เรื่องราวใน OpenAI ยังคงมีความเคลื่อนไหวกันต่อเนื่อง จากก่อนหน้านี้มีข่าวว่าพนักงานเริ่มยื่นใบลาออกกัน ล่าสุดมีการเข้าชื่อในจดหมายเรียกร้องให้บอร์ดบริษัททั้งหมดลาออก และเรียกร้องให้เจรจานำ Sam Altman กลับมาเป็นซีอีโอ รวมถึงประธานบอร์ด Greg Brockman ด้วย หากไม่ทำตามเงื่อนไขพนักงานกลุ่มนี้ก็จะลาออก และอาจย้ายไปทำงานที่ไมโครซอฟท์ตาม Sam
รายงานบอกว่าจดหมายดังกล่าวมีพนักงาน OpenAI ลงชื่อแล้วเกือบ 500 คน อัพเดต: จำนวนพนักงานที่ลงชื่อมีมากกว่า 700 คน จากพนักงาน OpenAI ทั้งหมดประมาณ 770 คน (Forbes)
หลังจากไมโครซอฟท์ประกาศว่า Sam Altman อดีตซีอีโอ OpenAI ที่ถูกไล่ออก จะมาร่วมงานโดยดูแลแผนกใหม่ด้าน Advance AI พร้อมกับ Greg Brockman อดีตประธานบอร์ดที่ลาออกตามมา ฉากถัดไปที่หลายคนคาดเดาได้ก็คือพนักงาน OpenAI น่าจะลาออกตามมาอยู่ที่ไมโครซอฟท์ และก็ดูเป็นเช่นนั้น
โดยเบื้องต้น Greg โพสต์ข้อความใน X ว่าเรากำลังจะสร้างสิ่งที่ใหม่และน่าทึ่ง โดยระบุทีมงานเบื้องต้นคือตัวเขาเอง, Sam และ 3 พนักงานระดับสูงของ OpenAI ที่ลาออกตั้งแต่มีข่าวว่า Sam ถูกไล่ออก คือ Jakub Pachocki, Aleksander Madry และ Szymon Sidor โดย Greg บอกว่าจะมีเพิ่มเติมอีกเร็ว ๆ นี้
The New York Times อ้างอีเมลที่บอร์ดบริษัท OpenAI แจ้งกับพนักงานอัพเดตสถานการณ์ในคืนวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น โดยบอกว่า Sam Altman จะไม่กลับมาเป็นซีอีโอ OpenAI พร้อมย้ำว่าการตัดสินใจนี้เป็นทางเลือกเดียวเพื่อปกป้องให้ภารกิจของ OpenAI บรรลุตามเป้าหมาย
Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ ประกาศว่า Sam Altman อดีตซีอีโอ OpenAI และ Greg Brockman อดีตประธานบอร์ด OpenAI ตลอดจนทีมงานอีกจำนวนหนึ่ง จะมาร่วมงานกับไมโครซอฟท์ในแผนกใหม่ที่เน้นงานวิจัยด้าน AI โดยเฉพาะ โดยพร้อมให้ความร่วมมือด้านทรัพยากรที่ต้องการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าการเจรจาของบอร์ด OpenAI เพื่อนำ Sam กลับมาเป็นซีอีโอไม่ประสบความสำเร็จ โดยบอร์ดตัดสินใจตั้ง Emmett Shear อดีตซีอีโอ Twitch มาเป็นซีอีโอชั่วคราวคนใหม่แทนด้วย
มีรายงานล่าสุดถึงสถานการณ์ใน OpenAI หลังจากที่ Sam Altman โพสต์รูปว่าเดินทางมาที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งตามรายงานข่าวบอกว่าเป็นการเจรจากับบอร์ดบริษัท เรื่องการกลับเข้ามารับตำแหน่งซีอีโออีกครั้งหลังจากเขาถูกไล่ออกไปเมื่อเช้าวันเสาร์ตามเวลาในไทย
โดย Ilya Sutskever หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI และเป็นหนึ่งในสี่บอร์ดบริษัทที่ลงมติไล่ Sam ได้อีเมลแจ้งพนักงานว่า Sam จะไม่กลับมารับตำแหน่งซีอีโอที่ OpenAI พร้อมกับเตรียมตั้ง Emmett Shear อดีตซีอีโอ Twitch มาเป็นซีอีโอชั่วคราวแทนที่ Mira Murati ซึ่งเป็นซีอีโอชั่วคราวก่อนหน้านี้
การเจรจาระหว่างบอร์ด OpenAI และอดีตซีอีโอ Sam Altman ยังเดินหน้าต่อไป ล่าสุดสำนักข่าว Bloomberg อ้างแหล่งข่าวไม่ระบุตัวตน ระบุว่าระหว่างที่ก่อน Sam ถูกไล่ออกนั้นเขาระดมทุนตั้งอีกสองบริษัทไปพร้อมกับ คือบริษัทผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ และบริษัทฮาร์ดแวร์อีกบริษัทที่ออกแบบร่วมกับ Jonathan Ive
บริษัทผลิตชิปนั้นมีชื่อโค้ดว่า Project Tigris เตรียมพัฒนาชิปปัญญาประดิษฐ์มาแข่งกับ NVIDIA ขณะที่บริษัทฮาร์ดแวร์นั้นยังไม่รู้ชื่อแต่ข่าวระบุว่า Sam เจรจากับแหล่งทุนหลายแหล่งแล้ว ตั้งแต่ SoftBank, Public Investment Fund (PIF) ของซาอุดิอาระเบีย, Mubadala Investment Company โดยตั้งเป้าระดมทุนสองบริษัทรวมกันกว่าหมื่นล้านดอลลาร์
เรื่องชุลมุนใน OpenAI ยังดำเนินต่อไป โดยล่าสุด Sam Altman อดีตซีอีโอและหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI ที่ถูกบอร์ดลงมติไล่ออก ได้โพสต์รูปลง X ว่าตอนนี้เขากลับมาเยือนสำนักงานใหญ่ OpenAI แล้ว พร้อมห้อยบัตร Guest เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่ามีการเจรจาเพื่อให้ Sam กลับมาเป็นซีอีโออีกครั้ง บนเงื่อนไขว่าบอร์ดปัจจุบันต้องลาออกทั้งหมด และ OpenAI จะต้องมีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแบบนี้อีก
มีรายงานสถานการณ์ใน OpenAI ล่าสุด โดย The Information อ้างอีเมลภายในที่ส่งจาก Jason Kwon หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์บริษัท บอกว่าเรายังมองเชิงบวกว่าจะสามารถนำ Sam Altman กลับมาเป็นซีอีโอบริษัทได้ รวมไปถึงประธานบอร์ด Greg Brockman และพนักงานรายอื่นที่ยื่นใบลาออกตาม
อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตว่าเราในความหมายของ Jason จะหมายถึงบอร์ดบริษัทรับทราบเงื่อนไขนี้มากน้อยแค่ไหน ตามรายงานก่อนหน้าว่า Sam ยื่นเงื่อนไขคือบอร์ดเดิมต้องลาออกทั้งหมด และบริษัทต้องปรับโครงสร้างเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
Forbes รายงานว่าบอร์ดบริษัทของ OpenAI ได้หารือกันอีกครั้ง ว่าจะนำ Sam Altman ซีอีโอที่บอร์ดเพิ่งมีมติไล่ออกไป กลับเข้ามารับตำแหน่งเดิมหรือไม่ หลังจากกระแสที่ออกมารุนแรง และมีพนักงานระดับสูงหลายคนลาออกตาม
ปัญหาตอนนี้ที่ OpenAI ภายใต้ซีอีโอชั่วคราว Mira Murati กำลังเผชิญนอกจากพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI เริ่มไม่มั่นใจและอาจลาออกเพิ่มเติม ส่งผลต่อการดำเนินงานในอนาคตแล้ว ไมโครซอฟท์เองที่เป็นผู้ลงทุนหลักผ่านบริษัท For-Profit ก็อาจทบทวนความร่วมมือด้านการให้หน่วยประมวลผลคลาวด์ใหม่
เรื่องนี้คงไม่เกินคาดเดาของหลายคน โดย The New York Times อ้างแหล่งข่าวอย่างน้อย 3 ราย บอกว่า Sam Altman อดีตซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI ที่เพิ่งถูกบอร์ดบริษัทไล่ออก ตอนนี้ได้เริ่มเจรจากับนักลงทุนเพื่อตั้งสตาร์ทอัพใหม่ด้าน AI แล้ว
โดยการเจรจานั้นเขาดำเนินการร่วมกับ Greg Brockman ผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI อีกคนที่ถูกลดตำแหน่งทำให้เขาประกาศลาออกตาม รายงานบอกว่าตอนนี้การพูดคุยยังเป็นขั้นต้น และรายละเอียดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอด
เว็บไซต์ข่าว The Information ว่ามีพนักงานระดับสูงของ OpenAI อย่างน้อย 3 ราย ลาออกเพิ่มเติม ตามซีอีโอ Sam Altman และประธานบอร์ด Greg Brockman ไปติดๆ
พนักงาน 3 รายที่ระบุชื่อคือ Jakub Pachocki หัวหน้าฝ่ายวิจัย, Aleksander Madry หัวหน้าฝ่ายประเมินความเสี่ยงจาก AI, Szymon Sidor นักวิจัยที่ทำงานกับองค์กรมานาน 7 ปี (OpenAI มีอายุ 8 ปี)
ข้อมูลการลาออกของพนักงาน 3 รายนี้ยังไม่มีการยืนยันจาก OpenAI หรือช่องทางอื่นๆ รวมถึงช่องทางโซเชียลของทั้ง 3 รายด้วย
ข่าวช็อกวงการสุดสัปดาห์ที่บอร์ดบริษัท OpenAI มีคำสั่งไล่ออกซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Sam Altman อาจฟังดูเหมือนเรื่องราวที่เคยได้ยินในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ที่ผู้ก่อตั้งบริษัท ต้องถูกบอร์ดบริษัทที่ตั้งจากนักลงทุนไล่ออก แต่กรณีของ OpenAI และ Sam Altman นั้นอาจแตกต่างออกไป
บทความนี้รวมรวมข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างการบริหารและการถือหุ้นของ OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยแบบไม่แสวงหากำไร (Non-profit)
Greg Brockman ซึ่งมีตำแหน่งผู้ร่วมก่อตั้งและประธาน OpenAI ประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งในบริษัท หลังจากที่บริษัทออกแถลงการณ์ไล่ออกซีอีโอ Sam Altman ซึ่งในประกาศนั้นบอกว่า Brockman จะออกจากตำแหน่งประธานบริษัท แต่ยังอยู่ในตำแหน่งอื่นของบริษัทต่อไปและขึ้นตรงกับซีอีโอรักษาการณ์
ไมโครซอฟท์ออกแถลงการณ์ หลังจากข่าวช็อกวงการเช้านี้ที่ Sam Altman ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI ถูกบอร์ดบริษัทลงมติไล่ออกจากตำแหน่ง
Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์กล่าวว่า ในงานสัมมนา Ignite สัปดาห์ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ผลักดันนวัตกรรมใหม่ตามยุคสมัยของ AI ผลักดันเครื่องมือต่าง ๆ และโมเดล AI ตั้งแต่บน Azure จนถึง Copilot ซึ่งไมโครซอฟท์นำสิ่งเหล่านี้ส่งมอบให้ลูกค้า และสร้างสิ่งใหม่สำหรับอนาคต ความร่วมมือกับ OpenAI ที่เป็นความร่วมมือระยะเวลา จะยังเข้าถึงทุกอย่างได้เพื่อร่วมกับพัฒนาวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อไป และไมโครซอฟท์ยังคงความร่วมมือนี้ รวมทั้ง Mira (ซีอีโอคนใหม่) และทีมงาน
บอร์ดบริษัท OpenAI ประกาศว่า Sam Altman จะลงจากตำแหน่งซีอีโอ OpenAI รวมทั้งลาออกจากตำแหน่งในกรรมการบอร์ดบริษัทด้วย โดยแต่งตั้ง Mira Murati ซึ่งปัจจุบันเป็นซีทีโอ (Chief Technology Officer) ให้เป็นซีอีโอรักษาการระหว่างการสรรหาซีอีโอคนใหม่ มีผลทันที
บอร์ดบริษัทอธิบายว่าได้มีการประเมินหลายด้าน และสรุปว่า Altman ไม่สามารถให้ข้อมูลและสื่อสารกับบอร์ดบริษัทได้อย่างสม่ำเสมอ หลายครั้งไม่ทำหน้าที่ตามที่ซีอีโอต้องรับผิดชอบ บอร์ดบริษัทจึงลงความเห็นว่าไม่ไว้ใจในความสามารถที่จะให้เขาเป็นซีอีโอ OpenAI อีกต่อไป
Discord ประกาศปิดการทำงานแชตบอท AI ที่ชื่อบริการว่า Clyde มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมเป็นต้น โดยจะไม่สามารถเรียกใช้งาน Clyde ได้ทั้งใน DM, DM กลุ่ม หรือแชตในเซิร์ฟเวอร์
แชตบอท Clyde เริ่มเปิดทดสอบใช้งานตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยใช้เทคโนโลยีจาก OpenAI ในการตอบคำถามและสร้างบทสนทนากับผู้ใช้งาน แบบจำกัดความสามารถ
อย่างไรก็ตาม Discord ไม่ได้บอกว่า Clyde จะปิดให้บริการไปถาวรเลยหรือไม่ หรืออาจเพิ่มเป็นฟีเจอร์จ่ายเงินสำหรับลูกค้า Nitro ในอนาคต ก็ต้องดูกันต่อไป
ที่มา: The Verge
ต่อเนื่องจากรัฐบาลไทยเผยดึง AWS, Microsoft, Google และ WD ร่วมลงทุนในไทย การเดินทางของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยังคงดำเนินต่อไป
ล่าสุด นายเศรษฐา ทวีสิน ได้เข้าหารือกับ Sam Altman ซีอีโอของบริษัท OpenAI โดยนายกรัฐมนตรีระบุเพียงเชื่อว่า AI จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในภาครัฐ และเอกชน ตอกย้ำความจำเป็นที่ประเทศไทยต้องมี Data Center
Sam Altman ซีอีโอ OpenAI แจ้งผ่านบัญชี X ของเขาว่า ChatGPT Plus บริการเสริมเพื่อใช้งาน ChatGPT เต็มรูปแบบที่ต้องจ่ายเงินรายเดือน ตอนนี้ปิดรับลูกค้าใหม่เพิ่มชั่วคราว
เขาให้เหตุผลว่าตอนนี้ความต้องการสมัครใช้งานเพิ่มสูงเกินกว่าจำนวนที่รองรับได้ จึงต้องหยุดรับลูกค้าใหม่เพิ่มก่อนเพื่อให้ลูกค้าที่สมัครแล้ว ยังได้รับประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน โดยตอนนี้สามารถแจ้งความต้องการไว้และ ChatGPT จะส่งแจ้งเตือนเมื่อเปิดรับสมัครอีกครั้ง
ไม่มีตัวเลขที่เป็นทางการว่ามีผู้ใช้งาน ChatGPT Plus เท่าใด แต่ก่อนหน้านี้ OpenAI เปิดเผยตัวเลขผู้ใช้งาน ChatGPT แบบเป็นประจำทุกสัปดาห์อยู่ที่ประมาณ 100 ล้านคน
Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ให้สัมภาษณ์กับ Financial Times ว่าการเป็นพันธมิตรกับไมโครซอฟท์นั้นเวิร์คมาก และเขาคาดว่าจะขอระดมทุนเพิ่มจากไมโครซอฟท์และนักลงทุนรายอื่นๆ อีกมากในอนาคต (to raise a lot more over time) เพื่อให้มีเงินมากพอกับต้นทุนมหาศาลของการสร้างโมเดล AI ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
Altman บอกว่าเขาหวังว่าไมโครซอฟท์จะลงทุนใน OpenAI เพิ่มอีก เส้นทางสู่ artificial general intelligence (AGI) ตามวิสัยทัศน์ของเขายังอีกยาวไกล และต้องอาศัยเงินลงทุนอีกมาก เขาบอกว่าบริษัทยังขาดทุนเพราะต้นทุนค่าเทรนโมเดล แม้รายได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ได้เปิดเผยตัวเลข
ถึงแม้ไมโครซอฟท์เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ใน OpenAI และได้เทคโนโลยี GPT ไปใช้แบบเอ็กซ์คลูซีฟ แต่ล่าสุดมีรายงานว่าไมโครซอฟท์แจ้งพนักงานให้หยุดใช้ ChatGPT เป็นการภายใน ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล ก่อนเปิดคืนให้ใช้งานในภายหลัง
ข้อมูลนี้มาจาก CNBC ที่อ้างประกาศภายในของไมโครซอฟท์ เขียนว่า “Due to security and data concerns a number of AI tools are no longer available for employees to use” นโยบายนี้ครอบคลุมถึงเครื่องมือ AI ประเภทอื่นๆ ด้วย ที่ประกาศของไมโครซอฟท์ยกตัวอย่างไว้คือ Midjourney และ Replika
Humane สตาร์ทอัพจากเมืองซานฟรานซิสโกที่ร่วมก่อตั้งโดยอดีตพนักงานแอปเปิลหลายคน เปิดตัว AI Pin อุปกรณ์ติดเสื้อที่ทำงานด้วยแนวคิดใหม่ใช้ AI เป็นตัวทำงานทั้งหมด ไม่ต้องสั่งการผ่านแอปด้วยวิธีการเดิม บนเป้าหมายสูงสุดคือสามารถแทนที่สมาร์ทโฟนได้
AI Pin ใช้หน่วยประมวลผลของ Snapdragon มีสองชิ้นส่วนคือตัว Pin น้ำหนัก 34 กรัม และแบตเตอรีอีก 20 กรัม กล้องในตัว 13MP ถ่ายได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ การทำงานจะไม่บันทึกข้อมูลผู้ใช้งานตลอดเวลา แต่ต้องสั่งเปิดการทำงานด้วยการแตะที่ Pin แล้วลากเพื่อสั่งเปิดการเก็บข้อมูล หรือสั่งการทำงาน
Sam Altman ซีอีโอ OpenAI โพสต์ข้อความใน X โดยเป็นภาพหน้าจอของ GPTs เครื่องมือสำหรับสร้างแชตบอทคัสตอมให้ทำงานเฉพาะหัวข้อ ที่ OpenAI เพิ่งเปิดตัวไป
ในหน้าจอนั้นดูจะเป็นการเปิดศึกเบา ๆ เลยทีเดียว เพราะอินพุทที่ Altman ป้อนเข้าไปบอกว่า ให้สร้างแชตบอทที่ตอบคำถามแบบติดตลกดูน่าอายสไตล์คนมีอายุเจนบูมเมอร์ ที่เห็นแล้วพูดไม่ถูกหัวเราะไม่ออก (Cringey boomer humor)
GPT Builder เลยตอบกลับมาว่าได้สร้างแชตบอทนี้ให้แล้วมีชื่อว่า Grok พร้อมบอกให้เริ่มใช้งานได้เลย
Sam Altman ซีอีโอ OpenAI เปิดเผยข้อมูลในงานสัมมนา DevDay ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ว่าตอนนี้มีคนใช้งาน ChatGPT เป็นประจำทุกสัปดาห์ถึง 100 ล้านคน ส่วน API สำหรับนักพัฒนา มีผู้ใช้งานแล้วกว่า 2 ล้านคน และครอบคลุมมากกว่า 92% ของบริษัทใน Fortune 500
ChatGPT เป็นหนึ่งในแอปที่มีการเติบโตของผู้ใช้งานอย่างรวดเร็วตั้งแต่เปิดตัว มีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) มากกว่า 100 ล้านคน ภายในเวลาเพียง 2 เดือน ก่อนสถิติจะถูกแซงโดย Threads ในปีเดียวกัน ที่ใช้เวลาเพียง 4 วัน (แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจอันไหนคนใช้งานเยอะกว่า)
OpenAI ประกาศ API ตัวใหม่สำหรับนักพัฒนาชื่อ Assistants API เพื่อสร้าง agent เสมือนทำงานด้วย AI ภายในแอปของผู้พัฒนาเอง
นักพัฒนาสามารถใช้ Assistants API สร้างเครื่องมือช่วยเหลือ ซึ่งสามารถกำหนดขั้นตอน หรือเรียนรู้จากคลังความรู้ต่าง ๆ ภายนอก จากนั้น API จะเรียกใช้โมเดลของ OpenAI เพื่อสร้างเนื้อหาและทำงานตามต้องการ ตัวอย่างที่ OpenAI นำเสนอเช่น ตัวช่วยในการเขียนโค้ด, ตัวช่วยวางแผนท่องเที่ยว ตลอดจนการใช้งานสำหรับข้อมูลภายในองค์กร เช่น รายละเอียดสินค้า หรือเอกสารภายใน เป็นต้น
Assistants API เปิดให้ใช้งานสำหรับนักพัฒนาแล้วตั้งแต่วันนี้โดยยังมีสถานะเบต้า
OpenAI เปิดตัวเครื่องมือสำหรับสร้าง ChatGPT คัสตอมให้รองรับการใช้งานเฉพาะรูปแบบที่ต้องการ โดยเรียกเครื่องมือนี้ว่า GPTs ทำให้สามารถใช้งาน ChatGPT ที่ทำงานตามหัวข้อ เช่น ให้คำแนะนำการเล่นบอร์ดเกม, สอนคณิตศาสตร์เด็ก หรือแนะนำการออกแบบ
GPTs เป็นเครื่องมือแบบ no-code ไม่ต้องเขียนโปรแกรมเพิ่มเติม ผู้ใช้งานเพียงตั้งค่าปรับแต่งให้ ChatGPT เป็นแบบที่ต้องการ และเลือกเผยแพร่ได้ทั้งแบบใช้งานส่วนตัว หรือเปิดให้ทุกคนมาใช้งานได้ ตอนนี้ GPTs เปิดให้ลองใช้งานแล้วผ่าน chat.openai.com/create ได้เฉพาะลูกค้า ChatGPT Plus กับ Enterprise ก่อน