Facebook Groups ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ผู้ดูแลกลุ่ม คือสามารถตั้งคำถามให้ผู้ใช้ที่ขอเข้าร่วมกลุ่มได้สูงสุด 3 คำถาม เพื่อเป็นการคัดกรองผู้ที่ต้องการเข้าร่วมกลุ่มว่าเป็นผู้ใช้ที่สนใจในเรื่องที่กลุ่มนั้นคุยกันจริง ๆ ไม่ใช่เป็นสแปมหรือเข้ามาก่อกวน
จากกรณี กสทช.กับสมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ดำเนินการปิดเว็บไซต์กว่า 6,300 เว็บไซต์ จาก 6,900 เว็บไซต์ตามคำสั่งศาล และยังเหลืออีกกว่า 600 เว็บไซต์ที่ยังดำเนินการไม่ได้เพราะมีการเข้ารหัสไว้
วันนี้มีการแถลงเพิ่มเติมจาก กสทช.ว่า ในส่วนของ Facebook ได้ดำเนินการปิดกั้นไปแล้ว 178 URL ยังเหลืออีก 131 URL โดยทั้งหมดเป็นแฟนเพจล้วน ทาง กสทช. สมาคม ISP หน่วยงานความมั่นคงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประชุมร่วมกันมีมติว่า ให้เวลาดำเนินการปิดกั้นถึงวันอังคารที่ 16 พฤษภาคม เวลา 10.00 น. หากยังเหลือ URL ที่ยังไม่ปิดกั้น ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และจะเชิญ Facebook ประเทศไทยมาพูดคุยให้ดำเนินการให้สอดคล้องกับคำสั่งศาล
ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ยืนยันว่าจะไม่ดำเนินการให้กระทบต่อการใช้งานของประชาชน แต่ต้องดำเนินการตามหมายศาล เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายไทย
Facebook ประกาศปรับอัลกอริทึม News Feed อีกรอบ โดยจะลดอันดับลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคุณภาพต่ำ (low-quality content) พาดหัวชวนให้เข้าใจผิด (misleading) ข่าวหัวสี (sensational) เนื้อหาเชิงสแปม รวมถึงมีโฆษณาไม่เหมาะสมหรือติดมัลแวร์
นโยบายใหม่ของ Facebook ยังมีผลกับการลงโฆษณาแบบ boost post ด้วย ถ้าหากระบบของ Facebook มองว่าเนื้อหาเหล่านี้เข้าข่ายคุณภาพต่ำ ก็อาจป้องกันไม่ให้โพสต์แบบโฆษณาได้
Facebook บอกว่าใช้ระบบ AI วิเคราะห์ลิงก์หลายแสนลิงก์เพื่อหารูปแบบของเนื้อหาคุณภาพต่ำ และจะส่งผลให้ประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้ดีขึ้นในภาพรวม
ที่มา - Facebook
ข่าวปลอมเป็นประเด็นที่ทำให้ Facebook ถูกโจมตีอย่างหนักตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และดูเหมือนว่าการปรับปรุงฟีเจอร์ อัลกอริทึมให้ความสำคัญกับข่าวปลอมน้อยลงจะยังไม่เพียงพอ Facebook จึงอัดแคมเปญสร้างความรับรู้แยกแยะข่าวปลอมลงหน้าโฆษณาหนังสือพิมพ์ในอังกฤษด้วย เช่น The Times, The Guardian และ Daily Telegraph
เนื้อหาแคมเปญเป็นการแนะนำ 10 วิธีแยกแยะข่าวปลอม เช่น ตั้งข้อสงสัยพาดหัวข่าวไว้ก่อนเสมอ ดูที่ลิงก์ URL ให้ดีว่ามีสัญลักษณ์อะไรแปลกๆ ดูที่มาข่าว รูปแบบข่าว ภาพข่าว วันที่ เป็นต้น
ตอนนี้เฟซบุ๊กล่มทั่วเอเชียแปซิฟิกและออสเตรเลีย โดยขึ้นหน้า Sorry, something went wrong. ผมตรวจสอบการเชื่อมต่อจากต่างประเทศแล้วก็เป็นเหมือนกัน ดังนั้นไม่ต้องตกใจกันไปครับ
Facebook ทำปัญญาประดิษฐ์ช่วยการใช้งานใน Facebook Messenger มีชื่อเรียกว่า M ทำตามคำสั่งของผู้ใช้เช่นเรียกรถ โอนเงินให้เพื่อน เป็นต้น อย่างไรก็ตามผู้ใช้สามารถสั่งงาน M ได้ด้วยการพิมพ์เท่านั้น ไม่สามารถใช้คำสั่งเสียงเหมือน Alexa ของ Amazon และ Siri ของ Apple ได้
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น Stan Chudnovsky หัวหน้างานในส่วน Messenger มีคำตอบ
โครงการ internet.org ของ Facebook ร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายของอินเดีย Bharti Airtel และร้านค้าท้องถิ่น ขาย Express WiFi หรือไวไฟฮอตสปอตราคาถูก ใช้ในเขตชนบทห่างไกล
ในการขายครั้งนี้ Facebook ร่วมมือกับบริษัทท้องถิ่นในอินเดียอีกกว่า 500 แห่งในสี่เขตคือ Uttarakhand, Gujarat, Rajasthan และ Meghalaya เพื่อติดตั้ง Express WiFi ตั้งเป้าที่จำนวน 20,000 ตัว ส่วนราคาเน็ตอยู่ที่ 0.15 ดอลลาร์ สำหรับปริมาณอินเทอร์เน็ต 100MB/วัน และ 5 ดอลลาร์ สำหรับปริมาณ 20GB/วัน
Business Insider รายงานว่า Facebook เตรียมจะบุกตลาดทีวี โดยการทำรายการทีวี 24 ชั่วโมง และเตรียมเปิดตัวครั้งแรกในกลางเดือนมิถุนายนนี้
สำหรับรายการทีวีของ Facebook นี้ น่าจะเป็นอีกหนทางหนึ่งในการดึงให้บริษัทต่าง ๆ นำเงินนับพันล้านดอลลาร์ที่ปัจจุบันลงกับทีวีอยู่ ให้มาลงกับ Facebook และยังเป็นการเพิ่มช่องทางในการโฆษณาให้ Facebook ได้อีกด้วย เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ของ News Feed ในการแสดงโฆษณาเริ่มใกล้หมดลงแล้ว
จากรายงานของ Business Insider กล่าวว่า รายการโชว์จาก Condé Nast ซึ่งเป็นรายการโชว์เดทแบบ virtual reality จะเป็นหนึ่งในรายการของ Facebook รวมถึงตอนนี้ทางบริษัทก็เริ่มหาดารามาในรายการอื่น และมีดาราดังคนหนึ่งได้รับข้อเสนอของ Facebook แล้วด้วย
จากเหตุการณ์กราดยิงครั้งใหญ่ที่ San Bernardino ในปี 2015 มีครอบครัวเหยื่อผู้เสียชีวิตส่วนหนึ่งรวมตัวกันฟ้องโซเชียลมีเดีย Facebook, Google และ Twitter ในข้อหาปล่อยให้โฆษณาชวนเชื่อของกลุ่ม ISIS แพร่หลายในโซเชียล นำไปสู่เหตุโศกนาฎกรรม
เอกสารสำนวนส่งฟ้องมี 32 หน้า Sierra Clayborn ผู้เกี่ยวข้องกับเหยื่อหนึ่งในผู้ฟ้องระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จำเลย (Facebook, Google และ Twitter) ได้หยิบยื่นเครื่องมือแพร่กระจายข้อมูลให้กลุ่ม ISIS เปิดโอกกาสให้ ISIS ระดมทุน และดึงดูดคนให้เข้าร่วมกลุ่มด้วยโฆษณาชวนเชื่อ และหากไม่ใช่เพราะ Facebook, Google และ Twitter การเติบโตของกลุ่ม ISIS คงไม่มากขนาดนี้
หลังจากสทช. แถลงข่าวการปิดเว็บไซต์กว่า 6,000 เว็บไซต์ในวันนี้ พร้อมกับระบุถึงเฟซบุ๊กโดยตรงว่าไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร ล่าสุดเฟซบุ๊กก็แจ้งกับคุณสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ว่าทางเฟซบุ๊กได้รับหมายศาลในคดีพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ (ตามพ.ร.บ. ฉบับ 2550 ไม่ใช่ฉบับใหม่) ระบุถึงโพสหนึ่งของคุณสมศักดิ์ว่าผิดกฎหมายไทย
คุณสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เป็นหนึ่งในสามบุคคลที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมออกประกาศขอให้ประชาชนทั่วไปเลิกติดตาม
วันนี้กสทช. ร่วมกับสมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) แถลงการสั่งปิดเว็บไซต์กว่า 6,300 เว็บไซต์จากทั้งหมด 6,900 เว็บไซต์ตามคำสั่งศาล โดยรองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมระบุว่าส่วนใหญ่เป็นเว็บที่นำเสนอนเนื้อหาไม่เหมาะสม อย่างการพนัน ลามกอนาจาร เว็บพิชชิ่งและเว็บที่มีเนื้อหาด้านความมั่นคง
อย่างไรก็ตามอีกกว่า 600 เว็บไซต์ที่ยังปิดไม่ได้นั้น เนื่องจากถูกเข้ารหัสและมีเซิร์ฟเวอร์อยู่ต่างประเทศ โดยทาง ISP ทำหนังสือไปยังผู้ให้บริการในต่างประเทศแล้ว พร้อมยืนยันว่าส่วนใหญ่เข้าและให้ความร่วมมือยกเว้นเฟซบุ๊ก ที่ไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร "ทั้งที่ควรให้ความร่วมมือ เพื่อให้กฎหมายไทยศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น"
Mark Zuckerberg โพสต์ Facebook กล่าวถึงประเด็นความรุนแรง การฆ่าตัวตายผ่าน Facebook Live ระบุว่าคลิปรุนแรงต่างๆ บน Live เป็นเรื่องน่าสลดใจ และถ้าเราต้องการสร้างสังคม Facebook ที่ปลอดภัยต้องตอบสนองต่อปัญหาอย่างรวดเร็ว
Mark Zuckerberg บอกว่าช่วงปีหน้า Facebook จะเพิ่มบุคลากรดูแลเรื่องเนื้อหารุนแรงบนแพลตฟอร์ม 3,000 คน นอกเหนือจาก 4,500 คนที่มีอยู่แล้วในการทำหน้าที่รับเรื่องราวที่ผู้ใช้รายงานมายัง Facebook บุคคลเหล่านี้หรือ reviewer จะจัดการกับเนื้อหาต้องห้าม เช่น คำพูดแสดงความเกลียดชัง การกระทำอนาจารเด็ก เป็นต้น
Facebook รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปี 2017 มีรายได้ 8,032 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,064 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 76% โดยรายได้จากโฆษณาบนมือถือ คิดเป็น 85% ของรายได้โฆษณารวม
จำนวนผู้ใช้งาน Facebook เป็นประจำทุกวัน (DAUs) มี 1,284 ล้านคน เพิ่มขึ้น 18% และเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) 1,936 ล้านคน เพิ่มขึ้น 17%
Facebook เพิ่มคุณสมบัติ Reactions เพื่อให้เป็นมากกว่าแค่กด Like มาตั้งแต่ปีที่แล้ว และขยายขอบเขตไปใน Messenger ด้วย แต่ยังเหลืออีกพื้นที่ซึ่งไม่มีให้กด Love กด Wow นั่นคือคอมเมนต์ต่างๆ ในโพสต์ ซึ่งล่าสุดก็มีให้ใช้แล้ว
ตัวแทนของ Facebook กล่าวว่าฟีเจอร์นี้มีผู้ใช้งานเรียกร้องกันเข้ามามาก ทาง Facebook จึงตัดสินใจเพิ่มเติมเข้าไป เพื่อให้สามารถแสดงออกในหัวข้อสนทนาได้หลากหลายวิธีมากขึ้น
ฟีเจอร์นี้กำลังทยอยปล่อยให้กับผู้ใช้งานทั่วโลก
ที่มา: Mashable
หลังจากเป็นข่าวฮือฮาทั่วอินเทอร์เน็ตไปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กับภาพครุฑยืนประดับพระเมรุมาศพร้อมโลโก้ Apple, Facebook และ Google ล่าสุด เว็บไซต์ SpringNews ได้ออกมารายงานความคืบหน้าล่าสุด โดย นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ได้มีคำสั่งด่วนให้ถอดโลโก้ดังกล่าวออกด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่ครอบคลุมและไม่สอดคล้องกับคติความเชื่อในการสร้างพระเมรุมาศ รวมถึงปัญหาเรื่องลิขสิทธ์ของตัวโลโก้ โดยระบุเพิ่มเติมว่า ในขั้นตอนลงพื้นที่ตรวจแบบไม่พบ 3 โลโก้ดังกล่าวในแบบ
ผลสำรวจลับๆ ใน Facebook (เผยแพร่โดย The Wall Street Journal) เผยว่า วิศวกรหญิงใน Facebook ไม่ผ่านมาตรฐานทางวิศวกรรม และการเขียนโค้ดที่กำหนดขึ้นภายในบริษัทมากกว่าผู้ชาย 35%
Facebook มีสัดส่วนพนักงานผู้หญิง 33% ผู้หญิงที่ทำหน้าที่เชิงเทคนิคมีเพียง 17% และผู้หญิงในบทบาทผู้บริหาร ตำแหน่งใหญ่มี 27% ผลการสำรวจพบว่า ผลงานโค้ดที่เขียนโดยผู้หญิงมีโอกาสน้อยมากที่จะผ่านการตรวจสอบ (8 ลำดับขั้น) ชี้ให้เห็นเป็นนัยว่า วิศวกรหญิงต้องเจอกับการตรวจสอบกลั่นกรองมากกว่าผู้ชายเป็นพิเศษ
Jay Parikh หัวหน้าด้านโครงสร้างพื้นฐานของ Facebook ระบุว่า ที่ผู้หญิงไม่ผ่านการตรวจสอบมากกว่าผู้ชายเป็นเพราะระดับทางวิศวกรรม ไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศ ด้านพนักงาน Facebook คาดเดาจากคำพูดของ Parikh ว่า ผู้หญิงอาจก้าวหน้าทางการงานช้ากว่าผู้ชาย แม้ผู้ชายคนนั้นจะเข้ามาทำงานพร้อมกัน หรืออาจมาจากสาเหตุผู้หญิงลาออกไปมากเพราะไม่ได้รับการสนับสนุนเลื่อนตำแหน่ง ตามที่เคยมีผลวิจัยมาก่อนหน้านี้
หลังจากที่มีรายงานถึงการใส่โลโก้ Apple ลงบนรูปปั้นครุฑยืนประดับพระเมรุมาศไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุด Facebook Fanpage "ศูนย์ข้อมูลข่าวสารงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" ได้เผยภาพครุฑยืนดังกล่าวให้ประชาชนได้เห็นกันแล้ว โดยไม่ได้มีแค่เพียงโลโก้ของ Apple แต่ยังมี Facebook และ Google ประดับที่ตัวครุฑอีกด้วย
Facebook ประกาศว่าตอนนี้ Instant Games บน Messenger ได้เปิดให้ผู้ใช้จำนวนมากทั่วโลกได้เริ่มเล่นเกมกันแล้ว (ต้นทางใช้คำว่า broadly) จากเดิมที่ฟีเจอร์นี้เปิดตัวเฉพาะในสหรัฐฯ ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว โดยในตอนนี้ Instant Games มีเกมกว่า 50 เกม ตั้งแต่ Pac-Man ไปจนถึงเกมใหม่ล่าสุดที่ Facebook เพิ่งเปิดตัวคือ 8 Ball Pool
Facebook ยังคงเติบโตขึ้นอยู่เรื่อย ๆ แต่ว่าในระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา Facebook ยังคงใช้งานเครือข่ายเดิม ๆ ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเพิ่มฟีเจอร์อย่างภาพหรือวิดีโอเข้ามาก็ตาม
การที่เครือข่ายมีผู้ใช้บริการมากจนเกินไป จะมีผลลัพธ์กับทราฟฟิกของผู้ใช้ในทางลบ ดังนั้น Facebook จึงสร้างเครือข่ายแบบใหม่ที่เรียกว่า Express Backbone (EBB) โดยไอเดียของเครือข่ายลักษณะนี้คือการแยกทราฟฟิกภายในและระหว่างศูนย์ข้อมูล กับทราฟฟิกของอินเทอร์เน็ตออกจากกัน
เว็บไซต์ TechCrunch บังเอิญไปเจอฟีเจอร์ที่เฟซบุ๊กซุ่มเพิ่มเข้ามาเงียบๆ เรียกว่า Rewards ซึ่งจะเป็นหน้า QR Code ส่วนตัวของผู้ใช้ เอาไว้สำหรับให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ใช้สแกนเพื่อเก็บแต้มและแลกรับส่วนลดหรือของแถมต่างๆ เวลาเข้าไปซื้อของในร้าน
ฟีเจอร์นี้ดูเหมือนจะช่วยให้ผู้ใช้ได้ส่วนลดจากร้านค้า ขณะที่ร้านค้าก็มีโอกาสได้โปรโมทร้านจากโปรโมชัน แต่ไม่ว่าจะทางไหนเฟซบุ๊กก็ดูจะได้ประโยชน์จากทั้งลูกค้า ในแง่ของข้อมูลด้านการช็อปปิ้งสำหรับการนำเสอนโฆษณา และร้านค้าที่อาจนำโปรโมชันมาโฆษณาบนแพลตฟอร์มได้เพิ่มเติม
ที่มา - TechCrunch
เฟซบุ๊กออกรายงาน "Information Operations and Facebook" รายงานถึงปฎิบัติการปล่อยข่าว (information operation - IO) ของรัฐบาลหรือหน่วยงานอื่นๆ ทั่วโลก โดยใช้เฟซบุ๊กเป็นสื่อกลาง
ตัวเฟซบุ๊กนิยามปฏิบัติการ IO ไว้ว่าอาจจะทำงานโดยหน่วยงานของรัฐบาลหรือหน่วยงานใดๆ ที่ต้องการปล่อยข่าวหรือบิดเบือนความเห็นของคนส่วนใหญ่เพื่อผลด้านการเมือง การทำงานของ IO มีตั้งแต่การปล่อยข่าวปลอม (false news), การขยายความปลอม (false amplifier), การบิดเบือนเนื้อหา (disinformation)
หน่วยงาน IO เหล่านี้ทำตั้งแต่การเก็บข้อมูลหรือขโมยข้อมูลจากเป้าหมาย, สร้างเนื้อหาผ่านการส่งข้อมูลให้สื่ออย่างเจาะจงหรือสร้างเนื้อหาขึ้นเอง, ขยายผลจากเนื้อหาเหล่านั้นด้วยการสร้างบัญชีปลอมขึ้นมาแชร์หรือคอมเมนต์บนเนื้อหา
“แฮปปี้คนเลี้ยงหมู” หนึ่งในเกมบน Facebook ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย ออกมาประกาศการยุติการให้บริการผ่านหน้า Facebook Fanpage ของตัวเอง โดยได้ปิดการให้บริการไปเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2560 เวลา 12.00 น. ที่ผ่านมา
ก็ถือว่าเป็นอีกอดีตเกมยอดฮิตที่ต้องมาถึงฉากสุดท้ายตามกาลเวลาและความนิยมที่เปลี่ยนไปของผู้ใช้งาน อย่างไรก็ดีมั่นใจได้ว่าความทรงจำดีๆ ของเกมนี้เช่นการเลี้ยงหมู การถูกเพื่อนขโมยหมู และ การไปขโมยหมูของเพื่อนเพื่อล้างแค้น ก็น่าจะยังอยู่ในใจหลายๆ คนตลอดไป
Mark Zuckerberg ซีอีโอเฟซบุ๊กโพสต์ประกาศเผยโฉมภาพยนตร์สั้นเรื่อง Step to the Line ซึ่งเป็นภาพยนตร์เชิงสารคดีแบบ 360 ผ่าน Oculus VR เรื่องแรก
Step to the Line เป็นสารคดีเกี่ยวกับนักโทษ ระบบเรือนจำและระบบยุติธรรมของสหรัฐ ซึ่งถูกนำไปฉายในงาน Tribeca Film Festival โดยซีอีโอเฟซบุ๊กระบุว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ ช่วยให้ผู้ชมได้เข้าถึงและเข้าใจนักโทษ เช่นเดียวกับที่เขาได้พูดคุยกับ Anthony Ray Hinton อดีตนักโทษที่ถูกจำคุกนานกว่า 30 ปี เมื่อราว 2 ปีที่แล้ว
ที่มา - Mark Zuckerberg
Facebook พยายามทุกทางในการแก้ปัญหาข่าวปลอม (แต่ยังไม่ค่อยสำเร็จมากนัก) ล่าสุดบริษัทใช้ฟีเจอร์ Related Articles ที่แนะนำบทความใกล้เคียงกับลิงก์ที่เรากดใน News Feed มาช่วยแก้ปัญหาข่าวปลอมอีกทางหนึ่ง
แนวทางแบบใหม่ของ Facebook คือนำเสนอ Related Articles บนหน้า News Feed ในตำแหน่งใกล้ๆ กับโพสต์เลย (เพิ่มโอกาสที่เราจะเห็นบทความในหัวข้อเดียวกันจากแหล่งข่าวอื่น ก่อนกดไปยังลิงก์ในโพสต์) การเพิ่มพื้นที่ตรงนี้เข้ามา ช่วยให้ผู้ใช้มีโอกาสรับมุมมองอื่นจากแหล่งข่าวอื่น ในประเด็นข่าวเดียวกัน
ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในขั้นทดลองใช้งาน และ Facebook จะประเมินผลต่อไป
ที่มา - Facebook
เกิดเหตุสลดในประเทศไทย ชายคนหนึ่งอายุ 21 ปี ถ่าย Facebook Live ฆาตกรรมลูกสาวอายุ 11 เดือนประชดแฟนสาว สาเหตุคาดว่ามาจากความหึงหวง หลังจากนั้นก็ฆ่าตัวตายตาม ตัวคลิปมีความยาวประมาณ 4 นาที บันทึกเหตุการณ์สลดใจไว้ทุกอย่าง (ยกเว้นการฆ่าตัวตายของผู้ลงมือ)
ข่าวนี้ส่งแรงกระเพื่อมไปถึง Facebook อีกครั้งหลังจาก Steve Stephens ฆาตกรรมผู้อื่นผ่าน Facebook Live ที่เพิ่งเกิดขึ้นไปไม่นาน ส่งผลให้ Facebook ตกอยู่ในภาวะกดดัน และคำถามเรื่องการจัดการระบบ Facebook Live ของ Facebook ดีพอแล้วหรือไม่ก็ดังขึ้นเรื่อยๆ