ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX) แถลงชี้แจงถึงการปิดตลาดอนุพันธ์เมื่อวานนี้ โดยระบุว่าเป็นบั๊กของซอฟต์แวร์ที่ใช้งานในตลาดเอง ขณะที่ตัวเว็บมีปัญหานั้นเกิดจากการถูกยิง DDoS โดยทั้งสองปัญหาไม่เกี่ยวกัน
ทาง HKEX ไม่ระบุว่าทราฟิกที่ถูกยิงเข้าไปยังตลาดมีขนาดเท่าใด
ขณะที่บั๊กในซอฟต์แวร์ทำให้ HKEX ต้องย้ายเซิร์ฟเวอร์ไปยังระบบสำรอง แต่เมื่อย้ายไปก็เจอบั๊กตัวเดิมทำให้ทางตลาดต้องตัดสินใจปิดตลาดในที่สุด ก่อนปิดตลาดโบรกเกอร์หลายรายก็ระบุว่าไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ ทำให้เมื่อวานนี้ทั้งวันมีการทำสัญญาเพียง 60,070 สัญญาเท่านั้น เทียบกับปกติที่มีการทำสัญญาเฉลี่ยประมาณ 3 ล้านสัญญา
ตลาดอนุพันธ์ฮ่องกงมีปัญหาการเชื่อมต่อ (connectivity issues) มาตั้งแต่ก่อนเที่ยง และประสบปัญหาต่อเนื่องจนกระทั่งทางตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (Hong Kong Exchanges & Clearing Limited - HKEX) ประกาศปิดตลาดครึ่งบ่าย
ยังไม่แน่ชัดว่าต้นเหตุของปัญหาคืออะไร โดยเว็บของ HKEX เองก็ทำงานได้ช้าไปด้วย แต่กับระบบซื้อขายทางโฆษกของ HKEX ระบุว่ากระทบระบบ Hong Kong Futures Automatic Trading System ที่ใช้ซื้อขายอนุพันธ์เท่านั้น
ตลาดอนุพันธ์อ่องกงเป็นตลาดที่มีการซื้อขายค่อนข้างมาก แต่ละวันมีการซื้อขายเกือบ 3 ล้านสัญญา
Reuters รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า Telegram แอพพลิเคชั่นแชทเข้ารหัสจะออกฟีเจอร์ใหม่ ให้ผู้ประท้วงฮ่องกงสามารถปกปิดตัวตนด้วยการปิดบังหมายเลขโทรศัพท์ตัวเองได้ หลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ โดยฟีเจอร์ใหม่จะเปิดให้ใช้ภายในไม่กี่วันข้างหน้า
Carrie Lam ผู้บริหารสูงสุดของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้กล่าวถึงเรื่องการประกาศใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน (Emergency Regulations Ordinance) ว่าตอนนี้ทางรัฐบาลกำลังพิจารณาประกาศใช้กฎหมายพิเศษดังกล่าวเพื่อควบคุมสถานการณ์ชุมนุมประท้วง
กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินของฮ่องกง จะให้อำนาจรัฐบาลในการควบคุมต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการเซนเซอร์หรือจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วย โดยกฎหมายไม่ได้ถูกประกาศใช้มาราว 50 ปีแล้ว
ข่าวปลอมเกี่ยวกับการประท้วงฮ่องกงแพร่สะพัดในทวิตเตอร์ และรองลงมาคือในเฟซบุ๊ก ล่าสุดกูเกิลบริษัทแม่ YouTube ออกมาประกาศว่าได้ระงับบัญชี 210 ช่อง ที่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข่าวปลอมเกี่ยวกับการประท้วงในฮ่องกง และบัญชีผู้ใช้งานดังกล่าวก็พบว่ามีการใช้ VPN ปลอมแปลงตัวตน
จากประเด็นมีข้อสังเกตที่ว่า ทวิตเตอร์แสดงโฆษณาที่ได้รับการโปรโมทจากสื่อ Xinhua ของจีน มีเนื้อหาโจมตีผู้ประท้วงชาวฮ่องกง ทวิตเตอร์ก็ออกมาเคลื่อนไหวด้วยการประกาศห้ามไม่ให้สื่อรัฐบาล (state-controlled news media) ซื้อโฆษณาเนื้อหาของตัวองได้อีกต่อไป
ทวิตเตอร์ยังบอกด้วยว่าทางแพลตฟอร์มได้ระงับ 936 บัญชีที่มีพฤติกรรมเผยแพร่ข่าวปลอมที่มีเนื้อหาบั่นทอนความชอบธรรมของการประท้วงในฮ่องกง และจากการตรวจสอบอย่างละเอียด ทวิตเตอร์มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าบัญชีเหล่านั้นมีการสนับสนุนจากรัฐ
ทวิตเตอร์ประกาศนโยบายการรับโฆษณาใหม่ห้ามไม่ให้สื่อรัฐบาล (state-controlled news media) ซื้อโฆษณาเนื้อหาของตัวองได้อีกต่อไป หลังจากก่อนหน้านี้มีรายงานว่าสำนักข่าวซินหัวของรัฐบาลจีน ซื้อโฆษณาเพื่อเผยแพร่เนื้อหาโจมตีการประท้วงที่ฮ่องกง
ข้อกำหนดใหม่นี้ครอบคลุมทั้งสื่อที่รัฐบาลควบคุมทางการเงินโดยตรง และสื่อที่รัฐบาลควบคุมเฉพาะเนื้อหา โดยจะอาศัยรายงานภายนอก เช่น รายงานจาก Reporters Without Bordders, Freedom House, The Economist, ไปจนถึงรายงานของ UNESCO อย่างไรก็ตามกฎนี้ไม่รวมถึงสื่ออิสระที่ได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งน่าจะหมายถึงองค์กรสื่อในหลายประเทศที่มีกฎหมายเฉพาะ อย่างเช่น BBC, PBS, หรือ ThaiPBS ในบ้านเรา
บัญชีทวิตเตอร์ Pinboard และผู้ใช้งานจำนวนหนึ่งสังเกตว่า ทวิตเตอร์ แสดงโฆษณาจากสื่อ Xinhua ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลจีนที่มีเนื้อหาโจมตีการประท้วงฮ่องกง
ในเนื้อหาของโฆษณา มีความพยายามแสดงให้เห็นถึงการประท้วงว่าเป็น "การเพิ่มความรุนแรง" (escalating violence) และมีการเรียกร้องให้ใช้คำสั่งเรียกคืนด้วย
ทวิตเตอร์ต้องตกอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วน เว็บไซต์ Engadget ติดต่อไปยังทวิตเตอร์เรื่องนี้แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับแต่อย่างใด
จนถึงตอนนี้การประท้วงในฮ่องกงยังคงคุกรุ่น โดยมีชนวนต้นเหตุมาจากประเด็นการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปจนถึงความต้องการประชาธิปไตย ล่าสุด South China Morning Post รายงานว่านักท่องเที่ยวเดินทางชาวฮ่องกงส่วนหนึ่ง ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเขตจีนแผ่นดินใหญ่ตรวจโทรศัพท์ เพื่อดูว่ามีรูปภาพการประท้วงหรือไม่
เป็นที่ทราบกันว่ารัฐบาลจีนใช้ The Great Firewall ในการควบคุมข้อมูลข่าวสารของคนจีน ทว่าต่อให้กำแพงไฟนั้นใหญ่แค่ไหนก็ไม่อาจจะปิดกั้นข้อมูลที่ถูกส่งกันผ่าน Bluetooth และ Wi-Fi อย่าง AirDrop ของแอปเปิลได้ ซึ่งผู้ประท้วงฮ่องกงก็อาศัยฟีเจอร์นี้ในการส่งข้อมูล (ที่รัฐบาลจีนปิดกั้น) ไปให้กับคนจีนที่เดินทางมาฮ่องกง
การประท้วงกฎหมายส่งตัวข้ามแดนของฮ่องกงยังดำเนินต่อไป แต่ในแง่ของโลกออนไลน์ สำนักข่าว AFP พบว่าผู้ประท้วงเริ่มระมัดระวังตัวในแง่ดิจิทัลและข้อมูลออนไลน์มากขึ้น
ผู้ร่วมประท้วงจำนวนมากเป็นกลุ่มอายุน้อย และตระหนักต่ออันตรายหากทางการพบหลักฐานว่าพวกเขาไปร่วมม็อบ แต่ละคนจึงมีวิธีการหลบเลี่ยงการติดตามจากทางการแตกต่างกันไป ตั้งแต่การซื้อบัตรเดินทางด้วยเงินสดเพื่อไม่ให้เหลือบันทึก, ปิดฟีเจอร์ระบุตำแหน่งของโทรศัพท์ เพื่อไม่ให้แอปต่างๆ จับตำแหน่งที่ใช้งานได้, ไปจนถึงการลบโพสและแชตต่างๆ ทิ้งเมื่อออกจากม็อบแล้ว
ขนส่งมวลชนฮ่องกงค่อนข้างก้าวหน้า บัตร Octopus สามารถใช้งานได้กว้างขวาง และประชาชนถือบัตรจำนวนมาก แต่ในช่วงเกิดม็อบ พบว่าผู้คนต่อคิวซื้อตั๋วในตู้อัตโนมัติจำนวนมากผิดปกติ
เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) Telegram รายงานข่าวการถูกโจมตี DDoS ครั้งใหญ่ โดยส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ในหลายประเทศที่อาจเชื่อมต่อกับ Telegram ไม่ได้
Pavel Durov ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Telegram ระบุว่าทราฟฟิกเหล่านี้มาจากประเทศจีน ซึ่งมีจังหวะเวลาที่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกง แต่เขาก็ไม่ได้ยืนยันว่าการโจมตี DDoS มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีนหรือไม่
Telegram เป็นแอพแชทที่ได้รับความนิยมระหว่างการประท้วงในฮ่องกง แม้ว่าระบบอินเทอร์เน็ตของฮ่องกงจะไม่ถูกบล็อคหรือเซ็นเซอร์จากรัฐบาลจีนก็ตาม
ระบบของ Telegram กลับมาเป็นปกติแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้
AWS ประกาศเปิด Region ใหม่บนเกาะฮ่องกง นับเป็น AWS Region ที่ 8 ในเอเชียแปซิฟิก โดยฮ่องกงจะมีทั้งหมด 3 Availability Zone
การเปิด Region ในฮ่องกงครั้งนี้จะชนกับ Alibaba Cloud และ Tencent Cloud ที่มีส่วนแบ่งในพื้นที่ค่อนข้างเยอะ โดย Werner Vogels ซีทีโอของ Amazon ระบุว่าการเปิด Region ในฮ่องกง จะช่วยลดความหน่วงที่ลูกค้าจะต้องเชื่อมต่อไปยังโตเกียวหรือสิงคโปร์ จาก 100ms เหลือเพียง 10ms ขณะที่ลูกค้า AWS รายใหญ่ๆ ในฮ่องกงก็ค่อนข้างเยอะด้วยเช่นกัน
Hong Kong Monetary Authority (HKMA) หรือธนาคารกลางฮ่องกงรายงานถึงปัญหาการโจมตีผู้ใช้บริการธนาคารออนไลน์ด้วยการส่งเมลปลอม, หลอกให้ลงแอปปลอม, หรือล่อให้เข้าเว็บปลอม ว่ากำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมมีผู้เสียหายในปี 2018 ทั้งหมด 142 กรณี
แม้จำนวนจะยังไม่สูงนัก แต่อัตราการเพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็วมาก โดยปี 2016 มีเพียง 35 กรณี และปี 2017 มี 44 กรณี หากแยกย่อยออกมาปัญหาเมลฟิชชิ่งเพิ่มขึ้นเร็วมาก จากเดิมมีไม่ถึง 10 กรณี ในปี 2018 มีรายงานถึง 62 กรณี
Mary Huen Wai-yi ประธานสมาคมธนาคารฮ่องกงยอมรับว่าการให้บริการดิจิทัลมากขึ้นก็ทำให้ความเสี่ยงการโจมตีเช่นนี้มากขึ้นไปด้วย โดยระบุว่าอาจจะต้องมีการควบคุมข้อมูลส่วนตัวให้มากขึ้นเช่นเดียวกับในยุโรป
ปัญหาคนซื้อตั๋วคอนเสิร์ตของนักแสดงที่ความนิยมสูงแล้วนำไปขายต่อเป็นปัญหารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในหลายประเทศทั่วโลก แต่ฮ่องกงดูจะหนักกว่าประเทศอื่นๆ สักหน่อย เพราะค่าตั๋วคอนเสิร์ตบางรายการนั้นสามารถนำไปขายต่อได้ถึง 25 เท่าตัว เมื่อเดือนสิงหาคมเกิดเหตุแทงกันระหว่างต่อคิวซื้อตั๋วคอนเสิร์ต Andy Lau ตอนนี้ภาครัฐก็ออกมาให้ข่าวว่ากำลังหาแนวทางแก้ปัญหากันอยู่
Alipay Financial Services HK ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการ Alipay ของฮ่องกงประกาศเตรียมนำระบบจ่ายเงินด้วย QR Code มาให้บริการในสถานีรถไฟใต้ดินของฮ่องกง 91 สถานีภายในปี 2020 ซึ่งทาง AlipayHK นั้นเป็นผู้ชนะประมูลงานของ MTR ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถไฟใต้ดินของฮ่องกง
การใช้ Alipay บนสถานีรถไฟใต้ดินฮ่องกง ผู้ใช้เพียงแค่สแกน QR Code ก็สามารถเข้าสู่ระบบรถไฟได้ทันที ซึ่งการสแกน QR Code นั้นใช้เวลาเพียง 0.4 วินาทีเท่านั้น รวมถึงสามารถใช้งานในสภาพที่อินเทอร์เน็ตไม่อำนวยได้ด้วย ซึ่งแม้ว่าปัจจุบัน MTR จะมีบัตร Octopus ให้ใช้งานอยู่แล้ว และบัตร Octopus ก็ครอบคลุมประชากรฮ่องกงถึง 99% แต่การเพิ่มช่องทางการจ่ายเงินก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้เดินทางจากจีนแผ่นดินใหญ่ให้ใช้บริการ MTR ได้สะดวกยิ่งขึ้น
PayMe บริการ e-Wallet ของธนาคาร HSBC ในฮ่องกงถูกโจมตีจากอาชญากรด้วยการหลอกเหยื่อเอารหัสอีเมล เพื่อรีเซ็ตรหัสผ่านตัวแอป และสั่งโอนเงินออกไปจากเหยื่อประมาณ 20 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 100,000 ดอลลาร์ฮ่องกง
เหยื่อเหล่านี้ถูกอีเมล phishing หลอกถามรหัสผ่าน แต่ตัวแอปเองกลับไม่ได้ป้องกันเงินด้วยการล็อกอินสองขั้นตอน แต่ต้องการเพียงรหัสผ่านที่รีเซ็ตด้วยอีเมลได้
ผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยไซเบอร์หลายรายในฮ่องกง เช่น ประธานสมาคมอินเทอร์เน็ตฮ่องกง, ประธานสหพันธ์เทคโนโลยีสารสนเทศฮ่องกง ออกมาแสดงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าการป้องกันลูกค้าเป็นหน้าที่ของธนาคาร ในกรณีธนาคารควรใช้การล็อกอินสองขั้นตอนเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัย
ทาง HSBC ยืนยันว่าแอปไม่ได้มีช่องโหว่และปลอดภัยดี
ร้าน WahPhone Digital ในฮ่องกงเปิดขาย Google Pixel 3 XL ก่อนวันเปิดตัวในวันอังคารนี้ ทำให้ทางเว็บ Engadget สามารถไปซื้อมารีวิวได้เรียบร้อยแล้ว โดยไม่ยืนยันว่าทางร้านไปได้เครื่องมาได้อย่างไร
จุดเด่นสำคัญของ Google Pixel 3 XL คือจอแหว่งที่ด้านบนของโทรศัพท์นั้นลึกมากเป็นพิเศษ ตัวโทรศัพท์มีขนาดจอภาพ 6.3 นิ้ว 2,960 x 1,440 พิกเซล ใช้ซีพียู Snapdragon 845 พื้นที่เก็บข้อมูล 128GB และแรม 4GB กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล และกล้องหลัง 12.2 ล้านพิกเซล โดยมีกล้องหน้าสองตัวเป็นเลนส์มุมกว้างอีกตัว
ในกล่องแถมหูฟัง USB-C, สายชาร์จ USB-C สองข้าง, หัวแปลงรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, หัวแปลง USB-C ไปยัง USB-A และแท่นชาร์จ USB-C
ฮ่องกงเริ่มบริการระบบโอนเงินใหม่ Faster Payment System (FPS) ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา โดยเป็นการเปิดบริการระบบโอนเงินใหม่ยกชุด เท่าเทียมกับพร้อมเพย์ของไทยและยังสามารถลงทะเบียนอีเมลเพื่อรับเงินได้ด้วย
FPS เปิดให้บริการ ลงทะเบียนหมายเลขแทนเลขบัญชีทั้งอีเมลและหมายเลขโทรศัพท์, และหมายเลข FPS สำหรับธุรกิจ พร้อมกับเชื่อมต่อ e-Wallet จากผู้ให้บริการฮ่องกงอีก 10 ราย
การลงทะเบียนเริ่มตั้งแต่วันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีผู้ลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ 328,000 คน, อีเมล 70,000 คน, และหมายเลขธุรกิจอีก 58,000 หมายเลข และการเชื่อมต่อเช่นนี้ทำให้ผู้ให้บริการ e-Wallet รายใหญ่เช่น WeChat และ Alipay สามารถให้บริการโอนเงินข้ามกันไปมาได้
CAT Telecom ได้ลงนามในเอกสารหลักการเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเคเบิ้ลใต้น้ำไทย-ฮ่องกง กับบริษัท ไชน่า อาวิเอชั่น คลาวด์ (CAC) เทเลคอม โดยคาดว่าเคเบิ้ลใต้น้ำเส้นนี้จะเปิดใช้ในเชิงพาณิชย์ช่วงปลายปี 2563
ความโดดเด่นของโครงการนี้ คือมีแบนด์วิธถึง 153.6 Tbps ใช้สายใยแก้วนำแสง 8 คู่ เคเบิ้ลใต้น้ำถูกออกแบบมาให้มีความยาวลดลงจากที่มีอยู่ 13% ช่วยลด latency ระหว่างกรุงเทพฮ่องกงลงได้ราว 5 มิลลิวินาที รวมถึงมีการจัดตั้งศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์กับประเทศที่มีสถานีจุดขึ้นบก ซึ่งจะช่วยให้สามารถขยายขอบเขตของพื้นที่ให้บริการได้มากขึ้น
AlipayHK บริษัทร่วมทุนระหว่าง Ant Financial ที่มี Alibaba ถือหุ้นหลัก และ CK Hutchison Holdings กลุ่มธุรกิจรายใหญ่ของฮ่องกง ประกาศความร่วมมือกับ GCash แพลตฟอร์มบริการชำระเงินของ Globe Telecom ผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่ของฟิลิปปินส์ เพื่อให้บริการระบบโอนเงินข้ามประเทศที่อิงกับ Blockchain ทำให้มีต้นทุนที่ลดลง
ปัจจุบันมีคนฟิลิปปินส์ที่ทำงานอยู่ในฮ่องกงจำนวนหลายแสนคน มีตัวเลขว่าคนฟิลิปปินส์ส่งเงินกลับประเทศบ้านเกิดมากกว่า 735 ล้านดอลลาร์ ในปีที่ผ่านมา การพัฒนาแพลตฟอร์มโอนเงินใหม่นี้จะช่วยให้ต้นทุนการโอนเงินถูกลง และเป็นการผลักดัน GCash ในฟิลิปปินส์อีกทางหนึ่งด้วย
ท่ามกลางความน่าสนใจของสกุลเงินคริปโต รวมถึงการขายเหรียญแบบ ICO ในปัจจุบัน ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของหลายประเทศออกมาเตือนประชาชนเกี่ยวกับการซื้อขายหรือลงทุนในสกุลเงินคริปโตอยู่เรื่อย ๆ ล่าสุดฮ่องกงก็จะเริ่มทำโฆษณาแล้ว
Financial Services and the Treasury Bureau (FSTB) และ Investor Education Centre (IEC) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการเงินและการลงทุนในฮ่องกง ได้เปิดตัวแคมเปญโฆษณาเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อลงทุนใน ICO หรือซื้อสกุลเงินคริปโต โดยจะมีทั้งการโฆษณาทางทีวีและโฆษณาสื่อสิ่งพิมพ์
Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เปิดเผยว่า Alibaba กำลังพิจารณานำบริษัทในเครือ จดทะเบียนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยไม่ได้เปิดเผยว่าจะเป็นบริษัทใด ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะทำให้ตลาดหุ้นฮ่องกงกลายเป็นตลาดหุ้นที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เข้ามาจดทะเบียนเพิ่มอีกราย จากที่มี Tencent, China Literature และ Razer
ฮ่องกงและสิงคโปร์เผยแผนเตรียมเชื่อมต่อแพลตฟอร์มด้านการค้าระหว่างประเทศหรือ trade finance เข้าด้วยกันด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อลดการโกงและความผิดพลาดในเงินทุนนับล้านล้านดอลลาร์ในการเทรดระหว่างประเทศ
Hong Kong Monetary Authority (HKMA) และธนาคาร HSBC, Standard Chartered ได้ทดสอบระบบบล็อกเชนสำหรับการสร้างแพลตฟอร์มด้านการค้าระหว่างประเทศ ส่วนทางสิงคโปร์ก็เริ่มทดสอบแล้วเช่นกัน โดยการเชื่อมต่อกันระหว่างสองแพลตฟอร์มข้ามประเทศนี้ HKMA และ Monetary Authority of Singapore (MAS) จะทำงานร่วมกันในการพัฒนาบล็อกเชนและเทคโนโลยี FinTech อื่น ๆ ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านการเงินของสองประเทศ
การท่องเที่ยวฮ่องกงเปิดงาน "ICBC (Asia) e-Sports and Music Festival Hong Kong" วันแรกจากสามวันในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ส่วนหนึ่งของงานคือการแข่งขัน "Return of the Legends" โดยมีผู้เข้าร่วมชมในฮอลล์รวม 3,500 คนจากบัตร 5,000 ใบ ทางผู้จัดงานระบุว่าบัตรขายหมดแต่มีผู้มาชมจริงประมาณ 70% จากฝนตกในช่วงเช้าซึ่งเป็นที่น่าพอใจสำหรับผู้จัด
ราคาบัตรการแข่งเกมครั้งนี้อยู่ที่ 80-480 ดอลลาร์ฮ่องกงหรือ 340-2040 บาท นอกจากนี้ในตัวงานยังมีส่วนนิทรรศการการแสดงคอสเพลย์และการแข่งขันย่อยๆ ที่มีค่าเข้างานอีก 10 ดอลาร์ฮ่องกง
งานครั้งนี้มีงบประมาณรวม 35 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง แต่รวมไปถึงส่วนเทศกาลดนตรีที่มีวงจากเกาหลีใต้มาร่วมงานจำนวนมาก
การแข่งขันอีกสองรอบจะจัดในวันอาทิตย์นี้ก่อนจบงาน