วันนี้ซัมซุงประกาศปล่อยอัพเดตให้ผู้ใช้ Galaxy S8 และ S8+ ทั่วโลกกว่า 200 ประเทศได้ใช้งาน Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะแล้ว ตามหลังสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ที่เปิดให้ใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยภาษาที่รองรับตอนนี้ยังคงมีเพียงอังกฤษ (U.S.) และเกาหลีใต้เช่นเดิม

ผู้ใช้ Galaxy S8 และ S8+ สามารถเรียกใช้งาน Bixby ได้จากปุ่มด้านข้างของเครื่อง หรือใช้ Wake-up word อย่าง 'Hi, Bixby' ก็ได้ โดยภาษาและความสามารถจะมีการอัพเดตเพิ่มเติมต่อไป และอนาคตผู้ช่วยอัจฉริยะตัวนี้จะไปอยู่ในเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ของซัมซุงด้วย

ที่มา - Samsung Newsroom

หลังปล่อยให้ใช้แค่ใน 2 ประเทศคือเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกามาสักระยะ ล่าสุดเว็บไซต์ SamMobile ระบุว่าเจอโฆษณาทีเซอร์บนเฟซบุ๊กที่ระบุถึง Bixby พร้อมวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งก็คาดว่าน่าจะเป็นวันที่ซัมซุงปล่อย Bixby ให้ใช้งานทั่วโลก

นอกจากนี้ SamMobile ระบุด้วยว่าพบการอัพเดตคอร์ของแอป Bixby บน Galaxy S8/S8+ ที่ซัมซุงปล่อยออกมาทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งก็ทำให้พอจะเดาได้ว่าพรุ่งนี้ หากปล่อยจริง น่าจะเป็นแค่การเปิดการใช้งานฝั่งเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น ประกอบกับวันที่ 23 เป็นวันเปิดตัว Note 8 ก็ยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ที่ซัมซุงจะปล่อย Bixby ก่อนเปิดตัวเรือธงในครึ่งปีหลังตัวใหม่

ใกล้เวลาเปิดตัว Galaxy Note 8 ในวันที่ 23 สิงหาคมเข้ามาทุกที ล่าสุด ซัมซุงเกาหลีก็โพสต์วิดีโอทีเซอร์ ยืนยันข้อมูลเป็นครั้งแรกว่า Note 8 จะใช้ "กล้องคู่" แน่นอน (แม้ว่าชาวโลกจะรู้กันหมดแล้วจากภาพหลุดจำนวนมาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ซัมซุงพูดเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ)

ส่วนวิดีโออีกตัวหนึ่งในซีรีส์เดียวกันเป็นการย้ำถึงฟีเจอร์ปากกา S Note โดยที่ไม่เผยข้อมูลอะไรใหม่

ประเด็นหลักที่ยังรอแถลงในวันที่ 23 คงเหลือแค่ราคาและวันวางจำหน่ายครับ

Samsung ได้อัพเดตสมาร์ททีวีรุ่นปี 2017 โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์ Shazam ที่สามารถระบุเพลงที่ได้ยินจากรายการทีวีหรือภาพยนตร์เพียงกดปุ่มเท่านั้น

วิธีใช้งาน Shazam คือเมื่อผู้ใช้เจอเพลงที่ต้องการสามารถใช้รีโมทเพื่อกดปุ่ม Select to Shazam ได้ หรือหากใช้รีโมท Samsung One ก็สามารถใช้คำสั่งเสียงสั่ง Shazam ได้เช่นกัน จากนั้นข้อมูลเพลงก็จะขึ้นมาพร้อมกับเนื้อเพลงและข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับศิลปิน และสามารถเชื่อมต่อกับบริการสตรีมมิ่งอื่น ๆ เช่น Spotify, Deezer, Napster ได้ด้วยเช่นกัน

ตอนนี้ Shazam บนสมาร์ททีวี Samsung สามารถใช้งานได้แล้วทั้งในสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และเกาหลี

ซัมซุงเปิดตัว U Flex Headphones หูฟังบลูทูธที่มาพร้อมที่คล้องคอรุ่นใหม่ โดยที่คล้องมีจุดเด่นที่ความยืดหยุ่น สามารถบิดหรืองอได้สูงสุด 100 องศา พร้อมปุ่มปรับลดเสียง เล่นหรือหยุด และปุ่มฟีเจอร์สำหรับสั่งงานฟังก์ชันตามที่ตั้งค่า เช่น Bixy, S Voice หรือ S Health

หูฟังเป็น two-way speaker พร้อมระบบสั่นแจ้งเตือนการโทรเข้า และเทคโนโลยี Nano coating ป้องกันน้ำสาด รองรับการเล่นเพลงต่อเนื่อง 10 ชม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง มี 3 สีคือสีดำ สีน้ำเงินและสีขาว (Ivory) ยังไม่ระบุราคา

ที่มา - Samsung

Samsung ได้เปิดตัวมือถือฝาพับรุ่นท็อปใหม่ในชื่อ Leader 8 สำหรับวางขายในประเทศจีนเท่านั้น

สเปคของตัวเครื่องคร่าว ๆ คือจะเป็นมือถือฝาพับที่มีจอ 4.2 นิ้ว Full HD สองจอ ด้านนอกและด้านใน, ใช้ชิพ Qualcomm Snapdragon 821, แบตเตอรี่ 2,300mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จไร้สาย, แรม 4GB, พื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง 64GB พร้อมใส่ microSD ได้, กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล, รองรับการใช้งาน Samsung Pay และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง (อยู่ใต้กล้อง)

สำหรับโทรศัพท์เครื่องนี้ ยังไม่ทราบราคาขาย และระบบปฏิบัติการที่ใช้งาน

ที่มา - The Verge

หลังปล่อยภาพเรนเดอร์ไปแล้ว ล่าสุด Evleaks เจ้าเก่าได้ปล่อยสเปคของ Galaxy Note 8 ตามมาแล้ว

Note 8 ใช้หน้าจอ SuperAMOLED ขนาด 6.3 นิ้ว ใกล้เคียงกับ S8+ ที่ 6.2 นิ้ว หน้าจอความละเอียด 1440x2960 สัดส่วน 18.5 ต่อ 9 ชิปเซ็ตใช้ Snapdragon 835 และ Exynos 8895 ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม FinFET 10nm ทั้งคู่ แรมให้มาสูงถึง 6GB ความจุ 64GB รองรับ microSD

อีกไม่นานจะถึงงานเปิดตัว Galaxy Note 8 ในวันที่ 23 สิงหาคม มือปล่อยภาพหลุดคนดัง @evleaks ก็โพสต์ภาพเรนเดอร์ของ Galaxy Note 8 มาให้ดูกันแล้ว

ภาพของ @evleaks ระบุว่าเป็น Galaxy Note 8 สีดำ Midnight Black ซึ่งหน้าตาของมันก็เหมือนที่หลายคนคาดว่าคล้ายกับ Galaxy S8 ที่ใช้จอภาพ Infinity Display เกือบเต็มพื้นที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง เพียงแต่มุมของเครื่องดูจะเหลี่ยมกว่า Galaxy S8 อยู่สักหน่อย

ตอนนี้เรายังไม่เห็นภาพหลุดด้านหลังของตัวเครื่อง แต่ภาพที่เคยออกมาก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นว่า Note 8 ใช้กล้องคู่ด้านหลัง ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญจาก S8 นั่นเอง

ที่ผ่านมาเราทราบกันว่าแอปเปิลเป็นบริษัทที่มีกำไรสูง แต่สถิตินี้อาจเปลี่ยนมือหลังการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2/2017 เมื่อซัมซุงรายงานตัวเลขกำไรจากการดำเนินงานสูงถึง 14 ล้านล้านวอน หรือคิดเป็น 12,180 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากวัดจากอดีตไตรมาสนี้ซัมซุงอาจมีกำไรมากกว่าแอปเปิลเป็นครั้งแรก

แอปเปิลยังไม่ได้รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ผ่านมา แต่นักวิเคราะห์ประเมินตัวเลขกำไรเฉลี่ยอยู่ที่ 10,600 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากออกมาใกล้เคียงจริง จะทำให้เป็นครั้งแรกที่แอปเปิลเสียสถิตินี้ อย่างไรก็ตามกำไรของซัมซุงส่วนใหญ่ตอนนี้มาจากธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ ต่างจากแอปเปิลที่กำไรหลักมาจาก iPhone

ซัมซุงรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2017 มีรายได้รวม 61 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงานเป็นสถิติสูงสุดใหม่ 14.07 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 5.92% และสูงกว่าที่บริษัทเคยให้ตัวเลขก่อนหน้านี้ ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.05 ล้านล้านวอน

กำไรหลักของซัมซุงตอนนี้ยังคงมาจากธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าชิปหน่วยความจำ ทั้ง DRAM และ SSD เนื่องจากความต้องการในตลาดที่สูง แต่สินค้าผลิตได้ไม่เพียงพอความต้องการ โดยซัมซุงยังมองแนวโน้มครึ่งปีหลังว่าไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากตลาดเซิร์ฟเวอร์ โดยเฉพาะกลุ่มคลาวด์ยังคงขยายตัว รวมทั้งคำสั่งซื้อสำหรับใช้ในสมาร์ทโฟนยังคงเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับกำไรจากกลุ่มชิ้นส่วนหน้าจอที่เพิ่มสูงขึ้นมาก โดยซัมซุงบอกว่าครึ่งปีหลังมีคำสั่งซื้อ OLED ที่สูง

หลังจากมีข่าวลือว่าซัมซุงกำลังซุ่มพัฒนาลำโพงอัจฉริยะโค้ดเนม Vega และขับเคลื่อนด้วย Bixby ล่าสุดเว็บไซต์ The Investor รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวไม่เปิดเผยระบุว่า ซัมซุงมองว่าลำโพงอัจฉริยะไม่น่าขายได้ เพราะมี Amazon ครองตลอดอยู่ ขณะที่ตลาดเกาหลีใต้ก็เล็กเกินจะทำกำไร

แหล่งข่าวยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่า ซัมซุงไม่พร้อมที่จะลงเล่นในตลาดที่ไม่แน่นอน รวมถึงไม่มีทรัพยากรบุคคลที่เชี่ยวชาญ AI มากเทียบเท่ากับบริษัทฝั่งสหรัฐ ประกอบกับตอนนี้กำลังโฟกัสอยู่ที่การพัฒนา Bixby เวอร์ชันภาษาอังกฤษเป็นหลัก

ใครจะคิดว่าสองไอทียักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้อย่างซัมซุงและ LG ที่ทำธุรกิจแข่งกันแทบจะในทุกด้านจะเซ็นสัญญาตกลงเป็นคู่ค้ากันขึ้น จากการที่ LG ในฐานะเบอร์ 1 ผู้ผลิตแพแนล LCD ขนาดใหญ่ตกลงจะเป็นซัพพลายเออร์ผลิตแพแนลหน้าจอ LCD ให้กับทางซัมซุงที่เป็นเบอร์ 2

Nikkei ระบุว่า LG จะผลิตและส่งมอบแพแนลหน้าจอ LCD ขนาด 40 นิ้วขึ้นไปให้กับทางซัมซุงไม่ต่ำกว่า 700,000 แพแนลภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ทางซัมซุงก็มีแผนจะสั่งเพิ่มเติมในปีหน้าด้วย ขณะที่การเซ็นสัญญาครั้งนี้เกิดจากซัพพลายเออร์แพแนล LCD เดิมของซัมซุงอย่าง Sakai Display Products ของ Sharp และ Foxconn ในญี่ปุ่น ระงับการส่งมอบแพแนล LCD ให้กับซัมซุงเมื่อปลายปีที่แล้ว

ซัมซุงส่งบัตรเชิญร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว Galaxy Note 8 ที่นิวยอร์ก ในวันที่ 23 สิงหาคมนี้

ในบัตรเชิญของซัมซุงเป็นภาพหน้าจอที่มีแค่ขอบบน-ล่าง แบบเดียวกับ Galaxy S8 แต่มีปากกาเพิ่มเข้ามา พร้อมสโลแกนว่า "Do Bigger Things"

ก่อนหน้านี้ DJ Koh หัวหน้าฝ่ายมือถือของซัมซุง เคยมาพูดที่เมืองไทยว่า Note 8 จะวางขายในเดือนกันยายน

หลังจากล่าช้ามานาน ในที่สุดซัมซุงก็ประกาศเปิดใช้ฟีเจอร์สั่งงานด้วยเสียงของ Bixby สำหรับลูกค้า Galaxy S8/S8+ ในสหรัฐอเมริกาแล้ว

ที่ผ่านมา Bixby เปิดให้ใช้งานเฉพาะฟีเจอร์ที่ไม่ต้องใช้เสียง (เช่น ถ่ายภาพแล้วบอกได้ว่าที่ไหน) ส่วนฟีเจอร์เสียงพูดโต้ตอบมีเฉพาะภาษาเกาหลีเท่านั้นในช่วงแรก โดยซัมซุงอธิบายว่า Bixby ภาษาอังกฤษพัฒนาล่าช้า เพราะข้อมูล Big Data เยอะไม่พอ

การเรียกใช้ Bixby สามารถทำได้ทั้งการกดปุ่มด้านข้างเครื่อง หรือพูดคำว่า "Hi Bixby"

ซัมซุงประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับ PayPal ในการเพิ่มทางเลือกสำหรับการชำระเงินบน Samsung Pay ผ่านแอคเคาท์ PayPal นอกเหนือจากบัตรเครดิตในปัจจุบัน ซึ่งรองรับแล้วทั้งการจ่ายเงินบนแอพ, ร้านค้าและแบบออนไลน์ที่รองรับ Samsung Pay

ในทางกลับกันผู้ขายสินค้าที่ใช้บริการรับเงินผ่าน Braintree บริษัทลูกของ PayPal ก็สามารถเลือกให้ลูกค้าจ่ายผ่าน Samsung Pay ได้เช่นกัน โดยความร่วมมือนี้จะเริ่มให้บริการในสหรัฐก่อน แล้วจึงขยายไปยังประเทศอื่นต่อไป

ที่มา - Samsung Press

Samsung เปิดประตูเทคโนโลยีบานใหม่อีกครั้ง ด้วยการนำเสนอจอ LED ใช้ในโรงภาพยนตร์ที่ทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่งโปรเจคเตอร์ แต่ใช้การเปล่งแสงจากหลอดอิเล็กตรอนแทนการยิงภาพโปรเจคเตอร์ ถือเป็นครั้งแรกของโลกก็ว่าได้

เมื่อไม่กี่วันก่อน มีการเปิดตัวการใช้งานจอที่ว่าที่โรงหนัง Lotte Cinema World Tower เกาหลีใต้ ตัวจอรองรับความละเอียด 4K ใช้พลังเสียงจากบริษัท Harman ผู้ผลิตลำโพงชั้นนำของโลก ความกว้างหน้าจอ 10.3 เมตร ทางบริษัทระบุว่าจอ LED นี้จะให้ภาพคอนทราสต์ดีกว่าจอปกติ และให้สีสันสดใสกว่าถึงสิบเท่าด้วย

มือถือใหม่ที่น่าสนใจในช่วงนี้คือ Samsung Galaxy Note FE (Fan Edition) ที่ซัมซุงทำมาเอาใจกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่อยากให้ทำลายชิ้นส่วนของ Note 7 ทั้งหมด โดยปัจจุบันยังมีขายในเกาหลีใต้เพียงประเทศเดียว

เว็บไซต์ iFixit มีโอกาสแกะเครื่อง Galaxy Note FE โดยประเด็นที่ทุกคนสนใจคงหนีไม่พ้นเรื่องแบตเตอรี่ ผลคือ iFixit พบว่า Note FE ใช้แบตเตอรี่ล็อตใหม่ที่ผลิตในเดือนมิถุนายน 2017 แทน และลดความจุจาก 13.48 Wh เหลือ 12.32 Wh, น้ำหนักแบตเตอรี่ลดลง 2.3 กรัมและขนาดลดลงเล็กน้อย

วันนี้ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมการพบปะสื่อในประเทศไทยของ DJ Koh ซีอีโอฝั่งธุรกิจโทรคมนาคมของซัมซุง ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดเผยช่วงหนึ่งว่า Galaxy Note 7 FE ไม่ใช่เรื่อง Refurbished หรือการนำเครื่องเก่ามาทำใหม่ แต่เป็นเครื่องใหม่วัสดุใหม่ทั้งหมด ซึ่งวัสดุส่วนหนึ่งที่นำมาทำเป็นวัสดุรีไซเคิล

ด้วยสาเหตุที่เป็นเครื่องใหม่ทั้งหมด ทำให้จำนวนของ Galaxy Note 7 FE มีจำกัดมากๆ และวางจำหน่ายเพียงในเกาหลีใต้เท่านั้น ส่วนประเทศอื่นๆ ก็อาจจะวางขายเพิ่มอีก 2-3 ประเทศ แต่ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาและดูองค์ประกอบต่างๆ

คุณ DJ Koh ย้ำด้วยว่าการทำ Galaxy Note 7 FE ออกมาไม่ได้ต้องการทำกำไร แต่เพื่อแฟนๆ Note เสียมากกว่า ส่วนการรีไซเคิลก็เพื่อตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก

ซัมซุงออกรายงานผลประกอบการเบื้องต้นของไตรมาสที่ 2 ปี 2017 โดยคาดมีกำไรจากการดำเนินงาน 12 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นถึง 72% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่วนรายได้อยู่ที่ 60 ล้านล้านวอน

ในรายงานนี้เป็นตัวเลขเบื้องต้นจึงยังไม่ได้ลงรายละเอียด ว่าธุรกิจใดที่ทำเงินเป็นหลักให้ซัมซุง แต่นักวิเคราะห์ยังคงมองว่าธุรกิจผลิตชิ้นส่วนหน่วยความจำ ตลอดจนหน้าจอ OLED ที่มีความต้องการสูงมากในขณะนี้ จะเป็นตัวทำเงินและสร้างกำไรได้หลักให้กับซัมซุง

รายงานฉบับเต็มของซัมซุงจะออกมาช่วงปลายเดือนกรกฎาคม

ในงาน MWC 2017 ที่เซี่ยงไฮ้สัปดาห์ที่แล้ว ซัมซุงเปิดตัว ISOCELL ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเซ็นเซอร์กล้องในฐานะแบรนด์เซ็นเซอร์กล้องอย่างเป็นทางการ พร้อมแบรนด์ย่อยอีก 4 แบรนด์ตามเทคโนโลยีดังนี้

• ISOCELL Bright เซ็นเซอร์ที่เน้นเรื่องการแสดงผลภาพที่คมชัด สว่าง ค่าสีถูกต้องและ noise ต่ำ
• ISOCELL Fast เซ็นเซอร์ที่จับโฟกัส (ออโต้โฟกัส) ได้เร็ว แม้วัตถุจะเคลื่อนที่เร็วในพื้นที่แสงสว่างน้อยก็ตาม
• ISOCELL Slim เซ็นเซอร์ที่มีขนาดพิกเซลเล็กสำหรับอุปกรณ์เล็ก แต่ยังให้ภาพคุณภาพสูง
• ISOCELL Dual เซ็นเซฮร์ที่รองรับการปรับแต่งเลนส์กล้องได้สองกล้อง พร้อมฟีเจอร์ Depth Sensing ในการทำหน้าชัดหลังเบลอและถ่ายภาพในที่แสดงน้อย

ถึงแม้การพัฒนา Bixby เวอร์ชันภาษาอังกฤษจะล่าช้าเพราะข้อมูลในการเทรนด์ไม่เพียงพอ แต่ถึงกระนั้นแผนการขยายแพลตฟอร์มของ Bixby ไปยังอุปกรณ์อื่นก็ยังคงเดินหน้าต่อ ด้วยข่าวลือจาก WSJ ที่อ้างแหล่งข่าววงในว่าซัมซุงกำลังพัฒนาลำโพงอัจฉริยะของตัวเองอยู่

ลำโพงอัจฉริยะมีโค้ดเนมเป็นการภายในว่า Vega โดยโปรเจ็คนี้เริ่มมาเป็นปีแล้ว แต่ทว่าทั้งฟีเจอร์และสเปคของลำโพงยังคงไม่ได้ข้อสรุป ทำให้ยังไม่สามารถระบุกรอบเวลาของการเปิดตัวได้

หนังสือพิมพ์ Korea Herald ของเกาหลีใต้ อธิบายปัญหาความล่าช้าของ Samsung Bixby ภาคเสียงภาษาอังกฤษ (ภาษาเกาหลีเปิดบริการไปแล้ว) ว่าเกิดจากซัมซุงมีข้อมูล big data ภาษาอังกฤษไม่เยอะพอ ส่งผลให้ AI ของ Bixby เรียนรู้ไม่ได้ตามที่ต้องการ

ซัมซุงเคยประกาศไว้ว่า Bixby ภาคเสียงภาษาอังกฤษจะเปิดบริการในเดือนพฤษภาคม ตามด้วยเสียงจีนในเดือนมิถุนายน แต่มาถึงตอนนี้ก็ยังไม่เปิดตามที่ประกาศไว้ ตรงนี้โฆษกของซัมซุงยอมรับเองว่าพัฒนา Bixby ในภาษาอื่นล่าช้ากว่าแผน เพราะข้อมูลไม่เยอะพอ

Korea Herald ยังอ้างแหล่งข่าววงในว่า การสื่อสารและประสานงานระหว่างทีมของซัมซุงในเกาหลีใต้กับในสหรัฐ ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Bixby ภาษาอังกฤษล่าช้า

หลังการเข้าควบคุมกิจการ Harman ของซัมซุงเสร็จสมบูรณ์ไปเมื่อต้นปี โดยระบุแต่เพียงว่าการบริหารงานยังคงเป็นอิสระต่อกัน แต่ร่วมมือกันในหลายๆ ด้านมากขึ้น

ล่าสุดซัมซุงออกมาเปิดเผยแผนการเบื้องต้นหลังการควบรวมแล้วว่า จะพัฒนาโซลูชันสำหรับหลายอุตสาหกรรมอย่างคมนาคม, ค้าปลีก, โรงแรมและบริการ, และการศึกษา โดยใช้เทคโนโลยีจากทั้งซัมซุงและ Harman ร่วมกัน

ฝันร้ายเรื่องการระเบิดของโทรศัพท์ Samsung Galaxy Note 7 ผ่านพ้นไปแล้ว และโทรศัพท์รุ่นใหม่อย่าง Galaxy S8 ก็กำลังประสบความสำเร็จ ล่าสุดซัมซุงทำโทรศัพท์รุ่นจำนวนจำกัดออกมา เป็นเหมือนภาคต่อของ Galaxy Note 7 ตัวเครื่องผลิตด้วยชิ้นส่วนจาก Galaxy Note 7 มีแบตเตอรี่ขนาดเล็กกว่า

โทรศัพท์รุ่นใหม่ใช้ชื่อว่า Galaxy Note Fan Edition ใช้แบตเตอรี่ 3,200 มิลลิแอมป์ วางขายในเกาหลีใต้วันที่ 7 กรกฎาคม ทำออกมา 4 แสนเครื่อง ราคาถูกกว่า Galaxy Note 7 ประมาณ 30%

อย่างไรก็ตาม ซัมซุงโดนกดดันโดยนักสิ่งแวดล้อมว่าควรจะรีไซเคิลหรือใช้ชิ้นส่วนจาก Galaxy Note 7 ที่เรียกคืนมา เพื่อลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์