ไมโครซอฟท์ขยายฟีเจอร์ให้ Bing โดยนำ AI มาช่วยแสดงคำตอบที่ "มีความหมาย" กับผู้ใช้ทั่วไปมากขึ้น

ตัวอย่างแรกคือการถามข้อมูลที่เป็นตัวเลข (fact & figure) เช่น ขนาดพื้นที่ของประเทศใดประเทศหนึ่ง เดิมที search engine จะบอกคำตอบเป็นตัวเลขว่ามีพื้นที่กี่ตารางกิโลเมตร แต่ของใหม่ใน Bing จะอธิบายคล้ายกับเป็นประโยคบอกเล่าด้วยว่า พื้นที่เท่านี้ใกล้เคียงกับรัฐใดในสหรัฐอเมริกา

Brave เบราว์เซอร์ที่บล็อกโฆษณาและการติดตามเป็นค่าเริ่มต้นได้ประกาศเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับ DuckDuckGo บริการเสิร์ชเอนจินที่เน้นให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้ใช้

DuckDuckGo รายงานว่า Google นั้นไม่ได้ให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้ใช้ เพราะขณะค้นหาข้อมูลในโหมดไม่ระบุตัวตน ข้อมูลที่ Google เก็บก็สามารถตามรอยผู้ใช้ได้ และ DuckDuckGo กล่าวว่าภายใต้โหมดไม่ระบุตัวตนนั้น ผู้ใช้ไม่ต้องการให้ผู้ให้บริการค้นหาติดตามตัวเอง ซึ่งการรวม DuckDuckGo เข้ากับ Brave จะทำให้ผู้ใช้มีความเป็นส่วนตัวอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งตั้งแต่วันนี้ DuckDuckGo จะเป็นเสิร์ชเอนจินแนะนำให้ตั้งเป็นค่าเริ่มต้นเมื่อผู้ใช้เปิดโหมดไม่ระบุตัวตนบน Brave

Google สรุปคำค้นหายอดนิยมจากทั่วโลกผ่านเว็บไซต์ Google Trends สามารถเลือกกดดูเทรนด์เป็นรายประเทศได้ สำหรับประเทศไทย คำค้นหาอันดับ 1 คือ "เพลิงบุญ" ละครโทรทัศน์ไทยช่อง 3

ดีล Mozilla เลือกใช้ Yahoo เป็นเอนจินค้นหาหลักในปี 2014 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญของวงการเบราว์เซอร์ เพราะ Mozilla ละทิ้ง Google ที่ใช้งานมานาน ย้ายไปใช้ Yahoo! โดยแลกกับค่าตอบแทนมหาศาล

อย่างไรก็ตาม ดีลนี้กลับล่มเร็วกว่าข้อตกลงเดิม 5 ปี เพราะ Yahoo ขายกิจการให้ AOL และเดือนที่แล้ว Firefox ก็เปลี่ยนเอนจินกลับมาเป็น Google โดยไม่มีรายละเอียดของการยกเลิกสัญญาว่าเป็นอย่างไร

ข่าวเล็กๆ ที่สอดแทรกมากับ Firefox 57 คือ Mozilla เปลี่ยนเอนจินค้นหาหลักจาก Yahoo! กลับมาเป็น Google Search อีกครั้ง

Mozilla เซ็นสัญญากับ Yahoo! ในปี 2014 เพื่อเป็นเอนจินค้นหาหลักในบางประเทศ (นอกจากนั้นยังมี Yandex และ Baidu) เป็นเวลานาน 5 ปี ซึ่งเป็นสัญญาที่สร้างรายได้มหาศาลแก่ Mozilla

Google เพิ่มฟีเจอร์หวังลดข่าวปลอมอีกขั้น ตามปกติเมื่อผู้ใช้ค้นหาชื่อบริษัทสื่อหรือสำนักข่าวบน Google ระบบจะแสดงข้อมูลทั่วไปของบริษัทนั้นๆ ล่าสุด Google เพิ่มข้อมูลรางวัลที่บริษัทสื่อนั้นๆ ได้รับ และแนวทางการเสนอเนื้อหาของสื่อนั้นว่าออกไปในแนวทางใด เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจโทนการเขียนและธรรมชาติของเนื้อหาที่สื่อนั้นนำเสนอมากขึ้น

ข้อมูลรางวัลและแนวการเขียนจะอยู่ด้านล่างข้อมูลทั่วไป ผู้ใช้สามารถกดและเลื่อนปัดขวาดูรายละเอียดเพิ่มได้ ประโยชน์คือผู้รับข่าวสารจะมีช่องทางตรวจสอบแหล่งข่าวเพิ่มขึ้นอีกชั้น แต่ผู้ใช้จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อพิมพ์ค้นหาชื่อสำนักข่าวบน Google ซึ่งอาจเกิดขึ้นหลังจากรับข่าวสารนั้นไปแล้วระยะหนึ่ง

แต่เดิม การเปลี่ยนรหัสประเทศใน top level domain (ccTLD) ที่ใช้งาน Google จะทำให้ผลการค้นหาที่แสดงเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละประเทศ อย่างเช่น google.com จะแสดงผลการค้นหาสำหรับสหรัฐฯ, google.co.th สำหรับไทย, google.co.jp สำหรับญี่ปุ่น

วันนี้ Google ประกาศปรับปรุงผลการค้นหาใหม่ โดยยกเลิกผลการค้นหาแบบเดิมที่ขึ้นตาม ccTLD ทั้งเว็บบนมือถือ, เดสก์ท็อป, Maps, แอพ Google บน iOS แต่จะให้ขึ้นกับตำแหน่งที่ผู้ใช้กำลังใช้งานอยู่แทน โดยจะแสดงประเทศไว้ด้านล่างของหน้าค้นหา

Microsoft ได้ปรับปรุงหน้าค้นหาของ Bing โดยจะเริ่มนำคอนเทนต์ความบันเทิงมาแสดงในหน้าค้นหาโดยตรงเหมือนกับ Google Search เช่น ถ้าผู้ใช้ค้นหาคำว่า new movie release จะแสดงรายการภาพยนตร์ใหม่และกำลังเป็นที่นิยมบนบริการสตรีมมิ่งอย่างเช่น Netflix และ Amazon Prime

ถัดไปคือฟีเจอร์แท็บบนอุปกรณ์พกพา คือเมื่อแสดงคอนเทนต์เกี่ยวกับภาพยนตร์แล้ว บนอุปกรณ์พกพา หน้าค้นหาของ Bing จะแสดงแท็บที่แต่ละแท็บจะมีรายละเอียดของภาพยนตร์ เช่น นักแสดง, เวลาฉาย, รีวิว

สุดท้ายคือฟีเจอร์ My saves ผู้ใช้สามารถบันทึกคอนเทนต์ที่ค้นหาผ่าน Bing ทั้งภาพและวิดีโอเพื่อใช้ในการอ้างอิงในภายหลังได้เพียงกดปุ่มบวกด้านล่างซ้ายของภาพหรือวิดีโอที่ต้องการบันทึกไว้ และ Bing จะบันทึกไว้ให้เปิดดูภายหลังได้

Pinterest ประกาศความร่วมมือกับห้างค้าปลีก Target เพื่อนำฟีเจอร์ Lens ค้นหาข้อมูลสินค้าด้วยภาพถ่าย มาใส่ไว้ในบริการของ Target

ในเบื้องต้น Target จะให้บริการนี้กับจุดบริการลูกค้าก่อน จากนั้นจะขยายต่อไปยังแอพของ Target เอง ตลอดจนตัวค้นหาในหน้าเว็บไซต์ของห้าง

Target บอกว่าความร่วมมือนี้จะทำให้ห้างนำหน้าเหนือคู่แข่ง พร้อมยกข้อมูลพยากรณ์ที่ระบุว่าการค้นหาด้วยรูปภาพและเสียงพูด จะมีจำนวนถึง 50% ของการค้นหารวมทั้งหมดในปี 2020

ที่มา: Target

ไมโครซอฟท์เปิดตัว Bing for Business หรือการนำเอนจินค้นหาของ Bing มาใช้ค้นหาข้อมูลภายในองค์กรที่อยู่ภายในระบบของ Office 365

Bing for Business สามารถเรียกใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ได้ตามปกติ แต่จำเป็นต้องใช้กับ Office 365 รุ่น Enterprise, Business Essentials, Business Premium และ Education เท่านั้น ตอนนี้มันยังมีสถานะเป็นรุ่นพรีวิว

สิ่งที่มันสามารถค้นหาได้ก็มีตั้งแต่เอกสาร-ไฟล์ในระบบของบริษัท ปฏิทิน รายชื่อผู้ร่วมงาน ผังองค์กร ผังอาคาร (ถ้ามี) ตารางการประชุม และการแชทใน Office 365 Groups ซึ่งข้อมูลทั้งหมดไมโครซอฟท์เก็บอยู่ในรูปของ Microsoft Graph มานานแล้ว

สายสัมพันธ์ระหว่างแอปเปิลกับกูเกิล จืดจางลงไปหลังกูเกิลหันมาทำ Android แข่งกับ iOS ทำให้แอปเปิลก็ลดระดับความสัมพันธ์กับกูเกิลลงหลายอย่าง ที่สำคัญคือเปลี่ยนระบบค้นหาใน iOS มาเป็น Bing ตั้งแต่ปี 2013

แต่ล่าสุด แอปเปิลประกาศว่าจะเปลี่ยนเอนจินค้นหาของ iOS และ Siri รวมถึง Spotlight บน macOS กลับมาใช้เอนจินของ Google Search เหมือนเดิม (ส่วนเอนจินค้นหาของ Safari ทั้งบน iOS และ macOS เป็นกูเกิลอยู่แล้ว)

ในแถลงการณ์ของแอปเปิลระบุว่า การเปลี่ยนมาใช้กูเกิลเหมือนกันทั้งหมด ทำให้ประสบการณ์ค้นหาของผู้ใช้มีความสม่ำเสมอในทุกช่องทาง โฆษกของแอปเปิลยังบอกว่าบริษัทมีสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งกูเกิลและไมโครซอฟท์

ท่ามกลางปัญหาของข่าวปลอมที่แพร่หลายอยู่ทุกวันนี้ นอกจาก Google ที่ได้เพิ่มแท็ก Fact Check ไปเมื่อต้นปี ตอนนี้ Bing เสิร์ชเอนจินจาก Microsoft ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์นี้แล้วเช่นกัน

ฟีเจอร์ดังกล่าวมีขึ้นเพื่อแก้ปัญหาข่าวปลอม โดยมีบริการที่เข้าร่วมอย่างเช่น Snopes, PolitFact และอื่น ๆ โดยจะแสดงไว้ในผลการค้นหาเลยว่าจริง เท็จ หรืออื่น ๆ

เช่นเดียวกับ Google ที่ไม่ได้มีเฉพาะเว็บไซต์ตรวจเช็คข่าวปลอมใหญ่ ๆ เท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมได้ เนื่องจากมีโค้ดที่ให้เสิร์ชเอนจินสามารถดึงข้อมูลได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่ามันมีโอกาสที่จะผิดพลาดได้ แต่ Bing ก็ไม่ได้การันตีว่าเว็บไซต์ที่ใส่แท็ก Fact Check จะถูกดึงข้อมูลมาแสดงทั้งหมด

บริษัทวิจัย Bernstein ออกรายงานวิเคราะห์ว่าในปีนี้กูเกิลอาจจ่ายเงินให้แอปเปิลถึง 3 พันล้านดอลลาร์ เพื่อให้เสิร์ชกูเกิลยังเป็นค่าเริ่มต้น (default) อยู่บน Safari

ตัวเลขนี้ไม่มีการยืนยันแต่เกิดจากประเมินของนักวิเคราะห์ โดยมีเอกสารจากคดีความในอดีตระบุว่าปี 2014 กูเกิลเคยจ่ายเงินให้แอปเปิล 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคำนวณจากโอกาสที่กูเกิลได้จากค่าโฆษณาผ่านการเสิร์ชของ Safari บน iOS ซึ่งหากการจ่ายเงินยังใช้สมการเดิม ในปีนี้กูเกิลก็ควรจ่ายให้แอปเปิล 3 พันล้านดอลลาร์

บทวิเคราะห์นี้มองว่าเงิน 3 พันล้านดอลลาร์นั้นสูงมาก กูเกิลอาจเลือกไม่จ่ายก็ได้ในอนาคต และหากเป็นเช่นนั้นก็กระทบกับรายได้ส่วน Services ของแอปเปิลอยู่มากเช่นกัน

ช่วงนี้ผู้ใช้ Facebook ในประเทศอินโดนีเซียจะเจอกับโฆษณาตัวนึงของ Google ที่เชิญชวนให้มาทดสอบแอพใหม่ชื่อว่า Search Lite ซึ่งก็คือแอพ Google Search ที่ใช้ทรัพยากรน้อยและไม่ต้องพึ่งอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงนั่นเอง

Search Lite จะเป็นแอพเพื่อใช้ค้นหาข้อมูลต่างๆ รวมไปถึงติดตามข่าวสาร บันทึกเว็บแบบออฟไลน์รวมไปถึงแปลภาษาได้จากแอพนี้ จุดเด่นของมันคือใช้งานได้อย่างรวดเร็ว, ไม่ต้องใช้เน็ตความสูง, รองรับการทำงานแบบออฟไลน์, ใช้ดาต้าน้อยกว่าและสามารถใช้กับมือถือรุ่นล่างๆ ได้

กูเกิลปรับวิธีการแสดงผลของ Image Search บนมือถือ (ตอนนี้ใช้ได้กับแอพ Google บน Android และบน mobile web) โดยแสดงป้ายข้อความ (label) เล็กๆ บอกว่าเว็บเพจที่แสดงรูปภาพนั้นเป็นเนื้อหาประเภทไหน

ตัวอย่างเช่น เราค้นหาภาพเค้กใน Image Search ก็จะมีป้ายบอกว่าถ้าคลิกที่ภาพจะไปเจอกับสูตรทำเค้ก (recipe) หรือวิดีโอสอนทำเค้ก (video พร้อมตัวเลขความยาว) เพื่อให้ผู้ใช้งานรับรู้ล่วงหน้าก่อนคลิกที่ภาพนั้น จะได้ไม่ต้องกดไปๆ กลับๆ หลายรอบให้เสียเวลา

ตัวอย่างป้ายอื่นๆ คือข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ (product) และภาพเคลื่อนไหว (gif) เป็นต้น แต่ไม่ใช่ทุกภาพจะแสดงปป้าย label ครับ

เมื่อปี 2010 กูเกิลเปิดตัว Google Instant ค้นหาได้โดยไม่ต้องคลิก โดยเราพิมพ์คำลงในช่องค้นหาทีละตัวอักษร กูเกิลจะปรับหน้าจอผลการค้นหาให้เอง (โดยไม่ต้องกด enter)

เวลาผ่านมา 7 ปี กูเกิลฆ่าฟีเจอร์นี้ทิ้งแล้ว โดยโฆษกของกูเกิลให้เหตุผลว่า Google Instant ออกแบบมาสำหรับการใช้บนเดสก์ท็อป แต่ปัจจุบัน ทราฟฟิกการค้นหาของกูเกิลส่วนใหญ่มาจากอุปกรณ์พกพา ซึ่งมีวิธีการป้อนข้อมูลที่ต่างไปจากเดสก์ท็อป ทำให้กูเกิลถอดฟีเจอร์ Google Instant ที่ใช้งานยากบนมือถือออกไป เพื่อให้ประสบการณ์ใช้งานบนอุปกรณ์ทุกประเภทเหมือนกัน

จากนี้ไป เวลาเราพิมพ์คำค้นในช่องค้นหาบนเดสก์ท็อป เราก็จะเจอแต่คำค้นแนะนำ (suggestions) เท่านั้น หน้าผลการค้นหาจะไม่เปลี่ยนแปลงอัตโนมัติจนกว่าจะกด enter เอาเอง

นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2012 ชื่อแบรนด์ Google Now หมายถึงฟีเจอร์ผู้ช่วยส่วนตัวที่สั่งงานด้วยเสียง และฟีเจอร์แสดงข้อมูลในรูปแบบ card โดยทั้งหมดอยู่ในแอพ Google ทั้งบน Android/iOS

แต่เมื่อปีที่แล้ว กูเกิลออกแอพผู้ช่วยตัวใหม่ในแบรนด์ Google Assistant มาแทน ทำให้แบรนด์ Google Now เริ่มจางหายไป และวันนี้ กูเกิลก็อัพเดตแอพ Google ใหม่ให้มีฟีเจอร์ 'Feed' แสดงข้อมูลตามความสนใจของผู้ใช้ ส่งผลให้แบรนด์ Google Now จบสิ้นลงอย่างสมบูรณ์

Google Search ประกาศปรับอัลกอริทึมเพื่อแก้ปัญหาข่าวปลอม-ข้อมูลผิดๆ บนอินเทอร์เน็ต การปรับอัลกอริทึมครั้งนี้จะส่งผลให้เนื้อหาปลอม เช่น บทความที่บอกว่าการฆ่าล้างพันธุ์ชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองไม่ได้เกิดขึ้นจริง (holocaust denial) มีโอกาสโผล่ในผลการค้นหาน้อยลง

นอกจากการปรับอัลกอริทึมโดยตรงแล้ว กูเกิลยังปรับคู่มือการทำงานของคนตรวจสอบคุณภาพของผลการค้นหา (Search Quality Rater) ให้ละเอียดขึ้นในเรื่องการตรวจสอบข่าวปลอม หรือเนื้อหาที่รุนแรง เพื่อกระบวนการนำเนื้อหาเหล่านี้ออกจะได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้น

Pinterest ได้เข้าซื้อ Jelly แอพให้บริการค้นหาข้อมูลในลักษณะถาม-ตอบ (Subjective Search) ที่ก่อตั้งโดย Biz Stone หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Twitter (ข่าวเก่า) ด้วยมูลค่าที่ไม่มีการเปิดเผย

Biz Stone บอกว่าเขาได้พูดคุยกับ Pinterest และมองว่าแนวทางของ Jelly สามารถร่วมมือกับ Pinterest ได้เป็นอย่างดี กล่าวคือเป็นระบบค้นหาข้อมูลที่หาคำตอบด้วยมนุษย์ ทั้งสามารถรองรับคำถามที่มีคำตอบแบบปลายเปิด

ทั้งนี้ Biz Stone เองก็เป็นนักลงทุน Angel ของ Pinterest ด้วย

ด้าน Pinterest ยังไม่ออกมาชี้แจงเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ และยังไม่มีรายละเอียดว่าบริการ Jelly จะยังอยู่ต่อไปหรือไม่

ที่มา: Biz Stone และ Bloomberg

โครงการ AMP ของกูเกิลได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ เราเห็นบริษัทอื่นๆ อย่าง eBay, Pinterest, LinkedIn, WordPress หรือแม้แต่คู่แข่งโดยตรงอย่าง Bing รับไปใช้งาน

บริษัทใหญ่รายล่าสุดที่ร่วมใช้ AMP คือผู้ให้บริการ search engine ยอดนิยมจากเอเชีย ได้แก่ Baidu และ Sogou จากจีน และ Yahoo Japan จากญี่ปุ่น

กูเกิลระบุว่าความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ AMP ในเอเชีย เพราะ Baidu กับ Sogou มีส่วนแบ่งตลาดในจีนรวมกัน 90% ส่วน Yahoo Japan มีลูกค้าใช้งาน 58 ล้านรายต่อวัน ส่วนตอนนี้มีเพจ AMP จำนวน 1.7 พันล้านเพจแล้ว

ปกติแล้วเวลาเราค้นหาข้อมูลใน search engine ระบบมักไม่สนใจสัญลักษณ์-อักขระพิเศษบางตัว หรือไม่ก็มองว่าสัญลักษณ์เหล่านี้เป็น operator พิเศษของการค้นหา (เช่น ใส่ - เพื่อบอกว่าค้นหาโดยไม่เอาคำนี้)

พฤติกรรมการทำงานแบบนี้ทำให้การค้นหาด้านโปรแกรมมิ่ง (ที่ใช้สัญลักษณ์แบบนี้เหมือนกัน) เกิดปัญหาค้นไม่เจอ ล่าสุดกูเกิลปรับพฤติกรรมของ Google Search ให้รองรับสัญลักษณ์พิเศษบางตัวอย่าง []=+ แล้ว การค้นหาด้วยคำว่า "C++17" จะให้ผลตรงกับคำที่เราค้น ต่างจากสมัยก่อนที่จะได้ผลเป็น "C17" แทน

การเปลี่ยนแปลงนี้ยังทำให้การค้นหาชื่อสินค้าที่มีสัญลักษณ์กลุ่มนี้ เช่น Notepad++ แม่นยำขึ้นด้วย

โครงการ DMOZ หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Open Directory Project การทำสารบัญเว็บด้วยมนุษย์ (เว็บเป็นของ AOL แต่ใช้แรงงานอาสาสมัคร) ประกาศปิดตัวในวันที่ 14 มีนาคม 2017 หลังเปิดบริการมาตั้งแต่ปี 1998 หรือเกือบ 20 ปี

DMOZ หรือตอนแรกชื่อว่า Gnuhoo/Newhoo เป็นโครงการที่พยายามสร้างสารบัญเว็บในลักษณะเดียวกับ Yahoo! ในยุคนั้น แต่ใช้ระบบอาสาสมัครและไม่ได้มีจุดประสงค์เชิงการค้า หลังจากเปิดตัวไม่นาน โครงการถูกซื้อโดย Netscape (ที่ภายหลังถูกซื้อโดย AOL อีกต่อหนึ่ง) และเปลี่ยนชื่อเป็น DMOZ (Directory + Mozilla)

Google เปลี่ยนชื่อ Springboard ซึ่งเป็นระบบสำหรับการค้นหาข้อมูลบน G Suite มาเป็นชื่อใหม่คือ Cloud Search โดยระบบค้นหาข้อมูลนี้จะคล้ายกับการใช้งาน Google Search และใช้ machine intelligence เข้ามาช่วยในการค้นหา

ปัจจุบัน ธุรกิจหลายแห่งเลือกที่จะย้ายข้อมูลขึ้นคลาวด์กันแล้ว ซึ่งปัญหาอย่างหนึ่งที่จะเกิดตามมาคือผู้ใช้ G Suite นั้นจะต้องเจอฟอร์แมตเอกสารมากมาย เพราะต้องทำงานแบบผสม (ทั้งคลาวด์และไม่ใช่คลาวด์) รวมถึงข้อมูลแต่ละอย่างก็อยู่ในเอกสารแบบกระจัดกระจาย ตั้งแต่อีเมล, Docs, Sheets, Slides, Forms, Sites ฯลฯ ซึ่งจะทำให้พนักงานในองค์กรเสียเวลาอย่างมากในการค้นหาข้อมูลสำคัญ

ศาลสูงในประเทศญี่ปุ่นตีตกคำร้องขอสิทธิที่จะถูกลืมในอินเทอร์เน็ตหรือ right to be forgotten โดยชายคนนี้เคยถูกจับข้อหาเกี่ยวกับโสเภณีเด็ก

เกณฑ์การลบข้อมูลออกจากระบบค้นหาทางอินเทอร์เน็ตพิจารณาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ระดับของการละเมิดความเป็นส่วนตัวว่าอยู่ในระดับไหน การค้นหาข้อมูลนั้นแผ่วงกว้างแค่ไหน บริษัทไหน อุตสาหกรรมใดที่โจทก์เป็นลูกจ้าง ส่วนกรณีนี้ศาลสูงสรุปว่า การก่อเหตุลักษณะนี้ไม่สามารถลบออกได้ เพราะเป็นการค้าประเวณีเด็ก เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคม

Harumichi Yuasa ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน Information Security ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า การตัดสินต้องอยู่ตรงกลางระหว่างความเป็นส่วนตัวของผู้ร้องขอ กับสิทธิของสังคมที่ควรจะได้รู้

Gabriel Weinberg ผู้ก่อตั้ง DuckDuckGo บริการเสิร์ชเอนจินแบบไม่ระบุตัวตนได้ประกาศว่า ตอนนี้ DuckDuckGo ได้ให้บริการค้นหาครบถึง 10,000 ล้านครั้งแล้ว และเฉพาะในปี 2016 นั้นมียอดค้นหาถึง 4 พันล้านครั้ง และสามารถทำสถิติการค้นหาจำนวนมากที่สุดต่อวันคือ 14 ล้านครั้งได้เมื่อ 10 มกราคมที่ผ่านมา

เพื่อเป็นการฉลองครั้งนี้ Weinberg ได้บริจาคเงินจำนวนกว่า 225,000 ดอลลาร์ให้กับองค์กรที่ทำงานด้านความเชื่อมั่นในโลกออนไลน์ เช่น Tor Project, OpenBSD Foundation, Riseup Labs, Fight for the Future