เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา กูเกิลเพิ่งประกาศมาว่ายอดการค้นหาผ่านอุปกรณ์พกพาได้แซงหน้าเดสก์ท็อปไปแล้วในกว่า 10 ประเทศ โดยเฉพาะในประเทศใหญ่อย่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น (และอีก 8 ประเทศที่ไม่ได้เอ่ยชื่อ)
ผ่านไปราว 5 เดือนเศษ ทีมงานเว็บไซต์ Search Engine Land ได้ติดตามเรื่องนี้อีกครั้งกับ Amit Singhal รองประธานธุรกิจค้นหา ซึ่งอัพเดตสถิติการค้นหาผ่านอุปกรณ์พกพาทั่วโลกว่าได้แซงหน้าเดสก์ท็อปอย่างเป็นทางการแล้ว ไม่ใช่แค่ 10 ประเทศอย่างที่มีข่าวมาก่อนหน้า
Google Search มีฟีเจอร์ App Indexing ทำดัชนีเนื้อหาภายในแอพเพื่อให้ถูกค้นเจอจาก search มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว (ข่าวเก่า) ฟีเจอร์นี้เริ่มจากบน Android แต่กูเกิลก็เคยประกาศไว้ว่าจะรองรับแอพบน iOS ด้วย
วันนี้กูเกิลประกาศว่าหลังจาก iOS 9 มีฟีเจอร์ HTTP deep link standard แบบเดียวกับฝั่ง Android ทำให้นักพัฒนาสามารถรองรับฟีเจอร์ App Indexing ของกูเกิลได้ง่ายขึ้น ขั้นตอนคือพัฒนาแอพโดยใส่ Universal Links ตามแนวทางของแอปเปิล และเชื่อมกับ SDK ของกูเกิล
Gabriel Weinberg ซีอีโอของ DuckDuckGo บริการ search engine ไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้ซึ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นภายหลัง ได้ตอบคำถามใน Hacker News โดยมีประเด็นที่น่าสนใจสองข้อ คือการทำเงินจากบริการนี้ และเหตุการณ์ที่ทำให้คนเข้ามาใช้บริการเยอะขึ้น
คำถามที่น่าสนใจข้อแรก เป็นเรื่องเกี่ยวกับความกังวลว่าบริการนี้จะต้องปิดตัวไปเพราะไม่สามารถทำเงินได้ ซีอีโอของ DuckDuckGo ก็ได้บอกว่าทางบริษัทนั้นยังมีกำไรอยู่
เขากล่าวว่า "มันเป็นเรื่องหลอกลวงที่บอกว่าจะต้องติดตามผู้คนเพื่อทำเงินจากการค้นหาเว็บ เงินส่วนใหญ่ก็ยังสามารถหาได้โดยไม่ต้องติดตามผู้คนโดยแสดงโฆษณาตามคีย์เวิร์ดที่ค้นหา เช่น แสดงโฆษณารถยนต์ตอนคนกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ โฆษณาพวกนี้ยังขายได้เพราะคนที่ดูมีความอยากซื้ออยู่แล้ว"
Google Search ประกาศอัพเดตอัลกอริทึมรอบใหม่ ลบเว็บที่โดนแฮ็กแล้วฝังสแปมออกจากผลการค้นหา ตัวอย่างเว็บเหล่านี้คือโดนฝังมัลแวร์ หรือโฆษณาสินค้าปลอม ยาผิดกฎหมาย เว็บโป๊เปลือยต่างๆ
กูเกิลบอกว่าการปรับอัลกอริทึมรอบนี้จะกระทบผลการค้นหาประมาณ 5% (แตกต่างไปตามแต่ละภาษา) ในบางคำค้นอาจเห็นรายการเว็บลดลง เนื่องจากเว็บที่โดนแฮ็กถูกถอดออกไป
การปรับอัลกอริทึมครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นให้เจ้าของเว็บไซต์ที่ปล่อยปละละเลย ไม่ดูแลความปลอดภัยของเว็บไซต์จนโดนแฮ็กต้องตื่นตัวมากขึ้น เพราะจะไม่ติดอันดับผลการค้นหาของกูเกิลนั่นเองครับ
ที่มา - Google Webmaster Central
ทีม Google Webmaster ที่ดูแลเว็บละเมิดกฎการจัดอันดับ (search ranking) ของกูเกิลออกมาเตือนเว็บที่ทำผิดกฎซ้ำซากว่าอาจถูกแบนถาวร
ปกติแล้ว เวลาที่เว็บละเมิดกฎ Webmaster Guidelines จะโดนกูเกิลคาดโทษ ซึ่งผู้ดูแลสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดของปัญหาได้จากหน้า Search Console เพื่อปรับเว็บให้ตรงตามกฎ และยื่นขอให้กูเกิลนำเว็บนั้นเข้าไปจัดอันดับผลการค้นหาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์บางแห่งเล่นตุกติกโดยการขอให้กูเกิลนำกลับไปจัดอันดับก่อน หลังจากนั้นจึงกลับมาทำผิดกฎอีกรอบ (เช่น ลบลิงก์ที่เป็น nofollow ออก) ซึ่งกูเกิลมองว่าเป็นการจงใจสแปมชัดเจน (a clear intention to spam) และประกาศว่าจะลงโทษเว็บไซต์เหล่านี้รุนแรงขึ้น
ช่วงหลังเราเริ่มเห็นเว็บที่แสดงโฆษณาบังเนื้อหาเกือบเต็มจอ โดยเฉพาะ mobile web ที่มักมีโฆษณาชวนให้ดาวน์โหลดแอพ
โฆษณาแบบนี้สร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีให้ผู้ใช้งาน ล่าสุด Google Search จึงออกมาตรการใหม่ ถ้าพบโฆษณาบังเนื้อหามากเกินไป กูเกิลจะมองว่าเว็บนั้นไม่มีคุณสมบัติ mobile-friendly และอาจมีผลต่อการจัดอันดับในผลการค้นหาได้
นโยบายใหม่ของกูเกิลจะมีผลเฉพาะโฆษณาเพื่อติดตั้งแอพเท่านั้น ไม่รวมถึงโฆษณาแบบอื่นๆ โดยเริ่มบังคับใช้วันที่ 1 พ.ย. 2015
ที่มา - Google Webmaster Central Blog
ใครที่เคยใช้กูเกิลค้นหาแอพ น่าจะคุ้นเคยกับการแนะนำแอพโดยตรงจากผลการค้นหาซึ่งสามารถกดแล้วถูกส่งไปดาวน์โหลดจาก Play Store ได้ทันที แม้ว่าดูจากภายนอกแล้วจะเหมือนกับลิงก์ผลการค้นหาก็ตาม แต่ตอนนี้กูเกิลคิดใหม่ทำใหม่ ปรับอินเทอร์เฟซผลการค้นหาแอพ ให้ดูชัดเจนขึ้นแล้ว
สำหรับคนที่พยายามค้นหาแอพบนอุปกรณ์พกพา จากเดิมที่จะได้ผลการค้นหาของแอพ พร้อมราคา และโลโก้แอพ จะกลายเป็นกล่องผลการค้นหาใหม่สำหรับแอพโดยเฉพาะ ซึ่งแทนที่การแสดงผลเป็นการ์ดแบบเดิมๆ ไปเป็นช่องสี่เหลี่ยม พร้อมโลโก้ขนาดใหญ่ รวมถึงมองเห็นคะแนนของแอพได้ชัดเจนกว่าเดิม รวมถึงแสดงผลได้มากขึ้นอีกด้วย
การปรับอินเทอร์เฟซผลการค้นหาครั้งนี้ เรียกได้ว่าทำให้หน้าแอพเตะตากว่าเดิมมาก และใกล้เคียงหน้าค้นหาในตัวสโตร์อีกด้วย
ต่อจากข่าว กูเกิลเซ็นสัญญาทวิตเตอร์ แสดงข้อความทวีตใน Google Search เพิ่มขึ้น เมื่อเดือนพฤษภาคม ตอนนั้นยังมีผลเฉพาะ Google Search เวอร์ชันอุปกรณ์พกพาเท่านั้น แต่ล่าสุด กูเกิลขยายผลมายัง Google Search เวอร์ชันเดสก์ท็อปตามที่เคยประกาศไว้
Google Search เวอร์ชันเดสก์ท็อปจะดึงข้อความทวีตมาแสดงแล้ว โดยจะแสดงข้อความทวีตของบัญชีที่เราค้นหาแบบเลื่อนดูข้อความล่าสุดได้ ดังภาพ
ที่มา - Search Engine Land
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ได้อัพเดตความสามารถของ Bing Search บนระบบปฏิบัติการ Android โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Snapshot ซึ่งใช้การกดปุ่มโฮมค้างเพื่อเรียกใช้และมีความสามารถเหมือนกับ ฟีเจอร์ Now on Tap ของ Google Now ทุกประการ ซึ่งขณะนี้ Now on Tap นั้นใช้ได้เฉพาะบน Android 6.0 เท่านั้น
ฟีเจอร์นี้รองรับบน Android 4.4 ขึ้นไป และใช้งานได้เฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยภาษาอังกฤษเท่านั้น
ที่มา Bing
Yahoo กำลังทดสอบการค้นหาโดยใช้ผลลัพธ์การค้นหา และโฆษณาจาก Google เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้ของ Yahoo
จากเมื่อต้นปี Microsoft และ Yahoo เปลี่ยนแปลงข้อตกลงยอมให้ Yahoo พัฒนาผลการค้นหา ด้วยการเป็นพันธมิตรกับบริษัทอื่นได้ ตราบใดที่ผลการค้นหา 51% ยังมาจาก Bing จึงเป็นช่องทางให้ Google สามารถเข้ามาเป็นพันธมิตรกับ Yahoo ได้ ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบเท่านั้น และยังไม่มีรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม
สตีฟ จ็อบส์ เคยกล่าวว่า “การออกแบบคือสิ่งที่แสดงว่าสิ่งนั้นทำงานอย่างไร” และแอปเปิลได้เปรียบคู่แข่งในเรื่องการออกแบบ UI มาโดยตลอด แต่เมื่อเวลาผ่านไปอะไรก็เปลี่ยนแปลง
แอปเปิลไม่ได้ให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมมากเท่าที่ควรตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าการออกแบบอุตสาหกรรม (Industrial Design; Product Design; Experience/Service Design) ของแอปเปิลยังดีที่สุด แต่เมื่อกูเกิลเปลี่ยนการออกแบบเป็น Material Design กูเกิลก็สามารถทำ UI ออกมาได้สูสีหรืออาจจะดีกว่าแอปเปิลแล้ว
เมื่อวานนี้ (ตามเวลาในประเทศไทย) ไมโครซอฟท์ประกาศปรับระบบการค้นหาวิดีโอของ Bing โดยจะเปลี่ยนแปลงในส่วนของการแสดงผลใหม่ทั้งหมด
ผลการค้นหาที่แสดงนั้นจะเน้นไปที่วิดีโอประกอบเพลง (music video) รวมไปถึงมีการแสดงผลวิดีโอขนาดใหญ่ให้เล่นได้จากหน้าผลการค้นหาโดยทันที และแสดงผลวิดีโอที่เกี่ยวข้องอยู่ข้างๆ วิดีโอที่เราสนใจ (ดูภาพประกอบได้จากที่มา) รวมไปถึงข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย
เริ่มใช้งานจริงแล้ว โดยคนที่สนใจสามารถไปลองเล่นได้ที่ bing.com/videos ครับ
กูเกิลเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Touch to Search บน Chrome for Android เป็นการค้นหาด้วยการไฮไลท์ข้อความที่ต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องโหลดหน้าใหม่ เพราะผลการค้นหาจะปรากฏอยู่ในหน้าเว็บเดียวกับที่กำลังอ่านอยู่และยังใช้หน้าเว็บปัจจุบันเป็นบริบทในการค้นหาอีกด้วย
ฟีเจอร์นี้ทำงานเช่นเดียวกับ Now on Tap แตกต่างกันที่ Touch to Search ทำงานแค่ใน Chrome แต่ Now on Tap ทำงานอยู่บนทั้งระบบปฏิบัติการ Android
กูเกิลปรับตัวเข้าสู่ยุคแห่งแอพ โดยการแสดงเนื้อหาภายในแอพบนหน้าผลการค้นหา (App Indexing) มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว
วันนี้ Bing ประกาศฟีเจอร์ลักษณะเดียวกันโดยใช้ชื่อว่า App Linking โดยบ็อตของ Bing จะไปดูดข้อมูลของแอพต่างๆ เช่นเดียวกับดัชนีเว็บ จากนั้นจะส่งต่อข้อมูลให้ทั้ง Bing และ Cortana นำไปแสดงผล ส่วนแอพที่รองรับก็ครอบคลุมทั้ง 3 แพลตฟอร์มหลักคือ Windows, iOS, Android (ของกูเกิลมีเฉพาะ Android)
แวดวงเทคโนโลยีสายท่องเที่ยวมีความเคลื่อนไหวน่าสนใจ เมื่อสายการบิน Delta Air Lines ของสหรัฐ เริ่มบล็อคไม่ให้เว็บไซต์เช็คราคาตั๋วเครื่องบินบางราย เช่น TripAdvisor, FareCompare, CheapOair, Hipmunk เข้าถึงข้อมูลเที่ยวบินของตน
เว็บไซต์ข้างต้นเป็นเว็บที่รวบรวมราคาสายการบินจากแหล่งต่างๆ เพื่อให้ค้นหาได้ง่าย (metasearch) แต่การซื้อตั๋วยังต้องทำผ่านเว็บไซต์อื่น ส่วนเว็บที่สามารถกดซื้อตั๋วได้โดยตรงอย่าง Priceline, Expedia, Kayak ยังแสดงข้อมูลของ Delta อยู่
ใครที่เป็นผู้ดูแลเว็บไซต์คงรู้จักและคุ้นเคยกับ Google Webmaster Tools ชุดรวมเครื่องมือให้ผู้ดูแลเว็บสามารถตรวจสอบได้ว่า Google Search มองเห็นเว็บไซต์ของเราอย่างไร
แต่หลังจากใช้ชื่อนี้มานานเกือบสิบปี กูเกิลพบว่านิยามของคำว่า "webmaster" เปลี่ยนไปจากเดิมมาก กระบวนการทำเว็บไซต์มีคนหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น การใช้คำว่า webmaster อาจไม่สะท้อนทิศทางนี้สักเท่าไร (และอาจทำให้คนเข้าใจผิดว่าต้องเป็น webmaster เท่านั้นจึงจะใช้งานได้) กูเกิลจึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Google Search Console แทน
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เปลี่ยนเฉพาะชื่อของบริการเท่านั้น หน้าตาของมันและวิธีการใช้งานยังเหมือนเดิมทุกประการครับ
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานข่าววงในว่ากูเกิลเตรียมเพิ่มปุ่ม "Buy" เข้ามาในหน้าผลการค้นหา เมื่อกดแล้วจะเข้าไปยังหน้า Shop on Google เพื่อซื้อสินค้าจากผู้ขายต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการ
ตามข่าวบอกว่าปุ่ม Buy จะโผล่ขึ้นมาในกรณีที่เราค้นหาข้อมูลสินค้าบางอย่างบนอุปกรณ์พกพา และจะแสดงในตำแหน่งด้านบนสุดของเพจ (ตำแหน่งเดียวกับ AdWords ที่โผล่มาอันดับแรกในผลการค้นหา แต่จะไม่ทับกัน และแสดงทั้ง AdWords กับ Shop on Google) โดยการแสดงปุ่ม Buy จะไม่ยุ่งกับผลการค้นหาปกติ 10 อันดับต่อเพจ
คาดว่ากูเกิลจะใช้พื้นที่ Shop on Google เปิดให้ร้านค้าต่างๆ มาลงโฆษณา แล้วทำเงินจากค่าโฆษณาโดยตรง ไม่ได้หักส่วนแบ่งจากราคาสินค้าแต่อย่างใด
ค่ายกูเกิลนำร่อง ปรับคะแนนเว็บที่รองรับอุปกรณ์พกพาใน Google Search บนมือถือ ไปก่อนแล้ว วันนี้ฝั่ง Bing ก็ออกมาประกาศว่าจะทำแบบเดียวกัน
Bing ระบุว่าจะเพิ่มคะแนนให้กับเว็บที่เป็น mobile-friendly มากขึ้น แต่ก็จะยังไม่หักคะแนนของเว็บที่ยังไม่รองรับ mobile-friendly ลง โดย Bing จะพยายามหาจุดสมดุลที่เหมาะสมระหว่างการอ่านง่ายบนอุปกรณ์พกพา กับการคัดเลือกเว็บที่ตรงกับคำค้นหาของผู้ใช้งาน
การเปลี่ยนแปลงจะเริ่มในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า (coming months) และในเร็วๆ นี้ Bing จะออกเครื่องมือช่วยให้เว็บมาสเตอร์ทดสอบเว็บของตัวเองว่า mobile-friendly มากน้อยแค่ไหนด้วย
จากความนิยมในการใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี การค้นหาผ่านอุปกรณ์พกพากลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็ทำกัน เมื่อปีก่อนแม้แต่กูเกิลเองก็บอกว่าอีกไม่นานการค้นหาผ่านอุปกรณ์พกพาน่าจะแซงเดสก์ท็อปในเร็ววัน และตอนนี้วันที่ว่าได้มาถึงแล้วครับ
ข้อมูลจากกูเกิลระบุว่าในช่วงปีที่ผ่านมา การค้นหาผ่านอุปกรณ์พกพายังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้แซงหน้าการค้นหาผ่านพีซีเดสก์ท็อปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกว่าสิบประเทศ อันรวมถึงยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นด้วย โดยนับทั้งผ่านแอพบนสมาร์ทโฟน (Google Search) และผ่านหน้าเว็บไซต์มือถือ
Blognone เคยรายงานข่าว กูเกิลเตรียมนำปัจจัย mobile-friendly มาคิดจัดอันดับผลการค้นหา โดยจะเพิ่มคะแนนให้เว็บที่รองรับ mobile-friendly ในกรณีที่เราค้นหาข้อมูลผ่านสมาร์ทโฟน (ถ้าใช้ผ่านเดสก์ท็อปจะไม่มีผลกระทบเพราะถือเป็นคนละบริการกัน ส่วนแท็บเล็ตก็ยังไม่มีผลในตอนนี้)
การปรับอัลกอริทึมของกูเกิลจะมีผลวันนี้ (21 เมษายน 2015) แต่ไม่ชัดเจนว่าเป็นช่วงเวลาไหนครับ
Google Search สำหรับโทรศัพท์นั้น ได้เปลี่ยนการแสดงผลตรงส่วนที่เป็น URL ให้เป็น Breadcrumbs แล้ว (ดูภาพได้ท้ายข่าว) เนื่องจากกูเกิลให้เหตุผลว่าการแสดง URL นั้นไม่ได้เป็นผลดีกับผู้ใช้ในด้านของการตัดสินใจที่จะเข้าเว็บไซต์ที่แสดงในหน้าผลลัพธ์การค้นหา เนื่องจากการที่จะแสดงผล URL ทั้งหมดนั้น หน้าจอบนโทรศัพท์ไม่เพียงพอ แต่หากแสดงเป็นแบบ Breadcrumbs แล้ว จะสามารถแสดงได้เพียงพอกับหน้าจอ และง่ายต่อการตัดสินใจกว่าด้วย
หากดูจากภาพท้ายข่าวนั้นจะพบว่าส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นคือบริเวณตัวอักษรสีเขียว ที่อยู่ใต้ชื่อของหน้าที่กูเกิลทำแสดงผลลัพธ์การค้นหาเอาไว้
ส่วนการแสดงผลของ Google Search บนเดสก์ทอปนั้นยังคงเหมือนเดิมครับ
ความพยายามของไมโครซอฟท์เริ่มเห็นผล เมื่อ Bing มีส่วนแบ่งตลาดเว็บค้นหาในสหรัฐอเมริกาเกิน 20% เป็นครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2015 ที่ผ่านมา
ส่วนแบ่งตลาดของ Bing โตขึ้นอย่างช้าๆ (จาก 19.8% ในเดือนกุมภาพันธ์ มาเป็น 20.1% ในเดือนมีนาคม) แต่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งตลาดของ Bing ไม่ได้มาจากการกินตลาด Google Search แต่มาจากการกินตลาด Yahoo Search พันธมิตรร่วมรบแทน
สถิติของ comScore ล่าสุดระบุว่า Google Search มีส่วนแบ่ง 64.4% ส่วน Yahoo มี 12.7%
ที่มา - Search Engine Land
ถ้ายังจำข้อตกลงระหว่างไมโครซอฟท์-ยาฮูในปี 2009 กันได้ สัญญานี้มีอายุ 10 ปี และสามารถเจรจาปรับแก้เงื่อนไขกันระหว่างทางได้
ข้อตกลงข้างต้นเกิดขึ้นในสมัยของอดีตซีอีโอ Steve Ballmer และ Carol Bartz ซึ่งปัจจุบันไม่มีใครอยู่ในตำแหน่งแล้ว พอมาถึงยุคของซีอีโอรุ่นปัจจุบัน ฝั่งยาฮูได้ Marissa Mayer อดีตหัวหน้าทีมค้นหาของกูเกิลมาแทน ซึ่งเธอก็แสดงท่าทีชัดเจนว่าต้องการพายาฮูกลับคืนวงการค้นหา อยากยกเลิกสัญญาฉบับนี้ และเคยพบ Satya Nadella ในประเด็นนี้ด้วย
IBM ประกาศซื้อบริษัทค้นหา Blekko เพื่อดึงเนื้อหาจากฐานข้อมูลเว็บของ Blekko เข้าไปเสริมความฉลาดให้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Watson
Blekko เป็นบริษัทที่สร้างระบบ web-crawling เก็บข้อมูลเว็บเพจ จากนั้นนำมาจัดหมวดและคัดกรอง สิ่งที่ IBM ต้องการคือการคัดกรองเนื้อหาเหล่านี้เป็นหัวข้อ เพื่อนำไปใช้ป้อนข้อมูลกับ Watson
IBM บอกว่าเทคโนโลยีของ Blekko จะช่วยเสริมการซื้อบริษัท AlchemyAPI ก่อนหน้านี้ เพราะ AlchemyAPI ทำเรื่องการเรียนรู้ของคอมพิวเตอร์ (deep learning) ส่วน Blekko ทำเรื่องข้อมูลเพื่อให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้
ตอนนี้เว็บไซต์ Blekko ก็ปิดตัวเองเรียบร้อย เหลือเพียงหน้าเว็บที่บอกว่าไปรวมกับ IBM แล้ว
ไมโครซอฟท์ประกาศของใหม่ในตระกูล Azure หลายอย่างดังนี้