวิดีโอ ส่วนด้านความปลอดภัยก็เพิ่มตัวเลือก Sign in with Apple เข้ามา มีรายการเปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่าง สามารถดูได้ในข่าวเก่า

จากเงื่อนไขเพิ่มเติมสำหรับนักพัฒนาแอป ที่แอปเปิลประกาศไว้ในงาน WWDC ที่ผ่านมา ว่าจะต้องรองรับการล็อกอินด้วย Sign In with Apple ส่วนแอปหมวดเด็กห้ามส่งต่อข้อมูลไปหน่วยงานอื่น เช่น Analytics หรือแพลตฟอร์มโฆษณา ล่าสุดแอปเปิลได้อัพเดตข้อมูลเงื่อนไขเหล่านี้ โดยขยายเวลาและอธิบายรายละเอียดให้ชัดเจนขึ้น

แอปเปิลออกแถลงการณ์ชี้แจง หลังนักวิจัยของกูเกิลใน Project Zero เผยแพร่รายงานการโจมตี iOS ก่อนมีแพตช์ออกมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยบอกว่าช่องโหว่ในรายงานฉบับนี้มีผลกระทบที่จำกัด ไม่ได้มีผลเป็นวงกว้างอย่างที่รายงานพยายามทำให้ผู้ใช้ iOS กลัว เว็บไซต์ที่มีการฝังมัลแวร์ผ่านช่องโหว่ก็มีเพียงไม่ถึง 10 เว็บไซต์ และมีเนื้อหาเฉพาะเจาะจงมาก

Project Zero รายงานย้อนหลังถึงการพบการโจมตี iOS ก่อนที่จะมีแพตช์ หรือช่องโหว่ 0-day ย้อนหลัง 5 รายการ นับแต่ปี 2016 ในสมัย iOS 10 มาจนถึง iOS 12 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ตัวอย่างการวิเคราะห์ช่องโหว่ล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่ามีฟีเจอร์ในเคอร์เนลที่ยังอิมพลีเมนต์ไม่เสร็จ แต่โค้ดถูกรวมไปกับ iOS แล้ว และเข้าถึงจากตัว sandbox ของแอปพลิเคชั่นได้ การอิมพลีเมนต์ครึ่งๆ กลางๆ กลายเป็นช่องทางให้โค้ดมุ่งร้ายเจาะออกจาก sandbox ได้ในที่สุด

แอปเปิลอัพเดตตัวเลขส่วนแบ่งผู้ใช้งาน iOS แยกตามเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการในหน้าของนักพัฒนา โดย iOS 12 มีส่วนแบ่งผู้ใช้รวมทั้งบน iPhone, iPad และ iPod Touch 88% ของผู้ใช้ทั้งหมดแล้ว ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2019 ซึ่งสูงกว่า iOS 11 ที่เทียบกับช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ทำได้ 85% ในเดือนกันยายน

iOS 11 เวอร์ชันก่อนหน้ามีส่วนแบ่ง 7% และเวอร์ชันเก่ากว่านั้นมีอยู่ 5%

นอกจากนี้หากดูเฉพาะอุปกรณ์ที่มีอายุไม่เกิน 4 ปี ส่วนแบ่งของ iOS 12 ก็อยู่ที่ 90% เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้คาดว่า iOS 13 รุ่นใหม่ จะเริ่มออกอัพเดตสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปช่วงปลายเดือนกันยายนนี้

เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ได้ออกอัพเดตให้กับแอพ OneNote บนอุปกรณ์พกพา โดยได้เพิ่มและปรับปรุงฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับการแทรกรูปภาพลงบนโน้ตบนทั้ง Android และ iOS มีรายละเอียดดังนี้

แอป Spotify ได้ออกอัพเดตเวอร์ชันล่าสุดสำหรับผู้ใช้ iPad โดยมีคุณสมบัติใหม่เพิ่มเข้ามา แต่ไม่ได้ระบุในหน้า App Store นั่นคือการรองรับ Multitasking ซึ่งสามารถแยกหน้าจอแอปแบบ Split View หรือใช้โหมด Slide Over ได้แล้ว ทำให้ผู้ใช้สามารถเปิด Spotify ไปพร้อมกับแอปอื่นได้

สำหรับฟีเจอร์ Multitasking บน iPad นั้นมีมาตั้งแต่ปี 2015 ใน iOS 9

ตัวแทนของ Spotify ยืนยันว่าฟีเจอร์นี้ได้ออกมาในแอปเวอร์ชันล่าสุด 8.5.14.816 และ Spotify ก็จะปรับปรุงการใช้งานแอปให้ดียิ่งขึ้นในทุกแพลตฟอร์มต่อไป

ที่มา: The Verge

จากเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Apple จัดงาน WWDC19 พร้อมทั้งได้ปล่อย iOS 13 Developer Beta 1 ให้นักพัฒนาได้ทดลองหลังจบงาน และเมื่อวันก่อน Apple ก็ได้ปล่อย Beta 2 ให้นักพัฒนาได้ทดสอบต่อจาก Beta 1 อีกเช่นกัน

ล่าสุดวันนี้ Apple ก็ได้ปล่อย iOS 13 Public Beta 1 ออกมาให้บุคคลทั่วไปที่สนใจจะลองของใหม่ต่อจากสายนักพัฒนา (Developer) แล้ว โดยเลข build ที่ได้จะเป็นตัวเดียวกับ iOS 13 Developer Beta 2 คือ 17A5508m

วิธีการลงทะเบียนและติดตั้ง iOS 13 Public Beta (โดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์)

ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตใหม่ให้กับแอพ Skype โดยได้เพิ่มฟีเจอร์ screen sharing ซึ่งแต่เดิมมีให้ใช้งานเฉพาะบนเครื่องพีซี ให้สามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์พกพาทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS

สำหรับความสามารถของฟีเจอร์ดังกล่าวก็ตรงตามชื่อกล่าวคือ screen sharing จะทำหน้าที่แชร์ภาพหน้าจอมือถือของผู้ใช้ให้กับคู่สนทนา ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายเห็นภาพตรงกัน ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์เพื่อการทำงาน, ใช้ช่วยแก้ปัญหาหรือสอนการใช้งานมือถือ หรือจะใช้เลือกซื้อของออนไลน์กับเพื่อนก็ทำได้

ส่วนวิธีเรียกใช้งานก็เพียงแค่กดเรียกเมนู "..." ขณะที่กำลังโทรผ่าน Skype จากนั้นเลือก Share Screen เพิ่มเริ่มแชร์หน้าจอ

Cellebrite ผู้ผลิต Universal Forensic Extraction Device (UFED) อุปกรณ์ดึงข้อมูลจากอุปกรณ์เคลื่อนที่เช่นโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต โฆษณาว่าเวอร์ชั่นล่าสุดนั้นสามารถปลดล็อกอุปกรณ์ iOS ได้ โดยรองรับตั้งแต่ iOS 7 มาจนถึง iOS 12.3 ที่เพิ่งออกมาไม่นานนัก

กระบวนการรักษาความปลอดภัยของ iOS นั้นค่อนข้างแน่นหนา โดยเมื่อล็อกหน้าจอแล้วจะกลายเป็นการเข้ารหัสอุปกรณ์ไปพร้อมกัน ทำให้การดึงข้อมูลออกจากอุปกรณ์ที่ล็อกไว้ทำได้ยาก ที่ผ่านมามีผู้ผลิตหลายรายพยายามหาทางข้ามกระบวนการป้องกันของแอปเปิล และสร้างอุปกรณ์ออกมาขาย จนใน iOS 12 นั้นแอปเปิลถึงกับล็อกพอร์ต USB หากล็อกหน้าจอไว้นานเกิน 1 ชั่วโมง ให้ชาร์จไฟได้อย่างเดียว

ก่อนหน้านี้ Google ประกาศว่าสามารถใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์เป็นโทเคนยืนยันตัวตน 2 ชั้น สำหรับการล็อกอินแอคเคาท์ Google บน ChromeOS, macOS และ Windows 10 ด้วยโปรโตคอล CTAP2 ของ FIDO

ล่าสุดฟีเจอร์นี้รองรับบนอุปกรณ์ iOS แล้ว โดยรองรับเฉพาะ iOS เวอร์ชัน 10 ขึ้นไป ส่วนฝั่งแอนดรอยด์ต้องเป็นแอนดรอยด์ 7.0 ขึ้นไปเช่นเดิมและเพิ่มสมาร์ทโฟนของตัวเองให้เป็น Security Key ได้ในหน้า 2-step Verification (ต้องเปิดตัวเลือกนี้ด้วย) ในหมวด Security ของแอคเคาท์ Google

แอปเปิลออกอัพเดตย่อย iOS 12.3.2 ในวันนี้ ถือเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์จากอัพเดตเวอร์ชันก่อนหน้านี้ 12.3.1

ข่าวดีคือผู้ใช้อุปกรณ์ iOS ทั้ง iPhone และ iPad ส่วนใหญ่ไม่ต้องอัพเดต iOS 12.3.2 นี้ เพราะ iOS 12.3.2 ออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะบน iPhone 8 Plus เท่านั้น ซึ่งแอปเปิลบอกว่าเป็นปัญหากล้องในโหมด Portrait ที่ไม่สร้างเอฟเฟกต์แนวลึกของภาพ

ผู้ใช้ iPhone 8 Plus สามารถอัพเดตได้ที่ Settings > General > Software Update

ที่มา: MacRumors

บริการ Sign In with Apple ที่แอปเปิลเปิดตัวในงาน WWDC วันแรก ได้รับความสนใจมาก เนื่องจากเป็นบริการล็อกอินที่แอปเปิลชูจุดขายความเป็นส่วนตัว ไม่มีการส่งข้อมูลไปยังแอปภายนอก อย่างไรก็ตามแอปเปิลก็มีข้อกำหนดเรื่องการส่งแอปไป App Store ว่าแอปจะต้องรองรับตัวเลือกการล็อกอิน Sign In with Apple นี้ด้วยเสมอ จึงเป็นประเด็นที่ถกเถียงพอสมควร

ล่าสุด Reuters ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าแอปเปิลยังระบุในคำแนะนำอีกว่า ตำแหน่งปุ่ม Sign In with Apple ควรอยู่เหนือปุ่มล็อกอินของบริการรายอื่น ซึ่งการวางตำแหน่งไว้ด้านบนสุดนั้นก็ช่วยให้โอกาสที่บริการนี้ของแอปเปิลถูกใช้งานเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

เป็นคำถามสามัญทุกครั้งที่แอปเปิลเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ ว่าอุปกรณ์เดิมตัวไหนบ้างจะได้ไปต่อ และอุปกรณ์ไหนจะถูกแพไว้กลางทางเพียงเท่านี้ ซึ่งสำหรับ iOS 13, iPadOS 13 และ watchOS 6 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อคืนนี้ ก็สรุปรายชื่ออุปกรณ์ที่ได้ไปต่อได้ดังนี้

iOS 13

• iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ขึ้นไป
• iPhone X ขึ้นไป
• iPhone SE
• iPod touch 7th Gen (ตัวล่าสุดที่ขาย)

แอปเปิลเปิดตัวระบบปฏิบัติการ iOS 13 สำหรับ iPhone และ iPod (เพราะ iPad ได้ iPadOS แยกไปแล้ว) โดยชูจุดขายสำหรับในครั้งนี้คือรูปโฉมใหม่ การปรับปรุงในแอปพื้นฐานของ iOS และเพิ่มความเป็นส่วนตัว ตลอดจนเน้นไปที่การทำงานที่เร็วขึ้น

ของใหม่สำคัญที่ประกาศมีดังนี้