ตามที่ SoftBank ได้เข้ามาซื้อหุ้น Uber จากผู้ถือหุ้นเดิมจนกลายเป็นผู้ถือหุ้น 15% ในมูลค่าที่ลดลง 30% ตอนนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าใครบ้างที่เป็นผู้ขายหุ้นให้กับ SoftBank มีรายละเอียดดังนี้

• กองทุน Benchmark ที่เป็นแกนนำกดดันจนอดีตซีอีโอ Travis Kalanick ลาออก ต้องการขายหุ้นออก 25% ของหุ้นที่มีอยู่ แต่เกินกว่าความต้องการของ SoftBank ทำให้ขายได้ 14.5% และได้เงินไปราว 900 ล้านดอลลาร์
• กองทุน Google Ventures ของ Alphabet ซึ่งถือหุ้น Uber อยู่ราว 5% ก็ขายหุ้นออกไป 14.5% ที่ถือครอง ได้เงินไปราว 350 ล้านดอลลาร์
• กองทุน First Round Capital ต้องการขายหุ้นเกือบทั้งหมด แต่ขายได้ราว 40% ได้เงิน 800 ล้านดอลลาร์
• กองทุน Menlo Ventures ขายหุ้นออกไปครึ่งหนึ่ง ได้เงินไป 1 พันล้านดอลลาร์
• อดีตซีอีโอ Travis Kalanick ขายหุ้นที่มีอยู่ 29% ได้เงินไปราว 1,400 ล้านดอลลาร์ เดิมทีเขาประกาศชัดเจนว่าไม่ต้องการขายหุ้น แต่ด้วยเงื่อนไขที่เขาต้องลดบทบาทลง ทำให้ต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นด้วยเพื่อให้สอดคล้องกัน

The Wall Street Journal อ้างว่าได้ข้อมูลหลุดตัวเลขผลประกอบการ Uber ประจำไตรมาสที่ 3/2017 โดยภาพรวมยังคงมีแนวโน้มเดิมคือ รายได้เพิ่ม แต่ก็ขาดทุนเพิ่มขึ้น

• Gross Booking รายได้จากการเดินทางรวม 9,705 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาส 2/2017
• รายได้สุทธิ 2,013 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 21%
• ขาดทุนสุทธิ 1,023 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2017 ที่ขาดทุน 773 ล้านดอลลาร์

ที่มา: Business Insider

Uber ประกาศแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ (COO) คนแรกของบริษัท โดยดึงตัว Barney Harford อดีตซีอีโอของเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลการท่องเที่ยว Orbitz มาดำรงตำแหน่ง

การดึงตัว Harford เป็นสายสัมพันธ์เดิมของ Dara Khosrowshahi ซีอีโอคนปัจจุบันของ Uber ที่เคยเป็นซีอีโอของ Expedia เพราะ Orbitz เป็นบริษัทลูกของ Expedia (Expedia ซื้อกิจการในปี 2015 และ Harford ลงจากตำแหน่งซีอีโอของ Orbitz ในปีเดียวกัน) และก่อนหน้านี้ เขามาช่วยงานเป็นที่ปรึกษาให้ Khosrowshahi มาก่อนแล้วสองเดือน

มีรายงานว่า SoftBank ได้ประสบความสำเร็จในการซื้อหุ้น Uber จากผู้ถือหุ้นเดิมเรียบร้อยแล้ว โดย SoftBank จะถือหุ้นใน Uber 15% และกลุ่มนักลงทุนพาร์ทเนอร์อีก 3% รวมเป็น 18%

ผลจากการเข้ามาถือหุ้นสำเร็จของ SoftBank ทำให้กลุ่มนักลงทุนหลักอย่างกองทุน Benchmark ที่ได้เงินจากการขายหุ้นออกไปส่วนหนึ่งด้วย เตรียมถอนฟ้องอดีตซีอีโอ Travis Kalanick ขณะที่ SoftBank ก็จะส่งคนเข้ามานั่งในบอร์ดบริหาร 2 คน

สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่า Uber เตรียมจะขาย Xchange Leasing ธุรกิจให้เช่ารถยนต์ซึ่งเน้นให้บริการผู้ที่ต้องการขับรถกับ Uber แต่ไม่มีรถ ให้กับเว็บไซต์ตลาดขายรถยนต์ Fair.com โดยยังไม่มีรายงานว่า Fair.com จ่ายให้ Uber เท่าไร

แม้ว่าธุรกิจให้เช่ารถยนต์ของ Uber จะเป็นการช่วยเหลือคนขับให้มาใช้งานแพลตฟอร์มมากขึ้นก็ตาม แต่ Uber ก็ยังคงขาดทุนมาตลอด และการตัดขายกิจการที่ไม่จำเป็นออกไปก็จะช่วยลดผลการขาดทุนของ Uber ให้น้อยลงได้ ซึ่งนอกจากการขายแพลตฟอร์มให้เช่ารถยนต์แล้ว Uber ก็พยายามลดการขาดทุนของบริษัทในช่องทางอื่นด้วย อย่างเช่น การควบกิจการกับเรียรถแท็กซี่ของ Yandex ในรัสเซีย

ศาลยุติธรรม EU หรือ European Court of Justice (ECJ) ออกมาชี้แจงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (20 ธันวาคม) ว่า Uber เป็นบริษัทผู้ให้บริการรถแท็กซี่ ไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยี และต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการขนส่งแห่งชาติของยุโรป

Uber เริ่มให้บริการบน BBM ระบบส่งข้อความของ BlackBerry แล้ว เพื่อเป็นการจับกลุ่มตลาดประเทศเกิดใหม่บางประเทศที่ยังได้รับความนิยมอยู่ แม้ว่า BBM จะไม่ได้เป็นที่นิยมทั่วโลกแล้วก็ตาม โดยประเทศที่ยังคงใช้งาน BBM กันอย่างกว้างขวางคืออินโดนิเซีย ไปจนถึงบางประเทศในเอเชีย, แอฟริกา และตะวันออกกลาง

Uber เปิดให้ผู้ใช้เรียกรถได้ผ่าน BBM ในแอพเลย เพียงกดที่แท็บ Discover ก็จะเห็นเมนู Uber สามารถกดเพื่อใช้เรียกรถได้ทันที โดยตอนนี้ฟีเจอร์ดังกล่าวเริ่มให้บริการบางประเทศแล้ว

คดีระหว่าง Uber และ Waymo ทำให้มีการรื้อค้นเอกสารภายในบริษัทเพื่อหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องและเปิดเผยในศาล ล่าสุดพบจดหมายของ Richard Jacobs ที่ระบุว่า Uber ทำผิดกฎหมายหลายอย่าง

จดหมายเขียนโดยทนายของ Jacobs ระบุว่าเขาพยายามรายงานการทำผิดกฎหมายของทีม ThreatOps แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ

ในจดหมายเขาระบุว่าทีม ThreatOps เจาะเข้าไปยังเครือข่ายของคู่แข่งเพื่อขโมยข้อมูลและดักฟังการสื่อสาร, ปลอมตัวเป็นคนขับรถของแพลตฟอร์มอื่นเพื่อหาฟีเจอร์ของแอปฝั่งคนขับ, ขโมยโค้ดของคู่แข่ง บางทีมงานแอบเข้าไปในงานประชุมที่มีผู้บริหารคู่แข่งเพื่อดักฟังการพูดคุยระหว่างผู้บริหาร

นอกจากนี้จดหมายยังระบุว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกใช้งานโดยผู้บริหารของ Uber โดยตรง

Uber ร่วมมือกับบริษัท HOWA Taxi หรือผู้ให้บริการในนามสหกรณ์แท็กซี่สุวรรณภูมิ เปิดบริการ Uber Taxi เรียกรถแท็กซี่มิเตอร์ผ่านแอพพลิเคชั่น Uber เบื้องต้นเปิดบริการเฉพาะในกรุงเทพฯ เริ่มให้บริการ 19 ธันวาคม 2560

วิธีคิดค่าบริการ Uber Taxi คิดค่าโดยสารตามตัวเลขบนแอพพลิเคชั่น Uber เป็นราคาตามระยะทางที่อิงตัวเลขใกล้เคียงกับระยะทางตามมิเตอร์แท็กซี่รวมกับราคาเรียกรถ ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า หากไม่ได้เรียกเก็บค่าโดยสารตามตัวเลขมิเตอร์แท็กซี่นั้น ผิดกฎหมายหรือไม่?

หลังจาก Uber ออกมายอมรับว่าบริษัทถูกแฮกตั้งแต่ปี 2016 และเลือกที่จะปิดบังลูกค้าพร้อมกับจ่ายเงินค่าไถ่ข้อมูลให้แฮกเกอร์ 100,000 ดอลลาร์ คำถามสำคัญคือการจ่ายเงินขนาดนี้ทำได้อย่างไรโดยยังสามารถลงบัญชีบริษัทได้ ตอนนี้สำนักข่าว Reuters รายงานอ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัว ระบุว่า Uber จ่ายเงินค่าไถ่ผ่านทาง HackerOne แพลตฟอร์มรายงานช่องโหว่ความปลอดภัย

Uber ได้เข้าร่วม International Association of Public Transportation (UITP) ซึ่งเป็นองค์กรสมาคมที่มีผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเหล่าผู้ให้บริการท้องถิ่น รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในพื้นที่ที่ Uber ให้บริการ ต่างจากก่อนหน้านี้ที่ Uber มักทำตัวเป็นปรปักษ์จนเกิดการฟ้องร้องกันมาตลอด ซึ่งการเข้าร่วม UITP เป็นหนึ่งในวิธีการปรับตัวของบริษัทหลังจากที่เจอปัญหารุมเร้ามากมาย

Uber ยังคงเจอกับช่วงการปรับสภาพองค์กรใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพนักงานด้านความปลอดภัยของบริษัท 3 คนได้ลาออกแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพียงไม่นานนักหลังจากที่ประกาศโดนแฮกใหญ่ตั้งแต่ปี 2016 และจ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์ ตามหลังจาก Joe Sullivan หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยที่เพิ่งถูกไล่ออกในตอนนั้น

พนักงานของ Uber ที่ลาออกทั้งหมด 3 คนนี้มีตำแหน่งระดับผู้จัดการ ได้แก่ Pooja Ashok หัวหน้าของพนักงานของ Sullivan, Prithvi Rai วิศวกรอาวุโสด้านความปลอดภัย และ Jeff Jones ซึ่งดูแลด้านความปลอดภัยกายภาพ โดยโฆษกของ Uber กล่าวว่า Ashok และ Jones จะยังคงอยู่ในตำแหน่งจนกว่าจะถึงเดือนมกราคมเพื่อส่งต่องานให้คนอื่น

ปี 2017 เป็นปีที่หนักหนาของ Uber กับเรื่องข่าวฉาว อาจเป็นอีกปัจจัยให้คู่แข่งมีโอกาสทำรายได้มากขึ้น The Information เว็บไซต์ข่าวการเงินรายงานว่า Lyft ทำรายได้ในครึ่งปีแรกของปี 2017 จำนวน 483 ล้านดอลลาร์ โตขึ้นเกือบสามเท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ทำรายได้ 150 ล้านดอลลาร์

Lyft ยังลดช่องว่างการขาดทุนลงได้ โดยลดจาก 283 ล้านดอลลาร์ เหลือ 206 ล้านดอลลาร์ ในทางกลับกัน Uber สูญเสียรายได้มากขึ้นเป็น 1.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสล่าสุดซึ่งเป็นความสูญเสียเพิ่มขึ้นจาก 1.06 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสก่อนหน้านี้

ปัญหาเรื่องความปลอดภัยและการสอดแนมนั้นยังคงรุมเร้า Uber อยู่เรื่อย ๆ ล่าสุด Tony West หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของ Uber ซึ่งเพิ่งจะได้รับตำแหน่งได้ส่งจดหมายถึงทีมความปลอดภัยภายในบริษัท เพื่อสั่งให้หยุดโครงการสอดแนมคู่แข่งทั้งหมด รวมถึงการสอดแนมบุคคลธรรมดาด้วย

West กล่าวว่า สิ่งที่พนักงาน Uber ปฏิบัติมาตั้งแต่อดีตถือว่าเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ และไม่สามารถทนเห็นต่อไปได้ในขณะที่บริษัท Uber กำลังก้าวไปข้างหน้า และ West เข้าใจว่าพฤติกรรมเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วที่ Uber แม้ว่าจะมีสิ่งเหล่านี้หลงเหลือจากอดีตบ้าง

Uber ได้ร่วมมือกับบริษัท MoMo ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงินจากเวียดนาม เพื่อให้ผู้ใช้ในประเทศสามารถจ่ายเงินให้กับ Uber ได้ด้วยกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของ MoMo ถือเป็นพาร์ทเนอร์ด้านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์แห่งแรกของ Uber ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับบริษัท MoMo นี้ เมื่อปีที่แล้วเพิ่งจะรับเงินลงทุนจาก Goldman Sachs และ Standard Chartered รวมแล้วเป็นเงินจำนวนกว่า 28 ล้านบาท เพื่อเป็นการบุกตลาดกลุ่มคนวัยหนุ่มสาวของประเทศเวียดนาม โดยปัจจุบัน MoMo มีผู้ใช้แอพจำนวน 5 ล้านคนที่ใช้งานแอพกระเป๋าเงินเพื่อจ่ายบิล, ตั๋วเครื่องบิน และบริการอื่น ๆ

Uber รายงานตัวเลขผลประกอบการของไตรมาสที่ 3/2017 ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อมูลที่นำเสนอให้กับนักลงทุนเพื่อประกอบการตัดสินใจขายหุ้นให้กับ SoftBank โดยมีรายได้รวม 2.01 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 21% จากยอดรวมการจอง 9.71 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11% อย่างไรก็ตามแม้รายได้จะดีขึ้นตลอด แต่สุทธิแล้วก็ยังขาดทุนเพิ่มมากขึ้นเป็น 1.46 พันล้านดอลลาร์

ช่วงไตรมาสที่ 3 นั้นเป็นช่วงที่ Uber ค่อนข้างมีปัญหามาก เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการสรรหาซีอีโอ ส่วนซีอีโอคนใหม่ก็เพิ่งมาเริ่มงานในเดือนกันยายน และปัจจุบันบริษัทยังไม่มีผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ)

Uber และ Yandex เคยตกลงกันไว้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่าจะรวมบริการร่วมเดินทางที่ปัจจุบันให้บริการอยู่ในรัสเซีย และประเทศต่าง ๆ โดยรอบ ได้แก่ อาร์เมเนีย, อาเซอร์ไบจาน, เบลารุส, จอร์เจีย และคาซัคสถาน มาอยู่ภายใต้บริษัทเดียวกัน ล่าสุดการดำเนินการนี้ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานป้องกันการผูกขาดของรัสเซีย Federal Antimonopoly Service แล้ว

Uber ได้จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ Mahindra ผู้ผลิตรถยนต์ท้องถิ่น เพื่อทำการทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าบนแพลตฟอร์มของ Uber ในประเทศอินเดีย โดยจะเริ่มปล่อยรถยนต์ลงทดสอบจริงนับร้อยคันในเดือนมีนาคมปีหน้าในเมือง Delhi และ Hyderabad ซึ่งในอนาคตอาจมีการพิจารณาการขยายการทดสอบต่อไป

ภายใต้ดีลนี้ Uber จะเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้กับผู้ขับรถบนแพลตฟอร์ม ส่วน Mahindra จะจัดหาประกันและบริการหลังการขายให้ และสองบริษัทนี้จะยังทำงานร่วมกับบริษัทอื่น ๆ เพื่อจัดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ใน Hyderabad อีกด้วย

หลังการออกมายอมรับของ Uber กรณีโดนแฮกข้อมูลในสหรัฐ หลังปิดข่าวมานับปี ซึ่งในสหรัฐ นอกจากอัยการรัฐนิวยอร์คที่เข้ามาสอบสวนเรื่องนี้ ยังมีอัยการจากรัฐอิลลินอยส์, รัฐคอนเนตทิคัตและรัฐแมสซาชูเซตส์ ไปจนถึง FTC ด้วย

ส่วนนอกประเทศ ตอนนี้มีสหราชอาณาจักร, ออสเตรเลียและฟิลิปปินส์ที่เริ่มสอบสวนเรื่องนี้ ด้วยว่า Uber อาจละเมิดกฎความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (Data Privacy) ในแง่ที่ไม่ยอมแจ้งหน่วยงานรัฐและลูกค้า หลังรู้ว่ามีข้อมูลรั่วไหล โดยในฟิลิปปินส์ เจ้าหน้าที่ Uber ถูกภาครัฐเรียกตัวไปให้ข้อมูลเพิ่มเติม ขณะที่รองอธิบดีกรมการสื่อสารของอังกฤษออกมาบอกว่า Uber อาจถูกปรับจากเหตุการณ์ครั้งนี้

รัฐโคโลราโดสั่งปรับ Uber เป็นเงิน 8.9 ล้านดอลลาร์ โดยให้เหตุผลว่า Uber ได้ปล่อยให้คนขับรถ 57 คนไปขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ หรือเคยมีประวัติการกระทำผิดกฎหมาย

Colorado Public Utilities Commission กล่าวว่า จากผลการสอบสวนการฝ่าฝืน พบว่าผู้ขับรถของ Uber บางคนเคยมีความผิดทางอาญา, มีความผิดเกี่ยวกับการขับรถ และถูกเพิกถอนใบขับขี่ เป็นการแสดงว่าการตรวจสอบประวัติเบื้องหลังผู้ขับรถของ Uber บกพร่อง ซึ่งผู้ขับรถเหล่านี้ควรจะถูกตัดสิทธิตามกฎหมาย แต่ Uber กลับให้คนเหล่านี้ขับรถ การกระทำลักษณะดังกล่าวส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้โดยสารได้

ข่าวร้ายของ Uber ยังเกิดอย่างต่อเนื่อง โดยซีอีโอใหม่ Dara Khosrowshahi ออกมาประกาศว่าข้อมูลของบริษัทที่ฝากไว้กับ AWS โดนแฮ็ก 2 ครั้งในเดือนตุลาคม 2016 และแฮ็กเกอร์เข้าถึงข้อมูลของลูกค้า

ข้อมูลเหล่านี้ประกอบด้วยประวัติคนขับรถ 7 ล้านคน และข้อมูลของลูกค้า 57 ล้านคน ประกอบด้วยชื่อ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ แต่ไม่มีหลักฐานว่าข้อมูลการเดินทาง บัตรเครดิต วันเกิด ถูกเข้าถึงและนำออกไปด้วย

Uber ยอมจ่ายเงิน 1 แสนดอลลาร์ให้แฮ็กเกอร์ แลกกับการลบข้อมูลเหล่านี้ และบริษัท "เชื่อว่า" ข้อมูลเหล่านี้ไม่ถูกนำไปใช้งานต่ออีก

Dara Khosrowshahi ซีอีโอ Uber ออกแถลงการณ์วันนี้ ระบุว่าบริษัทได้ตรวจสอบและพบว่าเมื่อปลายปี 2016 ได้มีผู้แฮกเข้ามาในฐานข้อมูลที่อยู่บนคลาวด์ของผู้ให้บริการภายนอก และนำข้อมูลบางส่วนออกไปได้ ประกอบด้วย ข้อมูลผู้ขับรถ และทะเบียนรถยนต์ ราว 6 แสนคน เฉพาะในอเมริกา นอกจากนี้ยังมีข้อมูลส่วนตัวผู้โดยสารและผู้ขับรถรวม 57 ล้านบัญชี ได้แก่ ชื่อ อีเมล และเบอร์โทรศัพท์ โดยไม่มีข้อมูลรหัสผ่านหรือเลขประกันสังคมหลุดออกไป

เป็นที่รู้กันว่า SoftBank ได้ลงทุนในบริษัทเรียกรถมากมาย Ola, Grab, 99, DiDi Chuxing และล่าสุด Uber ซึ่งยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจ

ล่าสุดสำนักข่าว Reuters รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับ Grab ว่า SoftBank อาจจะรวมบริษัทเรียกรถที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นบริษัทเดียว (ทั้ง Uber และ Grab) ซึ่งดีลการควบบริษัทอาจจะคล้าย ๆ กับที่ Uber ควบกิจการกับ DiDi Chuxing ในจีนก็ได้

Uber เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ให้ผู้ใช้เรียกรถให้อีกบุคคลหนึ่งที่ไม่มีแอพหรือบัญชี Uber ได้ โดยผู้ใช้เรียกรถโดยใส่ชื่่อบุคคลที่รถต้องไปรับ สถานที่ที่เขาอยู่ จุดหมายปลายทาง และเบอร์โทรศัพท์ของคนที่จะให้รถไปรับ ระบบจะส่งข้อความ SMS ไปยังโทรศัพท์ของผู้โดยสาร ระบุข้อมูลรถ ทะเบียน และเบอร์โทรติดต่อคนขับ

นอกจากนี้ Uber ยังเพิ่ม live location ให้คนขับหาผู้โดยสารเจอง่ายขึ้นในกรณีที่ต้องไปรับในสถานที่คนเยอะเช่น สนามบิน ตามงานอีเวนท์ เมื่อผู้โดยสารเปิดโหมด live location จะเห็นไอคอนสีน้ำเงินแทนตำแหน่งผู้โดยสารในตำแหน่งที่แน่นอนกว่าแผนที่แบบปกติ เช่นผู้โดยสารอาจจะเดินไปเดินมา เดินวนอยู่ตรงหัวมุม เป็นต้น

Uber ได้สั่งซื้อรถยนต์จาก Volvo รุ่น XC90 ที่ราคา 46,900 ดอลลาร์ต่อคัน เป็นจำนวนกว่า 24,000 คัน เพื่อนำมาใช้กับโครงการรถยนต์ไร้คนขับ

รถยนต์ที่ Uber สั่งซื้อมานี้ จะทยอยส่งมอบตั้งแต่ปี 2019 จนถึง 2021 ซึ่ง Uber จะเพิ่มเซนเซอร์และซอฟต์แวร์เข้าไปในตัวรถเพื่อให้ใช้งานการขับเคลื่อนอัตโนมัติได้ โดยก่อนหน้านี้ทาง Uber ได้เริ่มทดสอบด้วย XC90 จำนวน 100 คันใน Pittsburgh ไปแล้ว